veritas lux mea = Truth enlightens me
Group Blog
 
All blogs
 

วาบความคิด

ใช้ชื่อหัวข้อเหมือนชื่อคอลัมน์หนึ่งในมติชนสุดสัปดาห์ ผมว่าชื่อนี้มันถูกต้องดีนะ เวลาดูหนัง ฟังเพลงอ่านหนังสือ ไปมากๆ มันจะมีไอเดียใหม่งอกออกมา มาแล้วมันก็ไป เป็นแค่คาบเวลาหนึ่ง คำว่าวาบจึงเหมาะสมมาก ส่วนความคิดที่ได้ออกมาก็มักจะเป็น social progress หรืออะไรประมาณนี้ ผมเคยถามตัวเองครั้งหนึ่งว่า ให้เลือกระหว่างชีวิตที่เป็นอมตะกับชีวิตที่มีความตายเหมือนปกติทั่วไปจะเลือกอะไร เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก ผมคิดว่า โลกนี้ถึงแม้มันจะไม่ใช่โลกในอุดมคติที่ผมต้องการก็เถอะ (อุดมคติของผมคือผู้คนมีความฉลาด แข็งแรง หน้าตาดี มีทรัพย์ มีเทคโนโลยีชั้นสูง มีปัญญาชนมากมาย ) แต่อย่างน้อยมันก็มีหนังสือ เพลง หนัง และผู้คนที่เราสามารถไปรู้จักได้มากมายมหาศาล ความจริงโลกในปัจจุบันก็เป็นสวรรค์ของผมแล้วแหละแค่หนังสือที่มากมายเพียงอย่างเดียวไม่นับสิ่งอื่นๆ ทั้งชีวิตนี้ผมก็อ่านได้ไม่หมดแล้ว ผมแบ่งสิ่งต่างๆในโลกนี้เป็นสองอย่างคืออย่างอย่างแรกคือสิ่งผลิตซ้ำได้พวก mass product เช่น หนังสือ เพลง ข้อมูลในอินเตอร์เนท หนัง เป็นต้น สิ่งพวกนี้ถ้าเราไม่ไปเสพย์มันวันนี้พรุ่งนี้เราก็ยังไปเสพย์มันได้ ส่วนอีกอย่างก็คือ คน อารมณ์ กิจกรรมต่างๆ เหล่่านี้นั้นถ้ามันไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปอีกได้ ซึงต้องระมัดระวังให้ดี ความจริงแล้วทั้งชีวิตของเรานี่แหละที่ต้องระวัง เพราะคนมีปัญญา ย่อมเห็นชีวิตเป็นสิ่งมีค่า การใช้เวลาก็คือการใช้ชีวิต ดังนั้นคนมีปัญญาจึงใช้เวลาอย่างระมัดระวัง ทุกสิ่งที่กระทำมีผลที่ตามมาเสมอ การไม่ทำอะไรเลยก็ถือเป็นการกระทำอย่างหนึ่ง การคิดว่าชีวิตคือเรื่องสนุกก็เป็นการกระทำอย่างหนึ่งเช่นกัน สรุปแล้วไม่ว่าเราจะทำอะไรเราก็ต้องระมัดระวังทั้งสิ้น เพราะทราบกันดีว่าเวลาไม่เคยคอยใคร สิ่งที่ได้ทำไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับมาได้ นี่คือสิ่งที่สำคัญมากๆ ย้ำสำคัญมากๆ ย้ำอีกครั้งสำคัญมากๆ แม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังกล่าวปัจฉิมโอวาทในเรื่องความไม่ประมาท "สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด"

กลับไปพูดถึงคำถามต่อผมก็คิดอีกว่าถ้าเราเป็นอมตะ เราก็สามารถทำทุกอย่างที่อยากทำได้ ซึ่งสมมุติว่ามันทำได้ ถึงวันนึงเราก็ได้ทำทุกอย่างที่ต้องการหมดไปแล้ว เราก็จะเริ่มเบื่อ ซึ่งตอนนี้เองเราจะนึกถึงความตาย ในหนังเรื่องทรอยแบรท พิตพูดว่าเหล่าทวยเทพอิจฉาเราที่ได้มีชีวิตที่ไม่อมตะ เพราะมันทำให้ทุกสิ่งมีความหมาย เกมมาริโอโหม่งเห็ดจะสนุกอะไรถ้ามันตายได้ไม่จำกัด ชีวิตที่ไม่เป็นอมตะ ชีวิตที่มีการตายเนี่ยแหละสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ตอนแรกผมคิดว่าทำไมธรรมชาติถึงสร้างความตายขึ้นมา มันมีประโยชน์อะไรเล่า ถึงตอนนี้ผมพอจะเข้าใจมากขึ้นแล้ว ธรมชาตินี่สุดยอดจริงๆ สรุปคือผมขอเลือกชีวิตที่มีความตายดีกว่า และผมก็จะทำแต่สิ่งที่สำคัญและจำเป็นจริงๆ เพราะรู้ว่าเวลามีจำกัด ค่าเสียโอกาสในทางเศรษฐศาสตร์นั้นสูงลิ่ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเวลาผมแฮงค์หลังจากลิ้มรสสุรา ผมจะมีความทรมานมาก ซึ่งมมติว่าความทรมานนี้มันไม่หายไป และชีวิตผมเป็นอมตะ ผมคงทุกข์มากทีเดียว แต่ก็มีอีกเหตุผลหนึ่งบอกว่า ถ้าเกิดความต้องการผมไม่มีวันหมดเล่า ชีวิตคืองานที่ไม่เคยเสร็จสิ้น เราสามารถพัฒนามันได้เรื่อยๆไม่มีจำกัด การมีชีวิตอมตะก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว สุดท้ายแล้วมันก็เป็นบทสรุปว่า มีเหตุผลที่มาห้ำหันในหัวสมองมากมาย แต่ตอนนี้ผมขอเลือกชีวิตแบบคนปกติ ชีวิตี่มีความตายไว้ก่อน เพราะธรรมชาติสร้างสิ่งนี้มา และปกติธรรชาติก็สร้างแต่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ การเป็นอมตะคงโหวงเหวงน่าดู ผมขอเลือกชีวิตที่ธรรมชาติสร้างมาดีกว่าครับ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2553    
Last Update : 5 สิงหาคม 2553 22:57:08 น.
Counter : 1485 Pageviews.  

The Age of Turbulence: Adventures in a New World



ใครไม่รู้กล่าวว่าผู้มีอำนาจอันดับสองรองจากประธานาธิบดีของสหรัฐคือchairman ของ FED และตอนนี้สหรัฐเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวของโลก ผมจึงคิดไปเองว่าประธานของ FED ก็คือผู้มีอำนาจอันดับสองของโลก
ในแวดวงการเงินคงไม่มีใครไม่รู้จัก Alan Greenspan เขาคือประธาน FED ที่ดำรงตำแหน่งยาวนานมาก ผมไม่แน่ใจว่ามากที่สุดหรือเปล่า เขาเป็นคนที่ช่วยสหรัฐให้รอดจากปัญหาการเงินได้หลายครั้ง และเขาก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหา subprime crisis เช่นกัน ความจริงหนังสืออัตชีวประวัติเล่มนี้เล็กมากเมื่อเทียบกับสิ่งๆต่างๆที่ Greenspan ได้ทำและผลงานของเขา ใครอยากรู้ว่าเขามีความคิดอย่างไรต่อโลก เขาได้เผชิญกับปัญหาอะไรบ้างควรจะอ่านหนังสือเล่มนี้ ผมชอบความคิดของเขา ตอนนหนึ่งในหนังสือประมาณว่าเขาทำงานแต่กับคนเก่งๆ มีคนเก่งกว่าเขามากมาย แต่เขาก็ขยันอ่านศึกษาหาความรู้อยู่ตลอด เขาพูดกับตัวเองว่าถ้าผมยังเป็นแบบนี้อยู่ ในอนาคตผมต้องเก่งกว่าแน่ๆ นั่นก็คงเหมือนที่มิเชลแองเจลลโลกล่าวไว้ว่า "ถ้าพวกเขารู้ว่าผมทำอะไรมาบ้าง เขาคงไม่แปลกใจกับผลงานที่ยิ่งใหญ่ของผม"

ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2553    
Last Update : 4 สิงหาคม 2553 14:28:55 น.
Counter : 1375 Pageviews.  

ความเชื่อของมนุษย์เกี่ยวกับปรัชญาและศาสนา

ความเชื่อของมนุษย์เกี่ยวกับปรัชญาและศาสนา
Faith and Belief toward Philosophy and Religion

ผู้เขียน สุวัฒน์ จันทรจำนง
-----------------

ในหมู่หนังสือปรัชญาในเมืองไทยที่มีอยู่น้อยเล่มนั้น หนังสือเล่มนี้นับว่ามีคุณค่าอย่างยิ่ง มีเนื้อหาครอบคลุมทั้งปรัชญาของอัสดงคตประเทศ(คือชาวตะวันตก อยากใช้คำนี้เพราะเท่ดี 555) และก็ปรัชญาอินเดียมีทั้งพวกอัสติกะและนาสติกะ (เท่าที่อ่านดูแล้วปรัชญาจารวากนั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะตรงกับแนวความคิดของผมหลายอย่าง) ปรัชญามหายาน ปรัชญาเถรวาทและก็ศาสนาสำคัญของโลก หนังสือเล่มนี้อ่านสนุกและอัดแน่นไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ลองอ่านบรรณานุกรมด้านหลังพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้อิทธิพลมาจากนักคิดที่สำคัญของไทยทั้งนั้นเช่น พุทธทาสภิกขุ,หลวงพ่อชา,พระธรรมปิฎก,เสถียรพงษ์ วรรณปก เป็นต้น

ผู้สนใจวิชาปรัชญาไม่ควรจะพลาดเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวง




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2553 18:18:05 น.
Counter : 1728 Pageviews.  

The World As I See It



Hardcover: 128 pages
Publisher: Filiquarian Publishing, LLC. (June 2, 2007)
Language: English
ISBN-10: 1599868245
ISBN-13: 978-1599868240
Product Dimensions: 9 x 6 x 0.6 inches

--------------------

อัจฉริยะมองโลกแบบสุุดยอด
ให้คะแนน 9/10

ริชาด ฟายแมนกล่าวว่าคนเรามักใช้ความอัจฉริยะไปในด้านเดียว ซึ่งคงขัดแย้งกับชีวิตของ Albert Einstein นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียง ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้ทราบว่า Einstein มีมุมมองและแนวคิดอย่างไรต่อสิ่งรอบๆตัวของเขา อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะรักไอน์สไตน์มากกว่าเดิม อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย




 

Create Date : 18 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2553 0:15:55 น.
Counter : 1482 Pageviews.  

กลับมาอีกครั้ง



ลอกอินได้แล้วเพราะได้พาสเวิร์ด หลังจากเข้าไม่ได้มานาน ต่อไปจะเขียนรีวิวหนังสือที่ได้อ่าน แนวคิดเดียวกันกับเว็บอเมซอน สวรรค์ของคนรักหนังสือ




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 19:40:39 น.
Counter : 1426 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  

Mr.Feynman
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Feynman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.