veritas lux mea = Truth enlightens me
Group Blog
 
All blogs
 
HOW IS IT DONE ? (Reader's Digest)



ผมรู้สึกเสียดายเวลามาตลอด ถ้าตั้งใจเรียนคงจบเร็วกว่านี้ คงได้ทำงานที่ตัวเองชอบเร็วกว่านี้ คงได้มีชีวิตที่ตัวเองฝันไว้เร็วกว่านี้ ผมเสียดายเวลาที่ใช้ไปโดยไร้สาระเหลือเกิน ถ้าสามารถนำเงินจำนวนมหาศาลมาแรกได้ก็จะไปหามา มีคนเคยบอกว่าชีวิตคนเราจะมั่นคงเมื่อตอนอายุสี่สิบ แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราขยันทำงาน เราจะสามารถมั่นคงได้เมื่ออายุน้อยกว่านั้น ชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นเหลือเกิน และความฉลาดของมนุษย์ก็มีจำกัด ผมคิดว่าชีวิตของมนุษย์แบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นแรกคือ ค้นหาสิ่งที่ตัวเองรัก ขั้นนี้เราจะได้ทำกิจกรรมหลายๆอย่างแล้วเราก็จะรู้ว่าเราชอบอะไร ถนัดอะไร ขั้นที่สองพัฒนาทักษะที่ตัวเองรัก ช่วงนี้จะเริ่มต้น ต้องศึกษามากเรียนมาก ขั้นที่สามทำงานที่ตัวเองรัก ทักษะพื้นฐานต่างๆแล้ว เริ่มก้าวไปสู่งานที่ซับซ้อนขึ้นแลัก็ต้องฝึกทักษะขั้นสูงต่อไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นช่วงที่มั่นคงแล้ว มีผลงานสู่สาธารณะ คนภายนอกเริ่มรู้จัก ซึ่งทั้งสามขั้นตอนจะเห็นว่าต้องทำงานตลอด ไม่มีช่วงหยุดพักเลย ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ ยังมีเวลาพักมากมาย เมื่อตายไปแล้วเราจะได้พักตลอดไป ยังมีลมหายใจอยู่ก็ยังต้องทำงานต่อไป ผมลองสังเกตดูคนส่วนมากจะมีผลงานระดับมาสเตอพีสเมื่อตัวเองอายุประมาณ 40s,50s ซึ่งมีน้อยที่ประสบความสำเร็จตอนยังอายุน้อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมาย ตอลสตอยตีพิมพ์สงครามและสันติภาพตอนอายุ 41 ปี ดอสโตเยฟสกีตีพิมพ์ตอนอายุ 45 ปี เป็นต้น จะเห็นได้ว่ามันไม่มีทางลัดไปสู่ความสำเร็จได้เลย ถ้าอยากประสบความสำเร็จจงทำงานหนักทุกวัน และบริหารเวลาให้ดี หนึ่งวันของไอน์สไตน์กับหนึ่งวันของเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน อายุของเรานับวันมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ารุ่นน้องที่เกิดทีหลังเขามาแซงเรา เราไม่อายหรอกหรือ วัยรุ่นที่ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ เพื่อพอถึงวัยทำงานแล้วไม่มีวิชาติดตัวก็เป็นทุกข์ มีให้เห็นมากมาย บัณฑิตที่มีปัญญาจึงควรระวังให้ดี สำหรับผมชอบชีวิตทางวิชาการการอยู่ในมหาวิทยาลัยก็เป็นสิ่งที่มีความสุขมาก ถ้าทำงานแล้วก็อยากทำงานที่ในมหาวิทยาลัยนี่แหละ ถ้าถามว่าทำไมไม่อยากสอนหนังสือในประถมและมัธยมก็คงเป็นเพราะว่าอยากสอนคนที่อยากเรียนจริงๆ วัยเด็กขนาดนั้นบางทียังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าเป็นไปได้จริงๆก็อยากจะสอนทั้งระดับ undergraduate และ graduate คงจะมีความสุขจริงๆ เวลามีงานให้ออกไปพูดและนำเสนองานผมมักจะชอบและก็ทำได้ดีอยู่เสมอ เสียงตรบมือดังๆเป็นเรื่องปรกติของผม (คุยซะงั้น) ขอให้ทุกคนค้นพบตัวเองให้เจอ มีคนมากมายบนโลกที่เกิดมาแล้วก็ตายไปโดยที่เขาใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่ได้รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในชีวิต

หนังสือที่จะรีวิวนี้ ผมชอบมาก เป็นหนังสือของรีดเดอไดเจส ชื่อภาษาไทยว่ารู้รอบตอบได้ สมัยเด็กสักประถมผมชอบอ่านหนังสือเล่นี้มาก ภาพมันสวย ยังจำภาพที่ประกอบบทความเรื่องกาว ที่รถเก๋งไปติดกับป้ายโฆษณาข้างทาง หรือหลอดไฟรูปคาวบอย ซึ่งไปดูหนังก็เห็นคาวบอยนี้ในลาวเวกัส บทความที่เขียนแยกเป็นเรื่องๆโดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน เนื้อหาเกี่ยวกับการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ชอบหนังสือเล่มนี้จริงๆ มีความรู้สึกผูกพันกับมันมาก ยังมีหนังสืออีกมากมายที่ผมรู้สึกผูกพัน ตอนเด็กๆผมชอบไปอ่านหนังสือบนชั้นสองเป็นลังหนังสือเก่าของพ่อ มีหนังสืออ่านสนุกๆมากมาย นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมมีนิสัยรักการอ่าน ผมยังผูกพันกับหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการที่ไปเจอบนชั้นสองด้วย ผมคิดว่าผมอ่านหนังสือพวก มหาบุรุษ พลังความคิด วิธีทำงานและสร้างอนาคต หนังสือเหล่านี้ส่งต่อผมทั้งการมองโลก ความฝัน การดำเนินชีวิต

ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ




Create Date : 10 กันยายน 2553
Last Update : 13 กันยายน 2553 19:07:17 น. 0 comments
Counter : 1936 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mr.Feynman
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Feynman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.