veritas lux mea = Truth enlightens me
Group Blog
 
All blogs
 

ไม่มีหญิงสาวในบทกวี (ซะการีย์ยา อมตยา)



ผมไม่ถูกจริตกับหนังสือเล่มนี้จริง เล่มก็เล็ก มีคนบอกว่านวนิยายอ่านจบในชั่วโมง ตำราอ่านจบในหนึ่งวัน กลอนกวีอ่านจบในหนึ่งสัปดาห์ แต่เล่มนี้อ่านสิบห้านาทีก็จบ ผมว่ามันเหมือนเป็นบทความแล้วก็ตัดบรรทัดมากกว่า สัมผัสนอกในก็ไม่มี เป็นรางวัลซีไรท์ที่ผมไม่ชอบที่สุดเลย เคยเปิดยูทูปฟังผู้เขียนคนนี้พูดถึงเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ ฟังดูก็เหมือนเขาสนับสนุนผู้ก่อการร้ายไปกลายๆ พูดเหมือนรัฐผิด ประชาชนโดนกดขี่ข่มเหงอย่างรุนแรง ซึ่งมันเป็นการด่วนสรุปเกินไป ปีที่แล้วลับแล แก่งคอย เล่มหนาเขียนได้ดี แบบนี้สมควรให้ซีไรท์จริงๆ แต่ปีนี้ผมผิดหวังจริงๆ จะหาสุนทรภู่ในปัจจุบันคงไม่มีอีกแล้ว แต่ผมก็เคารพในการตัดสินใจของคณะกรรมการนะครับ ยินดีด้วยแล้วกัน

-----------------------
มาเพิ่มเติมข้อมูล เห็นว่าน่าสนใจดีจึงคัดมาจากห้องสมุดพันทิปดอทคอม

เหตุใด ?? จึงได้ยกย่องแต่ “กวีไร้ฉันทลักษณ์”

อยากเขียนถึงเรื่องหนึ่งที่อยู่ในใจมาเป็นเวลานานแล้ว และอยากจะฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ที่จะเขียนต่อไปนี้ไม่มีใครถูกใครผิด แต่ต้องการให้ทุกฝ่ายได้มาแชร์ความคิด เพื่อประโยชน์แก่วงการ “วรรณกรรม” บ้านเรานั่นเอง

เอ่ยมาแค่นี้ ก็อาจจะพอเดาได้แล้วว่า ผู้เขียนต้องการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “ความไร้ฉันทลักษณ์”ของกวีซีไรต์ ที่ได้รับการยกย่องจากสังคมในขณะนี้

โดยส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ชื่นชอบการอ่านวรรณกรรมที่อิ่มเอิบด้วยฉันทลักษณ์ ทั้งกาพย์ กลอน โคลง ฉันท์ มาตั้งแต่ยังเด็ก และพยายามฝึกการเขียนฉันทลักษณ์เหล่านี้มาอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิต แต่หลังจากที่ชีวิตพลิกผัน ต้องไปจับเรื่องอื่นเพื่อความอยู่รอดของชีวิตมากขึ้นแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าไม่ได้มาข้องแวะในส่วนนี้อีกเลย แต่ก็ยังหวนรำลึก และหวนคำนึงถึงวันคืนอันดื่มด่ำกับฉันทลักษณ์ที่ตัวเองเคยชอบมาแต่อดีตอยู่บ้างในบางครั้ง

กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้ง รัชกาลที่ 2 รัชกาลที่ 6 หรือเอกแห่งกวีเช่น “สุนทรภู่” ต่างอยู่ในดวงใจในช่วงหนึ่งของชีวิตเป็นอย่างมาก หรือในยุคกรุงศรีอยุธยา เช่นเจ้าฟ้ากุ้ง ก็เป็นเอกแห่งกวีในยุคนั้นซึ่งยากที่ใครจะทาบเทียม ความสัมผัสอย่างสอดคล้องทั้งนอกและในของฉันทลักษณ์ซึ่งราบรื่น แต่เร่งรัวด้วยสำนวนที่เล้าโลมโสตประสาทนั้น

คงหาไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้ ซึ่งทุกฝ่ายได้ยอมรับไปโดยปริยายแล้วว่า คงจะหากวีที่จะแต่งแบบถูกต้องฉันทลักษณ์อยู่ในวังวนแห่งโลกวรรณกรรมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้น ซีไรต์น่าจะมีกวีรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นยอดแห่งฉันทลักษณ์มาประดับวงการบ้างแล้ว

เหตุที่เป็นเช่นนั้น ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนคือ ความยากลำบากในการแต่งที่ต้องอาศัยรูปแบบและโครงสร้างของฉันทลักษณ์ที่ต้องมีกรอบ ระเบียบในการเขียนพอสมควร

ซึ่งขัดกับ “ปณิธาน”ของนักเขียน กวีรุ่นใหม่เป็นอย่างมากว่า ต้องการนำเสนอ “ความคิดเห็น” “ความรู้สึก” “อารมณ์” ผ่านตัวหนังสือไปถึงคนอ่านอย่างอิสระ เสรีที่สุด โดยไม่ต้องยึดติดในกฎ หรือระเบียบแต่อย่างใด นอกจากนั้น ยังหวังให้บทกวีของตนซึ่งไม่ต้องติดยึดในกรอบเหล่านั้น สื่อปณิธานของตนไปสู่ผู้อ่านได้ตรงกับความคิดของตนมากที่สุด (ย้ำว่านี่คือความเห็นของผู้เขียนเท่านั้น)

ผู้เขียน ไม่อาจจะไปวิพากษ์ วิจารณ์แนวทางของเหล่า “กวีรุ่นใหม่” ได้ เพราะถือว่าเป็น “ทางเลือกหนึ่ง” แห่งยุคสมัยที่คนรุ่นใหม่ชอบที่จะเสพเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน ซึ่งอันที่จริงผู้เขียนก็ได้อ่านบทกวีรุ่นใหม่อยู่บ้าง ก็ชื่นชมในแนวทางการนำเสนออยู่บ้าง แต่ถ้าให้เลือกได้ก็อยากจะอ่านใน “ทางเลือก” อีกทางหนึ่ง อันเป็นบทกวีที่มีฉันทลักษณ์อย่างดื่มด่ำบ้างเท่านั้น

ผู้เขียน ขอย้ำคำว่า “ทางเลือกหนึ่ง”ที่เขียนไปในย่อหน้าก่อนหน้าว่า ผู้เขียนคาดหวังที่จะให้ผู้อ่านยุคใหม่ เปิดใจกว้าง และไขว่คว้าหาบทกวีแนวอื่น อันเป็นทางเลือกอื่นมาอ่านให้มากยิ่งขึ้น การยึดติดแต่เพียงทางใดทางหนึ่งนั้น ย่อมไม่อาจสร้างความแตกฉานแห่งปัญญาได้อย่างแน่นอน

ขอเปรียบเทียบบทกวีไร้ฉันทลักษณ์ที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ ก็เปรียบได้ดั่งภาพ Abstract หรือ Surrealism ที่ไร้รูปแบบ แต่ต้องการนำเสนอก้นบึ้งแห่งอารมณ์ ความรุ้สึกของจิตรกรอย่างแท้จริง และผู้ที่นิยมชมชอบภาพวาดนั้น ก็ชมชอบที่จะอิ่มเอิบกับภาพในยุค Classic หรือ Realism ที่มีการนำเสนออารมณ์ ความรู้สึก อย่างมีกรอบและแนวทางเช่นกัน

กลัวว่าท่านผู้อ่านอาจจะไม่เห็นภาพ อยากจะพูดถึงอีกหนึ่งวงการ นั่นคือวงการเพลง ยุคสมัยใหม่ซึ่งเราอาจจะชื่นชอบ เพลง Scar Reggae เพลง Rock หรือ Fusion Jazz ซึ่งอาจะมีความสอดคล้องด้านฉันทลักษณ์ลดน้อยลงไปเพื่อสื่ออารมร์ความรู้สึกอย่างแท้จริง เช่นเดียวกับแนวทางของวรรณกรรรมนั้น ก็อย่าได้ลืมที่จะเหลียวแลมาฟังเพลง Classic Light music Standard Jazz บ้าง เพราะเพลงเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นแม่แบบของเพลงยุคใหม่ ที่เป็น “ทางเลือก” ที่น่าลิ้มลองเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้ที่ต้องการนำเสนอมิได้ต้องการจะไปขัดแข้งขัดขาผู้ใดในวงการวรรณกรรมแต่อย่างใด แต่ต้องการอย่างจริงใจและจริงจัง ที่จะให้ผู้อ่านรุ่นใหม่ได้เปิดใจกว้างพยายามไขว่คว้าหาประสบการณ์ชีวิตในการอ่านบทกวีที่เปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์ดูบ้าง ในส่วนของผู้คนที่อยู่ในระดับส่งเสริมและคัดเลือกบทกวีที่จะได้รางวัล ปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ท่านได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยกย่อง และให้รางวัลกับบทกวีซึ่งเปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์ให้ได้รับรางวัลบ้าง (แม้จะยากเต็มที่ก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอเปิดใจในช่วงท้ายนี้ว่า เคยมีผู้รู้ในวงการวรรณกรรม ปรารภกับผู้เขียนว่า บทกวีที่ขับเคลื่อนด้วยฉันทลักษณ์ จะไม่ตายไปจากวงการแน่นอน เพราะยังมีคนรุ่นใหม่ที่ยังสนใจที่จะเขียนอีกเป็นจำนวนมาก ซี่งมาถึงขณะนี้แล้ว ผู้เขียนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า คำพูดของผู้รู้นั้นจะเป็นจริงได้หรือไม่

เอาเป็นว่า หากซีไรท์มีการให้รางวัลกับบทกวีเปี่ยมล้นด้วยฉันทลักษณ์สักครั้งหนึ่ง ผู้เขียนคงได้เบาใจไปกว่านี้

จากคุณ : โลกทรรศน์2010
เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 16:34:27





 

Create Date : 21 กันยายน 2553    
Last Update : 28 กันยายน 2553 3:25:59 น.
Counter : 3722 Pageviews.  

The Next 100 Years (George Friedman)



ประเทศอเมริกามหาอำนาจหนึ่งเดียวในปัจจุบันนี้ ที่ดูเหมือนดีพร้อมทุกอย่าง ผู้นำโลกประชาธิปไตย เป็นประเทศมีมหาวิทยาลัยคุณภาพมากที่สุด ผมชอบหนังของประเทศนี้ ชอบเพลงของประเทศนี้และก็เพลงจากอังกฤษ และก็ชอบวรรณกรรมของประเทศนี้ หนังสือดีๆจะถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งสิ้น อิจฉาคนของเขาที่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือดีๆมากมาย ลองเข้าไปดูหนังสือในเว็บอเมซอนแล้วบอกได้คำเดียวว่ามันคือสวรรค์ของผม แล้วจริงๆแล้วอเมริกาจะอยู่เป็นมหาอำนาจได้ถึงเมื่อไร

หนังสือเล่มนี้ทำนายโลกจนถึงปี 2100 ซึ่งผมอยากอยู่ถึงปีนั้นจริงๆ โลกในตอนนั้นคงมหัศจรรย์มากๆ การทำนายแบบนี้ต้องใช้จินตนาการสูงและข้อมูลจำนวนมาก ผู้แต่งมีสายตาที่แหลมคม ถึงแม้บางอย่างจะเข้าข้างอเมริกาไปบ้างก็ไม่ว่ากัน เขาบอกว่าจีนไม่ใช่คู่แข่งของอเมริกา แต่คือโปแลนด์ ตุรกี และญี่ปุ่นต่างหากที่จะก้าวขึ้นมาเทียบชั้นกับอเมริกา ผู้เขียนยังอธิบายถึงสังคม เศรษฐกิจ และทำนายสิ่งต่างๆอีกมากมาย ใครอยากรู้ว่าโลกจะเป็นอย่างไรในปี 2100 อ่านเล่มนี้น่าจะพอช่วยให้เห็นภาพที่ชัดขึ้น

ผมเสียใจมากที่เกิดมาเร็วไปผมอยากจะไปเกิดสักปี คศ 100,000 เสียใจที่มีอำนาจจำกัด เสียดายที่อายุมนุษย์สั้น เสียดายที่สมองมนุษย์น่าจะฉลาดกว่านี้ แต่ผมจะไม่มัวเอาแต่มาเสียใจ ถึงแม้โลกนี้ไม่เป็นตามที่เราฝัน ถึงแม้ว่ามันไม่สมบูรณ์แบบ แต่แค่นี้ก็ยังมีกิจกรรมดีๆมากมายที่ยากท้าทายความสามารถ รอเราอยู่




 

Create Date : 21 กันยายน 2553    
Last Update : 21 กันยายน 2553 18:52:43 น.
Counter : 2398 Pageviews.  

Who Moved My Cheese? (Spencer Johnson)



ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ?

หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกตอนปี 1998 ผมพึ่งมีโอกาสได้อ่านตอนปี 2010 นับเป็นเวลา 12 ปีแล้ว คนเขียนเป็นหมอที่เขียนหนังสือแนวการปรับปรุงชีวิตมาหลายสิบเล่มแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อเสียงมากและก็โดนโจมตีมากเช่นกัน หนังสือเล่มนี้ได้คะแนนปานกลางในเว็บอเมซอน เล่มไม่ใหญ่นักอ่านเพียงครึ่งชั่วโมงก็จบแล้ว บางทีเป็นความรู้ที่เรารู้อยู่แล้วแต่เขาทำให้เราตระหนักผ่านเรื่องของหนูในเขาวงกต โดยข้อคิดที่พวกหนูแปะไว้ข้างฝาย้ำเตือนถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงได้ดี การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น พวกที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจะโดนธรรมชาติลงโทษ ชีวิตของมนุษย์อาจดูยาวนานแต่ถ้ามองให้ดีในแต่ละวัยแตกต่างกัน มีเรื่องให้ทำต่างกัน เป็นการเปลี่ยนผ่านของวัยถ้าเรายังไปยึดติดกับวัยเดิมๆเราก็จะทุกข์ใจ ถ้าโตเป็นวัยรุ่นแล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กเราก็จะพบปัญหา ถ้าเป็นวัยผู้ใหญ่แล้วยังทำตัวเป็นวัยรุ่นอยู่ก็จะมีปัญหาเช่นกัน การเปลี่ยนผ่านของวัยเป็นเรื่องจำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตของเราต้องเปลี่ยนแปลง มีการตกงาน เปลี่ยนงาน เปลี่ยนสถานะ ซึ่งเราต้องคอยดูชีสของเราว่ามีเค้าลางการเปลี่ยนแปลงไหมให้ดี และอย่าผูกขาดกับบางสิ่งบางอย่าง เราต้องมีตัวเลือกมากมาย ต้องมีการแสวงหาการผจญภัยกับการเปลี่ยนแปลง แล้วเราจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสนุก ให้ทำอะไรซ้ำๆเดิมๆเบื่อแย่เลย ออกไปผจญภัยในโลกกว้างดีกว่า ยังมีอีกหลายสิ่งรอเราให้ไปพบอยู่




 

Create Date : 20 กันยายน 2553    
Last Update : 20 กันยายน 2553 3:32:33 น.
Counter : 1776 Pageviews.  

Dare to fail (Billi P.S. Lim )



กล้าที่จะล้มเหลว

คนทั่วไปมักจะทำอะไรซ้ำเดิมๆ ไม่กล้าที่จะไปทำสิ่งต่างๆที่มันยาก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกลัวทีี่จะล้มเหลว ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมเลือกที่จะเดินทางที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า ผมมักจะไม่ไปจีบสาวก่อน มักรอให้เขามาจีบผมก่อน ซึ่งก็เพราะผมก็ที่จะล้มเหลว ซึ่งมันเป็นความผิดพลาดที่น่าเสียดายที่สุด เรื่องอื่นๆก็เช่นกัน

เรามักคิดว่าชีวิตของเราบางอย่างเป็นสิ่งมั่นคง แต่คุณมั่นใจได้แค่ไหนหล่ะ ถ้าลองเปลี่ยนความคิดใหม่โดยมองว่าทุกอย่างในชีวิตของเราล้วนไม่มั่นคง การกระทำทุกอย่างมีความเสี่ยง ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แบบนี้เป็นการมองโลกที่แท้จริง ผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้าเคยพูดว่า สิ่งที่คนอื่นเห็นคือความสำเร็จหนึ่งเปอเซนของผม อีกเก้าสิบเก้าเปอเซนที่เขามองไม่เห็นคือความล้มเหลว ลองไปอ่านชีวประวัติบุคคลสำคัญของโลกสิ ทุกคนเคยล้มเหลวมามากมาย ถ้าเขายอมแพ้เขาคงไม่มีชื่ออย่างปัจจุบัน นั้นลองกลับไปคิดใหม่ น่าจะมีคนอีกมากมายที่มีชื่อเสียง แต่คนเหล่านั้นกลับยอมแพ้ไปเสียก่อน บางทีตอนเราล้มเลิกไปเราไม่รู้ตัวหรอกว่าเราเข้าใกล้เป้าหมายแค่ไหนแล้ว ความยากของอุปสรรคที่ทำให้เราล้มเหลวคือที่วัดความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ เวลาเราเล่นเกมยิ่งเกมยากเท่าไหร่แล้วเราชนะได้เราก็ยิ่งดีใจมาก เช่นกันชีวิตของเราก็เหมือนกันถ้าสมมติว่า ทุกคนได้สิ่งที่ต้องการโดยไม่ต้องทำอะไรเลยมันจะสนุกตรงไหนเล่า ถ้าเราดูหนังเวลาพระเอกเจออุปสรรค เราก็เอาใจช่วย ตอนนั้นยังไงเราก็คิดว่าพระเอกคงแพ้แน่ๆเลย แต่ในที่สุดแล้วพระเอกก็สามารถเอาชนะอุปสรรคมาได้ ตอนจบเราก็นั่งยิ้มอย่างมีความสุข ทีนี้ลองจินตนาการถึงหนังที่พระเอก นั่งๆนอนๆอยู่เฉยๆไม่มีอุปสรรค ไม่มีตัวโกง ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีฉากบีบหัวใจ หนังเรื่องนั้นจะสนุกได้อย่างไรกัน

ความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ มันทำให้เรารู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก ต้องลองใหม่ คนที่ปิดดตัวเองไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรเลย เขาคงมีชีวิตอย่างว่างเปล่า ของสำคัญ มีค่าต่างๆล้วนมีความเสี่ยงทั้งสิ้น สาวสวยๆ คนจีบเยอะ ความเสี่ยงที่จะจีบไม่ติดก็เยอะตามไปด้วย แต่ถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะได้มาได้อย่างไรเล่า โลกนี้ยุติธรรมสำหรับทุกคน คนหล่อไม่ได้สาว คนรวยไม่ได้สาว คนกล้าเท่านั้นที่จะได้สาว เรื่องอื่นๆก็เช่นกัน ในยุคนี้มีแต่คนกล้าเท่านั้นที่จะพบกับความสำเร็จ

ในหนังสือเล่มนี้มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งประมาณว่ามีนักปราชญ์ท่านหนึ่งอยู่บนภูเขา เวลาชาวบ้านมีปัญหาก็จะปีนไปถามคำถามท่าน ซึ่งผมก็งงว่าทำไมต้องไปอยู่บนเขาด้วย 555 วันนึงมีชายคนหนึ่งปีนขึ้นมาถามคำถามนักปราชญ์ว่า อะไรทำให้คนประสพความสำเร็จอย่างแท้จริง นักปราชญ์จึงถามกลับไปว่าเจ้าอยากรู้จริงๆหรือ ชายคนนึ้นพยักหน้า ใช่ครับ นักปราชญ์จึงพูดขึ้นว่านั้นเจ้าจงตั้งใจฟังนิทานเรื่องหนึ่ง ในสมัยนั้นบ้านเมืองมีสงครามระหว่างแคว้นมากมาย ชายคนหนึ่งป่วยเป็นโรคร้ายรู้ตัวว่าจะตาย จึงขออาสาไปออกรบเป็นทัพหน้า ด้วยความที่ไม่กลัวตายเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญ สังหารข้าศึกได้มากมาย พบชนะศึกท่านแม่ท่านเรียกไปพบมอบเหรียญ medal of honour แล้วก็ถามว่า ท่านผู้กล้าเหตุใดสีหน้าท่านจึงหม่นหมอง ชายคนนั้นตอบไปว่า เพราะข้ามีโรคร้ายที่รักษาไม่หายอยู่ ท่านแม่ทัพจึงตอบกลับไป เราจะปล่อยให้ท่านผู้กล้าผู้นี้ตายได้อย่างไร เราจะหาหมอที่ดีที่สุดในเมืองมารักษาท่าน ว่าแล้วหมอที่ดีที่สุดก็มารักษาชายผู้นี้จนหายจากโรคร้าย พออยู่มาบ้านเมืองมีศึกอีกครั้ง ชายคนนี้ก็ไม่เคยขออาสาไปเป็นทัพหน้าอีกเลย เขาพยายามจะหลบเลี่ยงการสงครามตลอดมา จบ แล้วนักปราชญ์ก็พูดขึ้นมาว่า ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เราประสพความสำเร็จอย่างแท้จริงก็คือความกล้า กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะล้มเหลว เจ้าจงใช้ชีวิตต่อไปทุกวันเหมือนกับไม่มีวันพรุ่งนี้

ในหนังสือเล่มนี้เขียนโดยชาวเอเชีย เนื้อหาของหนังสือบอกให้เรากล้าที่จะทำสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องกลัวที่จะล้มเหลว คนที่ล้มเหลวจริงๆคือคนที่ไม่กล้าทำอะไรเลย หนังสือยกข้อมูลประกอบ ยกคำพูดกินใจของคนที่ประสพความสำเร็จมากมายในหลากหลายสาขาอาชีพ เป็นหนังสือที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของคนอ่านได้จริงๆ ผมอ่านแล้วบอกกับตัวเองว่าต่อไปผมจะต้องเสี่ยงมากขึ้นกว่านี้ ต้องกล้าทำอะไรมากกว่านี้ หนังสือเล่มนี้ดีจริงๆ แนะนำให้ไปหาอ่านกันครับ




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 19 กันยายน 2553 0:30:51 น.
Counter : 2035 Pageviews.  

University of Success (Og Mandino)



ตอนนี้ผมยอมรับเลยว่าเครียด เพราะเป็นช่วงเวลาที่โลกแห่งความฝันและความจริงมาเจอกัน ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ใช่เด็กหรือวัยรุ่นอีกแล้ว ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบก็มากขึ้น และมันก็ต้องการทักษะที่สูงมากขึ้น ความฝันที่ฝันไว้นั้นจะเป็นจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับเวลาตอนนี้ แล้วความฝันของผมมันก็แสนที่จะท้าทาย ปกติผมจะยิ้มร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอแต่ตอนนี้อายุเรามันก็มากขึ้นๆจะมัวเล่นเรื่อยเปื่อยก็ไม่ได้อีกแล้ว ต้องเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว มาตรฐานของผมสูงเสียด้วยมันยิ่งต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้เข้าไปอีก แต่ผมเชื่อว่าความเครียดจะทำให้เราพัฒนาและเมื่อเรามีปัญหาเราจะมีการหยุดสำรวจตัวเองซึ่งจะทำให้เราดียิ่งขึ้น บางคนอาจมองว่าอายุยังน้อยจะมัวนั่งคิดอยู่ทำไม ไปหาความสนุกดีกว่า ยังมีเวลาอีกมากมายในโลกนี้ ผมบอกได้เลยว่าผมไม่เชื่อใครทั้งนั้น ทุกคนมีทางเดินของตัวเองเราจะไปตามใครไม่ได้ สิ่งต่างๆรอบตัวผู้คนและหนังสือมอบได้แค่คำแนะนำแต่เราต้องมีแนวคิดเป็นของตนเองอย่าไปตามใครเด็ดขาด คิดสำรวจให้ดีอยากทำอะไรก็ทำ อยาไปฟังใครทั้งนั้นเพราะชีวิตนี้เป็นของเราคนเดียว ทุกๆวันมีแค่วันเดียว ทุกวินาทีที่ผ่านไปมีการแย่งชิงและได้ผลประโยชน์กันอย่างมากมายมหาศาล โลกที่เราเห็นสงบสุขนั้นข้างในมีการแย่งชิงผลประโยชน์กันมากมาย เพียงแต่ผลประโยชน์มันลงตัวจึงไม่มีความรุนแรง แต่เมื่อมีการเสียผลประโยชน์ มีการแบ่งกันอย่างไม่ลงตัว ความรุนแรง สงคราม กันทำร้ายกันจึงเกิดขึ้น เป็นเรื่องปกติสิ่งเหล่านี้มีมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว และก็จะมีต่อไปจนหยุดเมื่อมนุษย์สูญพันธุ์เท่านั้น

ผมคิดว่าสถานศึกษาน่าจะมีการสอนวิชาการดำเนินชีวิต เพราะผู้คนมากมายกำลังหลงทางอยู่ และวิชาการดำเนินชีวิตน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้คนอย่างมากมาย แต่ก็ไม่มีวิชาไหนจริงๆเลยที่สถานศึกษาเปิดสอนเรื่องเหล่านี้โดยตรง มีแค่บางวิชาที่เกี่ยวข้องบ้าง การดำเนินชีวิตดูๆไปเหมือนกับว่าถ้าอยากใช้ชีวิตเป็นก็จงใช้ชีวิตไปนั่นแหละ นี่อาจจะดูกำปั้นทุบดินแต่เป็นความจริงการเรียนรู้โดยลงมือทำหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า learning by doing สามารถใช้ได้เป็นอย่างดี มนุษย์เข้าใจโลกในเรื่องต่างๆก็เพราะการเรียนรู้แบบนี้นั่นแหละ ตอนแรกผมก็แปลกใจว่าทำไมความรู้บางอย่างมนุษย์ทุกคนสามารถเข้าใจได้เหมือนกันทุกคน ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างไร ก็จะนำไปสู่บทเรียนเดียวกัน ความรู้เดียวกัน แต่ตอนนี้ผมพอเข้าใจหลักการทำงานเหล่านี้บ้างแล้ว ดังนั้นถ้าเราจับจุดได้เราก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ตลอดไม่ว่าจะไปเจอกับอะไร เพราะหลักการทำงานมีแค่อันเดียว

ผมพยายามหาหนังสือที่สอนเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ความหมายของชีวิต อะไรประมาณนี้ หาตั้งนานก็ไม่เจอแบบตรงๆ ตอนนี้เจอแล้ว มันจะอยู่ในหมวดจิตวิทยาประยุกต์หรือ DDC 22 ก็คือหมวด 158 หนังสือที่อยู่ในหมวดนี้จะสอนเราว่าควรดำเนินชีวิตอย่างไร ควรทำอย่างไร อะไรคือความหมายของชีวิต ชีวิตที่ดีเป็นอย่างไร ทางไปสู่ความสำเร็จไปทางไหน เป็นต้น

หนังสือที่อยากจะรีวิวชื่อเรื่องว่า University of Success แต่งโดย Og Mandino นำข้อคิดแนวทางดีๆของนักเขียนชื่อดังเกี่ยวกับ self-help โดยเป็นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยข้อมูลดีๆ ยกคำพูดคำคมของคนสำคัญมาลงไว้อย่างมากมาย จนผมต้องขีดเส้นใต้เต็มไปหมด เมื่ออ่านแล้วเราจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาลผมอยากให้ทุกคนที่เกิดมาบนโลกได้อ่านหนังสือดีๆอย่างนี้ทุกคนแล้วโลกเราจะพัฒนาไปกว่านี้อีกมาก สำหรับคนที่เรียนจบหรือกำลังเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วหรือแม้แต่คนที่ไม่ได้เรียน ลองมาเข้ามหาวิทยาลัยแห่งความสำเร็จ University of Success นี้ดูสิครับแล้วคุณจะได้อะไรกลับไปมากมาย ถ้าผมต้องเลือกหนังสือเล่มหนึ่งเพื่อให้ผู้คนต่างๆได้อ่านกัน ผมะเลือกเล่มนี้อย่างแน่นอนเลยครับ




 

Create Date : 18 กันยายน 2553    
Last Update : 18 กันยายน 2553 20:13:25 น.
Counter : 1739 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  

Mr.Feynman
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Friends' blogs
[Add Mr.Feynman's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.