ผมเลยขอ review Tune Hotel ที่ได้มาพักนี่ก็แล้วกันครับ
สำหรับ Tune Hotel Downtown จะตั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า สาย Star line (ลงที่สถานี Sultan Ismail) กับรถโมโนเรล สถานี Medan Tuanku ที่ผมเดินวัดระยะทั้งสองฝั่งมาแล้ว ก็ตั้งอยู่ระยะพอๆกันล่ะครับ เอาเป็นว่า ใครสะดวกเดินทางด้วยรถไฟฝั่งไหนก็ไม่ต่างกันครับ
โดยถ้ามาจาก สถานี SultanIsmail ให้เดินมาตามถนน Jalan Sultan Ismailได้เลย จะเจอตัวโรงแรมสีแดงสด ตัดกับสีขาวทางซ้ายมือ
สำหรับการเดินทางมาตึกแฝดก็ไม่ยากเลยครับ ใต้ตัวตึกจะเป็นสถานี KLCC (ย่อมาจาก Kuala Lumpur City Center ครับ) ของรถไฟสาย Putra LRT จากโรงแรมที่พักของผม (Tune Hotel) เลือกมาได้ 2 ทางครับคือ
ตั้งต้นที่สถานี Sultan Ismail (รถไฟฟ้า Star line) ค่าโดยสาร 1.2 RM นั่งไปสองสถานีลงที่สถานี Masjid Jamek เพื่อเปลี่ยนไปใช้รถไฟ Putra Line (1.6 RM) แล้วลงที่สถานี KLCC เลย (เส้นนี้ถือว่าอ้อมนิดหน่อย)
หรือจะนั่งโมโนเรล ที่สถานี Medan Tuanku ไปอีกหนึ่งสถานีลงที่ Bukit Nanas แล้วเดินไปตึกแฝดก็ได้ครับ (เพราะมองเห็นตึกแฝดอยู่รำไร) แต่จะต่อรถไฟ Putra Line ที่สถานี Dang Wangi ก็ได้ครับ แล้วสุดท้ายก็ลงที่สถานี KLCC เช่นกัน (เส้นนี้ดูใกล้กว่า แต่เปลี่ยนรถไฟไกลไปหน่อย)
จัดการเรื่องตั๋วเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จะเป็น City tour ภายใน KL ครับ โดยผมขอนั่งย้อน Putra line ไปลงที่สถานี Pasar Seni (1.6 RM) ซึ่งสถานีจะอยู่ใกล้ Central Market และบริเวณ Chinatown ครับ
สถานี Pasar Seni จะใกล้ๆกับสถานีรถไฟ Kuala Lumpur ครับ ซึ่งสถานี Kuala Lumpur เมื่อก่อนจะเหมือนเป็นศูนย์รวมรถไฟ การเดินทางต่าง (เหมือนสถานี KL Sentral ในปัจจุบันน่ะครับ) แต่ด้วยการคมนาคมที่มีการตัดรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เลยย้ายศูนย์กลางคมนาคมไปยังสถานี KL Sentral แทน ปัจจุบันสถานีรถไฟ Kuala Lumpur เลยมีสถานะเป็นสถานีรถไฟหนึ่งของสาย Kommuter ไป แต่สภาพตัวอาคารยังคงอนุรักษ์ไว้อยู่ครับ
สำหรับแผนเที่ยวของผม จะลงที่ทางออกด้านขวา เพื่อตรงไปยัง Central Market กันก่อนครับ
Central Market หรือตลาดกลาง ผมเห็นโฆษณาในนิตยสารบนเครื่องแอร์เอเชียตลอด ก็เลยนึกอยากมาเดินดูครับ ตลาดกลางนี่ก็เป็นตลาดเก่าแก่แห่งหนึ่งของกัวลานะครับ แต่เดิมที่นี่เคยเป็นตลาดขายผักผลไม้มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1888 โดยด้านหน้าจะมีต้นไม้อายุมากๆ เหลืออยู่เป็นร่องรอยของประวัติศาสตร์
เดินมาจนสุดตลาดมองทางขวา ก็จะเห็นสถานีรถไฟ Pasar Seni ครับ
ไม่ไกลกันนั้น (มองเห็นไกลๆ) จะเป็นจุดรวมสถานี่น่าสนใจในด้านประวัติศาสตร์ของมาเลยเซียครับ ผมพลาดไปนิดที่เดินตามเส้นทางของรถไฟฟ้า ตรงไปสะพานบนถนน Jalan Kinabalu (ที่จริงมันก็ตรงที่สุด) แต่ว่าเหมือนเขาจะไม่ได้ทำทางไว้สำหรับคนเดินเท่าไหร่น่ะครับ
ภาพจากบนสะพาน
ผมแนะนำให้เดินข้ามมาทางสถานีรถไฟ Kuala Lumpur ดีกว่าครับ เพราะมีทางเดินสำหรับคนเดินเท้าที่ร่มรื่นกว่า เดี๋ยวเราจะมุ่งหน้าไปยังมัสยิดกลางแห่งชาติ ที่เห็นยอดแหลมมาแต่ไกลครับ
จาก KL Tower นั่งรถไฟ Monorail จากสถานี Raja Chulan ไปอีก 1 สถานี ก็จะถึงสถานี Bukit Bintang ครับ
Bukit Bintang เป็นแหล่งช็อปปิ้ง รวมไปถึงย่านที่พักราคาประหยัดย่านหนึ่งเลยครับ ทั้งยังมี night life หลายรูปแบบ สามารถเดินได้เพลินทั้งห้างสรรพสินค้าหลายห้าง หรือ walking street ด้านนอกครับ
ทางเข้าสวนสนุกจะมี 2 ทางครับ ทางหลักคือ ด้านหน้าของ Theme Park Hotel ส่วนประตูทางด้านหลังจะเข้า First World Hotel ครับ โดยจะเดินผ่าน Indoor Theme Park แล้งลงบันไดเลื่อนออกมา
ราคาค่าตั๋วครับ ถ้าทำบัตร World Card จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย(ทำบัตรฟรี ดูรายละเอียดที่ตอนแรกได้ครับ)
ด้านหลังของสวนสนุกครับ First World Hotel ที่เห็นเป็นอาคารสูง สีแสบๆ อาคารเตี้ยด้านหน้าก็คือ Indoor Theme Park และที่เห็นเป็นรางรถไฟเหาะทางขวาก็คือ Flying Coaster (29) ตัวเลขในวงเล็บจะตรงตามในแผนที่นะครับ
ด้านในสุดของโซน Genting Land ก็คือ Pirate Ship (8) หรือเรือไวกิ้งที่เราคุ้นหูน่ะเองครับ
ถัดมาจะเป็นเวทีกลางแจ้ง Merdaka Stage ครับ
ถ้ามองถัดมาจาก Merdaka Stage จะเห็นว่าเหมือนสะพานลอยด้านบน ก็จะเป็น Parrot Lane (38) ที่เป็นโซนนกแก้ว และสัตว์เลี้ยงต่างๆเอาไว้โชว์เล็กๆน้อยๆครับ
ที่เห็นเป็นเหมืนอสะพานลอยนี่ก็เพราะเขาทำเป็นทางเชื่อมระหว่างโซน Magic Fountain ด้านบน กับ Genting Land น่ะเองครับ
ใกล้ๆกัน จะเป็น Space Shot (26) เครื่องเล่นที่เป็นหอคอยสูง ให้เรานั่งแล้วจะพาเราขึ้นไปบนยอดสูงสุดก่อนที่จะปล่อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกครับ ผมว่าผมชอบเจ้านี่ที่สุดในสวนสนุกแล้วล่ะครับ
ถัดมาจะเป็น Grand Prix Fun Kart (25) ขับรถแข่งสนุกๆด้วยตัวเองในสนามครับ โยก่อนจะเล่นเราต้องเซ็นต์หนังสือยินยอมเล็กน้อยครับ ว่าจะรับฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรไปเนื่องจากความคึกคะนองของเราเอง จะไม่ฟ้องร้องทางสวนสนุก
โดยรถบัสจะขับตรงขึ้นเขามาเลยครับไม่ได้ไปจอดที่ท่ารถของเก็นติ้ง ที่ต้องต่อกระเช้า Sky Way ขึ้นมาอีกที (อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีของคนที่กลัวความสูง) ที่สำคัญก็คือ ท่ารถที่รถบัสจะมาจอด จะใกล้กับโรงแรม First World เลยครับ ในขณะที่ถ้าขึ้นมาด้วยกระเช้า จะมายังโรงแรม Highland นั่นเอง (ผมจอง First World ไว้เลยเดินสบายหน่อย)
โมเดลของโรงแรมบนเก็นติ้งครับ โดยจะมี 5 โรงแรมที่ต่างระดับกัน ตั้งแต่ Genting Hotel, Highlands Hotel, Resort Hotel, Theme Park Hotel และ First World Hotel โดย 2 โรงแรมหลังนี่จะมีราคาย่อมเยาว์เหมาะกับการมาพักผ่อนของทั้งครอบครัวมากกว่าครับ (ที่จริงจะมีโรงแรมโดยรอบอีกนะครับ แต่ว่าไกลและราคาแพงเกิน เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ชอบตีกอล์ฟมากกว่า)
สำหรับในส่วนของสวนสนุกหรือ Genting Theme Park จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนั่นคือ Indoor Theme Park และ Outdoor Theme Park ครับ
โดย Outdoor Theme Park จะอยู่ด้านนอกตามชื่อของสวน ระหว่างโรงแรม First World (ที่มีสีสันสะลานตา) กับ Theme Park Hotel โดยประตูทางเข้าหลัก จะอยู่หน้าโรงแรม Theme Park เลยครับ (ประตูทางเข้ารองก็อยู่ใน First World Hotel) แถมนิดครับสำหรับราคาค่าห้องโดยปกติแล้ว First World Hotel จะมีราคาถูกที่สุดบนเก็นติ้งครับ ช่วง Low Season หรือวันธรรมดาจะประมาณ 480 บาท ส่วน Theme Park Hotel ก็จะแพงขึ้นมาหน่อยครับ (ประมาณ 980 บาท) ทั้งสองโรงแรมนี้จัดว่าเป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับมาพักกับครอบครัวน่ะเอง
อีกส่วนคือ Indoor Theme Park ที่เป็นสวนสนุกภายในร่ม จะตั้งอยู่ในโรงแรม First World เลยครับ และเป็นสวนสนุกที่ค่อนข้างเหมาะกับเด็กเล็กๆซะมากกว่าครับ นอกจากนี้ยังมีสวนน้ำ และเมืองหิมะจำลองอยู่ในบริเวณ Indoor Theme Park ด้วย ที่จริง Indoor Theme Park ก็จะประมาณสวนสนุกตามห้างสรรพสินค้าในบ้านเราน่ะครับ แต่ที่นี่ดีตรงที่ เราไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู เพราะนอกจากเครื่องเล่นแล้ว ภายในยังมีร้านค้า และร้านอาหารต่างๆให้เราเลือกใช้บริการด้วยนั่นเองครับ ถ้าคิดจะเล่นเครื่องเล่น ค่อมาซื้อตั๋วอีกทีก็ได้ ที่สำคัญ Indoor Theme Park ยังปิดดึกด้วยล่ะครับ คือกว่าจะปิดก็ร่วมเที่ยงคืนเลย
ค่าตั๋วของ Genting Theme Park
All Park
Outdoor Theme Park
Indoor Theme Park
เวลาเปิด-ปิด
Outdoor Theme Park จันทร์-ศุกร์ 10.00-19.00 เสาร์ 8.00-22.00 อาทิตย์ 8.00-20.00
อีกมุมมองด้านบนครับ เสาเขียวๆนี่เป็นเสาของเครื่องเล่น Euro Express (9) ที่เป็นรถไฟเหาะที่วิ่งไวขึ้นมานิดนึงครับ ก็ไมได้เสียวมาเท่าไหร่ครับ ยังเน้นว่าเหมาะกับเด็กๆครับ
นอกจากนี้ยังมีส่วนเสริมอีกครับ เช่น Ripley's Believe It or Not (เหมือนที่พัทยาของเราครับ ที่นี่ก็เป็นอีกสาขาหนึ่ง) ใครไม่เคยเข้าในไทย เข้าที่นี่ก็จะไม่เหมือนกันครับ เพราะเขาจะหมุนเวียนสิ่งจัดแสดงของ Ripley อยู่ตามสาขาต่างๆทั่วโลกอยู่แล้วครับ
The Haunted Adventure บ้านผีสิง ที่ต้องเสียเงินเพิ่มครับ