|
Hongkong return #1 Stanley Market, Repulse Bay, Mong Kok, SOL
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา Air Asia ได้ออกโปร ไม่เป็นไร Thailand เพื่อกระตุ้นยอดการท่องเที่ยว หลังจากที่สนามบินสุวรรณภูมิถูกปิดไปสิบกว่าวัน ทำให้ผมได้อานิสงค์ไปด้วยสองประการ คือ ต้องกลับบ้านด้วยรถทัวร์ไป 1 เที่ยว.. เพราะสถามบินโดนยึดกับ ได้ตั๋วไปเที่ยวฮ่องกง ในราคาแบบ ถูกเหลือเชือ

ไป-กลับ สองคน ในราคา 4,236 บาทนี่ คงจะหาไม่ได้ง่ายๆ เพราะขนาดโปรเปิดเที่ยวบินฮ่องกง ยังแพงกว่านี้เลย (จะมีคนหมั่นไส้ผมไหมเนี่ย) แถมจองได้ใกล้ๆเดินทางซะด้วย ประมาณเดือนเดียว หักค่าฝากกระเป๋า 100 บาท ก็แค่คนละ 2,068 บาทเองนะเนี่ย
แถมเดินทางช่วงตรุษจีนซะด้วย (ฮ่องกงจะหยุด 3 วันช่วงตรุษจีน คล้ายๆสงกรานต์บ้านเราเนี่ยแหละครับ อย่างปีนี้ หยุดวันที่ 26-27-28) โดยหารู้ไม่ว่า จะได้แถมประสบการณ์เหนือธรรมดาหลายอย่างน่ะครับ 

เดินทาง 27 ม.ค. 52 เวลา 16.30 ถึงฮ่องกง 20.15
เดินทางกลับ 30 ม.ค. 52 เวลา 20.50 ถึงสุวรรณภูมิ 22.50
ว่าแล้ว ออกเดินทางกันเลยดีกว่า...

มา check in ตั้งแต่บ่ายเลยครับ คนล้นหลามตามเคย เดี๋ยวนี้ที่สุวรรณภูมิ สายการบิน Air Asia จะทำการแบ่งการ check in เป็นในประเทศกับนอกประเทศไปเลยครับ ยกเว้น เที่ยวบินที่ใกล้ออก น้องๆพนักงาน จะไล่ให้ไป check in ที่แถว D ประมาณช่องที่ 18 ไป ไม่ต้องมา check in รวมที่แถว E
คราวนี้ รอไม่นานแฮะ 15 นาทีก็เรียบร้อย 

ภาพนี้ รูปบังคับครับ ถ้าไปต่างประเทศ แล้วไม่ถ่าย เดี๋ยวจะโดนเพื่อนแซวว่า เอ็งไปจริงรึเปล่า...555 (พยายามหามุมใหม่ๆ เลยมาถ่ายด้านหลังแทน)
ว่าแล้วก็ไปเลานจ์ ของ King Power ดีกว่า

(ที่จริงกินเยอะกว่านี้นะเนี่ย) แต่ถ่ายให้ดูสวยงามน่ะ
ใครอยากใช้บริการก็ไปสมัครสมาชิกที่เคาเตอร์ด้านหน้า ก่อนผ่าน ตม. นะครับ โดยเสียค่าสมัคร 500 บาท แล้วจะได้บัตรกำนัลใช้ซื้อของได้ 750 บาท (แค่นี้ผมว่าก็คุ้มแล้วล่ะครับ) แต่ถ้าเป็นสมาชิกครั้งแรก ต้องซื้อของครบพันบาทก่อนนะครับ ถึจะเข้าเลาจน์ได้ (พอดีตากล้องผมเป็นสมาชิกเก่าอยู่แล้วเลยเข้าได้เลย..)
ต่อไปเป็นคำเตือนครับ เพราะผมเกือบตกเครื่องซะแล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม ตอนตรวจก่อนเข้า Gate ต้องตรวจเข้มมากมายซะนาดนั้น ทั้งถอดเข็มขัด ทั้งค้นกระเป๋า แถมเด็กฝรั่งที่ใส่ชุดกันหนาวมา ก็แทบจะให้เด็กถอดเกือบหมด (ทั้งชุด ทั้งรองเท้า) ทำให้ได้ยินเสียงฝรั่งบ่นเข้าหูเป็นระยะๆเลยครับ เลยทำให้ผมขึ้นเครื่องช้าเป็นกลุ่มสุดท้ายเลย กลายเป็นว่า ได้นั่งรถตู้ ไปขึ้นเครื่องบิน Air Asia เป็นครั้งแรก ก็เที่ยวนี้ กว่าจะได้บินก็ 16.40 ไปแล้ว

มาถึงฮ่องกง สองทุ่มกว่าๆ กับอากาศ 15 องศา ที่หนาวสำหรับผม มื้อแรกในฮ่องกง เลยหาทานในสนามบินเนี่ยแหละครับ

เป็นร้าน ติดกับ Burger King's น่ะครับ จำชื่อไม่ได้ มื้อนี้ 70 เหรียญกว่าๆ โจ๊กอร่อยดี ใส่ทั้งมาทั้งทะเลเลย ทั้งหอย กุ้ง ปู ปลา.. เรียกว่าตักมาก็เจอเนื้อทุกคำ
อิ่มแล้ว เตรียมเข้าเมืองกัน

trip นี้จะเที่ยวซอกแซกเยอะครับ เลยซื้อ Airport Express ซะเลย

สำหรับ Airport Express (AE) นี่มี 2 แบบให้เลือกซื้อนะครับ คือ 220 เหรียญ จะรวมตั๋วรถไฟสาย Airport Express 1 เที่ยว และราคา 300 เหรียญ จะรวมตั๋วรถไฟสาย Airport Express 2 เที่ยว และใช้ขึ้น MTR ได้ 3 วันแบบไม่จำกัด (นับ 72 ชม.ตั้งแต่แตะบัตรครั้งแรกครับ) ยกเว้นสาย East Rail Line (สีฟ้า) กับ Ma On Shan Line (สีน้ำตาล) จำง่ายๆก็ ใช้ไปในโซน New Territories ไม่ได้น่ะเองครับ
ส่วนค่ารถเมล์ไม่รวมในบัตร AE นะครับ
บัตร Airport Express นี่ก็จัดเป็น Octopus Card ชนิดหนึ่ง ยังไงก็เติมเงินในบัตรด้วยนะครับ สำหรับการใช้ซื้อของตามร้านสะดวกซื้อ และจ่ายค่ารถเมล์ (แบบสะดวกๆ)
ถ้าใครจะจบ trip ที่ City Gate outlet / Ngong Ping 360 ผมแนะนำให้ซื้อ AE แบบเที่ยวเดียวจะประหยัดทั้งเงิน ทั้งเวลากว่าครับ เพราะขากลับ ถ้าใช้ AE ต้องมาขึ้นย้อนที่สถานี Tsing Yi ทำให้อ้อม เสียเวลาไปร่วม 40 นาทีได้ครับ แต่ถ้าเราขึ้นรถบัสสาย A35 นี่จะตรงไปสนามบินเลย ในราคาแค่ 15 เหรียญเอง (ดูความใกล้ระหว่างสนามบินกับ City Gate ได้ตอนนั่งกระเช้าเลยครับ)

ลำดับถัดไปก็ต้องเป็นการ review ที่พัก โดยผมหวังว่าจะพักเป็น hostel ให้สมกับเป็น trip ประหยัด โดยตั้งเป้าไว้ว่า จะพักทางฝั่งฮ่องกง เพราะคราวก่อน เคยไปนอนทางฝั่งเกาลูนมาแล้ว ซึ่งที่พักนี่เป็นความบังเอิญตั้งแต่ค้นหาใน Google แล้ว ทำให้ได้พักที่ Yesinn Hotel

ไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.yesinn.com ได้เลยครับ เป็น hostel ที่ดำเนินงานโดยคยฟิลิปินส์(มั้ง) เพราะพนักงานที่อยู่หน้าเคาเตอร์ก็เป็นสาวฟิลิปินส์ทั้งสองคน
ปัญหาแรก คือ ผมมีกำหนดจะพัก 3 คืนแต่หน้าเวป ทำการจองได้เพียง 2 คืนเอง (อาจจะเนื่องมาจากราคาที่พัก ในช่วงเทศกาลตรุษจีนมันไม่เท่ากับช่วงเวลาปกติรึเปล่า?) ดังนั้น จึงได้ทำการ e-mail ไปขอพักเพิ่มอีกคืน ซึ่งมีเมล์ตอบรับมาแล้ว ว่าพักต่อได้ แต่พอไปเช็คอิน (ตอนนั้น 5 ทุ่มกว่าแล้ว) กลับเกิดปัญหา จะให้เรานอนในห้องได้ 2 วันตามที่จองมา กับนอนรวมในห้องแบบหอพักอีกในคืนสุดท้าย ซึ่งไม่ใช่ความผิดเรา (เพราะทาง รร.ที่เมล์ตอบกลับมาแล้ว ว่าไม่มีปัญหา) ตากล้องผมเลยเกิดอาการวีนครับ ทำให้สุดท้าย จากโชคร้ายได้กลายเป็นโชคดีไป คือ แทนที่เราจะได้พักที่ Yesinn Hostel แถว Fortress Hill นี้ กลับเป็นว่า เราได้ไปนอนที่ Yesinn Studio แถว Causeway Bay แทน ที่อยู่ใจกลาง shopping เลย แถมใกล้ MTR มากๆ ในราคาที่จ่ายเพิ่มในคืนสุดท้ายอีก 450 เหรียญ
รวมที่พัก 3 คืน 811 + 450 = 1,261 เหรียญฮ่องกง (5,800 บาท สำหรับสองคน)
ค่าตั๋วเครื่องบินอีก 4,236 บาท
รวมเป็น หนึ่งหมื่นนิดๆเองครับ 


Lucky อีกอย่างก็คือ ตลอด 3 วันที่พักนี่ มีแค่ห้องผมห้องเดียวที่มาพักนะเนี่ยครับ


อันที่จริงห้องที่ Yesinn Hostel ก็ไม่ต่างกับที่นี่หรอกครับ ต่างกันตรง ไม่มีครัวตรงส่วนกลางเท่านั้นเอง (กับตรงส่วนกลางเปลี่ยนเป็นส่วน check in น่ะครับ)

ชอบตรงทำเลเนี่ยแหละครับ นอนอยู่ตรงกลางแหล่ง shopping เลย ตึกที่อยู่ ก็ใกล้ๆกับป้ายบอกถนนนี่เลยนะเนี่ย

อันนี้ทางเข้าตึกครับ


ตื่นเช้าขึ้นมา ขอเดินเล่น warm up ขา แถวที่พักซะหน่อยครับ
แถว Causeway Bay นี่จะมีแหล่ง Shopping มากมายครับ ไม่ว่าจะเป็น Sogo หรือ Times Square เป็น landmark อันนึงเลยล่ะครับที่คนไทยต้องแวะมา

สำหรับคนที่มา Sogo ให้ออก ทางออก D1-4 ได้เลยครับ เพียงแต่ละช่องทางนี่ จะออกคนละฝั่งของตึกเท่านั้นเอง ที่สำคัญเดินใกล้กว่า ไปออกทาง Times Square ครับ ออกทาง Sogo มาเดินขึ้นบนถนน แล้วเดินเล่นชมวิวข้างบนแล้วค่อยเดินไป Times Square ดีกว่าครับ
ส่วนใครอยากตรงไป Times Square เลย ต้องเดินใน MTR ไกลหน่อยครับ ไปออกที่ Exit A เลย ก็จะไปทะลุชั้นใต้ดินของห้างพอดี
ไม่ค่อยเห็นใครจะถ่ายบรรยากาศยามเช้ายังงี้นะเนี่ย 

ท้องร้อง เลยเติมพลังมื้อเช้าซะหน่อย ด้วย บิสกิตในตำนานของ KFC (แบบว่า ยังเป็นบิสกิตที่ห้องก้นครัว ยังอาลัยและถามถึงอยู่บ่อยๆ)

ราคาทั้งชุดนี่ 12 หรือ 18 เหรียญเนี่ยแหละครับ จำไม่ได้เพราะแปะบัตรปลาหมึกซื้อน่ะครับ มันไวมาก...
แผนแรกว่าจะไป Ocean Park ครับ
Causeway Bay -> Admiralty ค่าโดยสาร MTR 4 เหรียญ ใช้เวลา 5 นาที ครับ
มองหา Exit B เมือออกมาแล้วเลี้ยวซ้าย จะเจอตู้ขายตั๋วเข้า Ocean Park และตั๋วรถโดยสาร
แต่ดูคนวันนี้สิครับ แบบว่ายังเป็นช่วงหยุดตรุษจีนอยู่ คนแห่มาเที่ยวซะขนาดนี้ ขนาดที่ว่า คนตั้งแถวขึ้นรถเมล์วนเกือบรอบตึก Lippo นี่เลยนะเนี่ย เห็นแล้วเครียดเลยต้องปรับแผนการเที่ยวอย่างด่วนเลย

ดีที่ว่ามีแผนสำรองครับ เลยว่าจะไปเที่ยว Stanley Market และ Repulse Bay แทน
ทำให้พลาดเลยนะเนี่ย เพราะอันที่จริง ถ้าเราจะไป Stanley Market เราสามารถนั่งรถมินิบัสสาย 40 ที่ออกจาก Causeway Bay ได้
แต่บ่ยั่นครับ มีบัตร AE ซะอย่าง ยังไงก็นั่ง MTR ได้ไม่จำกัดอยู่แล้ว
Admiralty -> Central ค่าโดยสาร 4 เหรียญ ใช้เวลา 3 นาที
Exit A จะเห็นตึกฝั่งตรงข้ามถนน คือ ตึก Exchange Square ให้ไปหาสถานีรถเมล์ที่ชั้นล่างของตึกนี้ครับ
รถเมล์ที่ไปถึง Stanley Market จะมีสาย 6, 6A, 6X, 66 และ 260
ราคาสาย 6 จะถูกกว่าเขาคือ 7.9 เหรียญ ในขณะที่ 6A,6X,66 ราคา 8.4 เหรียญ ส่วนสาย 260 ผมจำราคาไม่ได้ครับ
ส่วนผม เจอสาย 6X มันมาก่อน ก็รีบกระโดดขึ้นเลย

นั่งผิดด้านง่ะ
ถ้าอยากถ่ายรูปวิวสวยๆของอ่าว อย่าลืมนั่งฝั่งขวาของคนขับนะครับ

นั่งรถเมล์ประมาณ 40 นาทีก็ถึงแล้ว
ที่จริงเราจะลงตั้งแต่ตอนที่รถเมล์ จอดป้าย Stanley Plaza เลยก็ได้นะครับ เพราะตัว plaza นี่ ก็เป็นห้างที่ชั้นล่างสุด มันติดทางเดินไปถึงอ่าวอยู่แล้ว ตอนแรกผมไม่รู้ ก็เลยนั่งไปจนถึงป้ายตลาด Stanley เลย ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกครับ (แค่เสียเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย)
ที่เห็นก็คือ Blake Pier (ซ้าย) และ Murray House (ขวา)

Slanley Plaza กับวัด Tien Hou (มองดีๆประตูทางเข้าวัดอยู่ใต้ภาพน่ะครับ)

วัด Tien Hou ทางซ้ายครับ ส่วน Stanley Plaza ทางขวา (มีห้องน้ำทางเดินข้างหลังร้าน Mc Donald ไปหน่อยนะครับ)

Murray House จะมี Hongkong Maritime Museum ที่บริเวณชั้นล่างและภัตตาคารคอยบริการที่ชั้นบน

Blake Pier


บรรยากาศโดยรอบครับ ลมค่อนข้างแรงครับ แต่โชคดีที่มีแดด อาการที่อุณหภูมิ ไม่ถึง 20 องศาเนี่ย ก็เลยสบายๆ จนถึงเกือบหนาวครับ (สำหรับผม)


ไปปืนโขดหินนี่เล่นด้วยครับ (โปรดสังเกตุว่า ใส่เสื้อ 3 ชั้น )

เดินตลาดครับ ได้เสื้อกันหนาวติดมือมาด้วย แถมราคาแสนถูก 79 เหรียญ (364 บาทเอง) ก็กะใช้กันหนาวตลอดทริปนี้ เพราะเมืองไทย คงไม่ค่อยได้มีโอกาสใส่เสื้อกันหนาวเท่าไหร่นี่นา

หนำใจแล้ว ก็นั่งรถเมล์ย้อนกลับไป Repulse Bay ครับ ขากลับนี่ ผมก็นั่งสาย 6X กลับเหมือนเคย

มาถึงแล้ว

Repulse Bay หรือ หาดทรายรูปจันทร์เสี้ยวนี่เป็นหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในฮ่องกง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว และยังใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ไปหลายเรื่องด้วยครับ

ดูอากาศซะก่อนครับ หนาว..

ชายหาด ที่ลมแรง ที่สำคัญแดดหายไปไหนหว่า

ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันดีกว่าครับ

รีพัลส์ เบย์ มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทินโห่ว ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชาวประมง โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวยที่ทอดยาวลงสู่ชายหาด


ไหว้เจ้าแม่กวนอิมกัน 


ถ้าไม่ข้ามสะพานนี่ เขาว่ามาไม่ถึง Repulse Bay ครับ 


ขากลับ ตอนนั่งบนรถเมล์ เจอกลุ่มแม่บ้านฟิลิปินส์มาทำอะไรทานกัน ท่าทางน่าอร่อยเลย ถ้าเป็นเมืองไทย คงเห็น ครก สาก ตำส้มตำกันสนุกไปแล้วมั้งเนี่ย 

นั่งรถเมล์กลับมายังสถานี Central ครับ
จุดหมายถัดไป Mong Kok ครับ
Central -> Mongkok (เลือกนั่งสายสีแดง Tsuen Wan Line ได้เลยครับ) ค่าโดยสาร 10.5 เหรียญ ใช้เวลา 12 นาที
ผมอยากมาดู Goldfish Market น่ะครับ อยากเห็นบรรยากาศจตุจักรบ้านเรา ที่ขายปลา ขายหมาขายแมว แต่ในฮ่องกงจะเป็นยัง ส่วน Lady's Market หรือพวกซื้อของ ทริปนี้ไม่ค่อยเน้นครับ (แต่ก็แวะไปเดินเล่น) เพราะช่วงนี้มีแต่เสื้อผ้าฤดูหนาวที่เซลล์เป็นหลัก บ้านเราไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว
อ้อ ถ้าจะลงตรง Goldfish Market ลงสถานี Prince Edward เลยก็ได้จะใกล้กว่า หรือลง Mong Kok แล้วเดินย้อนขึ้นไปหน่อยก็ได้ครับ

ตามร้านขายปลา ขายสัตว์ต่างๆนี่ เขาไม่ให้ถ่ายรูปนะครับ เลยต้องถ่ายไกลๆหน่อย เท่าที่มองดู หาหมาตัวใหญ่ๆนี่ไม่ค่อยมีขายเลยนะครับ จะเป็นพวกปลาทอง นก สัตว์เลื้อยคลานแปลกๆ เต่า ซะมากกว่า สงสัย เพราะคนฮ่องกง อาศัยบนตึกกันซะมาก เลยเลี้ยงหมากันลำบากรึเปล่าเนี่ย 
แล้วก็มาโผล่แถวไหนเนี่ย จำไม่ได้แล้ว ใน Mong Kok เนี่ยแหละ

มื้อเย็น เที่ยงเมืองนอกที่ไร ต้องหาอาหารเกาหลีกินเรื่อยเลยนะเนี่ย 
เจอเป็นร้าน อยู่บนชั้น 5 ตึกอะไรจำไม่ได้แล้วครับ เป็นนกเดินทางที่ เห็นป้ายอะไร อยากทานก็ตามไปเลยน่ะครับ ไม่ได้เน้น ตามคู่มือไปทานเท่าไหร่

มี buffet ด้วย ราคา 138 เหรียญ ซึ่งน่าสนใจมากๆ แต่เราไม่สามารถเลือกจากใบจดรายการอาหารที่เป็นภาษาจีนได้ เลยอดทานเลย
สุดท้ายก็เลือกแบบสั่งตามเมนูเอาซะ มื้อนี้หมดไป ประมาณ 250 เหรียญได้ครับ (ถูกกว่า buffet นิดหน่อย แต่อิ่ม อืด ไม่ต่างกันเลย ทานไม่หมดอีกต่างหาก) 

พอตกกลางคืน ก็มาแถว Tsim Sha Tsui มารอดู SOL ครับ
MongKok -> Tsim Sha Tsui ค่าโดยสาร 5 เหรียญ ใช้เวลาเดินทาง 7 นาที
เลือกทางออกได้หลายทางนะครับ แต่ผมเลือกเดินมาทางสถานี East Tsim Sha Tsui เพราะจะมีทางเดินใต้ดินของ MTR ข้ามถนนมาเลย (เดินข้างบน ระวังจะแวะร้านค้า ที่ sales ได้ตลอดปี ดึงดูดความสนใจไปง่ะ ) เลือกมาออกทางห้าง New World Center Center จะได้เดิน The Avenue of Stars ตั้งแต่ปลายสายเลยครับ
พอเข้าไปในห้าง ช่วงนี้เป็นตรุษจีนพอดี เลยมีงานครับ มีของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาร่วมด้วย

แถมก่อนสองทุ่ม ก็เป็นช่วงการแสดงของไทยเราบนเวทีพอดี (จัดว่าเป็นช่วงเวลาดีนะครับ เพราะพอแสดงจบคนก็เริ่มเกินไปดู SOL พอดี)

แล้วก็เดินมาถึง Avenue of Stars ครับ
Avenue of Stars เป็นสถานที่รำลึกถึงอัจฉริยบุคคลที่มีคุณูปการต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ของฮ่องกง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว มีลายพิมพ์มือดารา แผ่นหินจารึกชื่อบุคคลที่มีชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ที่สำคัญของวงการภาพยนตร์ รวมไปถึงร้านจำหน่ายของที่ระลึกเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องต่างๆ รูปปั้นจำลองรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง และประติมากรรมขนาดเท่าคนจริงของบรูซ ลี ดาราหนังกังฟูผู้เป็นตำนาน
จะเจอเฮียบรู๊ซ ลี มายืนรอรับอยู่เลย 


อ่าววิคตอเรียอันสวยงาม ภาพตึกระฟ้าบนฝั่งฮ่องกงที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงไปแล้ว


เมื่อถึงเวลา 20.00 ก็จะเป็นการแสดงแสงสีมัลติมีเดีย A Symphony of Lights จากตึกระฟ้ารายรอบกว่า 43 แห่ง บนฝังฮ่องกง

เก็บตกบรรยากาศหลังจบโชว์ครับ

ฝั่งฮ่องกง ตึก IFC ครับ สูงที่สุดในฮ่องกง

clock Tower ยามค่ำคืนครับ

ย่านซิมซาจุ๋ย ยามค่ำคืน

ผมเชื่อว่า 2 ร้านนี้ ถ้าไม่มีคนไทยในร้าน ผมว่าผิดปกติครับ

กลับดีกว่าครับ
Tsim Sha Tsui -> Causeway Bay ค่าโดยสาร 10.5 เหรียญ ใช้เวลาเดินทาง 11 นาที
ปล.ที่จริงไป hank out ต่อน่ะแหละครับ แบบว่าพลังงานมันเหลือเฟือ 
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2552 | | |
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 18:31:35 น. |
Counter : 3438 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|