Group Blog
 
All Blogs
 
กัวลาลัมเปอร์ เที่ยวใกล้ๆง่ายนิดเดียว # 3 Putrajaya, KLTower

หลังจากสนุกสนานกับเครื่องเล่นใน Outdoor Theme Park มาในช่วงเช้า แถมผมยังทำเวลาดีคือใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น ทำให้มีเวลาเข้าเมืองได้ตั้งแต่เที่ยงวันเลยครับ

การจะลงจากเก็นติ้งเพื่อเข้ากัวลาลัมเปอร์สามารถเลือกได้ 2 ทางครับ ทางแรก สามารถใช้รถบัสโดยสารที่สถานีใกล้ๆกับโรงแรม First World แต่วิธีนี้ รถบัสจะไปลงที่สถานีรถไฟฟ้าอื่นๆ ไม่ใช่ที่สถานี KL Sentral โดยตรง แต่ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนกลัวความสูงนะครับ

อีกวิธี และเป็นวิธีที่นิยมกันมากกว่า ก็คือ การนั่งกระเช้าลอยฟ้า Skyway ลงมายังสถานีขนส่งด้านล่าง แล้วต่อรถอีกทีนั่นเองครับ แต่สถานีของกระเช้าลอยฟ้า Skyway นั้นอยู่ในโรงแรม Highlands Hotel อีกฟากของเขาครับ ทางเก็นติ้งจะมีรถ shuttle bus คอยรับ-ส่งผู้โดยสารอยู่ โดยมาขึ้นรถได้ฟรีที่หน้า First World Hotel ชั้น 1 ด้านข้างใกล้ๆกับ Starbuck นั่นเองครับ



ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง Highlands Hotel ครับ



เข้ามาก็จะเป็นส่วน plaza ครับมองหาป้ายชี้ทางไป Skyway ได้เลยครับ แต่เลือกที่เป็นทางลงนะครับ เพราะยังมีเคเบิ้ลที่ขึ้นไปนมัสการวัดด้านบนอีกด้วยครับ



มาถึงแล้วครับ สำหรับค่าโดยสารก็ 5 RM ครับ



Genting Skyway มีความยาวถึง 3.4 กม. และเป็น cable car ที่ยาวที่สุดในเอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ครับ แต่ถึงจะยาว แต่กระเช้าก็เคลื่อนที่ไวด้วยความเร็วสูงสุด 6 เมตรต่อวินาทีครับ ทำให้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็มาถึงสถานีด้านล่าง

Skyway เปิดให้บริการตั้งแต่ 7.30 ครับ และปิด 23.00 ในวันจันทร์-พฤหัสบดี สำหรับวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะปิดให้บริการเที่ยงคืนเลยครับ



เนื่องจากความสูงในระดับ 1800 ฟุต และพื้นที่ที่เป็นป่าความชื้นสูง ทำให้เจอหมอกได้เป็นระยะๆเลย



ตอนแรกผมนึกว่าโชคดีแล้วนะ เกือบได้นั่งกระเช้าคนเดียว แต่ดันมีคุณลุงคนนึงมาขออาศัยกระเช้าเดียวกันลงมาด้วยซะอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า ลุงแกกลัวความสูงไม่กล้านั่งคนเดียว (ลุงรู้รึเปล่าเนี่ย ว่ามันก็มีรถบัสขาลงนะ) แต่พอเข้ามาแกก็ทั้งไอทั้งจาม ผมล่ะกลัวจะติดหวัดจากแกซะจริงๆ สงสัยว่าจะมาเสี่ยงโชคบนเก็นติ้งแล้วพักผ่อนน้อยแหงๆเลยครับ



ประมาณสิบกว่านาทีก็มาถึงสถานีรถโดยสารด้านล่างครับ



เมื่อมาถึงสถานีรถโดยสารแล้ว ก็เดินตามป้ายออกมาชั้นล่างสุดเลยครับ ช่องจำหน่ายตั๋ว และชานชาลารถ อยู่ใกล้กันนี่เอง



จุดหมายของผมก็คือ เข้าไปในกรุงกัวลาลัมเปอร์ครับ รถจะออกจากชานชาลาที่ 2 ไม่กลัวหลงเลยครับ ป้ายบอกเด่นชัดมาก ในระหว่างนี้ภายในอาคารยัมีร้านอาหาร ของว่าง และของที่ระลึกให้เลือกซื้อด้วยครับ



สำหรับค่าโดยสารจากสถานีระบัสเก็นติ้งไป KL จะอยู่ที่เที่ยวละ 4.30 RM ครับ สำหรับคนที่ซื้อตั๋วมาจาก KL Sentral จะเห็นว่าราคาค่าตั๋วจะเป็น 9.3 RM oนั่นก็เพราะเขารวมค่ารถบัส 4.3 RM + ค่ากระเช้าขึ้นเก็นติ้ง 5 RM เอาไว้แล้วนั่นเองครับ



ในตั๋วที่ซื้อ จะระบุเวลาของรถที่จะออกเอาไว้อย่างชัดเจนนะครับ สำหรับคนที่เผื่อฟลุก (อย่างลุงๆกลุ่มนี้) รถบางเที่ยว ที่พอถึงเวลาขึ้นรถแล้ว คนยังไม่ครบ เขาก็จะเรียกคนในเที่ยวถัดไปให้ขึ้นครับ อย่างลุงๆกลุ่มนี้ที่มาออกันต้นแถวก็โชคดีได้ขึ้นไปบนรถก่อนครับ เพราะตอนแรก คนยังไม่เต็ม แต่ซักพัก พอเจ้าของที่นั่งตัวจริงๆมา คนขับรถ ก็ต้องเชิญลุงๆพวกนี้นี่แหละครับ ให้ลงมารอขบวนจริงๆของลุงแก

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ที่จริงคนในประเทศเขาก็มีที่ไร้วินัยอยู่เหมือนกันนะครับ และอีกอย่างก็คือ ที่นี่ความตรงตรงเวลาเป็นเรื่องที่เขาค่อนข้างเข้มงวดครับ รถบอกจะออก 13.00 ก็ตามนี้จริงๆ ไม่ใช่รถหวานเย็นอย่างบ้านเราครับ



นั่งๆหลับๆในรถบัสประมาณชั่วโมงกว่าๆ (ถ้าในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนที่รถเยอะๆอาจใช้เวลาถึง ชม.ครึ่งได้ครับ) ก็มาถึงสถานี KL Sentral แล้ว จะเห็นย่าน Little India ใกล้กับสถานีครับ



รถบัสจะมาจอดที่ชั้นล่างของสถานี KL Sentral เลยครับ ไม่มีหลงแน่ๆ เพราะป้ายบอกทางต่างๆ ชัดเจน มองหาได้ง่ายครับ



อย่างที่บอกไว้ข้างต้นครับ ถ้าซื้อตั๋วจาก KL Sentral ไปเลย เขาจะคิดรวมเป็น 9.30 RM ไปเลย ก็สะดวกดีครับ ถือตั๋วขึ้นกระเช้าได้เลย ไม่ต้องไปเข้าแถวซื้อตั๋วที่สถานีเก็นติ้งอีก



สำหรับรถบัสไป LCCT ก็อยู่ถัดไปไม่ไกลกันครับ สำหรับคนที่จะต่อรถจาก LCCT มายัง KL Sentral แล้วไปต่อยัง Genting ก็ไม่หลงแน่ๆครับ เพราะรถบัสทั้งหมดอยู่ติดๆกันเลย



สำหรับ KL Sentral เป็นสถานีจุดรวมของรถไฟ และรถไฟฟ้าหลายสายครับ บางคนอาจจะกลัวว่า การที่เป็นที่รวมรถและการขนส่งหลายๆรูปแบบจะทำให้งง หรือหลงทางได้ แต่จริงๆแล้วที่นี่ค่อนข้างจัดสรรพื้นที่การเชื่อมต่อรถต่างๆได้ดีครับ เมื่อมองหาป้ายบอกทางเพื่อไปต่อรถต่างๆก็มีมาก ไม่สับสนแน่ๆครับ




อย่างที่ KL Sentral นี่จะมีทั้งรถบัส รถไฟฟ้า ทั้ง Putra Line และ Star Line รถไฟธรรมดาที่เรียกว่า KTM และรถไฟฟ้าด้วนพิเศษไปสนามบินอย่าง KLIA Ekspres/Transit และถ้าเราจะรวมรถไฟรางเดียว Monorail ที่ก็มีสถานีที่นี่ด้วย (แต่ที่จริงตัวสถานีอยู่คนละอาคารเดินห่างไปประมาณ 5 นาทีได้ครับ) จะเห็นว่าเป็นสถานีที่รวมการขนส่งเอาไว้จริงๆ





สำหรับเวลาครึ่งวัน ผมเลยคิดจะเดินทางไปเที่ยวเมืองราชการอย่าง Putrajaya ครับ เพราะเดินทางง่ายๆด้วยรถไฟ KLIA Transit เพียงต่อเดียว

ที่จริงเมือง Putrajaya จะอยู่ระหว่าง สนามบิน KLIA กับกัวลาลัมเปอร์ สำหรับคนที่ไม่ได้มีสัมภาระเยอะ จะวางแผนแวะเที่ยวที่นี่เมื่อลงจากเครื่อง หรือก่อนไปขึ้นเครื่องบินก็ได้ครับ โดยอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.สำหรับที่นี่ก็เพียงพอครับ





สำหรับภายตัวรถไฟก็กว้างขวาง เพราะเน้นที่นั่งเดียวมาก ทำให้มีพื้นที่วางกระเป๋าสัมภาระ (สำหรับคนที่จะไปต่อเครื่องบิน) ค่อนข้างมากครับ แอร์ก็เย็นเฉียบ ที่สำคัญเสียงปิดประตูยังไม่ดังน่ากลัวอย่าง Airport Link บ้านเราด้วย



สำหรับการเดินทางจาก KL Sentral มายัง Putrajaya ใช้เวลาประมาณ 18 นาที ตั๋วไป-กลับ ราคา 19 RM ครับ



เจ้ารถไฟขบวน KLIA Transit ครับ เป็นรถไฟที่วิ่งจาก KL sentral ไปยังสนามบิน KLIA โดยจะจอดทั้งหมดเพียง 4 สถานีเท่านั้น (KL sentral -> Bandar Tasik Selatan -> Putrajaya -> Salak Tinggi และสถานีปลายทาง KLIA)

สำหรับ KLIA Eksprese จะไม่แวะจอดสถานีใดเลยครับ (KL Sentral->KLIA)



เมื่อมาถึงสถานีรถไฟ Putrajaya แล้วให้เดินข้ามไปอีกฝั่งจะเป็นสถานีขนส่งของ Putrajaya เช่นกันครับ โดยจะมีรถบัสหลายสาย รวมทั้งรถ taxi ให้เลือกใช้บริการด้วยครับ



ตอนที่ผมมาถึงนี่เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าๆ อากาศกำลังร้อนอบอ้าวได้ที่เลยล่ะครับ แถมลยังมีลุ้นว่าฝนจะตกรึไม่อีก



ลองมาดูแผนที่ของเมือง ประกอบกับสายของรถเมล์ต่างๆที่วิ่งในเมืองดูครับ



บริเวณภายใน Putrajaya Sentral โล่ง โปร่ง สะอาด แต่อากาศร้อนมากๆ





หลังจากที่มึนจากความร้อน ก็มาตั้งสติเพื่อจะเลือกสายรถเมล์ที่จะไปครับ สำหรับ Putrajaya จะมี hilight สำคัญอยู่ 2 สถานที่ ซึ่งอยู่ติดๆกันเลย นั่นคือ มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) หรือมัสยิดสีชมพูที่เราเคยได้ยิน กับ อาคารทำเนียบรัฐบาลของมาเลเซีย (Perdana Putra) ซึ่งจะอยู่บริเวณศูนย์กลางของเมืองเลย รถเมล์ทุกสายแทบจะผ่านหมดครับ แต่แตกต่างกันเพียงที่ว่ารถแต่ละสายจะไปวนทางไหน โซนไหนก่อนเท่านั้นเองผมเลยลองเสี่ยงดวงกับรถเมล์สาย 114 ดูครับ (เพราะในป้ายบอกว่าผ่าน Putra Mosque)



สำหรับรถเมล์ที่นี่ ค่าโดยสารเพียง 0.5 RM ครับ อย่าลืมเตรียมเศษเงินให้พอดีกับตู้หยอดข้างๆคนขับนะครับ เพราะไม่มีทอน และถ้าใครกลัวจะพลาดหรือลงป้ายไม่ถูก ให้บอกคนขับได้ครับ ว่าจะลงป้าย Putra Mosque คนขับก็จะบอกว่าถึงป้ายให้ด้วยครับ

ถือว่าเป็นการนั่งรถเมล์ราคาประหยัดชมวิวไปด้วยในตัว แถมแอร์ยังเย็นฉ่ำไม่ร้อน ถือเป็น city tourราคาประหยัดโดยแท้ครับ55

นั่งรถเมล์ไม่นาน ก็เห็นอาคารรัฐสภาและมัสยิดสีชมพูให้ตื่นตาเล่นครับ



สำหรับเมือง Putrajaya เกิดขึ้นตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่จะสร้างเมืองใหม่เพื่อใช้เป็นศูนย์ราชการ (ชื่อเมือง Putrajaya นั้นตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับนายกรัฐมนตรีท่านแรกของมาเลเซียครับ นั่นคือ นายกรัฐมนตรี ตวนกู อับดุล รามัน ปุตรา อัลฮัจ ) โดยได้ย้ายทำเนียบรัฐบาลกระทรวง และหน่วยงานราชการต่างๆมารวมไว้ที่นี่ โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2001 นอกจากอาคารสำนักงานของรัฐบาลต่าง ยังมีอาคารที่พักอาศัย โรงเรียน มัสยิด ห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับข้าราชการ และผู้ที่ทำงานภายในเมืองอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบผังเมือง และการก่อสร้างทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของรัฐบาลทั้งหมด

แถมเส้นทางคมนาคมจากกัวลาลัมเปอร์ก็ไม่ไกล เพราะห่างกันเพียง 25 กม. อีกทั้งการเชื่อมการคมนาคมยังสะดวก ทั้งทางด่วนพิเศษและรถไฟฟ้า นอกจากนี้วิสัยทัศของท่านนายกมหาเธร์ ยังได้มีการสร้างเมืองคู่แฝดอย่าง Cyberjaya อันเป็นเมืองเทคโนโยสารสนเทศและความทันสมัยไปพร้อมกับอีกด้วย



เมื่อมาถึงป้ายที่จะลงไปยัง Putra Mosque จะมองเห็นด้านหลังอาคารหลังใหญ่นั่นก็คือ อาคารรัฐสภาหลังใหม่ครับ ให้เดินผ่านสวนสาธารณะข้างๆลงไปหาทางด้านหน้าครับ





เดินไปตามป้ายบอก มาไม่ผิดแน่ครับ



เดินแลกเหงื่อนิดหน่อย (เพราะเป็นช่วงบ่ายอากาศกำลังร้อนอบอ้าวเลยทีเดียว) ก็จะมาถึงมัสยิดสีชมพูครับ



บริเวณด้านหน้าของมัสยิดสีชมพู และอาคารรัฐสภาหลังใหม่ จะเป็นลานกว้างเรียกว่า Putra Square ครับ ตรงกลางลานจะมีรูปดาว 13 แฉก เป็นสัญลักษณ์ของรัฐทั้ง 13 ของมาเลเซีย เส้นผ่านศูนย์กลาง 300 เมตร โดยมีเสาธงชาติและธงของรัฐต่างๆตั้งประดับอยู่ สลับกับคมไฟและน้ำพุ เสียดายที่วันที่ผมไปมีการก่อสร้างเลยปิดรอบจัตุรัสไปครับ





ภาพมุมกว้างครับ จะเห็นว่า มัสยิดปุตราจะอยู่ข้างอาคารรัฐสภาเลย แสดงให้เห็นว่าศาสนาสำคัญเท่าเทียมกับรัฐบาลหรือการปกครองครับ



อาคารทำเนียบรัฐบาลหลังใหม่ (Perdana Putra) อาคารยาวบนเนินสูง ที่มีโดมสีเขียวปลายแหลมคล้ายหัวหอม เป็นการนำศิลปะอิสลามเข้ามาใช้ในงานก่อสร้างสมัยใหม่ครับ





ทางด้านซ้ายของทำเนียบรัฐสภา จะเป็น มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) ที่ก่อสร้างด้วยหินอ่อน มียอดโดมสีชมพูทั้งเล็กและใหญ่ รวม 8 โดม มีความสวยงามแปลกตาตามแบบศิลปะอิสลามครับ โดยมัสยิดปุตรานี้ได้เลียนแบบมาจาก Sheikh Omar Mosque ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก







สำหรับนักท่องเที่ยวที่นุ่งกระโปรงสั้น หรือกางเกงขาสั้นมากๆมา เจ้าหน้าที่ของมัสยิด จะให้ยืมผ้ามาใส่เพื่อให้ดูสภาพครับ ที่จริงการมาเที่ยวชมสถานที่สำคัญทางศาสนาต่างๆ ก็ควรแต่งกายให้สุภาพนะครับ เพื่อเป็นการให้เกียรติในสถานที่นั้นๆด้วย



ด้านใน กว้างและรับลมจากทะเลสาบได้เย็นสบายครับ มองเห็นอาคารรัฐสภาด้วย





ด้านในของมัสยิดครับ ว่ากันว่า มัสยิดสีชมพูนี้ สามารถรองรับผู้มาละหมาดได้ถึง 15,000 คนเลยทีเดียวครับ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชายอย่างผมก็สามารถเดินเข้ามาได้ในหลายๆส่วนครับ แต่ท่านสุภาพสตรีให้ระวังนิดนึงครับ เพราะภายในมัสยิดทั่วๆไปจะแบ่งเขตของชาย-หญิงอย่างชัดเจน ไม่ควรละเมิดโดยพละการครับ



นอกจากนี้ Putra Mosque ยังมีห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์คัมภีร์อัลกุรอาน อีกด้วยครับ



ข้อห้ามของ Putra Mosque ครับ แนะนำว่า อย่ามาวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันละหมาดใหญ่ครับ เพราะเปิดให้เข้าชมเพียงไม่กี่ ชม.เอง (บ่าย3-บ่าย4 และ17.30-18.00)



ด้านนอกมัสยิด จะเป็นทะเลสาบ (ที่ขุดขึ้น) และมีสะพานขึงต่างๆอย่างสวยงามครับ



อากาศร้อนมากอย่างงี้ ขอกลับไปหาแอร์เย็นๆดีกว่าครับ เดินกลับมารอที่ป้ายรถเมล์ที่ลงมาครับ



ที่ป้ายจะมีการแสดงถึงสายรถเมล์ที่กำลัจะมาด้วยว่าอีกกี่นาที ดูแล้วไม่น่าจะพังง่ายอย่างบ้านเราครับ



ขากลับผ่านทั้งห้างสรรพสินค้าอย่าง Carrefour ที่บ้านเราพับเสื่อกลับฝรั่งเศสไปซะแล้ว และชุมชน อาคารที่พักต่างๆของคนในเมืองที่รัฐบาลเป็นผู้ก่อสร้างทั้งหมด (ยกเว้นศูนย์การค้า ที่ให้เอกชนมาดำเนินการในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดไว้)



ว่าแล้วก็มาถึงสถานีรถไฟ เดี๋ยวเราจะกลับเข้ากัวลาลัมเปอร์ เพื่อไปยังโรงแรมกันครับ





กลับมายัง KL Sentral ตามเดิมครับ อันเป็นศูนย์รวมรถไฟทั้งหมดของกัวลาลัมเปอร์

ภาพนี้เป็นมุมมองด้านบนครับ



สำหรับผมเลือกที่พักในกัวลาลัมเปอร์เป็น Tune Hotel ครับ เพราะเห็นว่าตัวโรงแรมตั้งอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายเลย (Star Line กับ Monorail) แถมจองล่วงหน้าไม่กี่เดือนยังได้ราคาพิเศษ ( 2 คืน พันสามร้อยบาท)



KTM Komuter จะอยู่ตรงข้ามกับ อีกสายนึงเลย





เป้าหมายคือ Tune Hotel ครับ ที่สามารถใช้รถไฟ Monorail เพียงต่อเดียว แต่ต้องเดินไปยังสถานีรถอีกที่ห่างจาก Kl Sentralไปประมาณ 5 นาที อีกวิธีก็คือ ต่อรถไฟฟ้า โดยเริ่มจาก Putra line ไปลงที่สถานี Musjid Jamek (2 สถานีจาก KL Sentral) ก่อนจะต่อรถไฟฟ้าสาย Star line ไปอีก 2 สถานีเพื่อลงที่ สถานี Sultan Ismail



อันนี้เป็นบริเวณที่ยืนรอรถไฟฟ้าครับ



แค่ 2 สถานีก็มาถึงสถานี Musjid Jamek เป็นสถานีหนึ่งที่มีจุดที่น่าสนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งครับ แต่พอดีออกมาเจอฝนซะก่อน แถมการต่อรถไฟฟ้านี่ ก็ต้องออกจากสถานีก่อนเพื่อต่อไปยังอีกสาย เจอเท่ากับว่าเจอฝนมาตลอดสองวันที่เที่ยวเลยครับ

มัสยิดจาเม็ก + ฝนที่ตก



มัสยิดจะใกล้กับแม่น้ำ ที่ถือเป็นสายเลือดหลักของกรุงกัวลาลัมเปอร์เลยครับ พอฝนตกหน่อย ขยะลอยมาเต็มเลย เป็นอะไรที่หาดูได้ยากนะเนี่ย



ออกจากสถานี เพื่อมาต่อรถไฟฟ้าอีกสถานีใกล้ๆกัน ที่ตอนแรกผมคิดว่า คงจะเชื่อมสถานีกัน เดินไม่น่ายากเท่าไหร่ กลายเป็นว่า ต้องออกมาเจอฝนกับน้ำที่ท่วมขัง แฉะพอสมควรเลยล่ะครับ นี่ขนาดพกร่มติดมาด้วยแล้วนะเนี่ย

แถมท้องเริ่มร้อง ผมเลยตัดสินใจแวะ Burger King's ใกล้ๆกัน เปื่อรอฝนหยุดตก พร้อมกับหาเบอร์เกอร์เนื้อรองท้องไปก่อนอีก 16.32 RM แต่แล้วฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดครับ เลยตัดใจไปต่อดีกว่า



เปียกๆแฉะๆ ขึ้นมาบนสถานี กะว่าไปอาบน้ำทีเดียวที่โรงแรมละกันครับ



เพียง 2 สถานี ก็ถึงสถานี Sultan Ismail จุดหมายของเราครับ หา Tune Hotel ก็ไม่ยาก ให้มองหา รางทางรถไฟ Monorail ได้เลยครับ เพราะโรงแรมจะอยู่ระหว่าง 2 สถานีรถไฟพอดี หรือ เดินออกมาทางถนน Jalan Sultan Ismail เลยครับ (ที่จริงคำว่า Jalan ก็แปลว่า ถนน นะครับ)

รถไฟสองต่อ จาก KLSentral -> Masjid Jamek ราคา 1.3 RM และจาก Musjid Jamek -> Sultan Ismail 1.2 RM (ที่จริงนั่ง Monorail ต่อเดียว จาก KL Sentral -> MedanTuanku ก็ 2.5 RMนะครับ)



เดินมาท่ามกลางฝนปรอยๆ ก็จะเจอตึกแดงตรงหัวมุมถนน (ที่เขาว่าเคยเป็นโรงพยาบาลเก่ามาก่อน) ตรงกลางรูปจะเห็นรางรถไฟ Monorail กับตึก KL Tower ครับ

สำหรับ review ของโรงแรมผมขอยกยอดไปวันกลับเลยละกัน เพราะวันนี้กิจกรรมเรายังเยอะ...



หลังจาก check in เรียบร้อย ทำตัวให้แห้ง รอฝนหยุด ก็ได้เวลาออกเที่ยวต่อครับ ผมวางแผนไว้ว่าจะไปชม KL Tower กับแหล่งช็อปปิ้งอย่าง บูกิตบินตัง การเดินทางก็ใช้ Monorail เส้นเดียวได้เลย

ตั้งต้นที่สถานี Medan Tuanku ครับ มองเห็นตึกสีแดงขาวนั่นไหมครับ Tune Hotel นั่นเอง





รถไฟ Monorail ที่เขาว่าสั้นมากๆ ก็จริงดังว่าครับเพราะมีแค่ 3 โบกี้เองแถมยังลำสั้นๆ คนนี้แน่นเกือบตลอดเลย



เป้าหมายแรกของช่วงค่ำนี้ก็คือ KL Tower ครับ ตามหนังสือแนะนำการเที่ยวเล่มเก่าๆจะบอกว่าให้ลงที่สถานี Bukit Nanas (นั่งมาแค่สถานีเดียวเองแค่ 1.2 RM) แต่ในป้ายของรถโมโนโรล กลับแนะนำให้ลงที่สถานี Raja Chulan แทนนะครับ เพราะใกล้ปากทางเข้าไปชมหอหอยมากกว่ามากๆๆๆเลย





ผมลงสถานี Bukit Nanas ก็ต้องเดินไปตามถนน Jalan Sultan Ismail ดูง่ายๆก็เดินไปตามถนนที่รางรถไฟฟ้าวิ่งไปนั่นเอง แถมเดินไกลพอสมควรผ่าน Hard Rock Cafe และโรงแรม Concorde ก็จะเจอ 4 แยก จะเจอป้ายบอกทางไป KL Tower ครับ ให้เดินเลี้ยงขวาตามป้ายไป ทางเหมือนขึ้นเนินเล็กน้อย มองทางขวาไว้อีกที จะเจอถนนเล็กๆอีกเส้น มีป้ายชี้เช่นกัน ก็จะเจอทางขึ้นครับ

สำหรับ 4 แยกตรงนี้ถ้าเดินเลี้ยวซ้ายไปก็จะไปเจอ Petronas Twin Tower ล่ะครับ



มาถึงบริเวณ KL Tower แล้วล่ะครับ โดนเราจะต้องรอรถ Shuttle Bus ฟรี เพื่อจะไปส่งเราต่อถึงฐษนของหอคอยอีกทีครับ หรือใครยังมีแรงเหลือ จะเดินขึ้นเนินก็ได้ครับ แต่ผมเหนื่อยกับการเดินมาพอสมควร แถมรถฟรีด้วย รอสักหน่อย รถตู้ shuttle ที่คอยวนรับ-ส่งผู้โดยสาร ก็จะมารับเราไปครับ





KL Tower หรือ Menara Kuala Lumpur เป็นหอคอยส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ ที่มีความสูงถึง 421 เมตรวัดถึงปลายยอด ถือว่าเป็นหอคอยสูงอันดับสี่ของโลก ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะบูกิตนานาส



ลานด้านหน้าทางขึ้นหอ ยังจัดเป็oลานกิจกรรม มีไม้ดอกไม้ประดับจัดแสดงอีกด้วยครับถ้าซื้อตั๋วขึ้นหอคอยก็สามารถเข้ามาชมได้ฟรี



การขึ้นชมหอคอยจะเสียค่าขึ้น 38 RM โดยจะมีลิฟท์ขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ความสูง 276 เมตร การขึ้นชมก็ไม่มีการกำหนดเวลาครับ สามารถอยู่ชมได้นานเท่าที่ต้องการ หรือใครอยากจะ dinner บนชุดชมวิว ก็สามารถติดต่อหน้าเคาร์เตอร์ขายตั๋วได้ มีเป็น package เอาไว้ให้บริการด้วย (ราคาประมาณ 3 พันบาทไทยได้ครับ)



บริเวณวิวโดยรอบจากจุดชมวิวของหอคอยครับ เสียดายที่มืดไปหน่อย






นอกจากนี้ด้านบน ยังมีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อกันอีกด้วย แต่ราคาผมว่าแพงพอสมควรเลยล่ะครับ



สำหรับ KL Tower ผมว่า ค่าเข้าชมแพงไปหน่อยครับ ตั้ง 38 RM แต่ขึ้นไปแล้วไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ถ้าซัก 10-20 RM นี่น่าจะเป็นราคาที่สมควรมากกว่าครับ จะดีก็ตรงที่ เราสามารถอยู่ด้านบนได้ไม่จำกัดเวลา (แต่ก็ไม่มีอะไรให้ชมมากนัก) คนเข้ามาชมที่นี่ก็น้อยกว่า Petronas Twin Tower ครับ ดังนั้น ถ้าใครพลาดขึ้นตึกแฝด จะมาเก็บที่นี่เป็นทางเลือกก็พอจะกล้อมแกล้มได้ละกันครับ



จาก KL Tower นั่งรถไฟ Monorail จากสถานี Raja Chulan ไปอีก 1 สถานี ก็จะถึงสถานี Bukit Bintang ครับ



Bukit Bintang เป็นแหล่งช็อปปิ้ง รวมไปถึงย่านที่พักราคาประหยัดย่านหนึ่งเลยครับ ทั้งยังมี night life หลายรูปแบบ สามารถเดินได้เพลินทั้งห้างสรรพสินค้าหลายห้าง หรือ walking street ด้านนอกครับ



ห้างที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็น Pavillion ครับ ตั้งอยู่เด่นพอสมควรภายในก็โอโถง สินค้าหลากหลาย ผมก็มาเดินตากแอร์ที่นี่ล่ะครับ





ด้านนอกก็คึกคักครับ พอจะสู้กับบ้านเราได้ไหมเนี่ย





ส่งท้ายด้วยรูปนี้ ก่อนจะกลับไปนอนเอาแรงที่โรงแรมล่ะครับ



สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับวันที่ 2

เช่า Locker ฝากกระเป๋า 5 RM
บัตร Outdoor Theme Park 46 RM
เล่น Sky Venture 10 RM
Lunch ที่ Mary Brown 12.70 RM
เดินทางลงเก็นติ้ง ค่ากระเช้า จาก Sky Walk -> Bus terminal 5 RM
ค่ารถบัสจาก Bus terminal เข้า KL 4.30 RM
ค่ารถไฟฟ้าไป-กลับ KL Sentral <-> Putrajaya 19 RM
ค่ารถเมล์ในปุตราจายา (2 เที่ยวเที่ยวละ 0.50 RM) 1 RM
รถไฟฟ้า KL Sentral -> Masjid Jamek 1.3 RM
แวะกิน Burger King's 16.32 RM
ค่ารถไฟฟ้า Masjid Jamek -> Sultan Ismail 1.2 RM
ค่ารถไฟฟ้า Medan Tuanku -> Bukit Nanas 1.2 RM
ค่าขึ้น KL Tower 38 RM
ค่ารถไฟฟ้า Raja Chulan -> Bukit Bintang 1.2 RM
ค่ารถไฟฟ้า Bukit Bintang -> Medan Tuanku 1.6 RM
ซื้อน้ำติดห้อง 4.4 RM

รวม 168.22 RM


Create Date : 04 สิงหาคม 2554
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 9:43:00 น. 8 comments
Counter : 11249 Pageviews.

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ


โดย: ต้นไม้ต้นเล็ก วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:14:56:18 น.  

 
น่าสนุกสุดๆ พักร้อนหรอจ๊ะ


โดย: AE KPS IP: 158.108.204.172 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:17:47:46 น.  

 
รีวิวได้สนุกและข้อมูลแน่นจริงๆ น่าติดตามมากๆครับ


โดย: Pat IP: 180.214.210.239 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:18:12:31 น.  

 
ขอบคุณนะคะ ละเอียดมากๆ


โดย: ^__^ IP: 114.129.30.203 วันที่: 10 มกราคม 2556 เวลา:12:04:41 น.  

 
ละเอียดมากครับ ผมไปบูกิส กับตึกแฝดก็หมดไป1วันครับ
เสียดายไม่ได้เก็บตึกเคแอล กับปูราจายาในปีนี้ สาวสาวดูแต่ของ
ทางด้านข้างขวาพาวิเลี่ยนมีผับด้วยครับ แต่อยู่ด้านนอกอบอ้าวครับ เข้าห้างรับแอร์ดีกว่า กินKFC สาวทอนตังไม่ครบที่พาวิเลี่ยนครับ ระมัดระวังด้วยครับ


โดย: thadyai IP: 101.108.252.221 วันที่: 20 เมษายน 2556 เวลา:18:46:55 น.  

 
อัพเดท ปีนี้กระเช้า6RM ไปกลับ12RM เด็กผู้ใหญ่เท่ากันครับ
รถบัสจากเก็นติ้งข้างโรงแรม ไปลงที่ท่าทิทิวังสา 5.9RM เด็ก3RMครับ กระเป๋าใหญ่เป็นอุปสรรคครับ


โดย: thadyai IP: 101.108.252.221 วันที่: 20 เมษายน 2556 เวลา:18:52:15 น.  

 
อยากชาบว่า รดเมรสาย 114 ทำไมมั้ยมีในตาตะลางคระ หรือ ไปแล้วจะเจีเองคระ???
แล้วนั่งรดเมสายนี้เปันไงบ้างคระ?? ได้เดีนไกไมคระกว่าจะถืง putra mosque ??? เวลาจะกับไปขื้นลดที่จุดลงที่เดีมเหรอคระ??

ขอบคุญมากฯคระ


โดย: Noi IP: 192.99.14.36 วันที่: 2 เมษายน 2557 เวลา:23:12:45 น.  

 
หล่อมากๆครับ อยากไปเที่ยวด้วย ได้แต่มองหน้าเจ้าของกระทู้เลย คน ะไรหล่อมากๆ


โดย: เขื่อน IP: 27.55.193.28 วันที่: 29 เมษายน 2557 เวลา:22:05:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prapasawat
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




Friends' blogs
[Add prapasawat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.