|
แวะ+รีวิว Universal Studio Singapore
วันสุดท้ายสำหรับสิงคโปร์ครับ แถมมีเวลาไม่เต็มวันซะด้วย เพราะเครื่องออกเวลา 18.35 แต่เป้าหมายวันนี้คือ Universal Studio Singapore

ตั้งต้นต้องไป Sentosa กันครับ
ในเกาะ Sentosa ได้เพิ่มส่วน Resort World ที่อยู่ด้านหน้าของเกาะ (Waterfront) อันประกอบไปด้วย โรงแรมชั้นนำ ศูนย์ประชุม คาสิโน และสวนสนุกอย่าง Universal Studio เอาไว้ด้วยกัน
ซื้อตั๋วรถไฟโมโรลข้ามเกาะกันครับ ราคา 3 เหรียญ

ข้ามรถไฟโมโนโรล

ป้าย Resort World ยังไม่เสร็จดีเลยครับ ก็เหมือนพื้นที่ข้างในที่ก็ยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อยดีครับ
ด้านหลังเป็นปราสาทใน Far Far Away ครับ

ใน sentosa จะมี 3 สถานีครับ คือ Waterfront station เป็นส่วน Resort World , Imbiah station จะเป็นกลุ่มเครื่องเล่นดั้งเดิมของ sentosa และ Beach station จะใกล้ชายหาดของ Sentosa และใกล้จุดชม Songs of the Sea
ลงกันที่สถานีแรกครับ ลงมาก็จะเจอ

มีโปรของ sentosa มาฝากครับ สงสัยต้องใช้แรงกระตุ้นเยอะ เพราะ Universal Studio มาเปิดนี่ น่าจะแบ่งคนไปเยอะ

ผมมาถึงตั้งแต่ก่อน 9 โมงเลยด้วยซ้ำ เพราะข้อมูลเก่าเห็นว่าเปิดตั้งแต่เก้าโมงเช้า

ตั้งแต่ 1 พ.ค. เปลี่ยนเวลาเปิดเป็น 10.00-19.00 ครับ
(แต่ผมต้องไปขึ้นเครื่องบินเวลา 18.35 ทำให้มีเวลากับ Universal Studio Singapore น้อยเหลือเกิน คือมีเวลาแค่ 4 ชม. ถ้าจะออกจากสวนสนุกในเวลาบ่ายสอง)

วันนี้ รถไฟเหาะ Battlestar Galactica ปิดทั้งสองตัวเลยครับ น่าเสียดายมาก (แต่เห็นว่าปิดปรับปรุงมานานพอสมควรแล้ว)

ราคาค่าตั๋ว วันธรรมดา 66 เหรียญ วัน peak 72 เหรียญ
แต่ช่วงนี้ บางเครื่องเล่น ยังเปิดบริการได้ไม่ครบ จะมีการ rebate เป็นคูปองเงินสดมูลค่า 15 เหรียญให้ครับ โดยจะแบ่งเป็น 10 เหรียญสหรับใช้ที่ศูนย์อาหาร และอีก 5 เหรียญใช้ได้ที่ร้านขายของที่ระลึก


ตอนแรก ผมว่าจะลากกระเป๋าเดินทางมา แล้วขากลับตรงไปสนามบินเลย เพื่อจะได้มีเวลาเยอะ แต่ไม่แน่ใจเรื่องที่ฝากกระเป๋า ก็ได้คำตอบแล้วครับ
ทางด้านขวามือของทางเข้า จะมี Locker ให้บริการอยู่ครับ โดยจะมี 2 ขนาด ตู้เล็ก และตู้ใหญ่ (ที่สามารถใส่กระเป๋าเดินทาง 13 นิ้วได้ทีเดียว 2 ใบเลยล่ะ) ค่าเช่าก็ 10 และ 20 เหรียญตามลำดับครับ
วิธีใช้ก็ไม่ยาก เลือกขนาดตู้ ตั้งรหัส ที่เป็น วันเดือนปีเกิดของเรา กดซ้ำอีกครั้ง แล้วก็เลือกสีที่ชอบ ตู้จะเปิดออกมาให้เราใช้ และไม่ต้องถือป้ายอะไรออกมา หากจะกลับมาเปิดตู้ก็ไปกดรหัสได้เลย สำหรับการจ่ายค่าบริการ ก็จ่ายได้ทั้งเงินสด e-zy link และบัตรเครดิตครับ
แนะนำว่า ถ้ามีเวลาว่างให้ลองมากดเล่นๆ ให้ชินเมือก็ดีครับเพราะเครื่องเล่นหลายตัวด้านใน บางครั้งก็บังคับให้ฝากกระเป๋า ซึ่งระบบตู้ก็เหมือนกัน

เวลายังมีเหลือ เลยเดินชมสถานที่โดยรอบครับ
Festive Terrace มองด้านหลัง จะเห็น Merlion ตัวใหญ่เลยครับ

Lake of Dream จะอยู่เหนือคาสิโนพอดีครับ

สำหรับคาสิโน จะอยู่ชั้นใต้ดิน ใครที่จะหนีอากาศร้อน รอเวลา Universal Studio เปิด แนะนำว่าให้ลงมาเดินเล่นชั้นใต้ดินดีที่สุดครับ

ร้านค้า ชั้นใต้ดินแอร์เย็นสบายครับ ส่วนนี้คือ The Forum

ใกล้สิบโมง ก็ไปรอที่ประตูครับ สังเกตุว่า รถโมโนเรล จะวิ่งอยู่ด้านบนประตูของ Universal Studio พอดีเลยครับ

แผนที่จากแผ่นพับครับ

จากประสบการณ์ที่ Disneyland Hongkong ที่ผมสามารถจัดสรรเวลา เล่นเครื่องเล่นได้ถึง 2 รอบในบางชิ้น ทำให้ผมตั้งความหวังเช่นนั้นที่ Universal Studio Singapore เช่นกันครับ เพราะว่า พื้นที่เล็กกว่า เครื่องเล่น จุดที่น่าสนใจใกล้เคียงกัน (ประมาณไม่ถึง 20 จุด) แถมบางอย่างยังไม่เปิดด้วย ผมก็น่าจะเก็บได้ครบ ภายในเวลา 4-5 ชม. ก่อนที่ไป check in ขึ้นเครื่อง
แต่ที่ไหนได้ ผมพลาดอย่างแรงครับ เพราะว่าคนที่มาเที่ยวมีปริมาณเยอะมากทั้งๆที่เป็นวันธรรมดา โดยเฉพาะ แขกมาเลย์ กับพี่ไทยนี่มาเยอะมาก ได้ยินภาษาไทย ยังนึกว่าอยู่ Dreamworld เลยล่ะครับ
แต่ถ้าใครมีเวลาทั้งวันก็สามารถเที่ยวชม และสนุกกับเครื่องเล่นได้ครบล่ะครับ เพราะจุดที่น่าสนใจ (Attractions) 19 อย่าง นั้นประกอบไปด้วย โชว์ 2 อย่าง โชว์เบื้องหลังภาพยนตร์ 2 อย่าง (เปิด 1 ยังไม่เปิดอีก 1) ภาพยนตร์และเทคนิค 2 อย่าง และเครื่องเล่น 13 อย่าง (เสียเงินเพิ่ม 1 ของเด็กเล็ก 1 ของเด็ก 3 ยังไม่เปิด 1 และปิดซ่อมบำรุงอีก 2)
รวมแล้วเหลือ โชว์ 2 เบื้องหลัง 1 ภาพยนตร์และเทคนิค 2 เครื่องเล่น 6 อย่างเท่านั้นเองครับที่น่าจะเก็บได้ในเวลา 4-5 ชม.ของผม
ที่ผมแบ่งอย่างนี้ เดี๋ยวเราจะลงในรายละเอียดกัน
Universal Studio Singapore แบ่งเป็น 7 โซน ได้แก่ Hollywood, New York, Sci-Fi City, Ancient Egpyt, The Lost World, Far Far Away และ Madagascar ครับ เดี๋ยวผมจะไล่จากทางขวาของสวนสนุกเป็นต้นไปครับ

เมื่อเดินเข้ามา ส่วนแรกก็คือ Hollywood
ตามทางเดินซ้ายขวาม จะเป็นร้านค้าขายของที่ลึกในธีมของ Universal Studio หลายๆแบบ ถนนนี้จะยาวไปจนถึงรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สัญลักษณ์ Universal Studio ใกล้สระน้ำกลางสวนสนุก

เดินเข้ามา

ด้านใน


จุดที่น่าสนใจจุดเดียวของโซนนี้คือ
1.Pantages Hollywood Theater [โชว์]
เป็นโรงละคร และโรงภาพยนตร์ โดยจะมีการจัดแสดงชุด Monster Rock อย่าลืมจัดเวลามาชมด้วยนะครับ
สำหรับวันศุกร์-เสาร์ เฉพาะโซน Hollywood จะเปิดบริการถึง 21.00 ครับ สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อตั๋ววัน สามารถซื้อตั๋วเข้ามาได้ในราคา 2 เหรียญ เพราะจะในโซนนี้จะมีร้านอาหารบริการมื้อค่ำ และในโรงหนัง Pantages จะมีการฉายภาพยนตร์ของ universal เรื่องเก่าๆด้วย (ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. จะป็นพวกหนังการ์ตูน) ค่าตั๋วหนังอีก 3 เหรียญครับ

อย่าลืมตรวจสอบรอบเวลาโชว์ด้วยนะครับ จะได้บริหารเวลากันถูก

Mel's Drive-In ร้านอาหารสไตล์ไดรฟอิน อยู่ในโซน hollywood เช่นกันครับ

โซนถัดไป New York
New York นี่จัดเป็นเมืองในฝันที่ผมอยากไปสัมผัสมากที่สุดเลยนะเนี่ย เพราะหนัง hollywood ส่วนใหญ่ จะมีเนื้อเรื่อง เกี่ยวข้องกับเมืองนี้มากกว่าเมืองไหนๆในอเมริกาเลย

คนไม่ค่อยเลี้ยวขวามาทางนี้เทาไหร่ครับ จะเลี้ยวซ้ายไปหาเครื่องเล่นทางด้าน Madagascar กันซะมากกว่า

ในโซนนี้ จะมีจุดที่น่าสนใจ 2 อย่างครับ (ขอไล่ลำดับ1-19 ตามจุดที่น่าสนใจทั้งหมดของสวนสนุกนะครับ)
2.Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg [โชว์เบื้องหลังภาพยนตร์]
จะให้เราเข้าไปในห้องที่เหมือนอยู่ในกองถ่ายภาพยนตร์ โดยห้องแรกจะเป็นการแนะนำโดยสปีลเบิร์ก ก่อนที่จะไปชมฉากทอร์นาโดถล่มชายฝั่งนิวยอร์คในห้องถัดไป
สนุกและได้สัมผัสบรรยากาศทอร์นาโดถล่มที่สมจริงครับ ทั้งสายฝน ไฟ แผ่นดินไหว


3.Stage 28 [โชว์เบื้องหลังภาพยนตร์] ยังไม่เปิดให้บริการ
อาคารนี้จะซ่อนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Lights, Camera, Action! ครับ เป็นโชว์ sound stage และการผลิตทีวี ซึ่งยังไม่เปิดให้เข้าชม
Sci-Fi city


4.Accelerator [เครื่องเล่น]
เครื่องเล่นแรกที่พบทางขวา คือเครื่องเล่นหมุนๆ คล้ายถ้วยกาแฟในหลายๆสวนสนุก เรียกว่าหมนุให้พอมึนๆครับ ไม่เวียนหัว หรือหวาดเสียวเท่าไหร่
มาแต่เช้าคนแทบไม่มีเลยครับ ลุงคนคุมเครื่องเล่น กวักมือเรียกแขกกันใหญ่


Battlestar Galactica
เป็นรถไฟเหาะตีลังการางคู่ ที่สูงที่สุดในโลก สูงเท่าตึก 14 ชั้น ที่มีความไวของขบวนถึง 90 กม/ชม. โดยเอาธีมมาจาก series แนวไซไฟของ universal เรื่องเดียวกับชื่อรถไฟเหาะนี่แหละครับ ถ้าใครรับช่อง Universal ได้ ก็อาจจะผ่านตา series นี้มาบ้าง
เจ้ารถไฟคู่นี้ ถือว่าเป็นพระเอกของ Universal Studio Singapore เลยล่ะครับ
โดยรถไฟเหาะตีลังการางคู่นี้แบ่งเป็น

5.Battlestar Galactica Human (รางสีแดง) [เครื่องเล่นหวาดเสียว ไม่ควรพลาด]
ที่นั่งจะเป็นแบบรถไฟเหาะทั่วไปที่นั่ง เอาเท้าติดพื้น

6.Battlestar Galactica Cylon (รางสีฟ้า) [เครื่องเล่นหวาดเสียว ไม่ควรพลาด]
ที่นั่งจะเป็นแบบห้อย คล้ายหุ่นยนต์ ทำให้เท้าเราไม่ติดพื้น (เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาที่ Dreamworld น่ะครับ)

เสียดายที่ช่วงที่ผมไป มีการปิดซ่อมบำรุงหลังจากที่ให้ทดลองเล่นมาระยะนึง (ได้ยินคนซุบซิบว่ามีอุบัติเหตุ)

Ancient Egypt
สัมผัสบรรยากาศอียิปห์โบราณ และเครื่องเล่นในบรรยากาศหนัง The Mummy

แผนที่ครับ

7.Revenge of the Mummy [เครื่องเล่นหวาดเสียว ไม่ควรพลาด]
รถไฟเหาะในอาคารซึ่งมืด เป็นการหลบหนีการล้างแค้นของมัมมี่ ใครที่จะเล่นเครื่องเล่นนี้ จะถูกบังคับให้ฝากเป้ ประเป๋าและกล้องถ่ายรูปไว้ที่ locker ด้านนอกครับ (locker ตรงจุดนี้จะให้บริการฟรี) เพราะรถไฟจะวิ่งด้วยความเร็วสูงถึง 90 กม/ชม


8.Treasure Hunters [เครื่องเล่นเด็ก]
นั่งรถจิ๊บผ่านทะเลทรายสำรวจอียิปห์ ที่จะเจอซากโบราณวัตถุ เหมือนในเรื่อง The Mummy เลยล่ะครับ


The Lost World
มาสำรวจโลกได้โนเสาร์ จากภาพยนตร์ชุดที่โด่งดังของสปีลเบิร์กอีกเรื่องนึง นั่นคือ Jurassic Park, The Lost World


ใกล้เที่ยงพอดีเลยขอแวะเติมพลังที่ศูนย์อาหารซะหน่อยครับ

สำหรับศูนย์อาหารจะมีหลายจุดในทุกส่วน แตกต่างกับไปตามธีมว่าเป็นอาหารชาติไหน ยกตัวอย่างมาให้ 3 แห่งครับ คือ
- Oasis Spice Cafe ใน Ancient Egypt ที่เป็นอาหารแนวเมดิเตอร์เรเนียน ตรุกี เลบานอน รวมไปถึงอาหารอินเดีย
- Discovery Food Court ใน The Lost World เป็นอาหารสิงคโปร์ มาเลย์
- Marty's Casa Del Wild ใน Madagascar เป็นอาหารเอเชีย ใครอยากทานอาหารไทย หาทานได้ที่นี่ครับ ไม่วาจะต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน
นี่แค่ตัวอย่างครับ ยังมีอีกหลายร้าน ทั้งแนวอเมริกันยุคไดรฟอิน พิซซ่าสไตล์นิวยอร์ค ฯลฯ ให้ลองทานทุกร้าน กระเป๋าแห้งแน่ๆครับ

ใครจะใช้คูปอง rebate ก็สามารถรวมมาง่ายได้ครับ ราคาอาหารอาจจะแพงนิดหน่อย เพราะเป็นราคาในสวนสนุก แต่ค่าอาหาร-เครื่องดื่มมื้อนึง ก็จะประมาณ 10-12 เหรียญได้ครับ
แต่นี่ทาน เกินคำว่าอิ่มกันไปหน่อยครับ

9.Jurassic Park Rapids Advanture [เครื่องเล่น]

นั่งแพ ตะลุยไปใน Jurassic Park (ให้นึกถึงหนังด้วยครับ) ผ่านหลายๆส่วนทั้งห้อง Lab โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ที่โดนไดโนเสาร์บุกทำลาย ก่อนจะเปียกกันตอนสุดท้าย เพราะจะปล่อยตัวแพลงมาจากชั้นบน (คล้ายแกรนด์แคนยอนใน Dreamworld) แต่ที่นี่เจ๋งกว่าครับ
เครื่องเล่นนี้ มีโอกาสเปียกน้ำสูงครับ ดังนั้นแนะนำให้ฝากกระเป๋า หรือซื้อผ้าคลุมพลาสติก แต่ตู้ locker ที่นี่ เสียตังค์ ผมเลยไม่ได้ฝากกระเป๋า (แต่ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเปียกด้วยนะครับ) แต่ก็โชคดี ที่ผมเปียกน้อยมาก แต่คุณป้าตรงข้ามผมนี่สิครับ เปียกโชกเลย

10.Canopy Flyer [เครื่องเล่น]

นั่งบนกระเช้าห้อยขา สำรวจ Jurassic Park จากด้านบนกันครับ ใน 1 กระเช้า จุได้ 4 ที่นั่ง คิวเลยยาวนิดนึงครับ

11.Dino-Soarin [เครื่องเล่นเด็ก]
เป็นการนั่งไดโนเสาร์ บินไป บินมา เราสามารถบังคับให้ไดโนเสาร์บินขึ้นลงได้ (อย่างนี้เมืองไทยก็มีครับ แต่ทำเป็นรูปเครื่องบินแทน)

12.Amber Rock Climb [เครื่องเล่น เสียตังค์เพิ่ม]
เป็นการไต่หน้าผา จำลองมากจากหนัง The Lost World โดยเจ้าตัวนี้จะไม่รวมในตั๋ววันที่เราซื้อ ใครอยากจะเล่นต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
13.WaterWorld [โชว์]
ครั้งหนึ่งหนัง WaterWorld เคยเป็นหนังที่ลงทุนสูงที่สุดในอเมริกา เนื่องด้วยการถ่ายทำที่ยากเพราะต้องใช้น้ำมหาศาล ในการสร้างฉาก อีกทั้งการทำงานเอฟเฟ็กในน้ำ อย่างการระเบิด ควันไฟ ก็ยากลำบาก (ในสมัยนั้น) นำแสดงโดย เควิน คอสเนอร์ ที่ตอนนี้ก็เงียบหายไปแล้ว ปรากฏว่าหนังฉายกลับโดนนักวิจารณ์สับหนังซะละเอียดยิบ ทำให้รายได้ในอเมริกาค่อยข้างน่าผิดหวัง เรียกว่าขาดทุนเลยล่ะครับ แต่การฉายนอกอเมริกากลับทำรายได้พอสมควร เนื่องจากเป็นหนังแอคชั่นที่ถูกใจคนดู


การแสดงจะใช้เวลาประมาณครึ่ง ชม.
ก่อนการแสดง จะมีนักแสดงว่าเล่นกับผู้ชม แถมแกล้งสาดน้ำ เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนดูด้วยครับ
แนะนำว่า ถ้าใครไม่อยากเปียก ให้เลือกนั่งแถวหลังๆเอาไว้จะดีกว่าครับ

โชว์ชุดนี้ จึงเป็นการยกเอาส่วนหนึ่งของหนังออกมาโชว์ เป็นสตั๊นโชว์ ที่มีทั้งน้ำ ไฟ ระเบิด ปืน ก่อนเข้าชมจะมีป้ายเตือนเอาไว้ ว่าคนเป็นโรคหัวใจหรือมีปัญหากับหมอกควัน เสียงดัง ให้หลีกเลี่ยงการชม

Far Far Away
ใครที่เป็นแฟน Sherk และเจ้าหญิง Fiona แล้วล่ะก็ มา Universal Studio Singapore ไม่ผิดหวังแน่ๆครับ เพราะที่นี่เป็นปราสาทหลังแรกในโลกที่มาจากธีมหนังเรื่องนี้


ปราสาท

14.Sherk 4-D Advanture [ภาพยนตร์และเทคนิค]
ภายในปราสาท จะเป็นการฉายภาพยนตร์ 4 มิติ ซึ่งทำเป็นการผจญภัยตอนพิเศษของ Shrek และคู่หูคือ Donkey โดยก่อนเข้าไปชม เราจะฟังเรื่องราวการถูกจับมาทรมานของลูกหมู 3 ตัวกับพิน็อกคิโอ โดยวิญญาณของ Lord Farquaad (Lord Farquaad คือคนจะแต่งงานกับเจ้าหญิง Fiona และคิดจะยึดครอง Fa Far Away land ในภาคแรก) แล้วเจ้า Lord Farquaad ที่เป็นวิญญาณนี่แหละที่มีแผนจะจับเจ้าหญิง Fiona มาเป็นคู่ครองให้ได้อีกครั้ง โดยหวังจะทำให้เจ้าหญิงตาย เพื่อที่จะได้มาเป็นวิญญาณคู่กัน
สำหรับเครื่องเล่น(หรือจุดสนใจ)ประเภทนี้ มักจะนับคนที่เข้ามาน่ะครับ อย่างตอนที่ผมเข้าไปดู เขานับคนได้เกิน 100 คนขึ้นไป ก็เริ่มโหมโรงเนื้อเรื่อง ก่อนจะเปิดให้เข้าสู่ที่นั่งในโรงอีกที
หลายๆเครื่องเล่นที่ใช้วิธีนับคน ก่อนปล่อยให้เข้าไปก็อย่างเช่น Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg / Stage 28 / Sherk 4-D Advanture / Donkey Live ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาพยนตร์ และโชว์เบื้อหลังภาพยนตร์นั่นเองครับ

15.Donkey Live [ภาพยนตร์และเทคนิค]
ทางเข้าทางมุมขวาของปราสาท เป็น live show ของ Donkey ที่ผมไม่มีเวลาได้เข้าไปชมครับ แต่คาดว่า คงจะเป็นจอภาพยนตร์ แล้วฉายตัว Donkey ลงมา ให้ออกมาพูดคุย เล่นมุขกับคนดูที่เข้าไปดู เรียกว่าใช้เทคนิคภาพยนตร์เล่นกับคนดูสดๆ เหมือนอย่างเจ้า Stritch ที่ Disneyland ฮ่องกงน่ะครับ (แถมการจัดวางห้องที่แอบอยู่ข้างปราสาท ก็กคล้านๆกัน)
16.Enchanted Airways [เครื่องเล่น]
เป็นรถไฟเหาะรูปมังกร (นึกถึงภาพแฟนสาวมังกรของ Donkey ไปด้วยครับ) ในเรื่อง Shrek มีหลายช่วงนะครับ ที่ต้องออกไปปราบมังกร เครื่องเล่นนี้เลยจับมังกรมานั่งเล่นกันซะเลย

17.Magic Potion Spin [เครื่องเล่นเด็กเล็ก]
เป็นชิงช้าสวรรค์เล็กๆ สำหรับเด็ก อยู่ภายในร้านขายของที่ระลึกของ Fairy Godmother ครับ คงจะจำ Fairy Godmother กันได้นะครับ นางฟ้าตัวเล็กๆ มีอายุหน่อย (ประมาณป้า) ที่คอยยุยงชักนำอยู่เบื้องหลังอะไรหลายๆอย่าง (ในด้านร้าย) ในขณะที่ภาพลักษณ์ภายนอก ดูเป็นนางฟ้าคุณนายผู้ดีน่ะครับ จัดว่าเป็นตลกร้ายของเรื่อง Shrek เลย
(เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าดูคนแค่ภายนอกครับ)
บ้านริมหนองน้ำของ sherk (ที่ผมว่า น่าจะเปิดทำอะไรได้อีกนะ)

Madagascar
ผจญภัยไปกับบรรดาสัตว์จากสวนสัตว์ใน Central Park ในนิวยอร์ค ที่ได้ออกไปผจญโลกกว้าง ทั้ง Alex สิงโตเจ้าป่า Marty ม้าลายคู่หู Melman ยีราฟขี้กลัว และ Gloria ฮิบโปสาวร่างยักษ์ผู้เข้มแข็ง


เรือขนสินค้า ที่ทั้ง 4 ตัวโดนขนเพื่อจะไปปล่อยที่แอฟริกา แต่ทว่าแก๊งเพนกวินดันทำป่วนซะก่อน จนเกิดเรื่องสนุกๆตามมาในภาคแรก

ต้นไม้ที่เครื่องบินของทั้งแก๊ง Madagascar มาตกในภาค 2
ด้านใต้กลายเป็นร้าน Gloria's Snack Shack

Marty's Casa Del Wild เป็นร้านอาหาร

เจ้าเพนกวินตัวป่วน

เครื่องเล่นภายในโซนนี้มี 2 ชิ้นครับ
18.King Julien's Beach Party-Go-Round [เครื่องเล่น]

เป็นม้าหมุนตกแต่งด้วยตัวละครใน Madagascar สำหรับ King Julien ก็คือ ราชาติ๊งต๊องของตัว lemurs ที่แก๊งมาดากัสการ์ไปเจอน่ะครับ

19.Madagascar : A Crate Advanture [เครื่องเล่น] ยังไม่เปิดให้บริการ
ล่องเรือไปกับ 4 ฮีโร่ ของมาดากัสการ์ ได้แก่ Alex, Marty,Melman และ Gloria ซึ่งผมคิดว่า คงจะเหมือนล่องแก่ง หรือไม่ก็คล้ายๆ It's Small World ของ disneyland น่ะครับ

ขากลับ แวะใช้คูปองซื้อของที่ระลึก ก่อนจะชักรูปคู่กับ Woody Woodpecker ซะหน่อย

สรุป 19 Attractions เครื่องเล่นสิ่งที่น่าสนใจและสิ่งที่ไม่น่าพลาดใน Universal Studio Singapore
กลุ่มโชว์ ก็คือ Monster Rock Live @ Pantages Hollywood Theater และ WaterWorld
โชว์เบื้องหลังภาพยนตร์ คือ Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg และ Stage 28 (ยังไม่เปิด)
ภาพยนตร์และเทคนิค คือ Sherk 4-D Advanture และ Donkey Live เครื่องเล่นหวาดเสียวไม่ควรพลาด ได้แก่ Battlestar Galactica Human & Cylon และ Revenge of the Mummy
เครื่องเล่นกลางๆ เล่นได้ทั้งครอบครัว Enchanted Airways / Jurassic Park Rapids Advanture / Canopy Flyer / Dino-Soarin / Treasure Hunters / Accelerator / King Julien's Beach Party-Go-Round และ Madagascar : A Crate Advanture (ยังไม่เปิด)
เครื่องเล่นเด็กเล็ก คือ Magic Potion Spin
เครื่องเล่นที่ต้องเสียเงินเพิ่ม คือ Amber Rock Climb
สำหรับการเพิ่มเครื่องเล่น หรือขยายพื้นที่ของสวนสนุกนี่ ผมว่าไม่น่าจะทำได้เลยเพราะ พื้นที่ถูกล็อกเอาไว้หมดทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นถนน โรงแรม ต่างจาก Disneyland Hongkong ครับ ที่ตอนนี้เปิดตรงส่วนกลาง และยังมีพื้นที่ว่างเปล่า สามารถขยายออกไปจากจุดศูนย์กลางได้อีก
ฝากกระเป๋าเอาไว้ที่โรงแรมครับ เพราะว่าเป็นกระเป๋า 13 นิ้วถึง 2 ใบ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะมีที่รับฝากด้านหน้า Universal Studio เลยต้องเสียเวลามาแวะเอากระเป๋า (อยากอยู่ Universal Studio นานๆกว่านี้ครับ)

ได้ชิม Magnium Gold รสใหม่นี่ด้วยครับ อร่ยนุ่มลิ้นเลยล่ะ (แต่แอบแพง)

ไปสนามบินล่ะครับ

ไฟลท์นี้เป็นตุ๊บสุดท้ายแล้ว SQ 978 SIN-BKK 18.35-20.00

เดินทางถึงสุวรรณภูมิอย่างสวัสดิภาพ และเครื่องบินที่ใช้ขากลับนี่ก็รุ่นใหม่ ทำให้ปัญหาค้างคาใจในการดูหนังบนเครื่องบินของผมหมดไปครับ เพราะผมสามารถกรอดูตอนจบ ของหนังทุกเรื่องที่ดูมาตั้งแต่ตุ๊บแรกได้ซะที.. 55
Create Date : 31 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 8:45:06 น. |
Counter : 14523 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Bali day2 Ubud - Tanah Lot
ขอ brief ข้อมูลย่อๆของ บาหลี และประเทศอินโดนีเซียก่อนก็แล้วกันครับ ผมเชื่อว่า หลายคนก็นึกเพิ่งรู้เหมือนกันว่า ว่าบาหลีไม่ได้เป็นประเทศ อย่างมัลดิฟ หากแต่เป็นเกาะ เกาะหนึ่งในประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีหมู่เกาะมากมาย กว่า 18,000 เกาะ รวมกัน การปกครอง ได้แบ่งออกเป็น 30 จังหวัด 2 เขตการปกครอง (ย็อกยาการ์ตา และบันดาห์อาเจะห์) และ 1 นครหลวงพิเศษ นั่นก็คือ จาการ์ตา เมืองหลวงนั่นเอง

สำหรับ บาหลี เป็นเขตปกครองในระดับจังหวัดหนึ่งของอินโดนีเซีย สิ่งที่ทำให้บาหลีโดดเด่น นอกจากสถาปัตยกรรม นั่นคือ เรื่องศาสนา เพราะเกาบาหลี เป็นเกาะเดียวที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู (ศาสนาพุทธได้รับอิทธิพลทางพิธีกรรมต่างๆมาจากฮินดู) ในขณะที่ประชาการส่วนใหญ่ของอินโดนีเซียนับถือศาสนาอิสลาม และถึงแม้จะเคยเป็นเมืองขึ้นของฮอลันดาแต่สถาปัตยกรรมต่างๆในบาหลี กลับไม่ได้รับผลกระทบ หรือมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมเดิมเลย
ในด้านการปกครอง เกาะบาหลี จะแบ่งการปกครองเป็น 8 เขต (เผื่อใครจะขับรถเที่ยวเองจะได้คุ้นตาครับ) คือ บาดุง (Badung) ที่มีเมืองสำคัญคือ เดนปาซาร์ (Denpasar) ที่พิมพ์จุดหมายปลายทางบนตั๋วเครื่องบินจะเป็นเมืองนี้ ไม่ใช่ Bali นะครับ , บางลี (Bangli), บูเลเล็ง (Buleleng), เกียนยัร (Gianyar) เมืองสำคัญก็คือ อูบุด (Udud) ที่คุ้นหูคนไทย, เจ็มบรานา (Jembrana) เมืองที่เราจะถูกคนขับรถลากพาไปหาอาหารทะเลทาน, การังอะเซ็ม (Karangasem), กลุงกุง (Klungkung) และก็ ตาบานัน (Tabanan)

เวลา ในอินโดนีเซียจะมีการแบ่ง time zone หลายส่วนครับ เนื่องจากพื้นที่ที่กว้างของประเทศนั่นเอง สำหรับ เวลาในบาหลีนั้น จะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชม.ครับ

เช้าวันนี้มีคนตื่นสายครับ สงสัยเหนื่อยจากการเดินทาง 2 ตุ๊บ ก่อนจะมาถึงบาหลี ที่จริงก็น่าเหนื่อยนะครับ จาก กทม. มาเที่ยงครึ่ง ถึงบาหลี สามทุ่มครั้งน่ะ 9 ชั่วโมงกว่าเลยนา แต่มันก็เป็นการเหนื่อยอย่างมีเหตุมีผล (ติดตามตอนจบละกันครับ)
ยังไม่ได้หารถที่จะไปเที่ยวเลย มาเดินหาอะไรทานแถบ Kuta Square ซะแล้ว ที่สำคัญมาสำรวจหาที่แลกเงินอัตราดีๆด้วยน่ะครับ

เดินไปทางไหนให้ระวังกระทงบูชาพวกนี้ด้วยครับ เยอะมากๆ จนบางครั้งผมว่า มันมากจนเป็นขยะ แต่ยังดีที่วัสดุที่ใช้ทำกระทงบวงสรวงต่างๆนี่ ยังคงเป็นกระทงจากใบตอง ยังไม่มีวัสุดย่อยยากอื่นๆครับ

เดินเข้าซอย Poppies Lane 1 มาเจอร้านน่านั่งพอดีครับชื่อ The Breeze
สั่ง ข้าวผัด กับสะเต๊ะ มาทาน อร่อย (หรือหิวหว่า) และนี่จะเป็นสะเต๊ะที่อร่อยที่สุดและเป็นที่สุดท้ายครับ

ต่อจากนั้นก็หาที่แลกเงินครับ ซึ่งมีเรื่องให้เสียรู้กันล่ะ
สกุลเงินในอินโดก็คือ รูเปียส์ IDR (Indonesia Rupiah) หรือย่อใช้กันตามนิยมคือ RP
โดย 10,000 RP = 1 US$ โดยประมาณครับ ดังนั้น 10,000 RP = 35 บาทโดยประมาณ หรือ 1,000 RP = 3.5 บาท
จากรูปจะเห็นว่า อัตราแลกเงินไทย แค่ 230 แทนที่จะได้ประมาณ 330-350 ดังนั้น การถือเงินดอลล่าห์อเมริกา มาแลกที่นี่จึงได้อัตราดีที่สุดครับ หรือการใช้จ่ายบางอย่าง เช่นการจ่ายค่าเช่ารถ เราจะจ่ายเป็นดอลล่าห์เลยก็ได้ครับ

ทีนี้ ตากล้องผม ก็เหลือบไปเห็น ป้ายร้านนึง ได้เรตที่ 9250 (ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 9000) ก็ตรงเข้าไปเลยเลยสิครับ กลายเป็นว่า ร้านที่รับแลก เป็นร้านขายของที่ระลึก เคาเตอร์แลกเงินก็อยู่ลึก และเล็กมาก
ก็ตกลงว่าจะแลกกันที่ 100 USD ซึ่งจะได้เงินประมาณ 925,000 RP แต่พอพ่อค้ามัน(ต้องขออภัยครับ สมควรเรียกอย่างนี้จริงๆ) เห็นแบงค์ดอลล่าห์ในกระเป๋า เลยเสนออัตราใหม่มาเลยครับว่าถ้าแลก 200 USD มันจะให้เรตที่ 9275 เอาสิครับ เหมือนความโลภบังตาเลย แลก 200 USD ได้ 1,8550,000 RP
ว่าแล้ว พ่อค้าอีกคนก็นับเงินครับ แบ่งเป็นกองบนโต๊ะเล็ก กองละ 5 แสน กับเงินส่วนที่เหลือ แล้วก็ให้ผมนับ แต่พอผมจะยกเงินมานับอีกโต๊ะนึงที่ใหญ่กว่า กลับห้ามไม่ไห้ยกนับไปนับซะนี่ เลยได้แต่นับบนโต๊ะตัวเล็กตัวเดิมนั่น แบงค์ส่วนใหญ่จะเป็นแบงค์ 50,000 (แบงค์ใหญ่สุด) คิดดูก็แล้วกันครับ ว่ากี่ใบ แล้วยังมีการชวนคุย ถามอีกนะครับว่ามีเศษเงินไหมซักสองหมื่น เดี๋ยวจะแถมให้เป็น 1,860,000 เลย ใจดีชอบกลแฮะ แต่ก็ควักไห้ไป หมื่นกว่าๆเท่าที่มี มันก็ยอมรับ ที่ไหนได้ นั่นเป็นเทคนิคชวนคุย ให้เราเบนความสนใจหาเศษเงินในตัวเรา ก่อนที่จะแอบเม้มเงินส่วนนึงไป
แถมถามว่ามีรถเที่ยวรึยัง จะพาไปแนะนำเพื่อนที่มีรถให้ (ที่จริงจะให้ออกจากร้านไปไวๆ เงินหาย เงินไม่ครบจะได้โทษมันไม่ได้) ซึ่งเราก็เห็นว่ายังไมมีรถพอดี เลยได้ไปคุย แต่สุดท้ายเราก็เลือกรถเจ้าแรก หน้าโรงแรมที่ได้คุยไว้ก่อนแล้ว
แต่ที่สำคัญคือ กว่าจะรู้ตัวว่าเงินไม่ครบครับ นับได้แค่ 1,360,000 RP นี่เสียค่าครูที่บาหลีไปตั้งครึ่งล้าน (50 USD)เลยทีเดียว ก็ตอนจะมาจ่ายคุยเรื่องรถเช่ากับอีกเจ้านี่แหละครับ โดนโกงค่าอาหารข้างทางที่ฮานอย ยังไม่เจ็บเท่านี้เลย (บทเรียนราคาแพง) แถมเจ้าพ่อค้านั่น ยังกลับมาคุยอีก (บริการหลังการขาย ติดตามผลหลังการโกง) ว่าได้รถหรือยัง มันช้ำหนักก็ตรงนี้น่ะครับ แถมสองวันที่เหลือ ร้านนี้ก็แทบจะไม่เปิดเลย แสดงว่า ได้ไปแค่นี้ สงสัยมันจะคุ้มจริงๆ
ผมก็เลยปลอบใจตัวเองว่า ขืนทุกข์ใจไปก็เที่ยวไม่สนุกแน่ๆ ถือว่าจ่ายค่าครูไปซะละกันครับ
ว่าแล้วก็เตรียมออกเดินทางว่าด้วยเรื่องของการเดินทาง การเช่ารถ (พร้อมคนขับและน้ำมัน) ดูจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุดครับ แต่ถ้าจะประหยัด จะเช่ารถมอเตอร์ไซด์ขี่เที่ยวเอง ก็ได้ครับ ถ้ามั่นใจว่าไม่หลง เพราะแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจุด ไกลกันพอสมควรครับ แถมถนนบนเกาะบาหลีก็เล็กแบบถนนลาดยางมะตอย วิ่งสวนกันในบ้านเรา บางฤดูก็มีฝนตกประปราย กาเช่ารถยนต์พร้อมคนขับเลยดูท่าจะสะดวกที่สุดครับ เพราะถึงที่หมายได้ไว นั่งสบาย ไม่ต้องมาจุกจิกกวนใจเรื่องค่าที่จอดรถ หรือเมื่อมีคนมาไถ ค่าที่จอด (อินโดนีเซียยังขึ้นชื่อเรื่องก็ฉ้อฉล ยังมีป้ายโฆษณาช่วยกันไม่ร่วมมือกับการคอรัปชั่นซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปครับ)
ตามราคาจากแผนที่ ที่หาหยิบฟรีได้ทั่วไป ราคารถเช่าพร้อมคนขับ จะอยู่ที่ 6 ชม.35USD , 8 ชม. 40 USD , 10 ชม. 45 USD และ 12 ชม. 50 USD ต่อคัน คันนึงก็นั่งได้หลายคนครับ แล้วแต่รถ อย่างรถที่ผมเช่านี่เป็น Toyota Avanza ที่นั่งได้ 7 ที่นั่ง แต่นั่งไปสองคนที่สบายๆครับ โดยเราสามารถชี้จุดที่เราอยากไปได้เลย หรือจะให้เขาจัดให้ก็ได้ครับ
ที่แรกที่จะไปก็ อูบุด Ubud ครับ

ถ้าเปรียบ Kuta เป็นภูเก็ต Ubud ก็จะคล้ายกับเชียงใหม่ของบ้านเราครับ คือ เป็นเมืองที่มีศิลปวัฒนธรรม จะพบเห็นร้านค้าฝีมือ มากมาย ทั้งงานไม้ งานแกะสลัก งานหิน มากมายรายทางที่ผ่านเขามายังเมืองนี้ และยังมีวังโบราณที่ยังคงสภาพดีอยู่ให้ชม โรงแรมและห้องพักในอูบุด จะมีวิวทุ่งข้าวขั้นบันได เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวครับ แต่ผมในฐานะลูกหลานชาวนาคนนึงเลยเฉยๆครับ ขอไปนอนพักที่ Kuta ดีกว่า

ตอนที่มาถึง ฝนตกประปรายเป็นช่วงๆครับ แถมทำการบ้านมาน้อย เลยเหมือนมาเดินชมเมืองอย่างเดียว ไม่มีจุดหมายเท่าไหร่ ไม่รู้ว่านี่เป็นวัด หรือ พระราชวังอะไร ได้เดินตลาดอูบุดด้วย ก่อนจะหนีฝนไปเที่ยวอีกที่

ตลาดสดอูบุด

หนีฝนดีกว่าครับ

Tanah Lot (ค่าเข้าชม 10,000RP)

ให้เดินตามถนนที่มีร้านค้าตั้งอยู่ได้เลย การเดินไปตามลูกศร แค่ไปฉีกตั๋ว กับเดินผ่านตลาดอีกเส้นนึงเท่านั้นเอง ก่อนจะย้อนกลับมาถนนหลังป้ายนี่แหละครับ

สิ่งหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของบาหลีที่นักท่องเที่ยวนึกถึง ก็คือ Pura Tanah Lot (ในภาษาบาหลี Pura = วัด , Tanah Lot = land in the sea) ตัววัดถูกปลูกสร้างบนโขดหินคล้ายเกาะ เมื่อเวลาน้ำขึ้น จะมีลักษณะเหมือนเกาะ แต่เมื่อน้ำลง เราสามารถเดินไปยังตัววัดได้ ก่อสร้างโดย นักบวชฮินดูนาม นิราร์ธะ (Nirartha)ที่เดินทางแสวงบุญมาบาหลีในคตวรรษที่ 16 ตำนานกล่าวว่า ท่านได้ถูกดึงดูดโดยประกายแสงในทางตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อท่านเดินทางเพื่อหาที่มาของแสง มาจนถึง Tanah Lot ท่านพบว่าแสงนั้นได้ฉายออกมาจากน้ำพุเล็กๆที่ผุดมาจากหิน จึงได้สร้างวัดนี้ทับไว้ นอกจากนี้ตามตำนานยังมีงูศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องวัดนี้เอาไว้ด้วย

ทางใต้นี้แหละครับ น้ำพุศักสิทธิ์

สำหรับงูศักสิทธิ์ที่คอยปกป้องวัดไว้ จะอยู่อีกฝั่งครับ

อีกมุมครับ

จุดที่ Pura Tanah Lot เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยและโรแมนติกจุดหนึ่งในบาหลีเลยล่ะครับ มีร้านอาหาร ร้านค้าบริการมากมาย ผมยังมีโอกาสดื่ม เบียร์ยอดนิยมของอินโดอย่าง Bintang ก็ที่นี่แหละครับ

แถมอีกแก้วเป็น Tanah Lot Sling ที่มีรสส้มเช้งเปรี้ยวออกมาเลย

มื้อเย็นวันนี้ เดินเล่นแถวถนน Kartika Plaza เส้นนี้จะเป็นเส้นหน้า Discovery Shopping Mall เลยครับแถมเดินไปไม่ไกล ผมแวะทาน seafood กับไวน์ให้หายแค้นกับเหตุการณ์แลกเงิน ที่ร้าน Seafood House ร้านทางขวาสุดของตึก Kuta Sidewalk

ปูตัวใหญ่มากครับ เนื้อแน่นเชียว เพราะชี้เป็นชี้ตายมาหมาดๆ

มื้อนี้หมดเป็นล้าน กินประชดชีวิต..

หลังจากนั้นก็เดินชมวิว เล็งร้าน Bubba Gump ไว้ด้วย

นี่ไม่ใช่รองเท้าที่ผมใส่มานะ

ตู้ ATM ที่พร้อมบริการครับหาไม่ยากเลย

อยากเล่นสวนน้ำ Waterbom เหมือนกันครับไม่รู้จะมีเวลารึเปล่า แผนเที่ยวแต่ละวันก็แน่นพอสมควร

ปิดท้ายด้วย Discovery Shopping Mall ยามค่ำคืนครับ

Create Date : 25 พฤษภาคม 2553 | | |
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 0:00:25 น. |
Counter : 3653 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|