Group Blog
 
All Blogs
 
ทริปล้างตา/เก็บตก สิงคโปร์ #3 Universal Studios Singapore, S.E.A.aquarium

มาถึงวันที่ 3 ของทริปสิงคโปร์กันแล้วครับ วันนี้จัดให้ Universal Studios Singapore กันเต็มๆวันไปเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะเคยมา USS แล้วเมื่อครั้งที่สวนสนุกเพิ่งเปิดใหม่ๆ แต่ครั้งนั้นเครื่องเล่นหลายชิ้นก็ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ที่สำคัญคราวก่อนก็มีเวลาเที่ยวแค่สี่โมงเย็นเองด้วย กลับมาคราวนี้จึงเป็นการเก็บตก USS อย่างสมบูรณ์แบบครับ


แผนการท่องเที่ยวของวันนี้คร่าวๆก็คือ


ไปถึงเกาะ Sentosa แต่เช้า แวะเดินเล่นแถวชายหาด และ Merlion ตัวใหญ่ซักหน่อย

10.00 Universal Studios Singapore เปิด เข้าไปเล่นตั้งแต่เช้าเลย ให้เวลากับที่นี่เต็มที่

บ่าย ให้เวลากับ S.E.A. Aquarium ซักประมาณ 2 ชั่วโมง ที่เหลือก็ย้อนกลับเข้าไปใน USS

19.00 USS ปิด แวะกลับมาหาอะไรทานและเดิน Shopping ที่ห้าง Vivo City

21.00 กลับไปฝั่ง Sentosa ใหม่ (ประหยัดได้ด้วยการใช้ทางเดิน) เพื่อชมแสงสี Crane Dance

21.30 ชมแสงสีของน้ำพุ Lake of Dreams

22.00 แวะไป Mustafa Centre ก่อนกลับเข้าที่พัก


ยอมรับว่าวันนี้นอนตื่นสาย ตื่นมาเกือบ 7.30 แน่ะครับ รีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันด่วนเลย อาหารเช้าที่โฮลเทลก็ไม่ได้แตะอีกแล้ว


ผมนั่งรถไฟฟ้าจากสถานี Chinatown ไปยังสถานี Harbourfront ก็แค่สองสถานีเองครับ ใช้เวลาไปแค่ 5 นาที ค่าโดยสารก็ 1.5 S$ (ezlink 0.98S$) เมื่อมาถึงปลายทางแล้วให้เลือกทางออกใต้ห้าง Vivo City เลยครับ สถานีรถไฟจะไปเชื่อมกับชั้น 2B ของห้างพอดี


กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เลยหาอะไรทานซะก่อนครับ เห็นร้าน Toast Box มีเซ็ทเมนูแกงไก่ ในราคา 8.5 S$ เลยเอามารองท้องซะหน่อย รสชาติแกงเหมือนจะเป็นมัสมั่นแต่ไม่ออกรสหวานอย่างบ้านเรา ชุดนี้อยู่ท้องนานมาก




เคล็ดลับ : สำหรับคนที่ขี้เกียจเดินขึ้นบันไดเลื่อนถึง 5 ชั้น (สถานีรถไฟอยู่ที่ชั้น 2B แต่สถานี Sentosa Station อยู่บนชั้น 3) ให้มองหาร้าน Subway เลยครับ จะมีลิฟต์อยู่ใกล้ๆ กดขึ้นไปชั้น 3 ออกมาก็จะเจอรถไฟโฒโนเรลเลย


ย้ำอีกครั้งว่า ค่ารถไฟโมโนเรลเข้าเกาะ Sentosa ขึ้นราคาแล้วเป็น 4 S$ (100บาท) จ่ายแค่ครั้งเดียวก่อนเข้าเกาะ ถ้าใครจะประหยัดสามารถใช้ Broadwalk อันเป็นทางเดิน (ผสมทางเลื่อน) ที่ยาวครึ่งกิโลเมตรกว่าก็ได้ครับ จะจ่ายเพียง 1 S$


สถานีรถไฟลอยฟ้าของ sentosa จะมีทั้งหมด 4 สถานีครับได้แก่

- Sentosa station อยู่บนห้าง VivoCity เป็นสถานีต้นทาง

- Waterfront Station สถานีที่รวมโครงการ Resort World Sentosa เอาไว้ทั้งหมด USS, S.E.A.aquarium,Crane Dance, Lake of Dream อยู่สถานีนี้ทั้งนั้น

- Imbiah station สถานีที่รวมจุดน่าสนใจ เครื่องเล่นสนุกๆบนเกาะตั้งแต่สมัยก่อน Merlion ตัวใหญ่จะอยู่สถานีนี้

- Beach station สถานีปลายทาง ลงสู่ชายหาด Song of the Sea จะอยู่สถานีนี้


แต่เดิมเกาะ sentosa เป็นหมู่บ้านชาวประมง ที่ต่อมาเกิดโรคระบาดจนทำให้ชาวประมงล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงตั้งชื่อเกาะว่า เกาะแห่งความตาย (Balakang Mati, ภาษามลายู) ในช่วงสงครามล่าอาณานิคม เกาะ sentosa ยังเป็นป้อมปืนใหญ่ของกองทัพอังกฤษเพื่อปกป้องการโมตีจากทางน่านน้ำ จนเมื่อสิงคโปร์ได้รับเอกราช ทางรัฐบาลจึงพัฒนาเกาะที่มีเพียงชายหาดไว้พักผ่อน ให้กลายเป็น เกาะ Sentosa อันหมายถึง เกาะแห่งสันติภาพและความสงบ ปัจจุบัน sentosa ตั้งนิยามให้ตัวเองว่าเป็น Asian’s Favourite Playground และต่อมากลุ่ม Resorts World (เจ้าของเดียวกันกับเก็นติ้งที่มาเลเซีย) ได้ขอเข้ามาพัฒนาพื้นที่ในส่วนติดแผ่นดินใหญ่ จึงเกิดเป็นโครงการ Resorts World Sentosa ที่มีทั้งโรงแรม สวนน้ำ และดึงเอา Universal Studios มาไว้ที่นี่ จนกลายเป็นแหล่งดึงดูหลักของเกาะไปแทน


เสียตังค์ค่าเข้าเกาะตั้งร้อยนึงขอใช้รถไฟให้คุ้มหน่อยก็แล้วกันครับ เลยมาลงสถานีแรกที่ Beach Station จะเห็นเครื่องเล่น iFly Singapore อยู่ใกล้ๆครับ เครื่องนี้จะเป็นการจำลองการโดดร่ม และการบินครับ


เมื่อลงมาจากสถานีก็จะพบ ชายหาดที่จัดแสดง Songs of the Sea ครับ ปัจจุบันราคาตั๋วอยู่ที่ 12 S$ มีรอบการแสดงเวลา 19.40 และ 20.40 ต้องจองมาล่วงหน้านิดนึงครับ เพราะทัวร์มักลงที่นี่


ถ้าเราจะเดินชายหาด เมื่อหันหน้าออกทะเล ซ้ายมือจะเป็น Palawan Beach ส่วนขวามือจะเป็น Siloso beach ครับ ผมขอเดินไปแค่ทางหาด palawan ก็แล้วกันครับ


ชายหาดที่นี่ถือเป็นชายหาดแห่งเดียวของสิงคโปร์นะครับ ที่ลงเล่นน้ำได้ แต่สภาพก้ไม่น่าลงเล่นเท่าไหร่หรอกครับ

ย้อนกลับไปที่สถานี Imbian ดีกว่าครับ


แต่ก่อนสถานีนี้ ถือเป็นสถานีหลักที่รวบรวมเครื่องเล่นเลยนะครับ แถมมีตั้ง 10 อย่างแน่ๆ


1.The Merlion 2. Images of Singapore 3.Tiger Sky Tower 4.Butterfly park & Insect kingdom 5. Cable car

6.Sentosa 4D Magic 7.Sentosa CineBlast 8.Desperados 9.Extreme Log Ride! 10.Sentosa Luge & Skyride



ปัจจุบัน คนมักให้เน้นเที่ยวแต่ USS ส่วนหน้ากันมากกว่าครับ ในโซนนี้เลยเงียบมากๆ แต่ถ้าใครมีเวลาซัก 2 วัน สำหรับ Sentosa ก็สามารถซื้อตั๋วรวมราคาพิเศษได้นะครับ ช่วงนี้เห็นโปรเยอะมาก



หรือถ้าใครจะเน้นแต่เครื่องเล่นเก่าๆไม่เอาส่วน resorts world ก็มีโปรให้ครับ


The Merlion หรือสิงโตทะเลตัวพ่อ (ที่สูงถึง 37 เมตรแน่ะ) นี่ดูหงอยไปเลยครับ คนไม่ค่อยแวะเข้ามาเท่าไหร่


พวกเราคอยคุณๆอยู่นะครับ



Merlion Walk เป็นทางเดินด้านหลังรูปปั้น Merlion เป็นน้ำพุทำจากโมเสกสีสันต่างๆมาประดับ บนทางเดินที่ยาว 120 เมตร นอกจากนี้ยังทำเป็นสัตว์ประหลาดหลายๆอย่างตามตำนานของชาวเรือครับ


เดินย้อนมาอีกหน่อย ก็จะถึง Lake of Dreams ครับ


Universal Studios Singpore เปิดให้บริการระหว่าง 10.00-19.00 ครับ ปัจจุบันค่าตั๋วอยู่ที่ 74 S$ และมี Express pass จำหน่ายเพิ่มอีก 30S$ (เป็นบัตรช่วงทางด่วนเล่นเครื่องเล่นได้เลยไม่ต้องรอ)


สำหรับทริปนี้ ผมซื้อตั๋ว USS (ปกติ 74S$) และ S.E.A.aquarium (ปกติ 33S$) ล่วงหน้ารวมมาในราคา 92 S$ ครับ โดย print ตั๋วแล้วนำมาใช้ scan ทางเข้าด้านหน้าได้เลยทันที


ใกล้สิบโมงเช้าแล้ว เตรียมตัวกันครับ


สวนสนุกแบ่งออกเป็น 7 โซน เครื่องเล่นทั้งหมดมี 20 กว่าชิ้น ตาม List นี้เลยครับ



Hollywood บริเวณทางเดินเข้าที่เนรมิตรถนนฮอลลีวู๊ดมาไว้ที่นี่ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและตัวการ์ตูนที่จะคอยออกมาถ่ายรูปกับเรา





นอกจากนี้ยังมีโชว์การแสดงด้านนอก ด้วยด้านหน้าร้านอาหาร



สำหรับเครื่องเล่น/โชว์ของโซนนี้ จะมีเพียงอย่างเดียวครับ นั่นคือ Monster Rock ที่โรงละคร Pantages Hollywood Theater


โดยเป็นการแสดงร้องและเต้นในธีมของผีและปิศาจ โดยมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ปลุกชีพผีหลายๆตัวขึ้นมาจากกล่อง แล้วผีแต่ละตัวก็อยากจะร้องอยากจะเต้นกันทั้งนั้น สนุกและมันส์ไปกับเสียงเพลงที่เราคุ้นๆหูกันดี ถึงจะมีเพลงล้าสมัยอย่าง Nobody อยู่บ้างก็เถอะครับ อีกอย่างก็คือ ไหงคาแรคเตอร์ของ Phantom of the Opera ช่างแต๋วแตกซะขนาดนั้น


ยังไงก็เช็ครอบการแสดงจากแผ่นพับด้านหน้าด้วยนะครับ และเข้ามานั่งรอก่อนการแสดงซักเล็กน้อย เพราะเมื่อเริ่มแสดงแล้ว เราจะไม่สามารถเข้าไปในโรงละครได้เลยครับ เพราะจะเป็นการรบกวนสมาธิของนักแสดง






New York


จำลองบรรยากาศของเมืองหลวงของโลกอย่างนิวยอร์ค จำลองถนน โรงละคร และห้องสมุดเอาไว้ที่โซนนี้ครับ




เครื่องเล่นในโซนนี้ จะมีอยู่ 2 ชิ้นครับ ที่เปิดใหม่เลยก็คือ


Sesame Street Spaghetti Space Chase นั่งไปในการผจญภัยของเซซามิ สตรีทกันครับ เมื่อสปาเก็ตตี้ทั่วโลกโดนขโมยไป เราต้องออกไปหาตามและนำสปาเก็ตตี้กกลับมาสู่โลกให้ได้





มันดูเด็กมากนะครับ แต่ก็สนุกดี ด้านนอกยังมีตัวการ์ตูนออกมาคอยถ่ายรูปด้วย


กับ Cookie Monster


เครื่องเล่นอีกชิ้น เรียกว่าเป็นการโชว์เทคนิคการถ่ายทำดีกว่าครับ


Lights, Camera, Action! Hosted by Steven Spielberg ผู้กำกับสตีเว่น สปีลเบิร์ก จะนำเราเข้าสู่กองถ่ายทำหนัง จำลองฉากหนึ่งของท่าเรือในนิวยอร์ค ที่กำลังจะโดนพายุถล่ม ซึ่งจะมีทั้งลม ฝน ไฟ เอฟเฟ็คต่างๆ ที่น่าตื่นตาครับ




ห้อง build อารมณ์ก่อนที่จะเข้าสู่ฉากที่จำลองของจริงครับ



ทางด้านหน้าโรงละคร ยังมีโชว์ B boy คอยเล่นกับคนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วยครับ


สำหรับผมต้องแก๊งส์ Sesame Street ครับ อย่าง Bert, Oscar The Grouch และ Cookie Monster




Sci-Fi City


เมืองแห่งอนาคต เป็นโซนที่รวมรวมเครื่องเล่นมันส์ๆเอาไว้ด้วยกันเลยล่ะครับ


อุ่นเครื่องกันก่อนด้วยจานหมุน Accelerator




เจ้ารถ Bumber B จากหนังดัง Transformers



ถัดไปเป็นเครื่องเล่นที่คิวยาวที่สุดนั่นคือ TRANSFORMERS The Ride : The Ultimate 3D Battle ที่ให้เรานั่งไปในรถ พร้อมกับสวมแว่นสามมิติ ให้บรรยากาศเหมือนเราได้ผจญภัยไปในภาพยนตร์จริงๆครับ เครื่องเล่นนี้พลาดไม่ได้เลยล่ะครับ สนุกมาก



Battlestar Galactica: CYLON (รางสีฟ้า) และ Battlestar Galactica: HUMAN (รางสีแดง)


เป็นรถไฟเหาะ รางคู่ที่สูงที่สุดในโลก โดยรางสีแดง HUMAN จะเป็นรถไฟเหาะชนิดเท้าติดพื้น วิ่งด้วยความเร็ว 82 กม./ชม. ในขณะที่รางสีฟ้า CYLON เป็นรถไฟเหาะชนิดปล่อยเท้าผู้นั่งให้เป็นอิสระ และหมุนควงมากกว่ารางสีแดงหลายเท่าครับ รถไฟทั้งสองรางจะปล่อยออกไปพร้อมๆกัน และวิ่งสวนกันไปมาเพิ่มความเสียวเข้าไปอีก สำหรับผมแนะนำให้เล่นรางสีแดงก่อนครับเป็นการอุ่นเครื่อง ก่อนจะไปเสียวสุดเหวี่ยงกับรางสีฟ้าครับ






สำหรับการจะเล่นรถไฟเหาะทั้งสองขบวนนี้ เราต้องฝากของแทบจะทุกอย่างลงในตู้ Locker ที่มีบริการฟรี (ุ60นาที) บริเวณด้านข้างครับ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากของที่ติดตัวเราจะหล่นไปในรางก่อนนะครับ ก่อนจะเล่นพนักงานจะ scan ตัวเราละเอียดเลยล่ะ


Ancient Egypt


ผจญภัยไปในดินแดนอียิปต์โบราณ ในธีมของภาพยนตร์เรื่อง The Mummy กันครับ


Revenge of the Mummy เข้าในภาพยนตร์ The Mummy เพื่อตามหา Book of Death ก่อนที่ฮิมโมเทพผู้ชั่วร้ายจะมาแย่งไปครับ ด้านในจะเป็นรถไฟเหาะแล่นในความมืด พร้อมกับเอฟเฟ็คของภาพยนตร์เล็กน้อย


ก่อนจะเข้าไปเล่น ก็จะมีการ scan ตัวและฝากของในตู้ locker กันก่อนนะครับ (ฟรี 40 นาที)



Traesure Hunters นั่งรถเข้าไปผจญภัยหาสมบัติในทะเลทรายกันครับ เนื่องจากเป็นเครื่องเล่นเด็กๆที่เล่นได้ทั้งครอบครัว คิวจะยาวเป็นพิเศษครับ แต่บางครั้งเจ้าหน้าที่อาจจะต้องการคนที่มาคนเดียว เพื่อจัดให้เต็มรถ อย่าลืมรีบแสดงตัวตัวเลยครับ single rider นี่มักจะได้รับการลัดคิวจัดลงรถก่อนเสมอ






The Lost World


ยังจำภาพยนตร์ที่ทำให้สัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างไดโนเสาร์มามีชีวิตอยู่บนแผ่นฟิล์มได้ไหมครับ ในโซนนี้ก็จะพาเราไปพบประสบการณ์เช่นนั้นเหมือนกันครับ



Canopy Flyer นั่งเรือเหาะแบบส่วนตัว(4ที่นั่ง) เพื่อสำรวจบรรยากาศโดยรอบกันก่อนครับ ใครที่มาคนเดียวอย่าลืมแสดงตนและเข้าช่องทางพิเศษได้เลยครับ




Dino-Soarin นั่งเจ้าไดโนเสาร์บินได้กันครับ




Jurassic Park Rapids Adventure ล่องแก่งไปในพื้นที่เพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ ก่อนที่เราจะเปียกจากการผจญภัย






เปียกออกมาก็มีตู้เป่าลมร้อน จ่ายครั้งละ 5S$ ให้บริการอยู่นะครับ แต่ว่าก็มักจะมีนักท่องเที่ยวคนอื่นคอยมาแจมใช้ฟรีกับเราอยู่เรื่อย



นอกจากนี้ยังมีหน้าผาไต่จำลองที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกนะครับ นั่นคือ Amber Rock Climb


สำหรับในโซนนี้จะมีแอคชั่นโชว์ที่เป้นไฮไลท์อย่าง WaterWorld ครับ



การเลือกที่นั่ง จะมีทั้งโซนเปียกและโซนแห้งนะครับ ระมัดระวังก่อนเลือกที่นั่งนิดนึง โซนเปียกนี่นักแสดงเขาจะลงมาเล่นกับเรา มีการฉีดน้ำใส่ ยังไงก็เปียกครับ ที่นั่งหลังๆจะแห้งครับ


สำหรับการแสดง จะเล่าไปในยุคที่ทั้งโลกปกคลุมไปด้วยน้ำทะเล เหมือนภาพยนตร์ Water World ก่อนที่ตัวร้ายจะออกมายึดฐานที่มั่นและนางเอกเอาไว้ พระเอกที่เป็นมนุษย์หลายพันธุ์ครึ่งปลาครึ่งมนุษย์ (เพราะมีเหงือกหายใจในน้ำได้) ต้องออกมาช่วยนางเอกไว้ครับ


ในอดีตนี่ Water World จัดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาลเรื่องนึงนะครับ (ก่อนยุค Titanic จะมาดัง) แถมหนังก็ไม่คอยประสบความสำเร๊จในบ้านเกิดอย่างอเมริกาซักเท่าไหร่ ทำเงินไปยังไม่พอทุนสร้างเลย แต่กลับมาทำรายได้นนอกอเมริกาพอได้ชักทุนคืนหน่อย ทำให้ในสมัยนั้นออลลีวู๊ด เริ่มมองตลาดนอกอเมริกากันมากขึ้น สำหรับพระเอกของเรื่องอย่างเควิน คอสเนอร์ (เด็กสมัยนี้จะรู้จักไหมน่ะ) หลังจากหนังเรื่องนี้เรียกว่าเป็นขาลงของเขาเลยล่ะครับ




สำหรับร้านอาหารในโซน The Lost World นี่น่าทานที่สุดแล้วล่ะครับ เพราะว่าจะเป้นเมนูเอเชีย พวกข้าวต่างๆ ข้าวมันไก่ก็อยู่ในร้านนี้ครับ แต่ว่าวันนี้คิวยาวมา ผมไม่อาจรอได้ครับ



เลยได้เป็น Hotdog รองท้องไปก่อน ซึ่งราคาก็เอาเรื่องเหมือนกัน 11.43 S$ (286บาท) 


นอกจากนี้ยังมีได้โนเสาร์ (หุ่นยนต์) ที่เหมือนมีชีวิตจริงๆมาเล่นกับคนด้วย มันจะงับหัวผมด้วยครับ เด็กบางคนนี่กลัวไปเลยนะครับ เหมือนจริงมากๆ




Far Far Away


อาณาจักรฟาร์ฟาร์อเวย์ของเจ้าหญิงฟีโอน่า ซึ่งนับว่าเป็นปราสาทแห่งแรกในโลกจากภาพยนตร์เรื่อง Shrek เลยนะครับ ในโซนนี้จึงเต็มไปด้วยเทพนิยายจากเรื่องต่างๆที่มายำรวมกันอย่างสนุกสนาน (คนละอารมณ์กับปราสาทของดีสนีย์ล่ะครับ) 



เลี้ยวไปทางขวาของปราสาทก่อน จะพบกับ Donkey LIVE เวทีการแสดงของเจ้าลาพูดมากเพื่อนพระเอกอย่างเจ้า Donkey ครับ ที่คราวนี้จะมาวาดลวดลายบนเวที (ในจอภาพยนตร์) และเล่นสนุกแบบสดๆไปกับคนดูในห้องด้วย



มานั่งรอกันในห้อง build อารมณืก่อนเข้าไปในเวทีจริงๆกันครับ




ในร้านขายของที่ระลึก จะมีชิงช้าสวรรค์ตัวเล็กอย่าง Magic Portion Spin ของนางฟ้า



Shrek 4-D Adventure ในตัวปราสาทจะเป็นโรงหนัง 4D ครับ ที่เล่าเรื่องราวของเชร็คและเจ้าหญิงฟีโอน่าช่วงที่จะไปฮันนี่มูนกัน แต่ระหว่างทางเจ้าหญิงถูกตัวร้ายอย่างลอร์ดฟาร์ ควอด (จากภาคหนึ่งที่ตายไปแล้ว) จับตัวไป โดยลอร์ดฟาร์ ควอดวางแผนให้เจ้าหญิงฟีโอน่าตายโดยการตกจากน้ำตก เพื่อที่จะได้ครองรักกับตนที่เป็นวิญญาณ เชร็คและดองกี้จึงต้องตามไปช่วยเหลือครับ



ห้อง build อารมณ์ครับ จำลองปราสาทของลอร์ดฟาร์ ควอดที่ปัจจุบันกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว ในที่นี้พีน็อคคีโอ และหมูสามตัวโดนจับมาทรมานอยู่ ก่อนที่จะย้ายเข้าไปชมภาพยนตร์จริงๆในอีกห้องครับ



Enchanted Airways สายการบินของเหล่าเทพนิยายครับ เป็นรถไฟเหาะมังกรสีชมพูแบบน่ารัก




บริเวณอื่นของ Far Far Away ครับ


แล้วก็ไม่ลืมบ้านของเชร็คที่อยู่ในหนองน้ำ


ส่งท้ายด้วยไก่ทอดของร้านอาหารในโซนนี้ซักหน่อยครับ ชุด mama bear ไก่ทอด 2 ชิ้น อยู่ที่ 13.7 S$ (342.50บาท) มีชุด Papa bear ด้วยครับ เป็นไก่ 3 ชิ้น



Madagascar


โซนสุดท้ายกันแล้วครับ สนุกสนานผจญภัยไปกับตัวละครจากภาพยนตร์การ์ตูน Madagascar กันครับ


Madagascar: A Creature Adventure เครื่องเล่นที่จะพาเราเข้าไปผจญภัยในภาพยนตร์กันครับ


จากสวนสัตว์ใน Central Park ของนิวยอร์ค สิงห์โต อเล็กซ์, ม้าลาย มาร์ตี้, ยีราฟ เมลแมน และฮิปโปโปเตมัสสาว กลอเรีย หลังจากทำเรื่องป่วนเมือง จนคนคิดว่าพวกสัตว์ป่าบ้าคลั่ง ทั้งสี่จึงถูกส่งขึ้นเรือเดินสมุทร ปลายทางก็คือแอฟริกา แต่ด้วยความป่วนของแก๊งส์เพนกวิน ทำให้ทุกตัวหลงไปติดเกาะอยู่ที่มาดาร์กัสการ์ไปซะได้ จนมาพบกับแกีงส์สัตว์ป่าเจ้าถิ่นที่กวนโอ๊ย อย่าง คิงจูเลี่ยน 





King Julien's Baech Party-Go-Round งานปาร์ตี้ส่วนตัวของคิงจูเลี่ยนครับ ที่เอาสัตว์ทุกตัวมาร้องรำทำเพลง เป็นม้าหมุนกัน ใครๆก็นึกถึงทำนองเพลงนี้ออกใช่ไหมครับ I like to move to move it.





ครบทั้งหมดทุกเครื่องเล่นแล้วล่ะครับ เสียดายที่ไม่ทันแก๊งส์เพนกวินออกมาโชว์ตัวนะครับ



ประมาณบ่ายสี่โมงก็สามารถเล่นเครื่องเล่น ดูโชว์ได้ครบแล้วล่ะครับ สำหรับวันธรรมดาอย่างนี้ (ที่จริงก็มีกรุ๊ปทัวร์เข้ามาหลายกลุ่มเหมือนกันนะครับ)


เทคนิคการเล่นเครื่องเล่นของผมก็คือ


เมื่อสวนสนุกเปิดให้วิ่งเข้าไปเล่นที่โซน Sci-Fi City ก่อนเลยครับ TRANSFORMERS The Ride จะเป็นเครื่องเล่นที่คิวยาวเสมอ ให้เล่นเครื่องนี้ก่อนเลย และถ้ามาคนเดียวสามรถเข้าช่อง Single Ride ได้เลยครับ (มีค่าเท่ากับการซื้อ Express Pass เลย) เพราะเครื่องเล่นนี้จะต้องจัดคนให้ครบ 8 คนถึงจะปล่อยเครื่องแต่ละครั้ง ถ้าเราไปคนเดียว พนักงานสามารถจัดเราให้เข้าไปนั่งเล่นได้เลยแทนที่นั่งที่ว่างน่ะครับ


ถัดมาให้เล่น รถไฟเหาะรางคู่อย่าง Battlestar Galactica เพราะเป็นเครื่องเล่นที่เสียวที่สุด ช่วงเช้าก่อนเที่ยงยังไมีมีคิวมากนักครับ แนะนำให้เล่นรางสีแดง HUMAN ก่อน เพราะมันเสียวน้อยกว่า แล้วค่อยไปเสียวสุดๆกับรางสีฟ้า CYLON จะดีกว่าครับ (แต่ทำไมหลายคคนชอบแนะนำรางสีฟ้าก่อนตลอดผมละไม่เข้าใจ) และอาจจะเก็บ Accelerator ไปด้วยเลย


เล่นทั้งสาม/สี่ อย่างนี้ ถ้ามาตั้งแต่ 10 โมงเช้า ไม่เกิน 10.30 ก็เก็บหมดครับ แล้วค่อยย้อนกลับไปทางโซน New York เล่นเครื่องเล่น Sesame Street กับ Lights, Camera,Action! ไปพลางๆเพื่อรอชมโชว์ Monster Rock ประมาณ 11 โมงกว่าๆครับ หลังจากจบโชว์จะใกล้เที่ยงได้ ถ้าหิวอาจจะแวะทานอาหารก่อน แล้วเตรียมไปดูโชว์ Water World ในรอบแรกอยู่ที่ประมาณเที่ยงครึ่งครับ


หลังจบ Water World อาจจะแวะทานข้าว (ถ้ายังไม่ทาน) เก็บเครื่องเล่นในโซน The Lost World ให้หมด และถ้ารู้จักใช้ Single Ride จะทำให้เราเล่นได้เร็วมากครับ โดยเฉพาะ Jurassic Park Rapids Adventure (ถึงมากับเพื่อน ก็แยกกันชั่วคราวเล่นจะไวกว่าครับ)


หลังจากนี้ก็สามารถไล่เล่นแต่ละอย่างไปได้สบายๆครับ คิวไม่ยาวมากเท่าใน Sci-Fi City แต่ควรเผื่อเวลาสำหรับ Shrek 4-D Adventure กับ Donkey LIVE หน่อยครับ เพราะต้องเสียเวลาเข้าแถวรอเข้าชม


โดยรวมแล้วบ่ายสี่โมงก็เล่นได้ครบแล้วครับ



อีกวิธีนึงที่จะแนะนำ คือการมาเล่นหลังสี่โมงเย็นไปเลยครับ เพราะช่วงนี้ พวกที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์เริ่มที่จะเรียกรวมตัวกันแล้ว ทำให้ประมาณคนที่รอคิวลดลงไปมาก ยิ่งเวลาหลังหกโมงเย็นนี่ กลุ่มที่มาเป็นครอบครัวมีลูกเล็กๆหรือเด็กๆ จะรีบกลับครับ ช่วงก่อนหกโมงเย็นหน่อยๆนี่ผมยังกลับมาเล่นเครื่องเล่นซ้ำได้อีกตั้งหลายอย่างเลยล่ะครับ (แต่พวกโชว์นี่อาจจะหมดรอบไปบ้างแล้ว) เรียกว่าเป็นการเก็บตกที่คุ้มค่ามาก


ก่อนบ้ายสี่โมงนิดหน่อย ผมก็ออกมาจาก Universal Studios Singapore ครับ โดยพนักงานจะถามว่าเราจะกลับเข้ามามั้ย ถ้าจะเข้ามาอีก เขาก็จะปั๊มที่แขนเราด้วยหมึกใส ชนิดเรื่องแสงฟลูโอเรสเซ็นต์เอาไว้ตรวจสอบเวลาเข้ามาใหม่เท่านั้นเองครับ


มีเวลาเผื่อไว้ให้ S.E.A. Aquarium ครับ โดยที่นี่จะเปิดให้บริการเวลา 10.00-19.00 (เหมือนกับ USS) โดยมีค่าเข้า 33 S$ (825บาท) ด้านในจะเป็นการแสดงพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำโดยทั่วไป




ต้อนรับเราด้วยอุโมงค์ของทะเลในแถบอันดามันและมะละกา


ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ และนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำหลายๆอย่าง



ถามว่า เยอะไหม ผมว่าก็ยังมีสัตว์น้ำไม่เยอะ หรือไม่หลากหลายมากเท่าไหร่นะครับ อย่างฉลามก็มีไม่กี่พันธุ์ ในฐานะที่เคยไป Chiangmai Aquarium มาแล้ว ผมว่าของที่เชียงใหม่ยังดูเยอะกว่าเลยนะครับ แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ การจัดการครับ ของที่นี่ดีกว่ามาก และฉลาดที่จะสร้างไฮไลท์ของตัวเองขึ้นมา




ไฮไลท์ที่ว่านั่นคือ World's Largest Aquarium and World's Largest Acrylic Viewing Panel ตู้อะควอเลี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผนังอะคริลิกให้มองปลาได้มุมมองใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง





ซึ่งเข้าชมแล้ว มันก็ให้บรรยากาศที่ยิ่งใหญ่จริงๆครับ ขนาดปลาในตู้ยังมีไม่มากเท่าไหร่ แต่ขนาดของผนังนี่ก็กินขาดมากๆ นอกจากนี้อีกฝั่งหนึ่ง (ที่เป็นช่องสี่เหลี่ยมอีกด้าน) ยังจัดเป็นห้องพักของโรงแรมอีกด้วย เรียกว่าสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพื้นที่จริงๆ



ถือว่าเป็นการมาดู ให้ได้รู้ ได้เห็นครับ แต่ความประทับใจมากน้อยแค่ไหนนั้น เก็บไว้ในใจก็แล้วกันครับ


ที่จริงผมย้อนกลับไป Universal Studios อีกนะครับ (กลับไปเล่นเครื่องเล่นซ้ำสอง) และเล่นต่อจนถึงเวลาปิดนั่นคือทุ่มนึงเลย แต่ตัดต่อซะเหมือนไปรวดเดียวเลย


แผนที่วางไว้ก็คือ จะย้อนกลับไปหาอะไรทานที่ Vivo City พร้อมกับเดินดูของ shopping ไปด้วย กลายเป็นว่า ผมติดอยู่บนรถไฟฟ้าถึงครึ่งชั่วโมง ไปยืนอัดกันอยู่บนรถไฟฟ้านั่นแหละครับ ครึ่งชั่วโมง เพราะว่าระบบรถไฟฟ้าเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ จึงทำให้หยุดการเดินรถชั่วคราว หลายคนก็หัวเสียเลยล่ะครับ เจ้าหน้าที่คอยจัดคิวขึ้นรถก็กลายเป็นแพะรับบาปไปเลย โดนผู้โดยสารหลายๆคนบ่นและด่ากระหน่ำไปเลย เพราะหลายๆคนมุ่งหน้าจะกลับบ้านแล้วไงล่ะครับ เลยอารมณ์เสียกันเป็นพิเศษ


ส่วนผม ตอนแรกคิดจะเดินกลับไปทางฝั่ง Vivo City เหมือนกัน แต่ก็ขี้เกียจเมื่อยครับ เลยหาอะไรทานฝั่งนี้ซะเลย ไปเจอร้านอาหารสไตล์ฟาสฟู๊ดอย่าง ruyl (เห็นแปลว่า เมฆที่เพิ่งผ่านฟ้าครึ้มมากำลังจะเจอแดดสดใส เหมือนชีวิตคนเรา) สั่งเป็นชุดบะหมี่ราดด้วยหมูสับ พร้อมน้ำและเจลลี่มะม่วง ชุดนี้ 8.5 S$ (212บาท) แล้วก็รอเวลาสำหรับกิจกรรมยามค่ำคืนบนเกาะ Srntosa ครับ


ถ้าจะให้สรุปกิจกรรมยามค่ำคืนของเกาะ Sentosa ก็จะมี


19.40 และ 20.40 Songs of the Sea แสดงทางฝั่งชายหาด เสียค่าเข้าชม 12 S$

21.00 Crane Dance เครนนกกระเรียนเต้นรำ บริเวณช่องแคบหันหน้าไปทาง Vivo City (ยกเว้นวันอังคาร,พุธ) ชมฟรี

21.30 Lake of Dreams น้ำพุเต้นระบำบริเวณลานกลางลาน Resorts World ชมฟรีเช่นกันครับ แต่ก็เหมือนไม่ค่อยมีอะไร


บริเวณหน้าคาสิโนมีระบำน้ำพุอย่างนี้ด้วยครับ



Crane Dance 





ปริมาณผู้ชมก็เยอะพอสมควรเลยล่ะครับ



ย้ายมาฝั่ง Lake of Dreams กันบ้างครับ





กว่าจะจบการแสดงก็ประมาณ 21.45 ได้ครับ รถไฟก็กลับมาวิ่งได้ตามปกติแล้ว คืนนี้ยังเหลือที่หมายสุดท้ายอีกหนึ่งที่ครับ นั่นคือ Mustafa Centre อันเป็นห้างสรรพสินค้าที่เปิดขายกันตลอด 24 ชม. (แต่รถไฟฟ้าหมดตอนเที่ยงคืนนะครับ อย่าเพลิน ค่า Taxi ยิ่งดึกยิ่งแพง)


จากสถานี Harbourfront นั่งรถไฟฟ้าไปอีก 6 สถานีครับ ลงที่สถานี Farrer Park ได้เลยครับ จะใกล้ห้าง Mustafa Centre มากที่สุด (อย่าไปลงที่สถานี Little India นะครับ เดินยาวตั้งแต่ต้นถนนมาถึงท้ายถนนเลย) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 นาที ค่าโดยสาร 1.7S$ (ezlink 1.26S$)


ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายๆคนชอบมุสตาฟากันนะครับ เพราะคนสิงคโปร์แท้ๆเองก้ไม่ค่อยจะมาเดินแถวนี้ซะด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่าของหลายอย่างก็ถูกจริงๆครับ ข้อดีอีกประการก็คงเป็นเรื่องเปิด 24 ชม.เนี่ยแหละ ไม่รู้จะไปไหน แวะมาที่นี่ก็ยังได้ครับ แต่สำหรับความเข้าใจของผมแล้ว


Mustafa centre = ร้านเจ๊เล้ง


นั่นเองครับ เพียงแต่ไม่มีเสียงของเจ๊เล้งคอยเปิดกล่อมแนะนำสินค้าในร้านนั่นเอง






เที่ยวแน่นๆมาทั้งวัน ได้เวลากลับโฮลเทลกันแล้วล่ะครับ จาก Farrer Park ไปลง Chinatown ก็แค่สี่สถานี ใช้เวลาแค่ 7 นาที ค่าโดยสารก็ 1.5S$ (ezlink 0.98 S$) วันนี้เหนื่อย หลับเป็นตายอีกคืนครับ




Create Date : 06 สิงหาคม 2556
Last Update : 6 สิงหาคม 2556 6:20:22 น. 0 comments
Counter : 5350 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

prapasawat
Location :
สระบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




Friends' blogs
[Add prapasawat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.