ต้นไม้ ใบหญ้า นาข้าว
Group Blog
 
All blogs
 

ชามะนาว

เมื่อเราทำชาเย็นแล้ว
กากชาที่ยังเหลือและยังมีรสชาดของชาอยู่ เราก็มาดัดแปลงซะ
เพราะถ้าทำชาเย็นมันจะไม่อร่อยแล้ว ไม่เข้มข้นเท่าเดิม
เราก็เติมชาผงไปสักช้อน และเติมน้ำร้อนเข้าไปอีก เทสลับกันไป-มา
พอได้น้ำชาเราก็มาเติมน้ำตาลสัก 3 ช้อน คนให้น้ำตาลละลาย
ชงได้หลายแก้วค่ะ เทใส่ภาชนะไว้ให้เย็น เก็บใส่ตู้เย็นไว้ เวลาจะดื่ม
ก็จะได้ทั้งชาดำเย็น หรือ บีบมะนาวลงไปสัก 1 ซีก ก็จะได้ ชามะนาว
อร่อยไปอีกแบบค่ะ











 

Create Date : 26 เมษายน 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 14:53:51 น.
Counter : 2400 Pageviews.  

ชาเย็น

วันก่อนทำกาแฟเย็นไปแล้ว ที่บ้านจะทำสลับกันค่ะ
วันนี้เลยทำชาเย็น ชาผงก็มาจากร้านเดียวกันกับกาแฟค่ะ
เคยซื้อชาตรามือมาลองทำแล้ว ไม่ถูกใจ ให้คนที่เคยดื่มชาของเรา
เขารู้เลยว่าไม่เหมือนเดิม คือ มันออกฝาดยังงัยก็ไม่รู้ ทีนี้ชาตรามือเหลือ
ก็เสียดายเลยใช้วิธีเอามาผสมกับชาผงที่ซื้อมาจากแปดริ้ว ก็เลยดีขึ้น
ไม่อยากทิ้งเสียดายนะค่ะ

วิธีทำเหมือน กาแฟเย็นนั่นแหละ

//www.bloggang.com/viewblog.php?id=pavita&date=21-04-2008&group=27&gblog=3




 

Create Date : 26 เมษายน 2551    
Last Update : 26 เมษายน 2551 10:07:37 น.
Counter : 2882 Pageviews.  

ขนมปังเนย+กระเทียม

อันนี้ทำง่ายมากเลยค่ะ
และอร่อยได้รสชาดตามที่เราต้องการ ชอบหวาน หรือเค็ม ก็ทำได้
บางทีซื้อเขาทานจะเน้นหวานมากไป

ส่วนประกอบ
1. ขนมปังแถว
2. เนยเค็ม
3. กระเทียมปอกเปลือก
4. พริกไทยเม็ด
5. น้ำตาลทายสำหรับโรยหน้า

จำนวนที่ใส่แล้วแต่เราชอบเผ็ดมากก็พริกไทยเยอะหน่อย

วิธีทำ
1. ตัดขนมปังออกเป็น 2 ส่วน ผึ่งลมไว้
2. โขลกพริกไทย และกระเทียมให้เข้ากันจนละเอียด
3. ผสมข้อ 2 และเนยเค็มให้เข้ากัน
4. นำส่วนผสมข้อ 3 มาทาบนขนมปังหนึ่งด้าน
5. ถ้าไม่ชอบหวานก็เข้าอบเลยค่ะ แต่ถ้าชอบหวานมากหรือน้อย
ก็ใช้น้ำตาลทรายโรยหน้าตามต้องการ แล้วเข้าอบเลย

สังเกตุเอานะค่ะ ถ้าใส่น้ำตาลต้องระวังไหม้เร็ว
เราใช้ย่าง 4 นาที และอบซ้ำอีก 5 นาที ไฟ 160 องศา C ค่ะ







 

Create Date : 26 เมษายน 2551    
Last Update : 26 เมษายน 2551 10:01:41 น.
Counter : 995 Pageviews.  

คุกกี้เมล็ดทานตะวัน

เราเน้นคุกกี้โฮมเมดค่ะ จะกรอบนุ่ม เก็บได้ไม่นาน
จึงทำแค่พอทานประมาน 2-3 วันเท่านั้น คือทำครั้งละ
30-36 ชิ้น แต่ถ้าทำขายต้องอบให้กรอบโดยใช้ไฟอ่อน
เพื่อที่จะเก็บได้นานค่ะ

ส่วนประกอบ
1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 1/4 ถ้วย
2. ผงฟู 1 ชช.
3. เนยเค็ม 1/2 ถ้วย
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง
5. กลิ่นวานิลา 1 ชช.
6. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
7. เมล็ดทานตะวันอบ หรือเมล็ดฟักทองอบ ตามชอบเลยค่ะ

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งและผงฟูไว้
2. ตีเนยและน้ำตาลให้เข้ากัน
3. ใส่ไข่ไก่ และ วานิลา ลงไปในเนย ตีให้เข้ากันเป็นครีมข้น
4. เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วใส่เมล็ดทานตะวัน
5. นำช้อนชาตักหยอดบนถาด ไม่ต้องทาเนยขาวค่ะ
6. อบไฟ 180 องศา C หรือ 375 F ประมาณ 13 นาที

เตาแต่ละคนไม่เท่ากันค่ะ ให้สังเกตุดูด้วย ของเราเป็นเตาไมโครเวฟ แบบ
3 in 1

ออกมาแล้วหน้าตาอย่างนี้แหละ







 

Create Date : 26 เมษายน 2551    
Last Update : 26 เมษายน 2551 9:54:15 น.
Counter : 3226 Pageviews.  

กาแฟเย็น

เป็นคนชอบดื่มกาแฟเย็น และชาเย็นมาก แต่ต้องเป็นสูตรโบราณนะค่ะ
เมื่อก่อนซื้อเขาดื่มตามร้านทั่วไป หรือ รถเข็น แต่บางครั้งก็ไม่เข้มข้น
ถูกใจ

ไปเที่ยวบ้านพี่สาวที่แปดริ้วเขาซื้อกาแฟเย็นมาให้ดื่ม เข้มข้น อร่อยมาก
พี่สาวบอกว่าเขาขายเม็ดกาแฟด้วย เพราะเคยเห็นเขาคั่วเองเป็นกะทะใหญ่มาก และบดเอง ก็เลยซื้อมาชงดื่มซึ่งเจ้าของร้านเขาก็บอกสูตรมา แต่ไม่ได้บอกละเอียดหรอกค่ะ เราก็มาดัดแปลงให้ตรงกับความต้องการ และปรับสูตรไปเรื่อย ๆ ชงบ่อย ๆ ก็เข้าที่เองค่ะ

อุปกรณ์
กระป๋องสำหรับชง 2 อัน ถุงผ้า 1 อัน นอกนั้นหาในบ้านเรานี่แหละค่ะ

วิธีทำ
1. ต้มน้ำในหม้อให้เดือด
2. ตักกาแฟผงใส่ในถุงผ้าสัก 5 ช้อนทานข้าว
3. เติมน้ำจนเกือบเต็มกระป๋องชงที่มีกาแฟอยู่
4. แล้วสลับกระป๋องไป-มา โดยการเทน้ำกาแฟใส่ในถุงผ้า
5. แก้วน้ำทนความร้อน แบบสูงเติมน้ำตาลทราย ครึ่งช้อน
6. ใส่นมข้นหวาน 2 ช้อน
7. เติมน้ำกาแฟไปค่อนแก้ว แล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
8. เทใส่ภาชนะสำหรับใส่กาแฟ

ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกาแฟเริ่มจาง หรือถ้าต้องการทำเยอะก็เติมกาแฟผง
และเติมน้ำทำไปเรื่อย ๆ จนพอใจ แล้วทิ้งกาแฟที่ชงแล้วไว้ให้เย็น
เทใส่ขวดเก็บใส่ตู้เย็นไว้ดิ่มได้หลายวันค่ะ เวลาจะดื่มค่อยเติมนมสดนะค่ะ

เสร็จแล้วค่ะ กาแฟเย็นสูตรโบราณ









 

Create Date : 21 เมษายน 2551    
Last Update : 27 เมษายน 2551 18:44:52 น.
Counter : 2659 Pageviews.  

1  2  

yanet
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




< [Add yanet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.