คุยไปเรื่อยๆตามประสาเด็กหัวตลาด

๒.ดราม่าเรื่อง AED



ดราม่าเรื่อง AED

เดี๋ยวนี้ถ้าเราเดินตามห้างใหญ่ๆหรือสนามบินหรือหน่วยงานบางหน่วยงาน เราจะเห็นตู้แขวนติดฝาผนังหรือตู้วางพื้นมีป้ายเขียนบอกว่า "เครื่อง AED" หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไร
AED ย่อมาจาก Automated External Defibrillator แปลเป็นไทยว่าเครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ


ปี พ.ศ.๒๕๕๒ ผมไปเรียนหนังสือที่ La Trobe University, Melbourne, Australia ๑๐ วัน ได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเห็นเครื่อง AED เป็นครั้งแรก



เขามีป้ายสอนการทำ CPR



ป้ายการใช้เครื่อง AED


ทำไมต้องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้า พบว่าภาวะหัวใจหยุดเต้นคลำชีพจรไม่ได้มี ๒ สาเหตุใหญ่ๆคือ หัวใจหยุดเต้นไปเลยจริงๆ(asystole) กับภาวะที่หัวใจห้องล่างเต้นพริ้วจากการส่งกระแสไฟฟ้าของหัวใจขัดข้อง(ventricular fibrillationหรือ VF) 

ดังนั้นในการช่วยฟื้นคืนชีพ(Cardiopulmonary resuscitation หรือ CPR) จึงให้มีการปั๊มหน้าอกเพื่อบีบนวดหัวใจให้มีเลือดไปเลี้ยงสมอง
ถ้าหากเป็นภาวะ VF สามารถแก้ด้วยการใช้ไฟฟ้าช็อคกระตุกให้ระบบไฟฟ้าของหัวใจกลับมาปกติ การใช้ไฟฟ้าช็อคกระตุกหัวใจเราเรียกว่า defibrillationเครื่องช็อคไฟฟ้าเรียกว่า defibrillator ซึ่งมีหลายแบบแบบกระตุกภายนอกหรือ external defibriilator ต้องใช้คนจับแผ่นขั้วไฟฟ้าไปแตะบนหน้าอกคนไข้แล้วกดปุ่มทำงานแบบที่เราเห็นในภาพยนตร์นั่นแหละหรือแบบกระตุกภายใน internal defibrillator อันนี้จะมีพวกวิชาชีพอย่างผมคือหมอผ่าตัดหัวใจใช้โดยเอาแผ่นขั้วไฟฟ้าไปแตะที่หัวใจโดยตรงเลย ทำในกรณีที่ผ่าตัดเปิดทรวงอกเห็นหัวใจ


ส่วน AED หรือ Automated ExternalDefibrillator นี่ก็เป็น external defibrillator แต่มีความพิเศษคือเครื่องจะทำการประมวลผลการเต้นของหัวใจของคนไข้เองถ้าพบว่าเป็น VF ก็จะสั่งให้เรากดปุ่มช็อคไฟฟ้า
ปัจจุบันในการช่วยฟื้นคืนชีพหรือ CPR ถือว่าการใช้เครื่องAED เป็นขั้นตอนของการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน(BasicLife Support หรือ BLS) กรรมการการแพทย์ฉุกเฉินได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้การใช้เครื่องAED เป็นการปฐมพยาบาล นั่นหมายความว่าใครก็ใช้ได้และหากมีข้อผิดพลาดจากการใช้งานไม่ถือเป็นความผิด

ข้อระวังของการใช้เครื่องAED คือเครื่องนี้จะปล่อยกระแสไฟฟ้ากระแสตรงที่มีค่าพลังงานมหาศาลคนที่สัมผัสตัวคนไข้อาจจะได้รับอันตรายได้ ทุกคนต้องไม่สัมผัสตัวคนไข้ในขณะที่เครื่องทำงาน



ปัจจุบันที่ สปสช.มี AED ใช้เหมือนกับออสเตรเลีย



เครื่องแรกอยู่ที่ใกล้ห้องผู้บริหารระดับสูง เพราะเชื่อว่ากลุ่มนี้มีโอกาสถูกใช้เครื่อง AED มากที่สุด
แต่ผมว่าผู้บริหารระดับสูงถ้าถึงขั้นต้องใช้ AED มักจะไม่รอด
เพราะจะทำให้มีตำแหน่งว่างลง ๑ ตำแหน่งทันที ฮิๆๆ



เครื่องที่ ๒ อยู่หน้าห้องประชุมใหญ่ของสำนักงาน
นอกจากเครื่อง AED เรายังมีกระเป๋าใส่เครื่องช่วยฟื้นคืนชีพอย่างอื่นแบบเต็มรูปแบบ
เพราะพวกเราส่วนใหญ่เป็นบุคลาการทางการแพทย์ มีทั้งหมอและพยาบาลเยอะไปหม
และทาง สปสช.ก็ได้จัดอบรมทั้ง BLS และ ACLS ให้บุคลากร



เรามีป้ายแสดงขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพแบบย่อ



ป้ายแสดงขั้นตอนการช่วยฟื้นคืนชีพแบบละเอียด



เพื่อให้มีการทำงานเป็นทีม จึงต้องเก็บ AED ในตู้ที่มีสัญญาณ 
เมื่อเปิดตู้สัญญาณจะดัง ทำให้รู้ว่ามีการหยิบเครื่อง AED ไปใช้ ผู้ที่ผ่านการอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นพื้นฐาน(BLS) หรือการช่วยฟื้นคืนชีพขั้นสูง(Advanced cardiavascular life support หรือ ACLS) ก็จะมาช่วยกัน
ขออนุญาตนำภาพจากบริษัทผู้ผลิตมาแสดง

เมื่อเปิดกระเป๋าออกมาจะเจอตามรูป
วิธีใช้คือเปิดสวิทช์(หมายเลข ๑)
นำแผ่นขั้วไฟฟ้าแปะที่หน้าอกคนไข้ตามรูปบนแผ่นขั้วไฟฟ้
เมื่อเราติดแผ่นขั้วไฟฟ้าแล้ว เครื่องจะบอกว่าให้หยุดปั๊มหน้าอก เพื่อประมวลผล จะใช้เวลาไม่เกิน ๑๐ วินาที
หากไม่ใช่ VF เครื่องจะบอกให้เราปั๊มหน้าอกต่อไป
แต่ถ้าเป็น VF เครื่องจะบอกว่าให้ช็อคไฟฟ้าหรือ defibrillation
คนที่คุมเครื่องจะร้องดังว่า "ฉันถอย" แล้วถอยมาไม่ให้ร่างกายสัมผัสคนไข้
จากนั้นร้องว่า "คุณถอย ทุกคนถอย" คนอื่นๆก็ต้องถอยออกมาจากคนไข้
คนคุมเครื่องก็จะกดช็อคไฟฟ้า(ปุ่มหมายเลข ๓)
เครื่องจะบอกให้ปั๊มหัวใจต่อไป และสั่งให้หยุดเพื่อประมวลผ
เรามีหน้าที่ทำตามเครื่องสั่งไปเรื่อยๆจนกว่า ทีมช่วยฟื้นคืนชีพพร้อมรถพยาบาลมาถึง

เครื่องแต่ละยี่ห้อก็มักจะมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่บางยี่ห้อเสียงพูดเป็นภาษาไทย บางยี่ห้อเป็นภาษาอังกฤษ


ราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้การใช้ AED เป็นการปฐมพยาบาล



อันนี้เป็นตู้หน้าหน่วยงานหนึ่งในศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯที่ชาวต่างชาติทุกคนต้องมาติดต่อ
มีตู้ AED แต่ผมไปดูแล้วไม่มีเครื่อง มีแต่โทรศัพท์ไว้ตามทีมฉุกเฉินที่หมายเลข ๑๖๖๙


26 กรกฎาคม เวลา 8:16


Create Date : 12 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2560 14:26:36 น. 0 comments
Counter : 991 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เด็กหัวตลาด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เรียนจบหมอ เคยผ่านการเป็นอาจารย์ แล้วลาออกไปเป็นหมอจนๆ เพราะไม่ชอบใช้วิชาชีพหากิน
ปัจจุบันเลิกรักษาคน หันไปบริหารเงิน คอยดูคนอื่นรักษาคนไข้แทน
รับผิดชอบการจัดชุดสิทธิประโยชน์สำหรับโรคเรื้อรัง
และโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงของผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง ๓๐ บาท)
สนใจเรื่องราวประวัติตระกูล และประวัติศาสตร์บ้านเกิด ณ หัวตลาด หรือตลาดจีนเมืองตานี เป็นพิเศษ
[Add เด็กหัวตลาด's blog to your web]