หมากรุกไทย thai chess

xyzzyx
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]




"เก่งไม่มีในโลก เพียงแต่เขารู้วิธีมากกว่าเราเท่านั้น"

วิธีเรียนรู้และการสอน(สำหรับอย่างอื่นด้วยครับ)
1.เรียนรู้สิ่งที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ก่อน ข้อกำหนด การปฏิบัติเบื้องต้น โดยเลียนแบบและทำตามไปก่อน
2.เรียนรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นๆ โดยเน้นเรื่องที่จำเป็นก่อน
3เรียนรู้และทำความเข้าใจเพิ่ม สามารถจัดหมวดหมู่ และอธิบายได้
4.สะสมความรู้และประสพการณ์ สามารถสร้างแนวทางใหม่เพิ่มเติม โดยมีแนวทางหลักตามที่เรียนมา สอนผู้อื่นตามหลักการ หวังระดับคาดหวังได้ค่อนข้างแน่นอน
5.สูงสุดคืนสามัญ เรียนรู้แนวทางอื่น ปรับใช้ แก้ปัญหาได้ตลอด ไม่ยึดติดแนวใดแนวหนึ่ง สอนผู้อื่นตามความเหมาะสมกับวิถีและระดับการเข้าใจของผู้เรียน
กรอบและแกนการเล่น
1.เริ่มเกม 2.ดำเนินเกม 3.หาทางให้มีเปรียบมากกว่า 4.ทำให้มีโครงสร้างการถูกรุกจน 5.การรุกให้จน 6.การหาทางเสมอ 7.การพลิกสถานการณ์

การแบ่งเพื่อระยะเข้าใจ
...1.ระยะเตรียมพร้อม 2.ระยะดำเนินการและเฝ้าระวัง 3.ระยะแตกหัก 4.และระยะทำลายขั้นสุดท้าย
หรือ
...1.ระยะเปิดหมาก 2.แปรรูป แปรทาง 3.ขยายตัว พันตู 4.เบียด 5.ไล่และรุกจน

สิ่งควรจำและระลึกในใจ และประกอบการคิดหาตัวเดิน


การเล่นแบบไว
-อย่าหลับหูหลับตาเดินตามที่ตั้งใจ
-ดูตัวที่เขาเดินมา และที่เดินก่อนหน้า
-ดูตัวใกล้ ดูตัวไกล จะให้ดี ดูครบ8แนวตั้งและ8แนวนอน
-หาทางให้ได้เปรียบ อย่างน้อยหนึ่งอย่าง อย่าให้เขามีช่องบุก โดยเฉพาะการบุกแบบสายฟ้าแลบ
-ไม่ว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ ให้ระลึกว่า มักมีสิ่งที่ตรงข้ามอยู่ด้วยเสมอ อาจแฝงอยู่หรือแสดงออกชัดเจน และผลกระทบอาจมากน้อยต่างกัน
-หาทางขยายความได้เปรียบหรือทำให้ชัดขึ้น แต่อย่าให้ความเสียเปียบที่แฝงอยู่แสดงฤทธิ์ได้ นั่นคือหาหมากเด็ด
-หาทางลดการเสียเปรียบ หรือให้พลิกกลับข้าง และพยายามขยายความได้เปรียบที่มีบ้างให้ชัดเจน แต่หาให้เจอ นั่นคือหาตัวพลิกสถานการณ์
-พยายามอย่าให้พลาด เบี้ย 1ตัว อาจเสียหายทั้งกระดานได้
-อย่าท้อ ปาฏิหารย์มีเสมอ
-อดทนจนกว่ามีการพลาด

ถ้าเล่นแบบเดินช้า
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add xyzzyx's blog to your web]
Links
 

 
รุกล้อ และการอับ

รุกล้อ รุกซ้ำซาก รุกวนเวียน
รุกล้อ รุกซ้ำซาก รุกวนเวียน เป็นอย่างไร
มาดูรูปแรกครับ
ดูจากรูปขาวได้เปรียบมากมาย
แต่....ตอนนี้เป็นตาฝ่ายดำได้เดินก่อน ซึ่งสามารกินเรือขาวที่ ข4 ได้ทันที แต่ความเสียเปรียบก็ยังไม่ลดลง แถมจะโดนรุกด้วยเรือขาว ญ2-ญ1 จนทันทีเช่นกัน
ทำให้ดำไม่มีทางเลือก จึงใช้ม้ารุกไปมาดังในรูป ขาวโดนรุกอย่างนี้ หนีก็ไม่ได้ จนก็ไม่จน รุกซ้ำซาก รุกล้อ ตลอดกาล ดำคงไม่เดินตัวอื่นแน่นอนเพราะถ้าไม่รุกตลอดเวลาให้ต่อเนื่อง เรือขาวรุกจนทันที แพ้แน่นอน โดนรุกล้ออย่างนี้ถ้าไม่ขอเสมอ กรรมการก็จับเสมอครับ แบบนี้ขาวแค้นมากครับ จะชนะแล้วแต่ก็ไม่ชนะ
ยังมีการรุกล้อ รุกซ้ำซากอีกหลายแบบ แล้วท่านจะพบเจอเอง ถ้าเล่นไปนานๆ และจะเป็นประสพการณ์ที่ดียิ่งว่า อย่าคิดว่าได้เปรียบมากๆแล้วจะชนะเสมอไปครับ

ตาอับ การอับ
เวลาเล่นหมากรุกไทย เราจะได้ยินคำว่า"อับ"อยู่เสมอๆ และการอับจะมีผลทำให้เสมอกันทันที
ถ้าจะรู้จักการอับ คงต้องรู้จัก"ตาอับ"เสียก่อน
ตาอับ
ตาอับ จะใช้พูดกับตำแหน่งของขุนเท่านั้น โดยคำว่า"ตาอับ"หมายถึงตำแหน่งที่ขุนตั้งอยู่ โดยที่ตำแหน่งนั้น เป็นตำแหน่งที่ขุนโดนปิดล้อมหรือโดนจำกัดไม่ให้มีตาเดินต่อไปที่ถูกกติกาได้ (ขุนถูกล้อมกรอบ)
...คงจำได้ว่ากฏสำหรับขุนมี3ข้อ
1.ขุนจะไม่สามารถอยู่ในตากินของฝ่ายตรงข้ามได้ และไม่สามารถเดินไปอยู่ตากินของอีกฝ่ายได้
2.ขุนต้องไม่อยู่ชิดกันเพรามันคือตากินของขุนแต่ละฝ่าย คือขุนไม่สามารถเดินไปชิดขุนได้นั่นเอง
3.ถ้าขุนโดนรุก ต้องแก้ไขการรุกนั้นทันที
ดูสามรูปนี้ ดูเฉพาะขุนดำนะครับยังไม่ต้องดูตัวอื่น ทั้งสามรูปแสดงถึงตำแหน่งที่ขุนดำโดนจำกัดไม่ให้มีตาเดินที่ถูกกฏ เดินไปตาไหนก็เป็นตาที่ฝ่ายตรงข้ามกินได้ทุกตา

รูปที่1
จากรูป ขุนดำ อยู่ที่ ก8 ตอนนี้ถ้าจะเดินขุนดำ จะเห็นว่าไม่สามารถเดินได้ เพราะติดขอบกระดานและติดตากินของเรือขาว เรียกว่าขุนดำอยู่ตาอับ.....ยังไม่เรียกว่าอับนะครับ

รูปที่2
จากรูป ขุนดำอยู่ที่ ช6 ถ้าจะเดินขุนดำ จะเห็นว่าไม่สามารถเดินได้ เพราะติดตากินของเรือขาวทั้งสองลำ เรียกว่าขุนดำอยู่ตาอับ.....ก็ยังไม่เรียกว่าอับนะครับ เพียงแต่อยู่ตาอับเท่านั้น

รูปที่3
จากรูป ขุนขาวอยู่ที่ ง1 ถ้าจะเดินขุนขาว จะเห็นว่าไม่สามารถเดินได้ เพราะติดตากินของหงายดำ ง2 เดินไป ค2 ก็ไม่ได้เพราะจะไปติดขุนดำ และตากินเบี้ยหงายดำ กินเรือดำไม่ได้เพราะมี หงายดำอีกตัวผูกอยู่ สรุปขุนขาวไม่มีตาเดิน=อยู่ตาอับ และในรูปนี้ตาฝ่ายขาวเดิน แต่ฝ่ายขาวไม่มีตัวเดินได้เลยรวมกระทั่งขุนก็ไม่มีตาเดิน จึงสรุปว่า ฝ่ายขาวอับ และเสมอกับฝ่ายดำไป ทั้งๆที่ฝ่ายดำได้เปรียบมากมายแบบที่เห็นนั่นแหละ

รูป1-2-3 มีการภาวะที่ขุนอยู่ตาอับ แต่ในรูป3 เท่านั้นที่ มีการอับเกิดขึ้น ข้อแตกต่างอยู่ที่
.....ถ้าขุนฝ่ายไหนอยู่ตาอับ การอับจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่ฝ่ายนั้นต้องเดิน แต่ไม่มีหมากตัวไหนเดินได้
.....สองรูปแรก ขุนอยู่ตาอับ แต่ยังมีหมากอื่นเดินได้ จึงไม่มีการอับ
.....รูปที่3 ขุนอยู่ตาอับ และถึงเวลาขุนขาวต้องเดิน ซึ่งเดินไม่ได้ จึงเกิดการอับ
.....แต่ถ้าเป็นทีที่ฝ่ายดำได้เดิน ไม่ใช่ฝ่ายขาว ฝ่ายดำจะรุกขาวด้วยเรือหรือเบี้ยหงายและขาวจนทันที ดังนั้น การที่ขุนขาวอยู่ตาอับแล้ว หากทำให้เขาหมดตัวที่จะเดินได้ ต้องระวังการอับก่อนที่จะได้รุกจนด้วย มิฉะนั้นจะเกิดการเสมอแบบแค้นมากๆ

สรุปการจะถือว่าฝ่ายใดอับใช้ 3ข้อ
1.ขุนฝ่ายนั้นอยู่ตาอับ
2.เป็นตาที่ฝ่ายนั้นต้องเดิน
3.ไม่มีตัวอื่นในกระดานที่จะเดินได้ (อาจจะเพราะไม่มีตัวหมากเหลือ หรือตัวหมากยังมี แต่ตัวหมากกันทางกันหมดจนเดินไม่ได้ ..แต่ถ้าเดินได้ แล้วโดนกินหลังเดินไปแล้วก็ยังถือว่ามีตัวเดินอยู่นะครับ ตรงนี้แหละชอบสับสนกันทำให้มองการไม่อับเป็นการอับ และมองการอับเป็นไม่อับ เกิดแพ้ชนะหรือเสมอโดยไม่ตั้งใจบ่อยๆ)
ไว้ค่อยๆดูเกมจริงๆแบบต่อเนื่องนะครับถึงจะเข้าใจได้ดีขึ้น


Create Date : 30 เมษายน 2552
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2552 16:52:58 น. 0 comments
Counter : 8311 Pageviews.
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.