KRABI BOX SET ทัวร์4เกาะทะเลแหวก ทัวร์เกาะพีพี และทัวร์เกาะห้อง เลือกทัวร์ให้ถูกใจก่อนไปกระบี่
บ่อยครั้ง..เราจะได้พบคำถามว่า ไปเที่ยวกระบี่ซื้อทัวร์เกาะไหนดี? ทัวร์ 4 เกาะ กับทัวร์เกาะพีพี เลือกทัวร์ไหนดี? ทัวร์เกาะพีพี กับทัวร์เกาะห้อง เลือกทัวร์ไหนดี? ทัวร์เกาะห้อง กับทัวร์ 4 เกาะ เลือกทัวร์ไหนดี? (จะพูดทำไมให้งงเนี้ย)
เป็นเช่นนี้มานานนม และยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะรสนิยมคนเราต่างกันครับ จึงมีความเห็นต่างออกมามากมาย นี่คือปัญหาโลกแตกที่เหมือนกับ ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกัน
แต่เดี๋ยวก่อนนน!!!! ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป ถ้าคุณผู้ชมได้เลือกตามความชอบของตัวเอง! วันนี้ผมเลยรวบรวมภาพบรรยากาศการท่องเที่ยวของทัวร์ทั้ง 3 โปรแกรมมาฝาก ไม่พอใจ ไม่คืนเงิน เพราะไม่มีจะคืนนนน
สำหรับทัวร์ต่างๆสามารถซื้อได้หลายช่องทาง ทั้งจากโรงแรมที่พัก ซื้อล่วงหน้าผ่านเว็บของบ.ทัวร์ หรือจะไปเดินเลือกซื้อที่อ่าวนาง ก่อนออกทัวร์วันนึงก็ได้ครับ สำหรับราคาทัวร์จะมีความผันผวน ตามฤดูกาล, ลมฟ้าอากาศ และจำนวนนักท่องเที่ยว
ยกตัวอย่างเช่น ทัวร์ 4 เกาะสปีดโบ๊ท ผมติดต่อกับโรงแรม ราคา 1,200 บาท ติดต่อตรงทางโทรศัพท์กับบ.ทัวร์ 800 บาท พอตอนไปจ่ายเงิน (เช้าก่อนลงเรือ)กลับจ่ายแค่ 750 บาท งงกันไปดิ
จุดลงเรือทัวร์ จะมีใหญ่ๆ 3 จุด คืออ่าวนาง, หาดนพรัตน์ธารา และอ่าวไร่เลย์ครับ
เราจะไปยังจุดลงเรืออย่างไร? สบายมากครับ เพราะทัวร์ส่วนใหญ่จะมีรถรับส่ง ตั้งแต่ตัวเมืองกระบี่, คลองม่วง, หาดนพรัตน์ธารา, มาจนถึงอ่าวนาง ด้วยรถสองแถวใหญ่ สองแถวเล็ก หรือรถตู้ติดแอร์ จนถึงทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นตัวกำหนดว่า เส้นไหนใช้รถอะไรไปรับ
สรุปหลักง่ายๆของการซื้อทัวร์ในกระบี่คือ 1 จองทัวร์ตามช่องทางต่างๆที่ผมกล่าวไว้ 2 รอรถมารับที่โรงแรม (สำคัญนัดหมายเวลาและสถานที่กันไว้ให้ดี) 3 รถจะมาส่งที่ออฟฟิตของทัวร์ ชำระค่าบริการ บางสถานการณ์อาจต้องจ่ายล่วงหน้า เช่นวันหยุดยาว 4 รับสัญลักษณ์ประจำกรุ๊ปแล้วรอ อย่าไปไหนไกล จะมีไกด์ทัวร์มารวมพลและแนะนำโปรแกรม 5 เดินตามไกด์ไปขึ้นเรือ แล้วเที่ยวให้สนุกครับ
มาดูแผนที่การเดินทางกันก่อนครับ จากอ่าวนางจะเห็นว่า ทัวร์ 4 เกาะทะเลแหวก นั้นอยู่ใกล้สุด เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เพราะนั่งเรือแค่แป็บเดียว และทัวร์ก็ตระเวนเที่ยวอยู่ใกล้ชายฝั่ง ซึ่งความใกล้ไกลที่ต่างกันนี้ ก็จะเป็นตัวกำหนดราคาค่าทัวร์ด้วยเช่นกัน
ทัวร์ 4 เกาะทะเลแหวกแหกชิมิ
ทัวร์4เกาะทะเลแหวกแบบสปีดโบ๊ท ราคากลางจะอยู่ที่คนละ 750 บาท บวกลบ 200 ขึ้นอยู่กับ ราคาแต่ละบริษัท ฤดูกาล ดินฟ้าอากาศ และช่วงเทศกาล
จุดที่ทัวร์จะพาไปเที่ยวก็ตามแผนที่นี้ครับ เริ่มจากไฮไลท์นั่นคือ ทะเลแหวก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ ของเกาะทับ เกาะหม้อ และเกาะไก่ รวมไปถึงเกาะปอดะ และหาดถ้ำพระนางเป็นการปิดท้ายครับ
ทีมงานทัวร์ดูแข็งแกร่งเป็นที่พึ่งพาได้ในยามยาก โดยเฉพาะพี่สิงห์คะนองนา
เริ่มต้นออกเรือมา ตามโปรแกรมวันนี้เราจะไปดำน้ำที่เกาะไก่กันก่อน จากนั้นจึงไปทะเลแหวก และทานอาหารกลางวันกันที่นั่น แต่มีวิทยุรายงานเข้ามาว่า ทะเลกำลังจะแหวกแล้ว กัปตันจึงสลับโปรแกรม มุ่งหน้าไปให้เราชมทะเลแหวกอย่างทันท่วงที
ใช่ครับ อีปร้ามันเบลอ เราจอดเรือกันที่เกาะทับ(ดูแผนที่ด้านบน) เมื่อมองไปทางซ้าย เราจะพบทะเลแหวก เดินไปกันเลยครับ
ทะเลกำลังแหวกเลยครับ น้ำลดสันดอนทรายโผล่ เชื่อมเกาะ 3 เกาะเข้าหากัน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก เราจะจุดเทียนเดินแหวกน้ำไปที่เกาะไก่กันครับ
ระหว่างทาง นักท่องเที่ยวก็จะแวะถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน
มองย้อนกลับไป เราก็จะเห็นเกาะทับและเกาะหม้ออยู่ลิบๆ ผู้คนเริ่มทยอยกันมา การมาทะเลแหวก แนะนำเป็นเรือสปีดโบ๊ทครับ เพราะสามารถทำเวลาให้เรามาแหวกได้อย่างทันท่วงที แม้ราคาจะสูงกว่า แต่มาเที่ยวทั้งที ก็ไม่อยากให้ผิดหวังกลับไป
เดินเล่นถ่ายรูปอยู่ที่เกาะไก่สักพัก ก็เดินกลับมายังเกาะทับ เพราะทะเลเริ่มหุบแล้ว ขืนช้าเดี๋ยวจะเดือดร้อนต้องว่ายน้ำกลับ ช่วงที่ทะเลเริ่มหุบ เราจะเห็นคลื่นทั้งสองด้าน วิ่งเข้ามาปะทะกันตรงกลาง อะเมซิ่งมากครับ
ตอนนี้ทะเลหุบจนน้ำจะสูงถึงครึ่งแข้งแล้ว ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทยอยกันมาอยู่ บางกลุ่มก็มาเรือเล็ก
บ้างก็มาด้วยเรือใหญ่
บ้างก็ว่ายน้ำมา (เอาจริงดิ?!)
แต่อย่ามัวเวิ่นเว้อนะครับ เพราะทะเลแหวกกำลังจะอันตรธานหายไปแล้ว
ใครที่ไปเดินแหวกทะเลมาแล้ว กิจกรรมต่อไปก็คือ การถ่ายรูป
โปรแกรมที่สองของทัวร์ คือการไปดำน้ำที่หัวเกาะไก่ครับ นั่งเรือมาอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว
หลังจากดำน้ำ เรือก็จะพาเรามาขึ้นฝั่งเกาะไก่ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกัน ค่าอาหารรวมอยู่ในทัวร์แล้วนะครับ
มองจากร้านอาหารออกมาสันทรายที่เชื่อมเกาะทับกับเกาะหม้อยังอยู่ แต่เกาะไก่ถูกตัดขาดออกจาก โลกภายนอกเรียบร้อยแล้ว ใครมาแหวกผิดเวลา ก็จะเห็นภาพแบบนี้แหละครับ เช็คตารางน้ำขึ้นน้ำลงให้ดีครับ https://www.onestopdive.com/th/thailand-tide-table/
ไปกันอย่างรวดเร็วครับ หลังจากที่ทานอาหารบนเกาะไก่แล้ว เราก็จะมุ่งหน้าสู่โปรแกรมต่อไป นั่นก็คือเกาะปอดะ
กิจกรรมหลักบนเกาะปอดะ ก็คือการถ่ายรูปคู่กับเจ้าแท่งหินแท่งนี้แหละครับ
แม้ชายหาดจะมีขยะอยู่บ้าง แต่ยอมรับว่าน้ำที่เกาะเค้าใสจริงๆ ลงเล่นน้ำได้อย่างสบายใจ
เจ้าจ๋อเหล่านี้มีหน้าที่เป็นหน่วยรักษาการณ์ แม้จะมีที่ทิ้งขยะไว้ให้ แต่ความมักง่ายก็มิได้หมดไป ยังไงไปเที่ยวก็ช่วยกันรักษานะครับ
ต่อไปเป็นโปรแกรมสุดท้ายของทัวร์ 4 เกาะครับ เรือพาเราเข้าฝั่งไปยัง หาดถ้ำพระนาง
หาดถ้ำพระนาง นับเป็นหาดที่เหมาะกับการเล่น และพักผ่อนชิลๆรับลมทะเล สาวน้อยสาวใหญ่สนุกกันน่าดู
ถ้ำพระนางจะมีศาลพระนางอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ โดยชาวบ้านจะนิยมนำปลัดขิกมาแก้บนกัน นานวันเข้า ปลัดขิกก็มีจำนวนมากอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
ที่นี่ยังมีกิจกรรมเรียกเหงื่ออีกมากมาย ทั้งการปีนหน้าผา, พายเรือคายัค หรือเดินไปตามเส้นทาง ศึกษาธรรมชาติ ก็จะสามารถทะลุไปยังอ่าวไร่เลย์ได้ครับ
จบไปแล้วครับทัวร์ 4 เกาะทะเลแหวก ทัวร์นี้เริ่มเก้าโมงเช้า และกลับเข้าฝั่งบ่ายสามถึงบ่ายสี่ เดี๋ยวเราไปชมทัวร์ต่อไปกันเลยครับ
ทัวร์เกาะพีพี
ทัวร์เกาะพีพีแบบสปีดโบ๊ท ราคากลางจะอยู่ที่คนละ 1,400 บาท บวกลบ 200 ขึ้นอยู่กับ ราคาแต่ละบริษัท ฤดูกาล ดินฟ้าอากาศ และช่วงเทศกาล
สำหรับโปรแกรมทัวร์เกาะพีพี จะต้องนั่งเรือประมาณ 45 นาที โดยแวะที่เกาะไม้ไผ่เป็นจุดแรก และต่อด้วยอ่าวต่างๆบนเกาะพีพีดอน และพีพีเล ตามแผนที่ครับ ทัวร์นี้จะมีไฮไลท์อยู่ที่ อ่าวมาหยา บนเกาะพีพีเล ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช นั่นเอง
เรือออกแว้ววว ตอนนี้เป็นเวลา 9.30น. หนทางยังอีกยาวไกล อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพด้วยนะครับ
จากฝังมาประมาณ 45 นาที เราก็จะถึงเป้าหมายแรกที่ เกาะไม้ไผ่ เกาะสวยงามซึ่งมีหาดทราย ขาวเนียนละเอียด ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะพีพีครับ
เกาะไม้ไผ่ เป็นเกาะเรียบๆง่ายๆ กิจกรรมจึงไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็จะเล่นน้ำ ถ่ายรูปกันไปครับ
โปรแกรมที่สองของทัวร์พีพี คือการดำน้ำที่หินแพ ซึ่งอยู่หน้าเกาะพีพีดอนครับ
หินแพ มีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำ ที่มีปะการังหลากหลายชนิด เช่น ปะการังกิ่ง ปะการังสมอง แต่เจ้าสลิดบั้งขาโหดเยอะมากที่ผิวน้ำ เราต้องดำลงลึกๆถึงจะเจอกับปลานกแก้วและสายพันธุ์อื่นๆ ถ้าเจ้าสลิดบั้งน้อยลง เราก็จะเห็นสายพันธุ์ปลาที่สวยงามและหลากหลายมากขึ้น ดังนั้น อย่าให้อาหารมันเลยครับ ถึงเจ้านี่จะดูเยอะ แต่ความสวยมันเทียบไม่ได้กับปลาชนิดอื่นเลย
จากหินแพ เรือพาเรามุ่งหน้าไปยังเกาะพีพีเล โดยจุดแรกจะมาแวะชมถ้ำไวกิ้งส์กัน ภายในมีภาพเขียนสีโบราณบนผนังถ้ำ ที่เล่ากันว่าเขียนโดยชาวประมงที่มาพักหลบคลื่น แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะครับ แค่ลอยเรือถ่ายรูปอยู่ด้านนอก โปรแกรมนี้จึงไม่มีอะไรมาก
โปรแกรมต่อมา เรือจะพาเราล่องเข้าไปในอ่าวปิเละ หรือ ทะเลใน ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา มีปากทางเข้าเล็กๆเหมือนประตูกันคลื่นลม น้ำทะเลภายในจึงนิ่งและใส ชอบที่นี่มากๆครับ ล่องเรือช้าๆ เข้าไปรับบรรยากาศหนึ่งรอบ แล้ววนออกมา เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่น่าประทับใจ
จากนั้นเราก็จะเดินทางต่อไปยังไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ อ่าวมาหยา ต้องยอมรับว่าทะเลแถบเกาะพีพีเล สวยใสมากๆครับ ล่องเรือไปทางในก็สวยไปหมด น้ำสีสวยสด จัดวางทับซ้อนกับทิวเขาที่ตั้งเด่นตระหง่าน
กะว่าจะไปนั่งทำหน้าหล่อแบบพ่อหนุ่มลีโอ ก็มีอันต้องฝันสลาย ที่จะยืนยังไม่ค่อยมีเลยครับ คนเยอะมว๊าก
ประหนึ่งจะมาลงหลักปักฐานกันเลยทีเดียว
ช่วงกลางๆของหาด ความคับคั่งจะลดลง เพราะตรงนี้เป็นเขตที่กันไว้ให้เล่นน้ำ จึงไม่มีเรือมาขวางหูขวางตาครับ
แม้ผู้คนจะวุ่นวาย แต่ก็รู้สึกได้ถึงทัศนียภาพที่สวยงามของที่นี่ ที่สำคัญ หาดทรายขาวนุ่มเท้ามาก ใครอยากเห็นอ่าวมาหยา ในแบบสวยๆคงต้องมาแต่เช้าตรู เพราะคนน้อย ซึ่งคุณจะต้องเหมาเรือ หรือมานอนที่พีพีดอนครับ
เที่ยงกว่าๆแล้ว คณะทัวร์พาเราย้อนกลับมายังเกาะพีพีดอน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันกันที่ อ่าวต้นไทร มื้อกลางวันรอบนี้เป็นบุฟเฟ่ต์ครับ ทานได้ไม่อั้น มีน้ำเปล่าให้ น้ำชนิดอื่นต้องซื้อ
น้ำที่นี่ใสมากๆครับ ขนาดตรงนี้เป็นท่าเรือก็ยังใสแจ๋ว
ได้เวลาเดินทางกันต่อแล้วครับ จุดหมายต่อไปคือ อ่าวลิง
วันนี้เราไม่ได้เข้าฝั่งไปดูลิง เนื่องจากไม่มีที่ให้จอดเรือ เพราะชายฝั่งของอ่าวลิงเล็ก เรือของทัวร์เรา และอีกหลายๆลำ ต้องลอยคอให้นักท่องเที่ยวได้ดำน้ำกันอยู่ด้านนอก จุดนี้ก็เป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจ และที่นี่ก็เป็นโปรแกรมสุดท้ายของทัวร์เกาะพีพี เรากลับเข้าฝั่งในเวลาประมาณ 4 โมงเย็นครับ
ทัวร์เกาะห้อง
ทัวร์เกาะห้องแบบสปีดโบ๊ท ราคากลางจะอยู่ที่คนละ 1,200 บาท บวกลบ 200 ขึ้นอยู่กับ ราคาแต่ละบริษัท ฤดูกาล ดินฟ้าอากาศ และช่วงเทศกาล
ทัวร์เกาะห้อง เป็นอีกหนึ่งทัวร์ที่มาทีหลัง แต่มาแรง ด้วยธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ สำหรับโปรแกรมทัวร์เกาะห้อง จะเริ่มจากการดำน้ำที่เกาะแดง ต่อด้วยเกาะผักเบี้ย เกาะพาราไดซ์ ทะเลใน และปิดท้ายไฮไลท์กันที่ อ่าวบิเละ
การเดินทางไปหมู่เกาะห้อง เรือจะต้องแล่นขนานฝั่งไปทางภูเก็ต(แต่ไม่ถึงภูเก็ตนะ) ต้องผ่านท่าเรือแถวหาดทับแขก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้เจอกับเรือสินค้าขนาดใหญ่ ปล.จริงๆฟ้าไม่ได้มืดมิดแบบนี้นะครับ ทำรูปแบบ HDR ให้ดูน่ากลัวเล่นครับ
โปรแกรมแรกเราแวะดำน้ำที่เกาะแดงกันก่อนครับ ชาวต่างชาติคู่นี้คว้าขนมปังลงไปด้วย ไอ้กระผมก็ไม่รู้จะสปีกกันเค้ายังไง พูดภาษาไทยเป็นอยู่ภาษาเดียวครับ เน้นย้ำกันอีกรอบนะครับ อย่าให้อาหารปลา ปล่อยให้มันเติบโตตามวัฏจักรของธรรมชาติ เราถึงจะเห็นปลาชนิดอื่นที่มีความสวยงามกว่าเจ้าสลิดหินพวกนี้
จุดที่สองเรามาจอดกันที่เกาะผักเบี้ยครับ เป็นเกาะเล็กๆที่คล้ายกับทะเลแหวก เพราะมีส่วนที่เป็น สันดอนทราย เหมือนหาดสองฝั่งเชื่อมเข้าหากัน ใครจะเล่นน้ำหรือถ่ายรูปก็ตามอัธยาศัยครับ
สมควรแก่เวลา ไกด์จอนนี่ อันวา ก็พาเราตรงดิ่งไปยังเกาะเหลาลาดิง ชื่อเรียกยากจัง เค้าก็เลยเรียก กันว่า เกาะพาราไดซ์ครับ บนเกาะจะมีอ่าวเล็กๆ ให้เราพักผ่อน โดยเราจะทานอาหารกลางวันกันที่นี่ มีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วยครับ
อาหารคล้ายกับทัวร์สี่เกาะครับ ข้าวพร้อมกับ 3-4 อย่างให้เราเลือก ตักได้ครั้งเดียว หามุมนั่งทานกันตามสบายครับ
กะว่าจะนั่งทานมุมนี้ซะหน่อย ตาฝรั่งกลุ่มนี้ก็นั่งโชว์ร่องไม่ยอมขยับไปไหนเลย
ทานข้าวเสร็จ เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันสักพัก ก็ออกเดินทางต่อครับ
เรามุ่งหน้าต่อไปยัง ลากูน หรือทะเลในของเกาะห้อง โดยจะต้องล่องเรือผ่านช่องผาเล็กๆ เข้าไปสู่เวิ้งทะเลด้านใน ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยขุนเขา ที่นี่เรือจะเข้าไปได้เฉพาะช่วงที่น้ำขึ้น เท่านั้นนะครับ ภาพนี้ถ่ายย้อนกลับไปตรงทางเข้าครับ
ภายในเขียวมั๊กๆ
จากนั้นเราเดินทางไปปิดท้ายทัวร์ที่ อ่าวบิเละ ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ ธารโบกขรณี
ชายหาดที่นี่กว้างใหญ่ โค้งเป็นอ่าว น้ำทะเลสีเขียวมรกต โดยมีเขาหินปูนตั้งขวางปากอ่าวไว้ จนเหมือนเป็นห้องโถงครับ
ทิ้งท้ายกันด้วยภาพบรรยากาศชิลๆของเกาะห้อง ทริปนี้เรากลับถึงอ่าวนางประมาณ 4 โมงเย็นครับ
จบลงไปเรียบร้อยครับ สำหรับทัวร์ยอดนิยมของ จ.กระบี่ ชอบแบบไหน อยากเที่ยวเกาะใดก็ลองเลือกกันดูนะครับ จะเที่ยวให้สนุก ต้องเที่ยวตามรสนิยม และความชอบของเรา แต่ที่สำคัญมากๆ คือเราควรเลือกฤดูกาลให้เหมาะสม แล้วคุณจะได้เห็นความงามแบบสุดๆของแต่ที่ครับ
Create Date : 28 สิงหาคม 2557 | | |
Last Update : 20 เมษายน 2559 5:46:37 น. |
Counter : 2824 Pageviews. |
| |
|
|
|