จากจุดพักรถและแดนซ์เซอร์สาวมาประมาณครึ่งชั่วโมง
เราก็เดินทางมาถึงบางแสน โดยมีจุดหมายอยู่ที่ เดอะ ไทด์ รีสอร์ท
อัครสถานการตกแต่งดูโอ่โถงสมราคา รีสอร์ทที่แพงที่สุดในบางแสน (มั้ง)
ไม่มีรูปภายในห้องพักให้ดูนะครับ เพราะไม่ได้ค้างที่นี่ แค่แวะมาทำงานเฉยๆ
รีสอร์ทหรูแบบนี้คงไม่เหมาะกับแมงหวี่แมงวันแบบผมหรอกครับ
"ไปหาโรงแรมถูกๆนอนดีฟ่า"
คิดได้ดังนั้น เมื่องานเลิก เราจึงมุ่งหน้าไปทางเขาสามมุก ถิ่นเจ้าจ๋อน้อย
ระหว่างทาง ได้พบเจอกับ..
นวัตกรรมประดับยนต์ ที่หาชมไม่ได้แม้ในบางกอกมอเตอร์โชว์
ถึงแล้วครับ จุดหมายของเรา สามมุกรีสอร์ท
ทางเข้าดู....อือม..ช่างแตกต่างจากเดอะไทด์
เหมาะสมกับแมงหวี่อย่างเราดีแท้
ยื่นใบจองอโกด้าแล้วรับกุญแจห้องมา เป็นอันเสร็จธุรกรรม
ขออภัยด้วยครับมือสั่น ถ่ายตรงฟรอน์ไม่ชัด
และยิ่งสั่นกว่า เมื่อเจอกับลิฟท์บุบผาราตรี
แม้ภายนอกจะดูหวาดผวา แต่พอเปิดประตูเข้ามา ความรู้สึกมันกลับแตกต่าง
พื้นห้องเป็นลามิเนต มีแพนทรีเพราะอุปกรณ์ครบครัน รวมไปถึงตู้เย็นขนาดใหญ่
ขอดูวิวก่อนครับ ที่นี่ติดทะเลแบบชิดติดขอบสมใจอยาก
เสียดายผมได้ห้อง 709 ห้องนี้ติดกับห้องแบบแฟมิลี่ เลยดูอึดอัดทางด้านซ้ายมือ
ลายแทงสำหรับคนที่จะมาพักที่นี่ คือห้องหมายเลข 712 ครับ วิวดีสุดๆ
ชะโงกมองข้างล่าง เห็นชายหาด หินนนนเยอะ คงลำบากหากจะเล่นน้ำครับ
ถูกใจกับวิวแล้ว เข้ามาดูภายในห้องกันบ้างครับ เตียงใหญ่นอนสบายนุ่มใช้ได้
บนโต๊ะมีอุปกรณ์ยังชีพให้พร้อม เป็นการสื่อให้แขกรับรู้ว่า
"หาแดร๊กเอาเอง" ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าครับ
ที่เตะตาคือ ที่นี่ตู้และชั้นเยอะมากครับ เยอะจนหลอนว่าจะซ่อนสุกี้น้ำ
มีมุมเขียนหนังสือ และมุมนั่งเล่นให้พร้อม
ยิ่งถ่ายรูปผมยิ่งรู้สึกว่าคุ้มมากๆ กับห้องแบบนี้ วิวแบบนี้ ในราคา 1,500 บาท
แม้ภายนอกจะดูโทรมจนขวัญผวา ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเราต้องใช้ชีวิตในห้อง
มาดูห้องน้ำกันบ้าง แคบไปนิด แต่มีครบทุกสิ่งที่ต้องการครับ
ทะเลยามเย็นที่ สามมุกรีสอร์ท
หลายคนคิดว่า "บางแสนจะมีอะไรให้เที่ยว"
ขอบอกว่ามีเยอะเลยครับ ทั้งกลางวันและกลางคืน
มีทั้งอาหารทะเลอร่อยๆ
ถนนคนเดิน หรือ บางแสน Walking Street
รวมไปถึงร้านอาหารน่ารักๆ เบเกอรี่อร่อยๆ
ภาพมันเยอะมากครับ กลัวจะยาวเกินสำหรับ Blog จึงขอเล่าแบบคร่าวๆ
ยังไงก็เข้าไปสนุกกันต่อได้แบบเต็มรูปแบบ แถมภาพใหญ่แบบเต็มตา