43. ความโกรธและความอิจฉาริษยา เป็นการแสดงความไม่พอใจของเด็ก
เด็กเล็กๆ ไม่สามารถแสดงความรู้สึกด้วยคำพูด ดังนั้นแม่จะต้องคอยอ่านสีหน้าของลูกและสนองตอบความต้องการของแก แต่ถ้าเราอยู่ฝ่ายเด็กคงจะพูดว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจลูกเท่าที่ลูกต้องการเลย แม่มัวแต่ซักผ้า ทำงานบ้าน จนกระทั่งไม่มีเวลาสืบหาสาเหตุที่ลูกโกรธหรืออ้อนแม่ ได้แต่จัดการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปตามเพลง
ศาสตราจารย์ทางจิตวิทยาเด็กชื่อ โทชิโอะ ยามาซิตะ (Prof. Toshio Yamashita) แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวคะเช(Tokyo Kasei University) กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เด็กทารกโกรธมี 6 ประการดังต่อไปนี้
1.สุขภาพไม่ดี มีอาการป่วย
2.สภาพร่างกายไม่ปกติ เช่น เหนื่อย หิว ฯลฯ
3.หลังจากมีสิ่งกระตุ้นรุนแรง เช่น สิ่งน่าเกลียด สิ่งน่ากลัว ฯลฯ
4.ออกกำลังกายไม่เพียงพอ และมีพลังงานเหลืออยู่มาก
5.อยากได้ของที่ต้องการจึงแสดงความโกรธอย่างจงใจ
6.พ่อแม่โมโห แสดงอาการขี้โมโหให้เห็นเป็นตัวอย่าง
เมื่อนำสาเหตุมาเรียงกันดูเช่นนี้ เราจะเห็นได้ว่าสาเหตุที่เด็กโกรธส่วนใหญ่เกิดจากสภาพแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ถ้าเราไม่ได้ขจัดต้นเหตุเอาแต่ดุตะพึดตะพือ หรือตามใจเพราะเด็กร้องหนวกหู ก็จะทำให้เด็กกลายเป็นคนดื้อรั้น หรือไม่ก็กลายเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตนเอง
พ่อแม่อาจคิดว่าตนรู้และเข้าใจความคิดของลูกดี แต่ทางลูกกลับโมโหว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจเลย พ่อแม่ต้องยึดมั่นในหลักการที่ว่า จะยอมรับเฉพาะข้อเรียกร้องที่ถูกต้อง และเมินเฉยกับความต้องการที่ไม่สมควร มิฉะนั้นลูกจะมีนิสัยไม่อยู่กับร่องกับรอย
กล่าวกันว่า ความอิจฉาริษยาเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็กอายุขวบครึ่ง เด็กที่เคยเป็นเด็กลูกคนเดียว ถูกตามใจจนเคยตัว จะแสดงความอิจฉาริษยาเมื่อมีน้องบางครั้งเด็กก็เกิดความอิจฉาเมื่อเห็นพ่อแม่คุยกัน บางที่เราไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ และเมื่อพยายามหาสาเหตุก็พบว่าเด็กทำไปเพราะความอิจฉา
กล่าวได้ว่าความโกรธและความอิจฉาริษยาของเด็กต้องมีเหตุผลเสมอและส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะความต้องการของแกไม่ได้รับการตอบสนอง ถ้าเราไม่สนใจความรู้สึกของเด็ก เอาแต่ดุว่าหรือชมเชย เด็กคงไม่พอใจ พ่อแม่ไม่ควรกดดันลูก ต้องพยายามขจัดต้นเหตุที่ทำให้เด็กไม่พอใจให้ได้