20. วัยเด็กเล็กนี่แหละที่ แตะชาดย่อมแดง
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผมได้ยินจากพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง พนักงานคนนี้ต้องไปทำงานต่างประเทศ ขณะนั้นเขาพึ่งได้ลูกสาวน่ารัก แต่ทางบริษัทให้เขาไปคนเดียว เขาจึงส่งภรรยาและลูกไปอยู่กับตายายที่โทฮาขุ (ภาคอีสานของญี่ปุ่น)
1 ปีผ่านไป เขาหมดภาระหน้าที่ในต่างประเทศ และย้ายกลับไปอยู่บ้านที่เดนโซฝุในโตเกียวพร้อมทั้งครอบครัว ตอนนั้นลูกสาวเขาเพิ่งจะหัดพูดหลังจากนั้นไม่นาน พอเด็กเริ่มพูดได้บ้าง พ่อแม่ถึงกับตกตะลึง
ทั้งนี้เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากลูกสาวทุกคำเป็นสำเนียงโทฮาขุ(อีสาน)อย่างชัดเจน เวลาพูดคำว่ารถ ผู้เป็นพ่อย้ำสำเนียงภาคกลางซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า จิโดซะ แต่ลูกสาวกลับออกเสียงเป็น ซุโดซะ ครอบครัวของเขามีแต่คนพูดภาคกลางทั้งนั้น มีเฉพาะลูกสาววัย 2 ขวบคนเดียวเท่านั้นที่พูดภาษาอีสาน จึงเป็นเรื่องแปลกมาก
ได้ความว่า ระหว่างที่เขาไปต่างประเทศ และภรรยากลับไปอยู่บ้านเดิมนั้น ตากับยายรักหลานมากและดูแลอย่างใกล้ชิดชนิดไม่ยอมห่างเลย ภรรยาของเขาก็คิดว่าลูกสาวยังเป็นเด็กแดงๆพูดไม่ได้จึงไม่ระวังเรื่องภาษาเลย
หลายปีหลังจากนั้น เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนประถม แกก็ยังติดสำเนียงอีสานอยู่นั่นเอง
เรื่องนี้เป็นเพราะภายในสมองของเด็กมีการสร้างเส้นสายสำเนียงอีสานขึ้นก่อนที่เด็กจะพูดได้เสียอีก และเมื่อสร้างเส้นสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะให้วางสายใหม่อีกครั้งหนึ่งนั่นเป็นเรื่องยุ่งยากมากสำหรับมนุษย์เรา มีผู้กล่าวว่าการทำลายเส้นสายเก่าเพื่อวางสายใหม่นั้น ต้องใช้เวลานานมากกว่าการวางสายถึง 4 เท่า
ในภาษาญี่ปุ่นมีคำพังเพยว่า แตะชาดย่อมแดง โดยเฉพาะในวัยเด็กเล็กนี่แหละที่รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมได้ง่ายมาก เพราะฉะนั้นหน้าที่สำคัญที่สุดของพ่อแม่คือ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้องเหมาะสมให้แก่ลูก