==== ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่อยากจะเป็นสามี และ เป็นพ่อให้ได้ดีกว่าที่เคยเป็นเมื่อวาน ====
Group Blog
 
All Blogs
 

รายงานการสำรวจเงินเดือน(ทุกอาชีพ)ของ Adeco

ได้มาจาก fwd mail นะครับ น่าจะจัดทำโดย Adeco

ดาว์โหลดกันได้เลยครับ

รายงาน <=== คลิ๊กเลยครับผม



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว

บทความเกี่ยวเนื่องครับ

มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 5 ล่ะกัน (บริษัทขายหรือให้บริการขนาดเล็ก - Suppliers)

มารู้จักวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกันต่อกับ "บริษัทให้บริการเฉพาะทาง" <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 4 ล่ะกัน (บริษัทให้บริการเฉพาะทาง - Service company)

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียที (หลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลังซะตั้งหลายที) <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 3 ล่ะกัน (บริษัทแท่นเจาะ - Rig company)

ผลพวงจาก กระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ " <= งั้นอันนี้ก็ต้องภาค 2 (บริษัทน้ำมัน - Oil company)

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ <= อันนี้ภาค 1

๕ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับน้ำมัน และ เมืองไทย <= งั้นอันนี้ก็ภาค(พราก)ผู้เยาว์ เอ๊ย ภาคปฐมบท (ชอบเฉียดคุกอยู่เรื่อย-ไม่เอาข้าวผัดโอเลี้ยงนะ ขอเป็นพิซซ่าน้ำอัดลม)

รวบรวม "คำถามจริง" ที่โดนถามในการสัมภาษณ์ / ข้อเขียน บริษัทต่างๆในวงการฯ (ที่เพื่อนๆจำเอามาแบ่งปัน)




 

Create Date : 26 มกราคม 2553    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:59:09 น.
Counter : 1344 Pageviews.  

ฟิสิกส์ และ เคมี เด็กม.ปลาย ที่ผมชอบใช้สัมภาษณ์งานวิศวกรสนาม (ถ้าคุณแน่อย่าแพ้ม.ปลาย) update 20/1

ต่อเนื่องจากเรื่อง งานวิศวกรสนาม (field engineer) ... เขาสัมภาษณ์อะไรกันนักกันหนา - ตอบอย่างไรให้โดนใจ มีคนถามมาเยอะว่าผมถามอะไรในหมวดทดสอบความรู้ทางวิชากาม เอ๊ย วิชาการบ้าง ...(แฮ่ๆ)

คืองี้ครับ ผมแบ่งคำถามวิชาการเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ



กลุ่มแรกคือ วิชาการที่วิศวกรไม่ว่าจบสาขาไหนควรจะรู้ เพราะเป็นฟิสิกส์ เคมี พื้นฐาน อยู่ในระดับไม่เกิน ม.6 (หลักสูตรสารขัณฑ์ประเทศ) อาจะเป็นที่เราใช้หรือไม่ใช่ในงานสนาม คืออย่างนี้ครับ ไม่มีสถาบันไหนสอนศาสตร์นี้โดยตรง ดังนั้นในการรับวิศวกรสนามในระดับก.ไก่ (entry level) เราไม่สามารถถามคำถามตรงๆถึงศาสตร์นั้นๆที่ใช้ แต่เราสามารถถามศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นฐานของศาสตร์ที่เราจะใช้งานได้ ศาสตร์นั้นก็คือ พื้นฐานทางฟิสิกส์ เคมี และ วิศวกรรมเบื้องต้น นั่นเอง

ท่าจะงง ... เอางี้ ยกตัวอย่างดีกว่า ถ้าเป็นคนที่จะเข้ามาทำงานแบบ Plug and play พวก mid career หรือ แบบ มาม่า ฉีกซองเติมน้ำร้อน 3 นาทีกินได้ เราก็จะถามตรงประเด็นไปเลยถึงศาสตร์ที่ต้องใช้ เช่น คำนวน load line ของ casing ขนาดเท่านั้นเท่านี้ เกรดนั้นเกรดนี้ ยาวแค่นั้นแค่นี้ น้ำโคลนหนักเท่านี้ ความดันชั้นหินเท่านี้ ไหนวาดมาให้ข่อยเบิ่งเน่ (วาดมาให้ผมดูหน่อย) ว่ามันจะ burst - collapse - tensile ได้แค่ไหน มันจะงอไหม คดไหม ที่อุณหภูมิเท่าไร



คราวนี้ กับวิศวกรสนามแรกเข้าระดับ ก.ไก่ ผมไปถามอย่างนั้นก็ไม่ได้ แต่ถ้าคุณจบเครื่องกล วัศดุศาสตร์ หรือ โยธา โอเคเลย ผมถามคุณได้มากหน่อยว่า รู้จักเหล็กหล่อ กับเหล็กเหนียวไหม มันต่างกันอย่างไร ไหนลองอธิบายเรื่อง ความเค้น ความเครียด กับ ค่ายังโมดูลลัสซิ ช่วงไหนของกราฟ (young modulas) แปลว่าอะไร ถังน้ำมีน้ำสูง 3 เมตร ความดันก้นถังเป็นเท่าไร หรือ แม้แต่คุณจบคอมฯ หรือ จบไฟฟ้าอิเลคทรอนิกส์ ผมก็ถามคุณได้ว่า เรื่องกฏข้อ 3 ของนิวตันว่าไง (กรณีตัวอย่างนี้ใช้กฏข้อ 3 ชัดๆเลย) หรือ มีถัง 2 ใบเหมือนกันเด๊ะ ใบนึงใส่น้ำ ใบนึงใส่น้ำมันพืช ปริมาตรเท่ากัน เจาะก้นถังต่อเข้าถึงกัน ถามว่า ระดับของเหลวถังไหนจะสูงขึ้น ถังไหนจะต่ำลง หรือ เอาลูกโป่งใส่น้ำปะปา มัดให้แน่น หย่อนใส่ถังน้ำมันเบนซิน มันจะลอยหรือจะจม เพราะคำถามพวกนี้ 1. เป็นคำถามที่เป็นศาสตร์พื้นฐานของการที่จะวาด load line ในตัวอย่างที่ผมสมมุติข้างต้น 2. คนเรียนสายวิทย์จบม.6 จากประเทศสารขัณฑ์ควรตอบได้ 3. เป็นฟิสิกส์+สามัญสำนึกพื้นๆที่ถ้าตอบได้ ก็แปลว่า บ.คงไม่เหนื่อยนักในการสอนต่อยอด



กลุ่มที่สองคือ คำถามพื้นฐานเฉพาะวิศวกรแต่ล่ะสาขาไป ย้ำว่าแค่พื้นฐานจริงๆ เช่นถ้าผู้สมัครบอกว่าเขาจบเครื่องกลแล้วควรบอกผมได้ว่ากฏของเทอร์โมไดนามิกส์มีกี่ข้อ อะไรบ้าง พร้อมยกตัวอย่างการใช้งาน หรือ บอกว่าจบไฟฟ้าแล้วให้บอกกฏของโอห์ม กฏของแมกซ์แวล พร้อมการใช้งาน อะไรแบบนี้ - ปล. ใครบอกว่าจบไฟฟ้ากำลัง แย่(ซวย)หน่อยนะ เพราะผมจบไฟฟ้ากำลัง อิอิ

ในบล๊อกนี้ผมจะกล่าวถึงกลุ่มแรกครับ เพราะกลุ่มสองมีสาขาวิศวกรรมเยอะมาก ผมเล่าครอบคลุมไม่หมดทุกสาขา (เดี๋ยวจะว่าลำเอียง)

ออกตัวอีกรอบว่า นี่เป็นคำถามของผมเอง ใครจะว่าไม่แฟร์ ผมก็ไม่ว่าอะไร เช่น หนูจบวิศวฯคอมพ์ ทำไมหนูต้องรู้ฟิสิกส์ด้วยล่ะค่ะ ระบบฐานข้อมูลตอนป.โทหนูได้ A นะค่ะ ... จ้าหนู ... งั้นหนูก็มาผิดที่แล้วจ้า เพราะเราไม่ใช้ดาต้าเบสในงานสนามสำรวจและผลิตปิโตรฯจ๊ะ เราใช้ฟิสิกส์กับเคมีแค่ม6. เองจ๊ะ เพราะตรงนี้เราพูดกันในบริบทของ "งานสนามของการสำรวจและผลิตปิโตรฯ" เท่านั้น อย่างหนูคนตะกี้ ไม่ใช่ว่าไม่เก่งนะครับ เก่งขั้นเทพทีเดียว ให้ผมไปเรียนระบบฐานข้อมูล ผมก็ตกตั้งแต่บทนำแล้ว (อย่าว่าแต่บทที่ 1 เลย ฮ่าๆ) แต่หนูไม่เหมาะกับงานแบบที่เรากำลังคุยกันมากกว่าครับ ไม่เหมาะไม่ได้แปลว่าไม่เก่งนะครับ อย่าสับสน



อย่างมีวิศวกรคนนึง เข้าขบวนการอบรม(เพื่อจะออกไปเป็นวิศวกรสนามของบ.ใหญ่ข้ามชาติบ.หนึ่ง)รุ่นเดียวกับผม เมื่อ 22 ปีก่อน เขาได้รับการประเมินว่าไม่ผ่านตั้งแต่เดือนแรก (ในหลักสูตร 4 เดือน) บ.นั้นส่งเขากลับประเทศของเขา แล้วเขาก็ไปเข้าทำงานกับบ.น้ำมันแห่งชาติของประเทศเขา 22 ปีผ่านไป เขาเป็นใหญ่เป็นโต ก้าวหน้าในการทำงานด้านวิศวกรรมการสำรวจและผลิตปิโตรฯในบ.นั้นอย่างมาก ผมยกตัวอย่างเฉยๆว่า คนเราไม่ได้เหมาะกับงานทุกงานหรอกครับ

คำถามบางคำถามของผมไม่ได้เกี่ยวกับงานตรงไหนเลย แต่มันเป็นการบอกว่า คนที่ตอบได้คือคนที่ผมสามารถเอาไปฝึกต่อได้ด้วยเวลาและทรัพยากรที่น้อยกว่า สำหรับคนที่ตอบไม่ได้ผมก็ไม่ได้บอกว่าทำงานสนามไม่ได้นะครับ ทำได้ครับ แต่บ.อาจจะต้องใช้เวลาและทรัพยากรที่มากขึ้น ดังนั้นในเชิงธุรกิจแล้ว บ.ก็ต้องเลือกคนที่ตอบได้ ดังจะเห็นได้จากหลายตัวอย่างในแวดวงธุรกิจที่ลูกเจ้าของ มาเป็นพนักงาน เป็นวิศวกร เรียนรู้งาน ทั้งๆที่ไม่ได้เก่งกาจเหมาะสม แต่ทำไมเขาทำได้ เพราะบ.ของครอบครัวเขาเอง บ.ไม่คิดถึงต้นทุนเวลาและทรัพยากรในการฝึกลูกเจ้าของบ.ขึ้นมาให้ใช้งาน ถ้าวัดกันหมัดต่อหมัด ปอนด์ต่อปอนด์ ลูกเจ้าของกิจการหลายคน สู้พวกคุณไม่ได้ด้วยซ้ำ



... ที่นอกเรื่องมายืดยาว ก็เพื่อจะให้กำลังใจ ให้มองตัวเองอย่างเห็นคุณค่า ถ้าตอบคำถามที่ผมจะเอามาฝากต่อไปนี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าโหล่ยโท่ย ไม่ได้เรื่อง ก็แค่แปลว่าคุณสมบัติหมวดนี้(ในหลายๆหมวดที่ผมพูดถึงในบล๊อกที่แล้ว)ของไม่เหมาะกับงานแบบนี้ แต่อาจจะไปได้คะแนนดีในหมวดอื่นๆก็ได้นี่ครับ พอรวมๆคะแนนทุกหมวดอาจจะผ่านก็ได้

เข้าเรื่อง ...

อ้อ ผมไม่มีเฉลยนะครับ กลับไปถามน้องม.6(โดยเฉพาะที่เตรียมสอบ) รับรองได้คำตอบแน่นอนครับ :)



1. หิ้วถังน้ำปริมาตรเท่ากันทีล่ะใบ ขึ้นกระไดจำนวนขั้นเท่ากัน ใบนึงใส่น้ำมัน ใบนึงใส่น้ำ จะเลือกหิ้วใบไหน ... ทำไม

2. ถ้าน้ำแข็งก้อนหนึ่งปริมาตร 100 หน่วย ลอยน้ำแล้วมีปริมาตรส่วนที่ลอยเหนือน้ำ 10 หน่วย เอาน้ำแข็งก้อนนี้ไปหย่อนใส่น้ำมัน ถ้าน้ำแข็งจม น้ำมันปริศนานี้มีความหนาแน่นเท่าไร แล้วถ้าน้ำแข็งลอยล่ะ น้ำมันที่ว่ามีความหนาแน่นเท่าไร (ข้อนี้พลิกเพลงได้เยอะมาก ลองไปคิดดูดีๆว่าถามอะไรได้อีกบ้าง)

3. ถังใบหนึ่งเจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง x หน่วย น้ำเต็มถังไหลออกหมดในเวลา y นาที ถ้าอยากให้น้ำไหลออกช้าลง 2 เท่า จะต้องเจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร แล้วถ้าอยากให้เร็วขึ้น 2 เท่าล่ะ เจาะรูขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าไร แต่ถ้าให้เด็ด ท้าทายสมอง และมีเวลา ผมจะถามว่าจะต้องทำยังไง แทนที่จะชี้นำว่าต้องเจาะรูขนาดเท่าไร เพราะจริงๆเราไม่จำเป็นต้องขยายหรือหดขนาดรูก็ได้ ลองเอาไปคิดดูเล่นๆ (ถ้าคิดแบบหลุดโลก หรือ แบบนอกกรอบ มีมากกว่า 4 วิธีแน่ๆ)

4. ถนัดหน่วยความยาวอะไร ... (สมมุติว่าผู้สมัครตอบว่า เมตร ) ถ้าเอาน้ำทะเลเทใส่ห้องที่เรากำลังนั่งสัมภาษณ์กันอยู่นี่ จะใช้น้ำทะเลประมาณกี่ลูกบากศ์เมตร

5. เอาน้ำเกลือ กับ น้ำกลั่น ปริมาตรเท่าๆกันมาต้ม น้ำอะไรเดือดก่อน แล้วถ้าเอาใส่ตู้เย็นล่ะ น้ำอะไรแข็งก่อน

6. เคยเห็นรุ้งในธรรมชาติไหม (ต้องถามนำหน่อย เพราะเด็กเกิดและโตในเมืองบางคนเดี๋ยวนี้เกิดมาไม่เคยเห็นรุ้งแบบธรรมชาติเลย หรือบางทีก็เห็นในรูปหรือในห้องทดลองวิทย์) - ทำไมรุ้งในธรรมชาติมันโค้ง (หาคนตอบถูกไม่ค่อยได้เลยคำถามนี้) - รุ้งมีกี่สี สีอะไรบ้าง ไม่ต้องเรียงกันก็ได้ (พอบอกว่าไม่ต้องเรียงกันก็ได้ โดยมากจะด้นกันจนครบ 7 สีจนได้) - สีอะไรอยู่โค้งวงในสุด สีอะไรอยู่โค้งวงนอกสุด (อันนี้เริ่มจน) - แล้วทำไมสีนั้นถึงอยู่วงนอกสุด และ ทำไมสีอีกสีหนึ่งถึงอยู่วงในสุด (ห้ามบอกว่ายากนะครับ เคยเรียนมากันแล้วตอนม.ปลาย)

7. สีอะไร + สีอะไร เป็นสีอะไร (อันนี้ง่ายๆ)

8. ทำไมคนมองปลาในน้ำ ดูปลาตัวใหญ่กว่าความเป็นจริง ถ้าอย่างนั้น ปลา (หรือคนที่ดำน้ำอยู่) จะมองเห็นคนบนขอบสระเล็กหรือใหญ่กว่าความเป็นจริง และ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

9. เคยเห็นเปลวไฟมีกี่สี สีอะไรบ้าง สีไหนจะร้อนที่สุด สีไหนเย็นที่สุด ทำไมสีถึงบอกระดับความร้อนของวัตถุที่ไหม้ได้ (อันนี้เอาไว้จับผิดผู้รับเหมา เวลาตรวจโรงงานผลิต หรือ ตรวจการทำงานบนแท่น - ความรู้ฟิสิกส์ ม.ปลาย อีกนั่นแหละครับ)



10. ของแข็งทรงกลม 2 ลูก ขนาดเท่ากันเป๊ะ ดูจากภายนอกไม่ต่าง เอาค้อนอันเดียวกันเคาะ ลูก ก. ให้เสียง 200 เฮิร์ต ลูก ข. ให้เสียง 300 เฮิร์ต
10.1 - ถ้าเอาไปหย่อนจากตึกที่ความสูงเท่ากัน ลูกไหนตกถึงพื้นก่อน
10.2 - ถ้าให้ลูก ก. อยู่กับที่ กลิ้งลูก ข. ไปชน อธิบายภาพการชนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้าสลับกันล่ะ ให้ลูก ข. อยู่กับที่ กลิ้งลูก ก.ไปชน
10.3 - ถ้าเอาไปทุบให้แตก ลูกไหนใช้แรงทุบมากกว่ากัน
10.4 - แทนที่ทำอย่าง 10.1 แต่หย่อนลงในท่อที่มีน้ำมันพืชเติมเต็มในแนวตั้ง ลูกไหนตกถึงก้นท่อก่อนกัน

11. น้ำแข็งลอยน้ำอยู่ในแก้ว พอน้ำแข็งละลายหมด ระดับน้ำในแก้ว สูงขึ้น เท่าเดิม หรือ ลดลง ทำไมเป็นแบบนั้น

12. ไม้ท่อนหนึ่ง ทำจากต้นไม้ 1 ต้นตามแนวลำต้น ตัดเป็นทรงกระบอกยาว 5 เมตร หน้าตัดวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 นิ้ว กลึงเนียนมาก หัวท้ายเท่ากัน ทาสีปิดลายไม้มิดเลย ถ้าอยากรู้ว่าด้านไหนเป็นยอดต้นไม้ ด้านไหนเป็นโคนต้นไม้ โดยไม่ต้องตัดหรือทำลาย (non destructive method) จะทำได้ไง

13. ทำไมเข็นรถเข็นผักในตลาดใช้แรงมากกว่าลาก(รถเข็นผักคันเดียวกันนั่นแหละ) แล้วทำไมในตลาดที่ซอกแซกจอแจเขามักเข็นมากกว่าลาก (ทั้งๆที่ออกแรงมากกว่า) แต่พอที่โล่งๆจะลากมากกว่าเข็น (มีเฉลยข้อนี้จิ๊ดนึงด้านล่าง)

(20/1/2010)

14. มีถังปิดทรงกระบอกใบหนึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ม. สูง 2 ม. มีน้ำอยู่ปริมาตรหนึ่ง ถ้าจะประมาณว่าระดับน้ำในถังสูงจากก้นถังเท่าไร โดยปกติใช้เคาะฟังเสียงเอา ถ้าเติมน้ำมันดีเซลลงไปในน้ำอีกปริมาณหนึ่ง ตอนนี้ในถังจะมี น้ำ น้ำมันดีเซล และ อากาศ ถามว่าถ้าอยากรู้ระดับรอยต่อระหว่างน้ำกับน้ำมันดีเซล และ ระดับรอยต่อน้ำมันดีเซลกับอากาศ ว่าอยู่สูงจากก้นถังเท่าไร แบบประมาณๆ จะใช้วิธีเดิม(เคาะ)ได้หรือไม่ได้ เพราะอะไร

15. จากข้อ 14 ถ้าอยากรู้ว่าระดับรอยต่อระหว่างน้ำกับน้ำมันดีเซล และ ระดับรอยต่อน้ำมันดีเซลกับอากาศ อยู่สูงจากก้นถังเท่าไร แบบแน่นอนมากขึ้นโดยไม่ต้องเปิดฝาถังชะโงกลงไปวัด จะทำอย่างไร (เอาแบบง่ายๆไว้ก่อน สมมุติว่าถังไม่มีความหนาไม่มีน้ำหนักนะครับ)

16. ถ้าไม่มีตาชั่ง แต่อยากรู้ว่าถังในข้อ 15 ที่มีทั้ง น้ำ น้ำมัน และ น้ำมันดีเซล หนักกี่กิโลกรัม จะทำอย่างไร

17. มีถังปิดทรงกระบอกใบหนึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลาง x ม. สูง Y ม. มีน้ำอยู่ปริมาตรหนึ่ง จับโยนลงไปในบ่อน้ำนิ่ง (คือไม่ใช่ทะเลที่มีคลื่น)
17.1 ถังใบนี้จะลอย หรือ จะจม ขึ้นกับตัวแปรอะไรบ้าง เพราะอะไร
17.2 ถ้าถังใบนี้ลอย ลักษณะการลอยจะมี 2 แบบ คือ ตะแคงลอย (ทรงกระบอกนอนลอย) และ ลอยในแนวตั้งทรงกระบอก ถามว่า ตัวแปรอะไรบ้างที่จะทำให้มันลอยแบบตะแคง เพราะอะไร และ ตัวแปรอะไรบ้างที่จะทำให้มันลอยแบบตั้ง เพราะอะไร

18. เทียนไขจุดแล้ว รูปทรงกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. ยาว 4 นิ้ว ปักลงในน้ำลึก 2 นิ้ว เอาแก้วน้ำทรงกระบอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว สูง 5 นิ้ว คว่ำลงครอบเทียบไขแท่งนี้ โดยให้ปากแก้วจมอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ 1 นิ้ว สักครู่ ไฟจะดับ (เด็กป.4 ก็รู้ ผมคงไม่ถามว่าไฟดับไหม) ถามว่า หลังจากไฟดับ ระดับน้ำในครอบแก้วที่คว่ำอยู่นั้น จะลดลง เท่าเดิม หรือ เพิ่มสูงขึ้น เพราะอะไร ไม่ถามว่า สูงขึ้นหรือต่ำลงเท่าไรนะครับ มันยากไป (ผมก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) เอาแค่ สูงขึ้น เท่าเดิม หรือ ต่ำลง ก็พอ

วันนี้คิดได้แค่นี้ครับ วันหลังคิดได้เพิ่ม จะเอามาลงเพิ่งเป็นระยะ แวะเข้ามาดูได้เรื่อยๆนะครับ

ตอบไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับ ชิวๆ อย่างที่ผมว่าในบล๊อก่อนน่ะครับ มันแค่หมวดเดียวในหลายๆหมวดที่พวกเราพิจารณากัน ...



เนื้อหาเกี่ยวเนื่อง คลิ๊กเลยครับ

งานวิศวกรสนาม (field engineer) ... เขาสัมภาษณ์อะไรกันนักกันหนา - ตอบอย่างไรให้โดนใจ

ผลการสำรวจเงินเดือนวิศวกรประจำปี 2552

มนุษย์เงินเดือน - ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน

CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด

สาวไหนอยากส่งพ่อเจ้าประคุณออกมาทำงานที่นี่ โปรดตรวจสอบคุณสมบัติพ่อตัวดีตามนี้ก่อนนะครับ

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว

=================================

จริงๆตั้งใจไว้ว่าจะไม่เฉลย แต่เห็นว่าข้อนี้ที่คุณ Janickle ถามมามีประเด็นน่าขยายและต่อยอด

ประเด็นแรก ผมว่าเซียนแม่นฟิสิกส์อย่างคุณ Janickle ตอบได้แหง็มๆ (ที่ว่าทำไมลากออกแรงน้อยกว่าเข็น) แต่คำถามที่ผมต้องการตรวจสอบผู้สัมภาษณ์จริงๆคือคำถามหลังมากกว่าครับ เพราะการทำงานหน้างานในงานสนาม ต้องพลิกแพลง ว่ากันตามตำราไม่ได้แป๊ะๆ เราไม่ได้ไปทำงานวิจัย เราทำงานสนาม เป้าหมายคืองานต้องเสร็จโดยคนปลอดภัย ใช้เงินและเวลาน้อยที่สุด

คำถามหลังมี 3 ประเด็นครับ

1. การเข็นมีวงเลี้ยวแคบกว่า (ไม่เชื่อลองดู) จึงสะดวกกว่าที่จะซอกแซกในที่แคบๆ
2. การเข็นทำให้คนเข็นปลอดภัยกว่าที่จะปะทะกับอุปสรรค เพราะของที่เข็นอยู่ข้างหน้า จึงเหมาะกับที่แคบๆ จอแจๆ
3. การเข็น คนเข็นจะมองเห็นทั้งของที่เข็น และทางที่จะไป ไม่เหมือนลากที่จะมองเห็นแต่ทางที่จะไป ของที่ลากอยู่ข้างหลัง มันทำให้หล่นได้

แต่ถ้าที่กว้างๆต้องไปไกลๆ ลากจะดีกว่า เสียเวลาเตรียมตัวมัดของให้แน่นหนาหน่อย ไม่ต้องซอกแซก(วงเลี้ยวจึงไม่สำคัญ) จึงใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพเชิงกลได้ดีกว่า เห็นไหมครับว่าบางทีเหตุผลทางฟิสิกส์ก็ไม่ได้บอกว่าคำตอบสุดท้ายเราควรทำตามนั้น มันมีเหตุผลอื่นอีก เราต้องใจกว้างครับ ใครไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เราคิดก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ฉลาดหรือไม่ทันเรา เขาอาจจะมีวิธีคิดและเหตุผลของเขาก็ได้ ... (อ้าว ... ผมออกทะเลไปไหนเนี่ย)

ทำให้ผมคิดถึงคนมาสัมภาษณ์คนนึง นานมากมาแล้ว ตอบข้อ 1 ของผมว่า เขาเลือกหิ้วถังน้ำ ผมงงจริงๆ ก้มลงไปดูเกรดใน transcript ก็ สองจุดแก่ๆ ไม่น่าตอบไม่ได้นี่นา ผมก็ถามว่าทำไม เขาตอบว่า ถ้าน้ำกับน้ำมันหิ้วขึ้นกระได เอาไปใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน เขาเลือกหิ้วถังน้ำ เพราะถ้าน้ำมันหก เขาจะเสียเวลาและตัวทำละลายอื่น(เช่นสบู่)มาล้างมาเช็ดพื้น และ ยังลื่นเป็นอันตรายกว่า โดยภาพรวมแล้ว อาจจะเสียเวลาและเงินมากกว่า และ ถังน้ำมันเบากว่าก็จริงแต่ปริมาตรแค่ 1 ถัง นน.ที่เบาลง(เมื่อเทียบกับน้ำที่ปริมาตรเท่ากัน)ไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย เมื่อเทียบกับความเสี่ยงและความยุ่งยากอื่นๆที่จะตามมา ดังนั้นเขาเลือกหิ้วถังน้ำดีกว่า

พูดง่ายๆคือ เขามองไกลไปกว่าคำถาม คิดออกนอกกรอบถึงมิติอื่นด้วย มองเป็นภาพรวมมากกว่าจะอิงทฤษฎีจ๋า ...

ไงล่ะครับ ... ถ้าเป็นสอบสัมภาษณ์เรียนต่อ PhD เขาอาจจะไม่ผ่าน แต่ถ้าเอาไปทำงานสนาม ผ่านฉลุยครับ ปัจจุบันได้ข่าวว่าเป็นคนไทยหนึ่งในไม่กี่คนที่หาตัวจับยากและยังวนเวียนอยู่ในงานสนามที่เขาถนัด ... ที่เล่ามายาว ก็เพื่อจะบอกว่า เราต้องใจกว้าง รับฟังเหตุผล ก่อนจะไปตัดสินอะไรใคร คำตอบไม่ตรงกับใจเรา ไม่ตรงตามตำรา ก็ใช่ว่าจะผิดนี่นา เหตุผลประกอบต่างหากที่สำคัญกว่า

ส่วนข้อ 10 - ไม่อยากบอกว่า บ.service ใหญ่บ.หนึ่งถามผมเมื่อ 22 ปีก่อน ในรอบ 2 ของการสอบสัมภาษณ์ จำมาหากินจนทุกวันนี้ (พอดีผมแม่น concept เลยรอดไป)




 

Create Date : 08 มกราคม 2553    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:59:31 น.
Counter : 2496 Pageviews.  

งานวิศวกรสนาม (field engineer) ... เขาสัมภาษณ์อะไรกันนักกันหนา - ตอบอย่างไรให้โดนใจ update 15/1/13

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนว่า

1. ไอ้กระพ้มไมได้มีพื้นเพทำเลที่ตั้งที่มาจากฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคลากรแต่อย่าใด ที่จะเล่าแลกเปลี่ยนกันฟังเนี่ยเป็นประสบการณ์จากรอยหยักในกระโหลกกระพ้มล้วนๆไร้กระบวนท่าไร้หลักวิชาใดๆโดยสิ้นเชิง ผิดถูกอย่าไรก็ขึ้นกับว่าจะเอาอะไรมาวัด ผมบอกได้แต่ว่าผมได้ยินมาอย่างนี้ เห็นมาอย่างนี้ เข้าใจมันอย่างนี้ แล้วก็เอามาปันกัน

2. "โธ่ ... คุยกันแค่ 30 นาที จะมาตัดสินผมได้ไง" ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เชื่อในระบบ "สอบแข่งขัน" ทุกประเภท ไม่ว่าสอบข้อเขียนธรรมดาๆ สอบปฏิบัติ สอบความถนัด สอบวัดทัศนคติ และ อีก ฯลฯ สารพัดสอบ กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน นานพอที่จะทำให้ผมตระหนักดีว่า ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง (เช่น เวลา และ ทรัพยากร) สังคมมนุษย์ ยังไม่สามารถหาวิธีการคัดเลือกใดได้ดีและมีประสิทธิผล+ประสิทธิภาพ ไปกว่า "การสอบ" ดังนั้น เพื่อ(อยากจะมี)สุขภาพจิตที่ดีกับเขาบ้างก็เลยปลงๆเลยตามเลยไปกับการรับว่าการสอบเป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่มีในปัจจุบัน ตามข้อจำกัดของเวลาและทรัพยากร

3. ผมก็มีประสบการณ์อยู่แต่กับงานสนามในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมต้นน้ำ สิ่งที่ผมเล่าสู่กันฟังก็จะวนเวียนอยู่ในบริบทนี้ ซึ่งอาจจะไม่จริงกับงานอื่นๆอีกหลายงาน ก็อย่าเพิ่งชูจั๊กแร้ประท้วงก็แล้วกันครับ

4. ผมจะเล่าแบบลูกทุ่งๆนะครับ ใช้ศัพท์แสงทางวิชาการเท่าที่จำเป็น ท่านที่จบทางด้านบริหารทรัพยากรมนุษย์ผ่านมาอ่านแล้วอย่าเพิ่งคันไม้คันมือกระทุ้งพุงกะทิผมนะครับ



เอาว่าเกริ่นมาพอแล้ว เข้าเรื่องของเราดีกว่า ...

เรามองหาอะไรบ้างในวิศวกรที่จะมาทำงานสนาม เราก็จะเขียนออกมาเป็นข้อๆ ให้น้ำหนักแต่ล่ะข้อแตกต่างกันไปในรายละเอียดของแต่ล่ะงาน เสร็จแล้วในแต่ล่ะหัวข้อเราก็มาหาตัวชี้วัดที่เป็นมาตราฐาน ถ้ามีเราก็ใช้ตัวชี้วัดนั้น ถ้าไม่มีเราถึงจะใช้วิธีสัมภาษณ์หรือถามกันดื้อๆ แต่ถ้าถามกันตรงๆดื้อๆคนโดนถามก็ตอบเอาใจได้นี่หว่า ... จริงป่ะ มันก็ต้องถามอ้อมๆ ... พอดีพอร้ายอ่านมาถึงตรงนี้ก็งงเต็กพอดี งั้นมาดูตัวอย่างดีกว่า

1. ภาษาอังกฤษ - อันนี้ใช้แน่ชัวร์ๆแต่ล่ะลักษณะงานก็ใช้มากน้อยแตกต่างกันไป น้ำหนักที่ให้ก็แล้วแต่ลักษณะงาน เช่น 10% 20% 30% อะไรก็ว่าไป ตัวชี้วัดที่เป็นมาตราฐานใช้กันก็ TOEIC (กูเกิลเอาเองว่าคืออะไร) แต่ส่วนมากก็ใช้ดูกันในขั้นตอน CV คือก่อนเรียกมาสัมภาษณ์ ขั้นสัมภาษณ์เราก็มักจะยืนยันกันอีกทีโดยการให้แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสัก 5-10 นาที ซึ่งตรงนี้ไม่ได้ดูว่าภาษาอังกฤษคุณดีแค่ไหน แค่ดูว่าคุณเตรียมตัวมาหรือเปล่า เพราะผู้มาสัมภาษณ์ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องมีซ็อตนี้ สำหรับคนที่จะพูดไม่คล่อง ส่วนมากก็ท่องกันมาเลย ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร อย่างน้อยก็แปลว่าฉันเตรียมตัวมาอย่างดี ก็ได้คะแนนเตรียมตัวไป

ถ้าครบ 5-10 นาทีที่ปล่อยให้คุณเจื้อยแจ้วแล้ว เราดูออกทันทีว่าคุณท่องมา ก็ได้คะแนนความตั้งใจไป 3 (เต็ม 5) แต่ถ้าดูออกว่าเตรียมมาและพูดได้บ้างก็เอาไป 2 แต่ถ้าฟังแล้วรู้เลยว่าพูดไม่ได้แล้วยัง(ทะลึ่ง)ไม่ได้เตรียมท่องมา เอาไปเลย 1 เพราะโดน 2 เด้ง คือ รู้ทั้งรู้ว่าไม่คล่อง โดนให้พูดแน่ๆ แต่ยังไม่เตรียมมา ส่วนมากเราก็จะจบภาคเจื้อยแจ้วภาษาฯกันแค่นั้น ยกเว้น ในช่วง 5-10 นาทีนั้น คุณทำให้เรารู้สึกว่า เอ๊ะ มันพูดได้จริงๆนี่หว่า คือพูดได้แบบไม่ได้ท่อง เราก็จะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษต่ออีกสัก 10 นาที เพื่อที่จะดูว่าคุณน่าจะได้ 4 หรือ 5 เต็มไปเลย

จะเห็นว่าเนื้อหาที่จะพูดไม่ได้สำคัญอะไรเลย แต่ถึงงั้นก็ตามก็อย่าท่องให้มันหน่อมแน้มแบบ My house is big. It is green. I have a dog. I have a cat ไปจนถึง I am เอ๊ย I have a buffolo ก็แล้วกัน ตรงนี้คนมักกลัวกันเยอะ ผมอยากจะบอกว่าเราไม่ได้คาดหวังคนที่พูดเป็นพูดเก่ง เราคาดหวังว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดีและกล้าพูดก็พอแล้ว ที่เหลือเราก็ไปฝึกฝนกันเอาได้ทีหลัง



2. ผลการศึกษา (academic result) เนื่องจากเด็กใหม่ หรือ ผู้ที่ทำงานมาไม่นาน (1-3ปี) ก็ไม่รู้จะดูผลงานยังไงส่วนหนึ่งก็เอา GPA มาดู แต่ขั้นตอนนี้อยู่ก่อนขั้นตอนเรียกมาสัมภาษณ์ ถ้า GPA คุณไม่ถึงตามที่บ.นั้นๆกำหนดคุณก็ไม่ได้มานั่งให้สัมภาษณ์อยู่แล้ว ดังนั้น ขั้นตอนสัมภาษณ์ในส่วนนี้ก็จะเป็นเพียงยืนยันอีกที นัยว่าไม่ได้ซื้อปริญญาหรือลอกข้อสอบจบมา อันนี้ง่ายครับ พวกเราก็ถามตรงๆถึงวิชาหลักที่คุณได้เกรดสูงๆ สัก 2-3 คำถาม ก็พอเห็นกึ๋นแล้วว่าคุณมีมาโชว์ไหม ถ้าคุณเรียนจริง จบจริง ได้เกรดสูงๆตัวนั้นมาจริง ก็ไม่ต้องห่วงอะไร ชิวๆ

3. สุขภาพ - คงไม่ต้องบอกว่าสำคัญอย่างไรกับงานสนาม พวก 3 วันดี 4 วันเกาไข่ เอ๊ย 4 วันไข้ ออกไปทะเล เข้าไปในป่า มันก็หาหยูหายากลับมาหาหมอได้ไม่สะดวกทันใจเหมือนไปหาหมอหน้าปากซอย เราไม่ได้ต้องการหุ่นล่ำบึ๊กอะไรหนักหนา ว่ากันเฉลี่ยๆทั่วๆไปไม่มีโรคภัยไไข้เจ็บที่เป็นอุปสรรคก็พอ อันนี้ว่ากันตามโหง้วเฮ้งเลยครับ ดูด้วยตาก่อนเลย ถ้าถามตรงๆคุณก็ตอบว่าสุขภาพแข็งแรงดี ถามอ้อมบ้างตรงบ้างตามสไตล์แต่ล่ะคน

อย่างตาบอดสีไหม ทาง HR มักจะตรวจสอบให้ก่อนแล้ว ไม่ได้แปลว่าบอดสีแล้วทำไม่ได้ บางงานสนามก็ได้ บางงานก็ไม่ได้ ต้องว่าเป็นงานๆไป มีประวัติเจ็บป่วยร้ายแรง ลมชัก ผ่าตัดกระดูก กล้ามเนื้อ อะไรใหญ่ๆอะไรไหม รอบ 5 ปีที่ผ่านมา เคยขึ้นเขียงให้หมอผ่าตัดอะไร ฯลฯ ผมแนะนำว่าอย่าโกหก บอกไปตามจริง เพราะอย่างไร ก็ต้องไปผ่านการตรวจละเอียดจากรพ.อีกทีอยู่ดี น้ำหนักเกินมากๆไหม บางคนเดินมานี่รู้เลยว่าส่งขึ้นแท่นไม่ได้แน่ๆ พวก (BMI > 35 - เอานน.เป็นกก.ตั้งหารส่วนสูงเป็นม.ยกกำลังสอง เช่น สูง 176 ซม. หนัก 76 กก. BMI = 24.45, BMI = Body Mass Index) ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ แนะนำให้ไปลดมาก่อน หรือพวกที่ผอมมากๆ BMI < 15 ก็ไปด๊วบมาก่อน เอาให้พ่วงพี ค่อยมาสมัคร

แต่พวกโรคประจำตัวแบบภูมิแพ้ที่กินยาประจำแบบนี้ไม่เป็นไร เป็นกันเยอะ ผมก็เป็น แต่ถ้าลมชักนี่ ต้องขอไว้ก่อนนะ ส่วนพวก home sex เอ๊ย home sick ง่ายนี่ก็ม่ายเอา ไปนั่งซึมกระทือ บนแท่นเป็นซากศพเดินได้ นี่ขอนะครับ มีน้องผู้หญิงคนนึงที่รู้จักกัน หน้าตาสะสวย เป็นวิศวกรสนามอยู่บ.serviceหญ่ายบ.นึง ไถ่ถามว่าทำไมหลุดมาทำงานแบบนี้ เธอตอบว่าหนีแฟนค่ะพี่ หนูบอกเลิกมันแล้วมันไม่ยอมเลิก (แหม เป็นพี่พี่ก็ไม่ยอมเลิก ออกสวยหมวยเอ๊กซ์ซะ ฮ่าๆ) หนูเลยสมัครไปคองโกมันซะเลย แฟนเก่าหนูตามไปไม่ได้แน่ๆ (ฮ่า - ดูมัน) - ปล. คองโกเป็นประเทศยากจและกันดารมากๆในแอฟริกาครับ



4. สามารถทำงานแบบกะได้ไหม - ดูเหมือนทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามาทำงานสนามแบบนี้ต้องทำแบบกะ หมายถึงอยู่แท่นติดต่องกันช่วงเวลาหนึ่งแล้วพักช่วงเวลาหนึ่ง เช่น 21/21 (ทำ 21 วัน พัก 21 วัน) แปลกแต่จริง บางคนมารู้ว่าตูต้องทำแบบนี้ตอนมาสัมภาษณ์ เราก็มักจะถามกันเหนียวไว้ก่อน โดยมากจะตอบว่าได้ แต่จะได้จริงหรือเปล่า เราก็ถามอ้อมๆกันต่อไป เช่น พ่อแม่มีลูกกี่คน อายุเท่าไร ทำอะไรบ้าง ใครส่งใครเรียน ใครมีภาระอะไร มีแฟนหรือยัง คบกันนานไหม ทะเลาะกันบ่อยไหม แต่งงานหรือยัง มีลูกกี่คน อายุเท่าไร อยู่กับใคร คำถามเหล่านี้ มักจะโดนมองว่าละลาบละล้วง แต่เรามองข้ามช๊อตไปต่างหาก คือเราดูความน่าจะเป็นที่จะมีปัญญหาในอนาคต เพราะวันนี้อาจจะไม่มี แต่วันหน้าถ้ามีปัจจัยเสี่ยงเราก็จดๆเอาไว้ อาจจะไม่ถึงกับเป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตาย แค่ตั้งข้อสังเกตุไว้เฉยๆ

5. เวลาเครียด ผ่อนคลายยังไง - เนื่องจากหน้างานมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย ความเครียดย่อมมีมากเป็นธรรมดา เราต้องการคนที่มีสุขภาพจิตปกติ คนปกติจะมีวิธีผ่อนคลายความกดดันความเครียดที่แตกต่างกัน แปลกแต่จริงอีกที่ผมเจอคนที่ตอบว่า ไม่มีงานอดิเรก ไม่มีวิธีคลายความเครียดเป็นพักๆ (คนอย่างนี้ก็มีด้วย) คนที่ไม่มีงานอดิเรก ไม่มีวิธีระบายความเครียด ในความเห็นผม ไม่ควรไปทำงานที่ต้องรับความกดดันและห่างไกล



6. สิ่งที่ผมเรียกว่า "สามัญสำนึกทางวิศวกรรม" - คำนี้ผมบัญญัติขึ้นเอง อันนี้ไม่เกี่ยวกับเกรด คนเก่งๆเกรดสูงๆม.ดังๆตกม้าตายเรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว ผมแปลของผมเองมาจากคำว่า engineering common sense ครับ ยกตัวอย่างง่ายๆสัก 2-3 คำถามนะครับ หิ้วถังปริมาตรของเหลวเท่ากัน ถังนึงเป็นน้ำ ถังนึงเป็นน้ำมัน อีกถังนึงเป็นน้ำเชื่อม หิ้วถังไหนขึ้นกระไดเหนื่อยมากกว่ากัน เพระาอะไร หรือ น้ำแข็งลอยน้ำอยู่ในแก้ว พอละลายหมดแล้ว ระดับน้ำในแก้วเพิ่มหรือลดลงหรือคงที่ เพราะอะไร อะ อีกคำถามนึง ทำไมเข็นรถเข็นผักในตลาดใช้แรงมากกว่าลาก(รถเข็นผักคันเดียวกันนั่นแหละ) แล้วทำไมในตลาดที่ซอกแซกจอแจเขามักเข็นมากกว่าลาก แต่พอที่โล่งๆจะลากมากกว่าเข็น มีอีกสารพัดคำถาม ผมมีเป็นสิบๆคำถาม คำตอบนั้นง่ายๆแต่อาศัยหลักวิศวกรรม ทั้งกลศาสตร์ของแข็ง ของเหลว เคมี เทอร์โม ไฟฟ้า ฯลฯ ไม่ต้องเก่งมากมายก็ตอบคำถามพวกนี้ได้ครับ ขอแค่รู้จักมองอะไรๆรอบๆตัวแล้วหัดตั้งคำถามแล้วพยายามหาคำตอบตามหลักวิศวกรรม ผมก็มักเลือกคำถามที่ตรงกับสาขาที่จบหรือเกรดตัวที่ได้สูงๆของผู้สมัคร

คุณอาจจะเกี่ยงว่าไม่แฟร์ เพราะแต่ล่ะคนจบมาต่างสาขา แต่ผมมองว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องพื้นฐานวิศวกรรมปีหนึ่ง หรือแม้แต่ฟิสิกส์ ม. 4-5-6 ซึ่งคนจบสายวิทย์ทุกคนรู้หลักการพวกนี้อยู่แล้ว เช่น มีใครที่เรียนวิศวกรรมศาสตร์แล้วไม่รู้จัก กฏ 3 ข้อของนิวตันบ้าง (เด็กม 4 ยังรู้เลย) ถามว่าจำเป็นอย่างไรกับการเป็นวิศวกรสนาม วิศวกรสนามต้องประยุกต์ใช้วิศวกรรมศาสตร์ได้ทุกสาขา อย่างน้อยในด้านพื้นฐาน ในการแก้ปัญหาสารพัดที่ประเดประดังเข้ามาทุกวัน บางทีผมก็ด้นคำถามสดๆดูจากประวัติการทำงาน วิทยานิพนธ์ วิชาที่ได้เกรดเอ ของคุณนั่นแหละ

เช่นมีตัวอย่างนึง ผู้สัมภาษณ์เป็นวิศวกรเครื่องกล เกรดสูงทีเดียว จากม.ชื่อดังเสียด้วย ที่บ้านเป็นร้านวัสดุก่อสร้างทุกอย่าง ถามว่าเคยช่วยที่บ้านขายของหยิบของไหม ตอบว่าบ่อยครับ ตั้งแต่เล็กๆเลยครับ ผมอมยิ้มเลย เพราะมีอะไรให้ถามเพียบ ผมถามต่อว่า เคยหยิบดอกสว่านขายไหม ตอบว่าเคยครับ มีกี่ประเภท อันนี้ผู้สมัครตอบได้ พอถามว่า ให้หลับตาหยิบดอกสว่านประเภทใดประเภทหนึ่ง หยิบได้ไหม อันนี้เริ่มอึกอัก ถามต่อว่า งั้นเอางี้ บอกได้ไหมว่าดอกสว่านทั้ง 3 ประเภท ต่างกันอย่างไรโดยดูจากภายนอก หรือ หลับตาคลำ คราวนี้เดี้ยงเลย ผมก็เฉลยว่าต่างกันอย่างไร หลับตาคลำก็รู้ ผมถามต่อว่า ทำไมมันต่างกันแบบนั้น มันมีเหตุผลทางกลศาสตร์ หรือวัสดุศาสตร์ อย่างไร เด็กปีหนึ่งก็รู้ (ถ้ามันตั้งใจเรียนและทำแล็ป) คราวนี้จอดสนิท

แถมอีกตัวอย่างนึง จบวิศวกรรมเคมี เกรดธรรมดาๆ ม.ไม่ได้มีชื่ออะไร ฐานะไม่ค่อยดีต้องช่วยแม่ขายข้ามมันไก่ ข้าวหมูแดง แต่เล็ก แต่เธอ(ผู้หญิง)เฉียบมาก ถามเรื่องเคมีอะไรในครัว เธอตอบได้หมดตามหลักเคมี
ได้ถูกต้องและเหตุผลดีมาก เช่น ผมชวนคุยเรื่องขั้นตอนการต้มไก่ทำข้าวมันไก่ แล้วถามว่า ทำไมต้องใส่เกลือตอนนั้น ใส่ก่อนได้ไหม ใส่หลังได้ไหม เพราะอะไรถึงไม่ได้ แยกไข่ดิบจากไข่ต้มอย่างไร แยกไข้ดีกับไข่เหน่า เพราะอะไร (ต้องถามว่าเพราะอะไรเสมอ เพราะหลายคนสักแต่รู้ว่าทำยังไงแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร) ทำไงหั่นหอมแดงถึงไม่แสบตา เพราะอะไร ทำไมไฟสีนึงร้อนกว่าอีกสีนึง แล้วไฟสีไหนร้อนที่สุด เกิดอะไรขึ้นถ้าบีบมะนาวใส่ไข่ขาว ฯลฯ เธอตอบได้เกือบหมด ซึ่งคำถามผมไม่มีในหนังสือ หรือ text book (แบบตรงๆ) ผมมีคำถามวิทยาศาสตร์ก้นครัวแบบนี้เพียบ 70% ที่ผมถาม เธอตอบได้ ผมถือว่าเยี่ยมแล้ว ดูแล้วไม่เข้ากับเกรดทางวิชาการเธอเลย แต่ไหวพริบดีมาก

มีบางคนอาจจะแถว่า ก็ผมเข้าใจ ทำได้ นี่ครับ แต่ไม่ถนัดอธิบาย อธิบายไม่เก่ง พูดไม่เป็น งั้นคุณก็เป็นวิศวกรสนามไม่ได้อีก เพราะคุณต้องมีลูกน้อง คุณต้องอธิบายลูกน้องได้ สอนลูกน้องได้ (coaching) คุณต้องสื่อสาร อธิบาย กับลูกค้า หรือ ผู้รับเหมาได้ (communication) ถ้าเป็นแต่ทำก็จบ รับมาทำคุณก็ไม่ก้าวหน้าไปไหน คือมันต้องประกอบๆกันไปน่ะครับ

นี่ครับ คลิ๊กเลย ผมเพิ่งไปสร้างบล๊อกใหม่ต่างหากเกี่ยวกับคำถามที่ผมชอบถาม ==> ฟิสิกส์ และ เคมี ของเด็กม.ปลาย ที่ผมชอบเอามาสัมภาษณ์งานวิศวกรสนาม ... (ถ้าคุณแน่อย่าแพ้เด็กม.ปลาย)



7. ความเป็นผู้นำ - ค้นคว้าได้จากใบสมัครงานที่คุณกรอกนั่นแหละครับ ว่าคุณเคยทำ เคยเป็นผู้นำอะไรบ้าง ทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร ถามๆไปเรื่อยๆก็พอเดาได้ว่าคุณเคยทำเคยเป็นผู้นำจริงๆไหม

8. ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า - เหมือนความเป็นผู้นำครับ ถามเอาจากที่คุณกรอกในใบสมัครงานนั่นแหละ หรือบางทีผมก็อาจจะถามคำถามยากๆ หรือออกอาการ(เล่นละคร) ดูถูกหรือ ทำให้คุณรู้สึกแย่ หรือโกรธ แล้วดูว่าคุณจะจัดการกับสถานการณ์อย่างไร นิ่งแค่ไหน มีสติแค่ไหน หรือ สะกิดหน่อยหน้าแดงเป็นกวนอู

9. คิดจะเรียนต่อไหม เมื่อไร อย่างไร - คิออย่างไรก็ตอบไปอย่างนั้นก็แล้วกันครับ ไม่มีถูกไม่มีผิด แต่ที่ปลอดภัยที่สุด (ในสายตาผม) คือ ตอบแบบแทงกั๊ก เพราะตอบว่าไม่ก็เหมือนกับไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง ตอบว่าใช่ก็เหมือนกับว่าเดี๋ยวอยู่ไม่นานบ.ก็ต้องเสียเวลาหาคนใหม่

10. คิดอย่างไรกับการเป็นลูกจ้างบ.ต่างชาติ (กรณีบ.ต่างชาติ) หรือ ทำใจได้ไหมกับการทำงานในบ.แบบไทยๆ (กรณี บ. ไทยๆ) - ข้อนี้ผมแนะนำให้ตอบเป็นกลางๆไว้ดีครับ เราไม่ต้องการคนที่สุดขั้วสุดโต่ง คนแบบนี้อันตรายต่อการทำงานในที่ห่างไกล มักจะทำอะไรแผลงๆโดยขาดความยั้งคิด ทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง วิธีตอบที่ปลอดภัยที่สุดคือ ตอบว่า ข้อดีคือ 1-2-3... ข้อที่น่าห่วงคือ 1-2-3... (อย่าพูดว่าข้อเสีย หัดเป็นนักการทูตหน่อย) แต่โดยรวมๆแล้วผมคิดว่าผมน่าจะเหมาะสมกับบ.นี้ ฯลฯ (อะไรก็ว่าไป)

11. ทำการบ้านเกี่ยวกับบ.ที่มาสมัครไหม - อันนี้สำคัญครับ เพราะแสดงถึงความใส่ใจ เตรียมพร้อม หลายคนทำให้ผมประทับใจในส่วนนี้ เพราะแหล่งข้อมูลมากมายสมัยนี้ ตลาดหลักทรัพย์ (ถ้าบ.จดทะเบียน) กูเกิล เว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อนฝูง ฯลฯ บางคนทำการบ้านมาดีมาก แต่บางคนก็แหม มันจะไม่รู้อะไรขนาดนั้น เผลอคิดไปว่า เคยอ่านหนังสือพิมพ์ฟังข่าวบ้างไหม เพราะคนเราน่ะ พรสวรรค์มันแข่งกันยาก แต่พรแสวงมันหัดกันได้นะครับ

12. ทำงานแบบมื้อเปื้อนขี้โคลน ลุยขี้ดินคลุกฝุ่น ได้ไหม - ที่ภาษาเราๆเรียกว่าทำงาน hand on ได้ไหม ไม่ใช่ว่าอธิบายเป็นตุเป็นตะว่าเลื่อยนี้ใช้ยังไง เลื่อยอะไรยังไงเพราะอะไร แต่พอให้ลงมือทำ ชักขึ้นสองทีกดลง 3 ที ใบหักป๊อก อย่างนี้ไม่เท่าไร เพราะไม่มีใครเป็นอะไรมาแต่เกิด สำคัญคือคุณเคยทำอะไรทำนองนี้มาก่อนไหม เราก็มักถามๆตรงๆแล้วค่อยถามลงลึกไปอีกทีว่าที่ว่าเคยทำนะจริงไหม ซึ่งก็ไม่ยากอะไร เช่นมีคนนึงบอกว่าที่บ้านเป็นอู่ซ่อมรถ ช่วยคุณพ่อถอดประกอบรถประจำ แต่พอถามไปถามมา ปรากฏว่า ได้แต่ยืนดู เพราะดันตอบไม่ได้ว่าเอาแม่แรงอะไรยังไงยกรถยังไง ขั้นตอนเป็นไง ประแจอะไรใช้กับงานแบบไหน หน้าตาเป็นอย่างไร และอีกหลายๆคำถามที่ลูกมือช่างอู่รถควรรู้

อย่าลืมว่า การสัมภาษณ์นี้เป็นแบบรุมสกรัม และเกทับปลั๊ฟแหลก พูดง่ายๆคือไม่แฟร์นั่นแหละครับ คุณโดนรุมอยู่คนเดียว เขารู้อะไรหรือไม่รู้อะไรเราก็ไม่รู้ แต่เรารู้อะไรหรือไม่รู้อะไรเขารู้หมด (ฮ่าๆ) คือรู้เราไม่รู้เขานั่นแหละครับ ทำไงได้เนอะ ชีวิตมันก็งี้แหละครับ บางทีบางเรื่องผมก็ไม่รู้ แต่แกล้งบลั๊ฟว่ารู้ ดูซิว่าคุณจะหมอบไหม ก็มีนะที่มีผู้สมัครจับได้ว่าผมหรือคณะกรรมการบางท่านเล่นเกมบลั๊ฟแบบนี้ เพราะอะไร ก็เพราะ 1. เขารู้จริง 2. เขามีกึ๋นกล้าเรียกไพ่เปิดดู และ 3. เขาเรียกไพ่ดูแบบถนอมหน้าตา ไม่ให้เสียหน้า (แต่ก็ไม่หมอบ) - ภาษาไพ่น่ะครับ

เอาล่ะครับ ผมคิดได้ตอนนี้ก็ประมาณนี้ล่ะครับ ไว้คิดได้ประเด็นอื่นอีก หรือมีตัวอย่างฮาๆ แปลกๆ ก็จะเอามาลงไว้อีกเรื่อยๆ แวะมาดูได้เป็นพักๆนะครับ ...



ปล. เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน เห็นว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ เลยขอเอาไปขึ้นอีกบล๊อกต่างหาก ถือว่าแตกประเด็นก็แล้วกัน นี่ครับ ตามลิงค์ไปเลยครับ
==> มนุษย์เงินเดือน - ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน

นี่ครับ เรื่องการเขียน CV ให้เป็นสัปะรด ==> CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด

23/12/09 - คิดได้อีกประเด็นนึงครับ ถ้าคุณเจอคนสัมภาษณ์แบบเดี่ยวๆ ก็ถือว่าโชคดีไป โดยมากคนๆนั้นก็จะเป็น end user หมายถึงคนที่จะเอาคุณไปใช้งาน แบบเดี่ยวๆนี่ก็ดีไปอย่างคือคุณรับมือคนๆเดียว ไม่เสียสมาธิกับหลายคนหลายประสบการณ์ แต่ข้อเสียคือชะตาคุณอยู่ในมือคนๆเดียว แนวทางการสัมภาษณ์ไม่หลากหลาย ไม่มีโอกาสโดนยิงคำถามที่ทำให้คุณดูดี (ถ้าบังเอิญไปเจอคนประสบการณ์แคบ)

แต่ถ้าโดนรุมสกรัมยำหมู เอ๊ย ยำหมู่ คือนั่งกันเป็นแผง 3-4 คน แบบนี้คุณแย่หน่อยตรงที่ ระหว่างที่คนนึงถามและฟังคุณ อีก 4-6 ตาก็จะคอยจับพิรุธสังเกตุ และเตรียมคำถามต่อเนื่อง นอกจากนั้น คุณจะเสียสมาธิอย่างแรง มิหน่ำซ้ำอาจจะเจอบท good cop - bad cop คืออีกคนเล่นบทใจดี อีกคนเล่นบทโหด แล้วดูปฏิกริยาคุณ แต่เอาเถอะ มันก็ไม่ใช่ตัวเลือกของคุณว่าจะขอเซ็กซ์เดี่ยวหรือจะเล่นเซ็กซ์หมู่ (ฮ่าๆ) ถ้าโดนรุม ผมแนะนำอย่างงี้ครับ

1. หาให้เจอว่าใครเป็น end user - คืองี้ คนที่นั่งเป็นแผงต่อหน้าคุณนะ จะประกอบไปด้วยอย่างน้อย 3 ฝ่าย คือ HR - end user และ แผนกขอแรงมาให้กำลังใจ มาเสริม หรือมาสังเกตุการณ์ จะรู้ได้ไงว่าใครเป็น HR ดูง่ายๆ คนที่เปิดฉากเจื้อยแจ้วก่อนคนแรก โดยมากเป็น HR ครับ ทำนอง "สวัสดีค่ะ/ครับ คุณ ... วันนี้เราจะ ... เราจะเริ่มด้วยการให้คุณช่วยแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสัก 5-10 นาทีนะครับ/ค่ะ ... (อะไรก็ว่าไป)" หรือ อีกทีก็จะดูจากแนวคำถามว่าคนไหนถามพื้นๆ คนไหนถามเทคนิคเยอะ คนนั้น end user แน่ คนไหนนั่งจดอย่างเดียวนานๆถามที คนนั้นขอแรงมาช่วยลุย ยิ่งคุณระบุกาหัวได้เร็วเท่าไรว่าไผเป็นไผ ยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น

2. พอรู้ว่าไผเป็นไผ ให้คุณจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับประเภทของคำถามและพื้นฐานคนถาม ถ้าคนถามเป็น end user ซึ่งมักเป็นคำถามเทคนิคก็ใช้เวลาตอบละเอียดนานหน่อย ถามเป็นคำถามกว้างๆจาก HR ก็ไม่ต้องฝอยมาก นอกจากนั้นแล้วคุณต้องพยายามโยงประเด็นที่ HR ถามให้เข้ามาทางงานสนามที่คุณสัมภาษณ์ให้ได้มากที่สุด แล้วพยายามสบตากับคนที่คุณคิดว่าเป็น end user(s) เพราะคนนี้จะมีน้ำหนักในการจะรับหรือไม่รับคุณ (ยกเว้น ถ้า HR สวยหมวยเอ๊กซ์ และนุ่งสั้นๆ อนุญาติให้สบตาและขอบกระโปรงได้เป็นพักๆ ฮ่าๆ) ทำเป็นเล่นไปครับ บางทีพวกผมก็แกล้งให้พวกคุณเสียสมาธิเล่นๆงั้นแหละ แกล้งชวนน้องๆแผนก PR (ส่วนมากสวยๆ) ที่ว่างๆมานั่งเป็นแผนกให้กำลังใจให้ผู้สมัครเสียสมาธิเล่นซะงั้นก็มี

เออ ... อีกประเด็นนึงคือ เราจะดูความช่างสังเกตุของคุณด้วย เพราะความช่างสังเกตุเนี่ยเป็นคุณสมบัติต้นๆของวิศวกรสนามเลยนะขอบอก ขณะที่คุณนั่งรอสัมภาษณ์นะ อย่าปล่อยเวลาผ่านไปเปล่าๆ ดูรอบๆตัวว่า มีอะไรอยู่ตรงไหน สีอะไร ใครแต่งตัวอย่างไร มีกี่คน ฯลฯ เชื่อไหม ผมเคยสัมภาษณ์คนนึง ผมถามว่านั่งรอในห้องรับรองนานแค่ไหน เขาตอบว่า ชม.ครึ่ง (เพราะมาก่อนเวลาหน่อย) ผมถามว่า มีคนนั่งอยู่กี่คนในห้อง ช.กี่คน ญ.กี่คน แต่งชุดนศ.หรือชุดธรรมดา แม่บ้านของบ.ที่มาเสริฟน้ำใส่ชุดสีอะไร ทีวีในห้องรับรองเปิดรายการอะไร รีเซฟชั่นผมยาวหรือผมสั้น อะไรพวกนี้ เชื่อไหมครับว่า ตอบไม่ได้สักคำถาม อย่างนี้ผมบอกได้เลยว่าเกรดสูงแค่ไหน ผมก็ไม่ส่งไปหน้างาน เพราะ 1.คืออันตรายมากๆทั้งต่อตัวเองและงาน 2.กว่าผมจะได้ข้อมูลอะไรจากคนแบบนี้ ผมคงต้องส่งรายการคำถามละเอียดยิบยาวยืด

ส่วนมากก็จะตอบได้พอสมควร นั่นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ผมประทับใจมาก มีคนนึง นอกจากจะสังเกตุได้ครบละเอียดมากแล้ว พี่แกยัง ชวนคุยหนิดหนม ได้เบอร์ได้อีเมล์ เพื่อนๆในห้องอีกด้วย ทั้งๆที่พี่แกมาคนเดียว เพื่อนคณะก็ไม่ได้มาด้วย ตอนหลังแกมาเฉลยว่าที่แกตอบได้หมดเพราะแกถามคนที่ออกมาแล้วว่าผมถามอะไรบ้าง แกเลยจำทุกอย่างในห้องระหว่างนั่งรอมาหมดเลย (ผมเลยถือโอกาสขอเบอร์มือถือรีเซฟชั่นสาวสวยจากผู้สมัครรายนี้เสียเลย อิอิ) แบบนี้ผมให้เต็มสิบเลยในหัวข้อเรื่องความช่างสังเกตุและมนุษยสัมพันธ์ อ้อ ขอบอก ขอบอก เชื่อหรือไม่ ผู้หญิงจะตอบได้มากกว่าผู้ชายว่าในห้องมีอะไร อยู่ตรงไหน แสดงว่าโดยธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงจะช่างสังเกตุมากกว่า แต่ผู้ชายจะตอบได้ทุกคนว่า รีเซฟชั่น ผมยาวหรือผมสั้น (ฮ่า) แล้วจะพลาดเรื่อง สีชุดแม่บ้านเสริฟน้ำ (ดูมัน ฮ่าๆ) - อะ อะ วันนี้นึกประเด็นได้แค่นี้ พอแค่นี้ก่อน



7/1/10 - อาจจะมีคนแย้งว่า ไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกถามเท่าไร เพราะที่รู้ไม่ถาม ดันมาถามที่ถามไม่รู้ ทำไมมาตัดสินกันแค่ไม่กี่คำถาม ... อืม ... ก็จริง ผมก็เคยคิดแบบนี้และตอนนี้ก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ งั้นก็ให้ไปอ่านหมายเหตุที่ 2 ตอนต้น ทำไงได้ครับ เกิดมาในระบบแบบนี้ คุณมี 2 ทางเลือก คือยอมรับและปรับตัวให้เข้ากับมันอย่างมีความสุข หรือ 2 ไม่ยอมรับและตั้งกฏหรือหาวิธีของตัวเอง

ผมเชื่อว่ามีสิ่งที่เรียกว่า พรสวรรค์ - talent - gift - born to be หรืออะไรก็แล้วแต่ทำนองนี้ แต่ในขณะเดียวกัน ผมให้น้ำหนักกับ "พรแสวง" มากกว่า

The "Self" is not somthing ready-made, but something in continuous formation through choice of action - John Dewey (Educator - Philosopher - Psychologist)
ผมแปลเองง่ายๆว่า ความเป็น "ตัวของเรา" ไม่ใช่อะไรที่เป็นมาแต่เกิด แต่เป็นสิ่งที่สร้างสมมาได้ด้วยสิ่งที่เราเลือกทำ - นั่นแปลง่ายๆว่า you are what you eat นั่นแหละครับ จะแถๆแปลว่า สวยด้วยมีดหมอ ก็พอถูไถ ถึงจะไม่ตรงความหมายทีเดียวแต่ก็พออนุโลม

ถูกต้องครับว่าในบางสายงานอาชีพ เราต้องมองหาคนที่มีพรสวรรค์ เช่น งานสายที่ต้องใช้พรสวรรค์เฉพาะตัว งานศิลป์ โฆษณา งานแสดง ฯลฯ แต่ในทางกลับกัน ในสายงานวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (วิศวกรรม) โดยเฉพาะงานสนาม ไหวพริบและการเป็นคนช่างสังเกตุเป็นคุณลักษณะที่สำคัญ และ เป็นเรื่องที่ฝึกหัดกันได้ ไม่จำเป็นต้องมีพรสวรรค์

การสัมภาษณ์นั่นเหมือนตะแกรงร่อนเบอร์นึงในหลายๆเบอร์ของขบวนการ สิ่งที่ผู้ถามมองและฟังนั้นมากไปกว่าภาษาพูดที่ได้ยินทางหูนะครับ เราดูหมดตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณเดินเข้ามา หรือ แม้แต่บังเอิญเจอในห้องรอสัมภาษณ์ ในลิฟท์ หรือ โถงทางเดิน

The most important thing in communication is to hear what isn't being said - Peter Drucker (Austrian born American management guru)
แปลง่ายๆว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการสื่อสารนั้นคือการได้ยินในสิ่งที่ไม่ได้พูด (หรือเขียน - ผมเติมเอง)

ทำให้นึกถึงหนังเรื่องเชอร์ล็อกโฮม ที่ผมเป็นแฟนหนังสือของแกตัวยงตั้งแต่สมัยยังใส่ขาสั้นไปรร.(หมดค่าขนมไปซื้อแว่นขยายซื้อแม่เหล็กไปเยอะ) ในหนังถึงมันจะเวอร์ไปในบางเรื่อง แต่มันก็มีส่วนจริงอยู่ 70-80% เลยทีเดียว และมันสอนให้เรารู้จักฟังเสียงของความเงียบ (การสังเกตุนั่นแหละครับ พูดให้เท่ห์ๆไปงั้นแหละ) ตรงข้ามกับ Slumdog millionaire ที่ทุกอย่างได้โดยการลิขิตไว้ แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะทั้งสองเรื่องเขาก็ทำไว้ขาย จึงต้องมีความเป็น drama อยู่บ้าง ไม่งั้นขายไม่ออก

แล้วมันเกี่ยวกับการสัมภาษณ์อย่างไร เกี่ยงตรงที่การฟังเสียงของความเงียบ(ความช่างสังเกตุ)นั้นฝึกหัดได้ เริ่มต้นง่ายๆ เมื่อคุณเงยหน้าจากจอคอมฯ เห็นคนๆแรก ลองสังเกตุดูซิครับ เอาง่ายๆก่อน เสื้อผ้า-หน้า-ผม อ้วนผมสูงต่ำดำขาว แล้วก็เริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ

คำถามที่ผมชอบถามคนที่ขึ้นรถเมล์ประจำทางไปกลับมหาวิทยาลัย คือ ที่ป้ายรถเมล์ที่ขึ้นประจำมีอะไรบ้าง นอกจากสายที่ตัวเองขึ้นประจำแล้วสายอื่นมีมาจากไหน ไปไหน คุณอาจจะหัวเราะ แต่ถ้าคุณถามคนๆหนึ่งที่ขึ้นรถเมล์ป้ายเดียวกัน 4 ปี ไปกลับม.ทุกวันที่มีเรียน (คูณเลขเอาว่า 4 ปีเป็นกี่วันที่เที่ยว) แล้วรู้แต่ว่าสายที่ตัวเองขึ้นไปไหน แต่สายอื่นที่จอดป้ายเดียวกันตูไม่รู้ ผมเชื่อว่าคุณไม่กล้าส่งคนนี้ไปคุมหน้างานก่อสร้างทางวิศวกรรมแน่นอน ถึงเขาจะเก่งวิชาการแค่ไหนก็ตาม เขาอาจจะเหมาะกับงานอื่น เช่นงานวิจัย งานในห้องทดลอง งานสอนหนังสือ แต่ไม่ใช่งานวิศวกรสนามแน่ๆครับ แล้วคุณจะขำกลิ้งถ้าผมบอกว่าผมเจอแบบนี้ไม่น้อยทีเดียวครับ

อีกอย่างที่ผมชอบถามในหัวข้อการสังเกตุนี้ คือให้มองออกไปนอกหน้าต่างห้องที่สัมภาษณ์ (ซึ่งผมดูก่อนแล้วว่ามีอะไรน่ามองไหม) ให้เวลา 3-5 นาที แล้วผมแกล้งถือโอกาสออกไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปชงกาแฟ แล้วให้หันกลับมาตอบผมว่าเห็นอะไร คำถามสุดท้ายผมจะถามว่า กรอบหน้าต่างสีอะไร ขนาดกว้างยาวเท่าไรโดยประมาณ ทำด้วยวัสดุอะไร ไม้ หรือ อลูมิเนียม ฯลฯ หรือ ถ้าห้องไม่มีหน้าต่าง ผมจะเตรียมรูปหน้างานก่อสร้างบ้านที่พวกเราเห็นกันดาดดื่นตามข้างถนนนั่นแหละ พิมพ์บนกระดาษ ยื่นให้จับให้ดู ให้เวลา 3-5 นาที แล้วผมเอาคืน ผมไม่ถามอะไรมากมายหรอก เพราะ 2 คำถามสุดท้ายของผม คือ กระดาษที่ถือตะกี้เป็นขนาด A4 หรือ letter size แล้วก็ กระดาษที่พิมพ์รูปนี่เป็นกระดาษใช้แล้ว(เอามาพิมพ์ด้านหลัง)หรือเปล่า

อาจจะบอกว่าไม่แฟร์นี่หว่า เพราะผมให้ดูไปนอกหน้าต่าง แล้วเจือกถามกรอบหน้าต่าง หรือ ผมให้ดูรูปแล้วทะลึ่งถามขนาดกระดาษที่พิมพ์รูป หรือมาถามว่าอีกด้านของกระดาษใช้พิมพ์อะไรไปหรือยัง (สังเกตุว่าผมไม่ได้ถามว่าพิมพ์อะไร ผมถามแค่ว่ามีอะไรพิมพ์ไว้หรือเปล่า) ...

ถ้าคิดว่าผมไม่แฟร์ .... ลองคิดใหม่ให้ดีๆ วิศวกรที่ถือกระดาษแผ่นนึงในมืออยู่ 3-5 นาที แล้วไม่รู้ว่ากระดาษแผ่นนั้นเป็นขนาด A4 หรือ letter size แล้วไม่ผลิกดูอีกด้าน(หรือมองทะลุไปก็เห็น)ว่าด้านหลังมีอะไร หรือวิศวกรที่มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วกะไม่ถูกว่าขนาดหน้าต่างกว้างยาวเท่าไร สีอะไร ไม้ เหล็ก ปูน หรืออลูมิเนียม ... ไม่เหมาะกับงานสนามแน่ๆครับ เพราะเราต้องคุมงาน คุมคน ต้องเห็นหรือได้ยินในสิ่งที่ลูกน้องหรือผู้รับเหมาไม่ได้พูดไม่ได้เขียน(ในรายงาน) พูดง่ายๆว่า ไม่ให้ลูกน้องหรือผู้รับเหมาแหกตานั่นแหละครับ ... ปล. คุณจะงงและแปลกใจที่รู้ว่ามีวิศวกรเก่งๆบางคนตอบคำถามพวกนี้ไม่ได้ ไม่ได้แปลว่าไม่เก่งไม่ดีนะครับ เขาอาจจะเหมาะกับงานอื่น เช่น งานในออฟฟิต งานในห้องแล็ป มากกว่างานสนามน่ะครับ

9/1/2010 บางทีผมยังแกล้งทำเนียน ไปนั่งในห้องรอสัมภาษณ์ สังเกตุโน้นนี่ ดูว่าระหว่างพวกคุณนั่งรอกัน ใครทำอะไร บางทีก็ชวนคุย ถามโน้นถามนี้ ฟอร์มไปว่ามารอคนโน้นคนนี้ (เพราะหน้าและตีนกาผมไม่อำนวย ถ้าจะมาอำกันว่ามารอสอบสัมภาษณ์) แล้วน้องมาทำอะไร ว่าไปเรื่อยเปื่อย ดังนั้น ถ้ามีใครไม่ว่าหน้าเด็กหน้าแก่มาชวนคุยต้องนึกว่ามาสัมภาษณ์ไว้ก่อน จริงๆ คุณต้องคิดว่าการสัมภาษณ์เริ่มต้นตั้งแต่คุณเดินเข้าตึกของบ.เขาแล้วด้วยซ้ำ เพราะบางทีถ้าวิศวกรเด็กๆของผมว่าง ผมก็จะวานให้ทำเนียนฝากคำถามไปกลมกลืนกับพวกคุณ คุณอาจจะคิดว่าอะไรจะขนาดนั้น ผมก็ไม่ได้ว่าทุกบ.ทำแบบนี้ แต่แค่เป็นแบบเฉพาะตัวของผม ถ้า HR ไหว้วานขอแรงผมไปช่วย ผมก็จะทำของผมอย่างนี้ เพราะคุณมีเวลาเป็นวันๆเดือนๆในการแต่ง CV เตรียมตัวมา ผมมีเวลาไม่ถึงครึ่งชม. ทำไงที่ผมจะรู้จักคุณให้ดีที่สุด ซึ่งผมคิดว่าไม่เกินไปหรอกครับ ที่ถ้าผู้สมัครควรจะเตรียมตัวให้พร้อมไว้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในตึกบ.ที่มาสัมภาษณ์



20/1/2010 - ถ้ามีเวลาเหลือ ผมก็มักจะให้สเก๊ตรูปตามคำบอกคือสมมุติว่า ผมบอกทางโทรฯไปที่แท่นว่า ใช้เชื่อมหรือขึ้นรูปทรงอะไรสักอย่างอะไรประมาณนี้ แล้วดูว่าสเก็ตรูปออกมาได้เหมือนหรือคล้ายกับที่ผมต้องการไหม และ กลับกัน ผมจะให้ดูรูปทรงอะไรสักรูปหนึ่ง สมมุติว่าเป็นอุปกรณ์ ชิ้นที่ชำรุดหรือไม่ชำรุดก็แล้วแต่ แล้วสมมุติให้บอกผมทางโทรฯ ให้ผมวาดภาพตามไป แล้วก็มาดูกันว่าผมวาดได้เหมือนโจทย์ภาพที่ให้ไว้ไหม

อาจจะชูจั๊กแร้เถียงว่า สมัยนี้เขาถ่ายรูป หรือ สแกน ส่งอีเมล์ ส่ง MMS กันแล้วลุงนก ไปงมอยู่ที่ไหนมา

มันก็จริงครับ ... แต่อย่าลืม บนแท่น ไม่มีสัญญาณมือถือ อยู่บนนั้น คนล่ะมุมคนล่ะชั้นของแท่น ก็ต้องใช้โทรฯภายใน หรือ walky talky คุยกัน หรือ รายงานการทำงานประจำวันตอนเช้ากับหน.บนฝั่งในกทม. ส่วนมากก็ยังไม่ไฮเทคขนาดวีดีโอคอนฯ ขึ้นทั้งภาพทั้งเสียง โดยมากก็เสียงอย่างเดียว

วิศวกรสนามต้องใช้ทักษะนี้ครับ คล้ายๆกับอ่านแผนที่บอกทางกันทางโทรศัพท์น่ะครับ แต่ซับซ้อนกว่า คือ วิศวกรสนามต้องทำได้ทั้ง ส่ง และ รับ คำบรรยายภาพ โดยใช้จิตนาการวาดภาพในหัวแล้วสามารถเข้าใจได้ว่าคนบอก ต้องการบอกอออกมาเป็นภาพอะไร และในทางกลับกัน ก็ต้องสามารถบรรยายให้คนอื่นรู้ได้ด้วยว่าเราต้องการบอกอะไร

===== update 2 เมษายน 2011 ======

อ้อ "เอกสารประเภท portfolio พวกใบประกาศนียบัตรต่างๆ หรือพวกใบทรานสคริป" มันหนักมากไหม ถ้าไม่ขนาดต้องเช่ารถปิกอัพขนไปต่างหากคันนึง ผมว่าเอาไปด้วยก็ดี

มีลูกเล่นนิดนึง ให้เอาใส่ซองใส เอาใบที่เป็นประกาศนียบัตร พวก ใบ cert อะไรเท่ห์ๆไว้ข้างหน้า หรือ เอาทรานสคลิปก็ได้ ที่มีโลโก้สถาบันฯ เอาวางไว้ในที่ๆกรรมการเห็น เพราะจะได้คะแนนเตรียมพร้อม (ถ้าคณะกรรมการสายตาละเอียดแบบผม) ว่าไอ้นี้เตรียมมาดี

อย่าลืมเอาปากกา เครื่องคิดเลขเล็กๆ กระดาษโน้ต A4 พับใส่กระเป๋าเสื้อ ไปด้วย อาจจะได้ใช้ ถ้าไม่ได้ใช้ ก็อุ่นใจ ได้คะแนนความพร้อม ถ้าจำเป็นต้องใช้ ก่อนใช้ขออณุญาติกรรมการฯก่อน

อ้อ อย่าลืมจำพวก conversion factor แปลงหน่วย ง่ายๆไปด้วย พวกนิ้วนึงกี่เซ็นต์ psi นึงกี่บาร์ psig = กี่ psia ลิตรนึงกี่แกลลอน เมตรนึงกี่ฟุต ฯลฯ พื้นๆ เผื่อกรรมการฯมีลูกบ้าแบบผม เพราะผมถือว่าเรื่องพวกนี้จบวิศว หรือ ช่างปวส "ต้อง" รู้ ถ้าวิศวกร ผมจะถามว่า ค่าประมาณ pi รูท2 รูท3 ค่า e (e exponential) ฯลฯ

โดยเฉพาะการแปลงหน่วยในชีวิตประจำวันง่ายๆ พวก เมตรนึงกี่ฟุต นิ้วนึงกี่เซ็นต์ ถ้าเป็นช่างแล้วไม่รู้นี่ผมให้ตกสถานเดียวเลย ความผิดสาหัสพอๆกับจบวิศวฯคอมฯแล้วไม่รู้ว่า 1 byte มีกี่ bit หรือ จบวิศวฯเครื่องกลแล้วไม่รู้ว่าน้ำหนักกับมวลต่างกันอย่างไร

============================

Update 15/1/2013

สอบสัมภาษณ์งานวิศวกรสนาม ... เรามองหาอะไรในตัวคนมาสัมภาษณ์


เคยสงสัยไหมว่าเวลาไปโดนสัมภาษณ์ มักจะโดนถามโน้นถามนี่ที่หลายครั้งเราก็เดาไม่ถูกเลยว่าถามไปทำไม ไม่เห็นเกี่ยวกับงานที่จะทำเลย คำตอบคือ เกี่ยวซิครับ เขาถามเราอ้อมๆ เพื่อจะมองหาอะไรบางอย่างที่เป็นคุณสมบติที่เกี่ยวข้องกับงานที่เขาจะรับเราเข้ามาทำ

ไม่ต้องอารัมภบทยืดยาว มาว่ากันเลยว่ามีอะไรบ้างและจะโดนถามแนวๆไหน

Plan B

นี่ครับอย่างแรกเลยของคุณสมบัติของวิศวกรสนาม พวกเราต้องมี plan B เสมอ พูดง่ายๆคือ แผนสำรอง ถ้าแผนหลักเราไปไม่ถึงดวงดาว เนื่องจากคุณสมบัติเฉพาะของงานเราคือทำงานในที่ห่างไกล ห่างฐานสนับสนุนทั้งเครื่องไม้เครื่องและคำปรึกษา เราจะต้องมี plan B ไว้เป็นนิสัย (บางทีเรียก contingency plan, แผนสำรองฉุกเฉิน, back up plan, แผนกันเหนียว และอีกหลายชื่อ) เครื่องมือสำรองอีกชุดเราต้องเตรียมไป (redundency tools/ equipments) ก็จัดอยู่ในหมวด plan B ด้วย

แล้วเขาจะถามอะไรเราล่ะที่จะให้เห็นว่าเราเป็นคนมี plan B ... ง่ายนิดเดียวครับ ก็ถามถึงเหตุการณ์ในอดีตของเรา ง่ายๆเลยเช่นว่า เรามาสัมภาษณ์ยังไง ขับรถมา หรือ รถเมล์ มาสายอะไร ถ้าสายนี้ไม่มา เรามีสายอื่นไหม ถ้าบังเอิญตื่นสายมากๆ จะทำไง ถ้าขับรถมา รู้ไหมจะจอดตรงไหน ถ้าที่จอดที่ตึกสัมภาษณ์เต็ม จะไปจอดไหน ตอนนั้นถ้าสอบเข้าที่นั่นไม่ได้ คิดว่าจะไปไหน ฯลฯ ผมตั้งคำถามได้ 108 ขึ้นกับบทสนทนาจะพาไป ตั้งคำถามได้เนียนด้วย ออกแนวๆแซวๆหรือชวนเม้าส์มอยไป อาจจะออกไปแนวๆชีวิตส่วนตัวเล่นๆ เช่น นัดกิ๊กชวนดูหนังเรื่องนึง ไปถึงหน้าโรงแล้ว จู่ๆ กิ๊กบอกว่า ดูไปแล้วเรื่องนี้ ตั๋วก็ซื้อไว้ล่วงหน้าแล้ว จะทำไงดีเนี้ย เห็นป่ะ ไม่เกี่ยวกับงานสนามเล้ย (มีคนนึงเคยตอบว่า ผมก็หากิ๊กคนใหม่หน้าโรง ฮ่า ... )

question word จะออกแนว "จะทำอย่างไร" ถ้าถามในอนาคตเหตุการณ์สมมุติ หรือ "เคยทำอย่างไร" ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

ถ้าชะงักหรือออกๆแนวไม่รู้หรือไม่มี plan B ปล่อยไปตามยถากรรม ผมก็จะโน้ตเล็กๆไว้ที่ CV

Fall back position

อันนี้คล้ายๆกับ Plan B แต่เป็น plan Z มีหลายชื่อเรียกกัน เช่น worst case senario, last resource เป็นต้น คือในกรณีแย่ที่สุดแล้วจะทำไง เช่น สอบที่ไหนไม่ติดเลยก็เรียนม.เปิด คือ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้อีกแล้วคุณจะทำอย่างไร ทำไมคนทำงานสนามจึงต้องมีคุณสมบัติข้อนี้ครับ ก็เพราะงานของเรา คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล งานเราจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ ปัจจัยนอกการควบคุมมากมายไปหมด เราต้องพร้อมที่จะรับเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดได้

ผมเคยเข้าหลักสูตร defensive driving course มีตอนหนึ่งที่ผู้ฝึกสอนสอนว่า ให้มองหาไว้ทุกวินาทีว่า ถ้าจะเกิดชนแบบ head on คือ ประสานงา เราจะหักพวงมาลัยจิ้มหลบไปจุดไหนของถนน ถึงจะเกิดความเสียหายน้อยที่สุด ซึ่งก็คือ fall back position นี่เอง

ลักษณะคำถามอาจจะดู drama และเร้าอารมณ์ (กวน teen นั่นแหละครับ) สักหน่อย เช่น ถ้าเย็นนี้กลับไป ไฟไหม้บ้าน จะทำไง หรือ hard disk เจ๊ง แฟนทิ้ง ฯลฯ คำถามอะไรที่ดูตลกๆสุดขั้วๆเว่อร์ มักจะเข้าข่ายนี้ครับ

question word จะออกแนว "จะทำอย่างไร" ถ้าถามในอนาคตเหตุการณ์สมมุติ หรือ "เคยทำอย่างไร" ถ้าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

Decision making

สำคัญอย่างไรครับ เพราะงานพวกเราเกี่ยวข้องกับมูลค่าเครื่องไม้เครื่องมือราคาแพงและแหล่งน้ำมันมูลค่ามหาศาล เราไม่ต้องการคนที่คิดอะไร ทำอะไร ไม่อยู่กับร่องกับรอย ทำอะไรตามอารมณ์ ไม่คงเส้นคงวาในการตัดสินใจ อารมณ์ศิลปินจัด ติสท์เยอะ วันนี้ใช้ตรรกะอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้เหตุการณ์เดียวกันกลับใช้ตรรกะอีกแบบหนึ่ง

question word จะออกแนว "ทำไมถึงทำไปอย่างนั้น" คำตอบคลาสิกที่หลายคนเอ็นทรานซ์เข้าคณะโน้นคณะนี้สมัยผมคือ "หนู/ผม ตามเพื่อน ค่ะ/ครับ" หรือ "ครูแนะแนวแนะนำ" ใครตอบแบบนี้ ผมวงแดงใน CV เลยว่าไม่เอา

ที่สำคัญอย่าลืมความคงเส้นคงวาของตรรกะที่ใช้ด้วย เช่น คุณเคยทำ A ในอดีต เพราะเหตุผล B ถ้าเกิดเหตุการณ์ C ในอนาคตที่คล้ายกับ A คุณจะทำแบบ B ไหม ถ้าไม่ คุณต้องอธิบายให้ได้ว่า A กับ C ต่างกันอย่างไร ที่ยากคือ A กับ C เป็นเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแล้วมีลักษณะคล้ายกัน แต่คุณดันตัดสินใจโดยใช้ตรรกะต่างกัน อันนี้ยาก เพราะคุณต้องอธิบายให้ได้ว่า สภาพแวดล้อมหรือเงื่อนไขรอบด้านมันต่างกัน เช่น ตอนนั้นไม่เรียนต่อเพราะต้องให้น้องเรียนให้จบก่อน แต่อีก 1 ปีถัดมาน้องก็ยังเรียนไม่จบ แต่ทำไมไปเรียนต่อ อะไรแบบนี้น่ะครับ

ปล. ข้อนี้ห้ามไปใช้กับแฟนนะครับ อย่าลืมว่าความรักต้องใช้หัวใจตอบ อย่าไปใช้สมองตอบเด็ดขาดว่า รักเธอชอบเธอเพราะอะไร ถ้าตอบแบบมีตรรกะแบบนั้น คุณจะโดนศอกกลับรับไม่ทัน เช่น รักเธอเพราะเธอมีลักษณะ A (A อาจจะ = น่ารัก มีเสน่ห์ พ่อรวย เอ๊กซ์ อึ่ม สบึ่มปั๊บๆ ฯลฯ อะไรก็ว่าไป) อีก 1/10000 วินาทีถัดมา เธอจะถามคุณทันทีด้วยความเร็วแสงว่า แล้วถ้าชั้นไม่มีลักษณะ A แล้ว ยังจะรักฉันไหม นี่แหละ ตอบไม่ถูกไปต่อไม่เป็นเลย เพราะคุณดันไปให้ตรรกะไว้แล้วว่า ถ้า A=B ดังนั้น C=D เธอก็จะย้อนว่า อ้าว ถ้า A ไม่ = B งั้น C ก็ไม่ = D ด้วยซิ คราวนี้ละซวย

ผมไม่ใช่ปราชญ์เรื่องพวกนี้หรอกนะครับ แต่ที่ใช้ได้ผลเสมอมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่(ปูนนี้)เวลาถูกสาวๆที่คั่วอยู่(ศัพท์สมัยผมแปลว่าจีบ)ถามว่า รัก/ชอบเธอเพราะอะไร ผมจะตอบว่า ไม่มีเหตุผล รักก็คือรัก ชอบก็คือชอบ เหมือนคนเราชอบสีที่ไม่เหมือนกัน ชอบอาหารรสชาติไม่เหมือนกัน ไม่มีตรรกะ ไม่มีผิดไม่มีถูก พูดง่ายๆคือ ไม่ไปสร้าง model ทางคณิตศาสตร์เอาไว้ว่า ถ้า A=B ดังนั้น C=D หรือพูดอีกแบบคือตูไม่มีเหตุผล ดังนั้นตอนจะเลิกจึงง่ายขึ้น เพราะตอนรักมันไม่มีเหตุผล ตอนเลิกก็ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลจริงป่ะ ในเมื่อตอนเริ่มมันไม่มีตรรกะเสียแล้ว ตอนจบมันก็ไม่ต้องมี แต่ถ้าคุณไปบอกในตอนเริ่มว่า ถ้า A=B ดังนั้น C=D คราวนี้คุณเกิดไม่อยากให้ C = D ล่ะ แต่ A มันยัง = B อยู่ ทีนี้จะเลิกยังไง ... ฮ่าๆ (อุ้ย ขอโทษที ออกทะเล อิอิ)

Objective

แปลว่าจุดประสงค์ ข้อนี้แยกได้เป็น 2 ส่วนคือ จุดประสงค์ในหน้าที่การงาน (career objective) และ จุดประสงค์ในชีวิตส่วนตัว (personal life objective) และทั้งคู่ก็แบ่งย่อยออกเป็น 3 ระยะ เป็นระยะสั้น ระยะกลาง และ ระยะยาว

ทำไมเราต้องการคนที่มีจุดประสงค์ในชีวิตที่ชัดเจนในงานสนามประเภทนี้ อย่างที่บอกไว้แล้วว่า งานเรามันเกี่ยวข้อกับอุปกรณ์ราคารแพง แหล่งน้ำมันมูลค่ามหาศาล และ ความปลอดภัยของทรัพย์และชีวิตที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ ถ้าคุณไม่รู้จุดประสงค์ในชีวิตคุณแล้ว คุณจะรู้หรือใส่ใจไหมล่ะว่า แต่ล่ะงานที่คุณกำลังจะขึ้น ฮ. หรือ ลงเรือไปทำนั้นมันเพื่ออะไร เกี่ยวข้องอะไรยังไงกับคนอื่น ถ้าผิดพลาดมา ผลพวงที่ได้จะเป็นอย่างไร เรื่องของตัวเองยังไม่สนใจ ยังไม่รู้แล้วจะไปใส่ใจรู้เรื่องอื่นได้ไง

question word จะออกแนวตรงๆเลย เช่น ชีวิตนี้คุณคิดว่าจะเกษียณกี่ขวบ เอ๊ย กี่ปี ถ้าอยู่บ.นี้ไป อีก 3-5 ปีจะทำอะไร มีตำแหน่งอะไร 10-15ปีล่ะ วาดภาพในอนาคตว่าไง ต้องมีฮาเรมไหม เรือยอร์จสัก 3 ลำ อะไรก็ว่าไป หรือ อาจจะถามในอดีตก็ได้ว่า คอนจบตรีใหม่ๆ คิดว่าจะไปทำอะไร ถามเรื่องอาชีพในฝัน ข้อนี้ไม่ยาก แต่คุณต้องเตรียมเอาไว้ 6 คำตอบ งาน+ส่วนตัว และ แต่ล่ะข้อก็มี สั้น-กลาง -ยาว สั้นเราพูดถง 1-2 ปี กลาง 5-7 ปี ยาว 10+ปี

ทัศนคติต่อความปลอดภัย

ข้อนี้ไม่ต้องอธิบายมากนะครับ ว่าทำไมเราต้องการคนที่มีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องความปลอดภัย

มาดูลักษณะคำถามกันเลย มีทั้งถามตรงๆ และ อ้อมๆ

ถามตรงๆก็ เช่น ในรถหรือในบ้านคุณมีอุปกรณ์ความปลอดภัยอะไรบ้าง คุณก็จะตอบว่า มีโน้นมีนั้น ก็จะโดนต่อว่ารู้สเปกไหม ใช้มาติดตั้งมานานแค่ไหนแล้ว ตรวจสภาพครั้งสุดท้ายเมื่อไร ซ้อมใช้ หรือ ทดสอบบ่อยแค่ไหน ครั้งสุดท้ายเมื่อไร น่าจะมีอะไรเพิ่มอีกไหม แล้วทำไมถึงยังไม่มี จะมีเมื่อไร ฯลฯ ผมไล่ไปได้จนเห็นว่าคุณรู้จริงหรือมีจริงหรือเปล่าที่ว่ามีๆนั่น แต่ถ้าผมไล่ไปจนเห็นว่าคุณไม่มีจริงนี่นา ทำเท่ห์ ก็โดนข้อหาให้การอันเป็นเท็จอีก ถ้าไม่มีก็ตอบว่าไม่มี คิดว่าน่าจะมี แต่ไม่พร้อมที่จะมี เพราะอะไรก็ว่าไป ยังดูดีกว่าแถให้คนสัมภาษณ์เขาจับได้

ถามตรงๆ อีกแบบคือถามสถานการณ์จำลอง คำถามประเภทกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอบยังไงก็สูญเสีย ซึ่งก็ได้แนะแนวคำตอบไปแล้ว ไปตามหาอ่านเอาในบล๊อก รู้สึกว่าจะอยู่ในซี่รี่คำสัมภาษณ์จริงที่เพื่อนๆเอามาแบ่งปันหรือไงเนี่ย ไปคุ้ยๆดู เจอแน่ๆครับคำถามยอดนิยมแบบนี้

ถามอ้อมๆก็แนวๆยกเรื่องราวที่เกี่ยวกับกรณีความปลอดภัยที่เป็นข่าวในหนังสือพิพม์หรือเป็นที่สนใจในขณะใน แล้วถามว่า ใครผิด ใครถูก จะแก้ไขยังไง ถ้าจะป้องกันควรทำอย่างไร ฯลฯ

วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะครับ หวังว่าคงได้ข้อคิดอะไรดีๆในการเตรียมพร้อมไปบ้างไม่มากก็น้อย ย้ำอีกหน ทั้งหมดนี่ความเห็นผม(ผู้ซึ่งไม่ใช่ HR)ล้วนๆ ไม่มีหลักการ วิชาการอะไรทั้งนั้น ไม่ได้ร่ำเรียนมา ว่ากันตามประสบการณ์ที่(เคยสัมภาษณ์งานคนมาเป็นสิบๆคน อ่าน CV มาเป็นร้อย)อย่างเดียวเลยครับ

ตอนต่อไปนะครับ คลิ๊กเลย => ปฏิบัติการจิตวิทยาในการสัมภาษณ์งานวิศวกรสนาม

อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว

บทความเกี่ยวเนื่องครับ

มาต่อกันให้จบดีก่า ... เหลือบริษัทฯกลุ่มสุดท้ายแล้ว Low Profile - High Profit <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 5 ล่ะกัน (บริษัทขายหรือให้บริการขนาดเล็ก - Suppliers)

มารู้จักวงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกันต่อกับ "บริษัทให้บริการเฉพาะทาง" <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 4 ล่ะกัน (บริษัทให้บริการเฉพาะทาง - Service company)

เอาล่ะครับ ได้ฤกษ์เขียนต่อเสียที (หลังจากโดนไมค์กระทุ้งทางข้างหลังซะตั้งหลายที) <= ผมเรียกว่าอันนี้ว่าภาค 3 ล่ะกัน (บริษัทแท่นเจาะ - Rig company)

ผลพวงจาก กระทู้ "ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ " <= งั้นอันนี้ก็ต้องภาค 2 (บริษัทน้ำมัน - Oil company)

ข้อดีของการทำงานแบบเป็นกะนอกชายฝั่งทะเล เอ้า ! ... แฟนใครทำงานแบบนี้รีบมาอ่านนะ <= อันนี้ภาค 1

๕ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับน้ำมัน และ เมืองไทย <= งั้นอันนี้ก็ภาค(พราก)ผู้เยาว์ เอ๊ย ภาคปฐมบท (ชอบเฉียดคุกอยู่เรื่อย-ไม่เอาข้าวผัดโอเลี้ยงนะ ขอเป็นพิซซ่าน้ำอัดลม)

รวบรวม "คำถามจริง" ที่โดนถามในการสัมภาษณ์ / ข้อเขียน บริษัทต่างๆในวงการฯ (ที่เพื่อนๆจำเอามาแบ่งปัน)




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:59:56 น.
Counter : 28747 Pageviews.  

ผลการสำรวจเงินเดือนวิศวกรประจำปี 2552

ผมได้มาจาก forward mail ไม่มีที่มาว่าสำรวจอย่างไร ช่วงเวลาไหน สุ่มกลุ่มตัวอย่างอย่างไร พูดง่ายๆคือ ไม่รู้ที่มาที่ไป แต่ดูจากข้อมูล ตัวเลขต่างๆ ตามประสบการ์เท่าที่รู้จัก และสอบถามกับเพื่อนๆ 2-3 คนใน ธุรกิจนั้นๆก็เห็นว่าตัวเลขต่างๆมีส่วนถูกต้องอยู่บ้าง (ไม่ทั้งหมด)



อย่างไรก็ตามผมเห็นว่า น่าจะเอามาแบ่งปัน แต่โปรดใช้วิจารณญานในการเอาไปใช้นะครับ

ถ้ามีข้อมูลที่ถูกต้อง กรุณาแจ้งมาด้วยครับ ผมจะได้ปรับแก้ให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น



> ธุรกิจประกอบยานยนต์ (วิศวกรรมอุคสาหการ วิศวกรรมเครื่องกล)
>
> 1.Mitsubishi Motor แหลมฉบัง ชลบุรี 16000 Bonus 6+13000
> *2.Toyota Motor Asia Pacific (TMAP) สมุทรปราการ 18000 Bonus 6.5 + 12000 Require TOEIC Score 550
> *3.Isuzu Motor สมุทรปราการ 16000 Bonus 6.0+5000 TOEIC Score 450 (สำหรับจบใหม่ ตรงนี้ไม่ถึงไม่เป็นไร แต่จะพิจารณาเป็นพิเศษถ้าหากถึงเกณฑ์ แต่ส่วนมากเขาดูตอนเราสัมภาษณ์มากกว่า)
> 4.Honda Automobile ทำรถยนต์ โรจนะ อยุธยา 17500 + ค่าอาหาร 500 +ค่าภาษา TOEIC และ Japanese Leve 2000-4000 Bonus 6-7 เกรดต้องเกิน 2.70
> 5.Honda Motor ทำรถมอเตอร์ไซด์ สมุทรปราการ ประกอบมอเตอร์ไซด์ ได้เท่ากับ Honda Automobile
> 6.Thai Yamaha Motor 15000 Bonus 4-5 *Toyota Take Over เรียบร้อยอีกสักพักทุกอย่างจะเท่าๆ Toyota
> 7.GM ปลวกแดง จ.ระยอง 25000-30000 โบนัส 5-7 ให้เยอะแต่ไม่มี OT
> 8.BMW 30000 โบนัส 4-5
> 9.NISSAN 16000 Bonus 4-5
> 10.Auto alliance (Ford&Mazda) 24000 โบนัส 5-6
> *11.Suzuki ปทุมธานี 15000 ทำงาน 5 วัน โบนัส ประมาณ 2-3 เดือน
> *12.Kawasaki ปลวกแดง ระยอง 15000 + ค่าเช่าบ้าน ทำงาน 5 วัน โบนัส 3
> 13.ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ 14,200 โบนัสประมาณ 2-3 เดือน
> *14.Honda R&D สวัสดิการเดียวกับ Honda อื่นๆครับ



> ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ (วิศวกรรมอุคสาหการ วิศวกรรมเครื่องกล)
>
> 1.DENSO International สมุทรปราการ เทพารักษ์ 16800 Bonus 6.5+12000
> 2.Denso Thailand 16800 Bonus 6.5+ 7000
> 3.Siam DENSO อมตะนคร ชลบุรี 16800 Bonus 6.5 + 7000 Like Toyota
> 4.Thai Summit Group 16000 โบนัส 4-4.4
> 5.ซัมมิต ออโตซีท 18000 โบนัส 4 มีสองที่คือแหลมฉบังและสมุทรปราการ
> 6.บริดสโตน (รังสิต, วังน้อย) 18,000 โบนัส สูง
> 7.ดีสโตน อินเตอร์เนชั่นแนล นครปฐม ทำยางรถยนต์ เงินเดือน 13,500 โบนัส 2-4
> 8.NHK Spring ฉะเชิงเทรา(นิคมเวลโก) 15,000 โบนัสให้สูง 6-8
> 9.YSP ทำท่อไอเสีย ฉะเชิงเทรา(นิคมเวลโก) 13,500 ค่าน้ำมัน 1.75 บาท/กม. โบนัส 6
> 10.ไทยสตีลเคเบิ้ล ทำสายเคเบิ้ล ในรถยนต์ 11,000 โบนัส 2-4 เดือน
> 11.KOITO สมุทรปราการประมาณ 15,000
> 12.เอ็นไก สมุทรปราการ ล้อแมก ประมาณ 14,000
> 13.Siam Kayaba ชลบุรี ทำโช๊ครถยนต์ ประมาณ 15,000
> 14.นวโลหะไทย (SNF) ท่าหลวง สระบุรี 18000 + ค่าอาหาร500 + เลือกระหว่าง(ค่าเช่าบ้าน 4500 หรือหากอยู่ ที่พักที่บริษัทเตรียม จะได้ ค่าช่วยเหลือ 1500) ทำงาน 5 วัน Bonus 5-6 OT เหมาจ่ายประมาณ 250 บาทสำหรับ มากกว่า 2 ชั่วโมง หรือ 600 บาทสำหรับ 8 ชั่วโมง แต่วัฒนธรรมที่นี่วิศวกรไม่ค่อยทำ OT กันสักเท่าไร (เครือ ATTG)
> 15.นวโลหะอุตสาหกรรม (NIC) หินกอง สระบุรี 18000 + ค่าอาหาร500 + ค่าเช่าบ้าน 4500(ไม่มีที่พักเตรียมให้แต่มีรถรับส่ง) ทำงาน5 วัน Bonus 5-6 ทำ OT กระจายรายได้ต่อเดือน 25000-30000
> 16.ATT สระบุรี เหมือน นวโลหะอุตสาหกรรม
> 17.NOK ชลบุรี 18000 + ค่าตำแหน่งและเงินช่วยเหลือ 3000-5000 โบนัส 4 (แต่ต้องทำงานตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไปถึงจะได้) ทำงาน 5 วัน รายได้รวม OT 24000 - 30000
> 18.บริษัทยานภัณฑ์ ทำท่อไอเสีย ประมาณ 16,500
> 19.Bridgestone NCR ผลิตชิ้นส่วนยางกันสะเทือนสำหรับยานยนต์ 15000 ทำงาน 5 วัน
> 20.KIRIU ปลวกแดง ระยอง 14000
> 21.โตไก อีสเทริน ผลิตชิ้นส่วนทที่เป็นยางสำหรับยานยนต์ ระยอง ปลวกแดง ประมาณ 15000 + ค่าเช่าบ้าน ผ่านโปรรวม 18000 บาทต่อเดือน โบนัส 4
> 22.สามมิตร ผลิตกระบะสำหรับรถบรรทุก มากกว่า 12000
> 23.Thai Arrow (เครือ Thai Yazaki) ฉะเชิเทรา ทำสายไฟสำหรับยานยนต์ 15967 (หากผ่านโปรจะได้เพิ่มอีก 1905) โบนัส 4 มีรถรับส่งถึงกรุงเทพและชลบุรี
> 24.Summit Harness 14000 หากพ้นโปรจะพิจารณาตามความเหมาะสม
> 25.ไดชิน (Daisin) อยุธยา 14500
> 26.แอมพลาส(Amplass) สมุทรปราการ 16000
> 27.Sumitomo Rubber ทำยางรถ ให้ DUNLOP เงินเดือน 16000 + ค่าเช่าบ้าน 2000 OTเยอะ
> 28.สยามโตโยต้า (Siam Toyota) Gateway 16500 + บ้านนอกอื่นๆประมาณ 5000 Bonus 6.5
> 29.Saim Aisin Takaoka Industrial(SATI) นิคมอมตะ ชลบุรี 18000 + 5000 (เครือ ATTG)
> 30.Aisin Takaoka Foundry Bangpakong(ATFB) นิคมอมตะ ชลบุรี 18000 + 5000 (เครือ ATTG)
> 31.Thai Engineering Product(TEP) 18000 + 5000 (เครือ ATTG)
> 32.Thai Asahi Denso อ.ปลวกแดง ระยอง ประมาณ 14000 + 700 (ค่าอาหาร) ผ่านโปรเงินเดือนเพิ่มเป็น 16500 + 1500 มีหอพักให้อยู่(หนึ่งห้องต่อหนึ่งคน) มี O.T. ทำประจำ
> 33.Mineabea ลพบุรีและอยุธยา 17,000 ที่ลพบุรีมีที่พักให้ แต่ไม่มีค่า OT โบนัส 2.5 เดือน สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ
> 34.Siam Furukawa Battery ทำแบตเตอร์ยี่ห้อ FB รายได้รวมต่อเดือนมากกว่า 20000



> ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ (วิศวกรรมอุตสาหการจะเกี่ยวกับควบคุมสายการประกอบวิศวกรรมเครื่องกลจะเกี่ยวกับด้านการวิจัยและพัฒนา)
>
> 1.Hitachi Global storage ปราจีนบุรี 17000 Bonus 1(Fix) + 2-4 (Variable)
> 2.Sony Device Technology ปทุมธานี 18590 + ค่าTOEIC(1000up) Bonus 3
> *3.Western Digital Hi-tech Ayuthaya 18000 Bonus 2.5 พนักงานใน line มีแต่ผู้หญิง
> 4.Canon Hi-Tech Ayuthaya 17500 Bonus 2.5
> *5.Thai Samsung ในเครือสหพัฒน์ ศรีราชา 16500 ทำงาน 5 วัน Bonus 2.5 แต่โอทีกระจายเดือนหนึ่งอาจถึง 30000 สำหรับใน Line การผลิต ไม่มีรถรับส่ง
> 6.DAIKIN INDUSTRY 16700+800+อื่นๆเกือบ20000 โบนัส 4-5เดือน โอทีเยอะ
> *7.LG Electric ระยอง 18593 +ค่าบ้านนอก 900 +เบี้ยขยัน(600 - 3000) + OT ไม่อั้น ข้าวพร้อมกับข้าวฟรีมื้อเที่ยงและเย็น รวมรายได้ต่อเดือน 23000 – 30000 Bonus ตามผลประกอบการ 2– 4.5 ( โรงแอร์ 2.5 โรงเครื่องซักผ้า 4 ) มีให้เลือก 4 โรงคือ แอร์ คอมเพรทเซอร์ ทีวี และ เครื่องซักผ้า มีรถรับส่งตั้งแต่ชลบุรีถึงตัวระยอง (ค่อนข้างเป็นองค์กรเพื่อการเรียนรู้ถ้าเข้าได้แล้วออกมารับรองมีความรู้ไว้ใช้ได้มากมาย)
> 8.ซิเลนติก้า แหลมฉบัง 20000 โบนัส 2 เดือน
> 9.ROHM ประมาณ 16,000 โบนัส ประมาณ 2-3เดือน สัมภาษณ์ ภาษาอังกฤษ
> *10.NIDEC ประมาณ 16,000 UP โบนัส 2.5 เดือน
> 11.สยามคอมเพรสเซอร์ (Siam Compressor) ทำCompressorสำหรับเครื่องปรับอากาศ ในนาม Mitsubishi แหลงฉบัง ชลบุรี 17500 + ค่าเช่าบ้าน5000 + ค่าเดือนทาง1100
> *12.Magnecomp 17,000 โบนัส 1 เดือน
> 13.DDK fujikura 16,000 โบนัส 2.5 เดือน
> 14.Mitsubishi electric consumer product ทำแอร์ ชลบุรี รวมประมาณ 19,000 บาท OT เยอะ โบนัส 6
> 15.บริษัทเดลต้าอีเล็คทริค สมุทรปราการ ประมาณ 12,000
> *16.Panasonic นิคมเวลโก ฉะเชิงเทรา 10500 + ค่าประจำตำแหน่งวิศวกร 3500
> *17.Sodisk ผลิตเครื่องจักรCNC 10500 + ค่าตำแหน่ง,ค่าอาหาร,ค่าเช่าบ้าน 6500 พนักงานในไลน์ค่อนข้างเถื่อน
> 18.PCTT นวนคร 17000 Bonus 2-4 (Variable)
> 19.UTAC Thai 18000 + ค่าเกียติรนิยม 500
> *20.Toshiba Electrical นนทบุรี 15000 โบนัส 2.5
> 21.NEC TOKIN 16400 โบนัส 3-4
> *22.Mektec Manufacturing นิคมโรจนะ เงินเดือน + ค่าประจำตำแหน่ง + ค่าภาษา รายได้รวม ประมาณ 20000-25000 โบนัสสูงมากๆ ถ้าอยากเข้าคุณต้องมีดีจริงๆหรือไม่ก็เก่งภาษาอังกฤษ (ถามเพื่อนที่เข้าได้มาบอกว่าตอนสัมภาษณ์คำถามยากมากๆ)
> *24.KTE ผลิต PCB 13000-15000 มีปันผลกำไร(Bonus)ให้ทุกเดือน และมี Bonus ประจำปี มี OT รายได้รวมต่อเดือนใช้ได้
> *25.Mitsubishi Elevator อมตะนคร ชลบุรี ผลิตลิฟต์และบันไดเลื่อน เงินเดือน 14800(ผ่านโปรเพิ่ม 750) + 1900ค่าครองชีพ + 1000 ค่าตำแหน่ง+ 900 ค่าอาหาร (ผ่านโปรรวม 19350 บาท) เบี้ยขยัน 300 – 500 บาท ทำงาน 5 วัน โบนัสไม่ต่ำกว่า 3 (ปี 2008 โบนัส 5 เท่า + 6500) โบนัสและโอทีคิดจาก เงินเดือน + ค่าตำแหน่ง + ค่าครองชีพ หรือประมาณ 18550 เมื่อผ่านโปร
> 26.Nikon (Thailand) นิคมโรจนะ อยุทธยา เงินเดือนประมาณ 17000 บาท ทำงาน 5 วัน
> *27.Uni Air เงินเดือน 13000 บาท



> ธุรกิจรับเหมาและงานโครงสร้าง (ส่วนใหญ่วิศวกรรมเครื่องกล)
>
> 1.Sino-Thai 15000 + ค่ากว. รายได้รวม OT 20000 – 25000 (สำหรับวิศวกรที่ออก Site งาน)
> 2.Thai Rotary 14000 + ค่ากว. มีโอกาสได้ไปฝึกงานที่สิงกโปร์
> 3.วัฒนไพศาล 14000 + ค่าออกไซท์ 5100 ยังไม่รวมโอที (Site Engineer)
> 4.Unimit Engineering บ้านบึง ชลบุรี ผลิตถังความดัน และ แทงค์น้ำมันให้ ปตท 14000 โบนัส 4
> 5.Canadoil Pipe ทำท่อสำหรับน้ำมันและก๊าซ 15000–18000(ขึ้นกับการต่อรอง) + ค่าเช่าบ้าน 2000 + ค่าเดินทาง 1000 ทำงาน 6 วัน ไม่มีค่า โอที โบนัสตามอายุการทำงานและความสามารถ
> 6.วิศวกิจพัฒนา(VIPCO) แหลมฉบัง ชลบุรี 16000
> 7.ซีคอน งานโครงสร้างและสาธารณูปโภค ฉะเชิงเทรา 16000



> ธุรกิจปิโตรเลียมต้นน้ำ (วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมปิโตรเคมี วิศวกรรมเคมี)
>
> 1.PTT ปิโตรเลียม สำนักงานใหญ่ 18000 Bonus 7.5 TOEIC Score 500
> 2.PTT Chemical 35000+10000 Bonus 4 TOEIC Score 750
> 3.PTTEP สำรวจและขุดเจาะ 42000 Bonus 4-6 TOEIC Score 750
> 4.Chevron สำรวจและขุดเจาะ 45000 Bonus 2 TOEIC Score 750



> ธุรกิจปิโตรเคมีปลายน้ำ พอลิเมอร์ และสารเคมี (วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมปิโตรเคมีและทั่วไป)
>
> 1.ฮิไรเอมิซึ เครือสหพัฒน์ งานฉีดพลาสติก ชลบุรี 12000 + ค่าอื่นรวมแล้วประมาณ 14000
> 2.Brigdestone Carbonblack ผลิตผงCarbonblack สำหรับผลิตยางรถยนต์ ระยอง 15000 OT ไม่อั้น ทำงาน 5 วัน พนักงานได้ไปอบรมที่ต่างประเทศบ่อยมาก Bonus 2
> 3.Yellow Care กรุงเทพมหานคร 14000 ไม่มี OT เมื่อผ่านช่วงทดลองงานจะปรับเงินเดือนตามความสามารถ



> ธุรกิจแปรรูปโลหะ (ส่วนใหญ่รับวิศวกรรมเครื่องกล มีวิศวกรรมอุตสาหการบ้าง)
>
> *1.สหวิริยา ประจวบคิรีขันธ์ แปรรูปเหล็ก 18000 มีค่าเช่าบ้านและค่าอื่นๆ อีกประมาณ 4000
> 2.Siam United Steel มาบตาพุต ระยอง ผลิตเหล็กแผ่นรีดอยู่กลุ่มเดียวกันกับเหล็กสยามยามาโมโตะ 19000 – 22000 + 5000
> 3.Siam Yamamoto Steel ระยอง ผลิตเหล็กโครงสร้าง ตัวไอ ตัวที 19000-22000 + 5000
> 4.สหวิริยา ฉะเชิงเทรา 12000 มีบ้านพักให้
> 5.สหวิริยา สำนักงานใหญ่ 18000 แต่ไม่มีค่าเช่าบ้านและค่ากันดารอื่นๆ
> 6.TATA Steel 19000 กว่าๆ + 500 (Toiec) + ค่าบ้านนอกเกือบ 6000 บาท มี โอที
> 7.SeAH อมตะนคร ผลิตท่อสำหรับเครื่องทำความเย็น ชลบุรี 17000



> ธุรกิจอื่นๆ (วิศวกรรมทั่วไป)
>
> *1.CPF อาหารคน และ อาหารสัตว์ 21000 มีที่พักฟรีห้องแอร์ โบนัส2เดือน ไม่มี OT
> 2.CPI ปทุมธานี การส่งออกอาหาร 18000 แต่ไม่มีที่พัก และไม่มีโอที
> 3.Ajinomoto 17500 สวัสดิการและค่าตอบแทนอื่นๆ ดีมาก
> *4.Bankok Glass ปราจีนบุรี ขวดแก้วสำหรับบรรจุเครื่องดื่ม 15000 มีหอพักให้
> *5.Bankok Glass คลองสี่ เงินเดือนตามเกรด เฉลี่ย มากกว่า 3.00 20000 มากกว่า 2.7 18000 น้อยกว่า 2.7 15000
> 6.คอตโต้ เซรามิก สระบุรี รวม 19000
> 7.โตไก ริคะ ระยอง ผลิตแม่กุญแจ 14000 + ค่าเช่าบ้าน
> 8.Duth Milk นครปฐม 16000 รวมค่าอื่นๆ 18000
> 9.ราชการ 8000 – 9600 มีบ้านพักให้สำหรับผู้ที่ทำงานต่างจังหวัด
> *10.ดูราเกต ทำกระเบื้อง สระบุรี เงินเดือน 15000 ค่าเช่าบ้าน 4000 ผ่านโปรได้เพิ่ม 1000



> อาจารย์ (วิศวกรรมทั่วไป)
>
> 1 มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นวิศวกรประจำภาควิชา(วุฒิปริญญาตรี) 9800 + ค่าหน่วยกิจการสอน (มากน้อยตามหน่วยกิตและจำนวน Section ที่ตัวเองสอน) หากปริญญาโท 12000 ปริญญาเอก 18000 มีค่า ผศ. ค่า ศ. ค่าประจำตำแหน่ง(ปริญญาโทขึ้นไปจะได้เป็นอาจารย์ประจำภาควิชา)



> ตำแหน่งงานต่างๆที่ควรรู้จัก>

> Production Engineer วิศวกรการผลิต – ควบคุมการผลิต และบริหารกำลังผลที่หน้าสายการผลิตเพื่อให้ได้สินค้าตามกำหนด
> Production Planning Engineer วิศวกรวางแผนการผลิต – วางแผนปริมาณการผลิตและเวลาตามคำสั่งซื้อของลูกค้า
> Production Control Engineer วิศวกรควบคุมการผลิต – ดูแลระบบของการผลิตเช่น คัมบัง Shipping Warehouse
> Process Engineer วิศวกรผลิต – ออกแบบวิธีและขั้นตอนในการผลิต
> Design Engineer วิศวกรออกแบบ - ออกแบบตัวสินค้า
> Cost Engineer วิศวกรต้นทุน – คิดราคาต้นทุนของผลิตภัณฑ์เพื่อเสนอราคาให้ลูกค้า
> Purchase Engineer วิศวกรจัดซื้อ – ติดต่อ ต่อรองและตรวจสอบวัสดุจาก Supplier
> Self Engineer วิศวกรขาย – เข้าพบลูกค้าเพื่อแนะนำ และขายสินค้า
> R&D Engineer วิศวกรวิจัยและพัฒนา – ทำการปรับปรุงตัวผลิตภัณฑ์
> Improvement Engineer วิศวกรปรับปรุง – ทำการปรับปรุงระบบและสายการผลิต
> Site Engineer วิศวกรสนาม – ควบคุมการทำงานและบริหารกำลังผลที่หน้างาน(เช่น งานโครงสร้างเหล็กต่างๆ)
> Project Engineer วิศวกรโครงการ – ควบคุมโครงการให้ดำเนินตาม schedule ทีวางไว้
> Maintenance Engineer วิศวกรซ่อมบำรุง – อ่านแบบเครื่องจักรเพื่อทำการถอดชิ้นส่วนมาทำการซ่อมและประกอบให้เหมือนเดิม
> QA Engineer วิศวกรประกันคุณภาพ – รับเรื่องปัญหาของสินค้าจากลูกค้า หาแนวทางแก้ไขและป้องกัน
> Supplier QA Engineer – ตรวจสอบวัสดุที่ส่งมาจาก Supplier ว่าอยู่ในมาตรฐานหรือไม่



อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:57:52 น.
Counter : 10750 Pageviews.  

มนุษย์เงินเดือน - ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน

ต่อเนื่องมากจาก => CV กับ จดหมายสมัครงาน : เขียนกันยังไงให้เป็นสับปะรด

เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมเงินเดือนของแต่ล่ะตำแหน่งแต่ล่ะงานในบ.ไม่เท่ากัน ฟังดูแล้วขัดแย้งกับที่ผู้บริหารหรือผู้จัดการมักชอบบอกว่า ทุกงานมีความสำคัญต่อบริษัทเท่ากัน เพราะขาดตำแหน่งใดไป ก็ไม่สามารถทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างพนักงานขับรถส่งสินค้าก็ได้ง่ายดี ลองไม่ขับส่งสินค้าสิครับ บ.ก็เจ๊ง ที่ผู้บริหารพูดแบบนี้เพราะท่านมองมุมเดียว (ซึ่งไม่ได้ตอบคำถามที่ว่านั้น) คือมองในมุมของ กลไกเฟืองขับ หรือ จิ๊กซอ ซึ่งถ้าขาดเฟืองชิ้นใด (แม้ว่าจะเป็นเฟืองชิ้นที่ห่วยที่สุด ราคาไม่กี่ตังค์) กลไกบริษัท (หรือรถยนต์) มันก็ขับไปไม่ได้



ผมเคยคิดแบบกำปั้นทุบดินว่า "ระดับเงินเดือนสะท้อนคุณค่าของตำแหน่งนั้นในบริษัท" ถ้าคุณค่าของงานตูกับท่าน CEO สำคัญเท่ากัน คือขาดใครไปก็ไม่ได้ งั้นทำไมเงินเดือนตู(คนขับรถ)น้อยกว่า CEO (ว่ะ)

ผมเคยถามผู้จัดการ (ซึ่งก็เป็นลูกจ้างเขาเหมือนกัน) เคยถามฝ่ายบุคคล ก็ได้คำตอบแบบเถไปไถมา ขี่ม้าเลียบค่าย ไม่ตรงจุด เพราะท่านเหล่านั้นไปติดกับตรรกะที่ว่า "เฟืองทุกชิ้นสำคัญเท่ากัน เพราะขาดเฟืองชิ้นใดไปแล้ว บ.ก็ไปไม่รอด" กับ "ระดับเงินเดือนสะท้อนคุณค่าของตำแหน่งนั้นในบริษัท" เพราะมันฟังดูออมชอบ ออกแนวสมานฉันท์ กลางๆ และเท่ห์ดี



ผมมาถึงบางอ้อเอาเองภายหลังว่าตรรกะสองข้อนั้น ถูกข้อเดียว คือข้อแรกนะถูก เพราะเห็นๆอยู่ เช่น ถ้าคนขับรถไม่ทำงาน บ.มันก็เจ๊ง เสียเวลาไปหาคนมาแทน เสียโอกสาสทำกำไร เสียลูกค้า ฯลฯ ไอ้ข้อที่ไม่ถูกทั้งหมดคือ "ระดับเงินเดือนสะท้อนคุณค่าของตำแหน่งนั้นในบริษัท"

บางอ้อที่ผมว่านั่นคือ ระดับเงินเดือนสะท้อนอุปสงค์ (demand - ปริมาณความต้องการใช้ของชิ้นนั้นๆในระบบ ณ. เวลาหนึ่ง) และ อุปทาน (supply - ปริมาณของที่มีให้ใช้ในระบบ ณ. เวลาหนึ่ง) ของงานนั้นๆในตลาดครับ ไม่เกี่ยวกับคุณค่าหรือความสำคัญในบ.เลยสักนิดครับ



ยกตัวอย่างง่ายๆครับ ลองให้รัฐบาลจำกัดใบอนุญาติขับรถบบรทุกสินค้าซิครับ แล้วตำรวจต้องเข้มงวดกับการบังคับใช้กฏหมายด้วยนะ เงินเดือนคนขับรถบรรทุกชนิดนั้นก็ขึ้นมาเอง เหมือนที่สิงค์โปร์ ทำไมคนขับรถแท๊กซี่ถึงอยู่ได้ เพราะรัฐบาลจำกัดจำนวนไงครับ คนขับแท๊กซี่ถึงมีรายได้ทัดเทียมกับช่างเทคนิคหรือพนักงานธุรการ(admin) ในบ.ดังๆใหญ่ๆ หรือ ในบางประเทศตะวันตกที่ใครจะเป็นช่างตัดผมได้ต้องผ่านการทดสอบและมีใบอนุญาติ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมปริมาณผู้ถือใบอนุญาติในระบบ ช่างตัดผมก็ขึ้นค่าตัดผมได้ เป็นต้น



ศัพท์วิชาการเท่ๆ เรียกการทำแบบนี้ว่า "แทรกแซงกลไกตลาด" เพราะถ้าให้กลไกตลาดทำงานจริงๆมันต้องให้ คนขับแท๊กซี่ หรือ ช่างตัดผม มันล้มหายตายจากตลาดไป (ลด อุปทาน - supply) ด้วยตัวมันเอง เพราะมันแข่งกันราคาถูกจนอยู่ไม่ได้ พวกที่อยู่รอดจากการเจ๊ง ก็จะมีจำนวนน้อย ก็เลยขึ้นราคาได้อีก แล้วมันก็วนๆเป็นวัฏจักรของมันแบบนี้เรื่อยๆไป

ผมความรู้น้อย ไม่สามารถไปวิจารณ์ได้ว่า สินค้า บริการ หรือ อาชีพ อะไรควรแทรกแซงเมื่อไรอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของนักเศรษฐศาสตร์ ระดับ PhD กับนักกินเมือง เอ๊ย การเมือง เขาโม่กันเอง



พอถึงบางอ้อ ... ผมก็ไม่น้อยใจแล้วว่าทำไม่ งานตูก็สำคัญ ขาดตูไปก็ไม่ได้ แต่ทำไมเงินเดือนตูน้อยกว่าไอ้ตัวที่นั่งห้องแอร์หรูๆมีรถคันใหญ่มีเลขาสาวสวย แล้ววันๆไม่เห็นมันทำอะไร ก็เพราะว่า ถ้าขาดผมไปสักคน มันก็ยังมีคนอีกหลายพันคนที่เข้าแถวรอทำงานแทนผมได้ ในขณะที่มีไม่กี่คนหรือไม่มีเลยที่จะมาทำแทนไอ้ตัวที่นั่งห้องแอร์หรูๆแล้วไม่เห็นวันๆมันทำอะไรเท่าไรนัก

.... ก็เพราะความสามารถผมมันโหลๆนี่เอง ขาดผมไปสักคน งานคงสะดุดแค่วันเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ไปหาคนมาทำแทนผมได้แล้ว ฝึกงานคนใหม่ 5วัน 7 วัน มันก็ทำได้เกือบเท่ากับผม ให้มัยชำนาญหน่อย แค่เดือนเดียว ทุกคนก็ลืมผมไปแล้ว

ในระบบแรงงานเสรีก็งี้แหละครับ .... แล้วทำไงผมจะขึ้นค่าตัวผมได้ล่ะ ... ????



ผมต้องพยายามลดคนหลักพันที่มาเข้าแถวรอต่อตำแหน่งงานผม (ถ้าบ.ไม่มีผม) อย่างนั้นหรือ ... เอาปืนไปไล่ยิงหัวมัน เอายาถ่ายไปแอบให้มันกิน ทีล่ะคนเลยดีไหม นั่นมันระบบคอมมิวนิสต์เขาทำกันครับ งั้นหาวิธีไหม่ ผมต้องพยายามย้ายตูดผมให้ไปอยู่ในกลุ่มผู้มีความสามารถในหลักร้อยเข้ามาต่อแถว(ถ้าบ.ไล่ผมออก) โดยปล่อยให้ไอ้คนหลักพันเข้าแถวรองานแบบนั้นของพวกมันต่อไป ไม่ต้องไปไล่ใส่ยาถ่ายให้มันกิน

ผมขอนำเสนอยุทธวิธีย้ายตูด เอ๊ยขึ้นค่าตัวเป็นน้ำจิ้มสัก 2-3 วิธี ดังนี้ครับ

1. ไปล้วงความลับทางการค้าของบริษัทมากำไว้ แล้วไปต่อรองกับผู้บริหารของขึ้นเงินเดือน (เอาแบบอย่างท่านผู้ทรงเกียรติพรรคร่วมทำกับพรรครัฐฯตอนจะของตำแหน่งกระทรวงเกรดเอ) ... อืม ผมว่าอย่าดีกว่า ตัวอย่างไม่ดีครับเด็กๆหนูๆ ม่ายอาวๆ อย่าทำ อย่าทำ



2. เรียนต่อในด้านที่บริษัทต้องการความชำนาญด้านนั้น ไม่ว่าจะทุนบริษัทออกให้ หรือ จะออกเอง จะนารีอุปถัมภ์ หรือ บุพการีอุปถัมภ์ ก็ว่าไป

3. หัดภาษาที่ 2 ที่ 3 ตามความจำเป็นต้องใช้ในงาน

4. ทำงานเกินความรับผิดชอบที่ได้รับ ภาษาปะกิดเขาเรียกว่า go extra miles คือ ทำให้เกินความคาดหวังของหัวหน้า และ ลูกค้า



ขอยกตัวอย่างคนขับรถประจำตำแหน่งคนเก่าของผม พี่ท่านไม่ใช่ขับรถอย่างเดียว เป็นไกด์ เป็นเลขาส่วนตัวตอนผมอยู่บนถนน เป็นช่างซ่อมรถเองได้อีกต่างหาก (คนขับบางคนที่ผมเจอ ทำได้ แต่ไม่ทำ โบ้ยช่างตลอด ทำให้เสียเวลาเอารถเข้าอู่เพื่อเรื่องเล็กๆน้อยๆ) ทำบันทึกรายการใช้จ่ายเกี่ยวกับรถ (routine maintenance and consumable) ให้ผมเป็นรายเดือน ทั้งๆที่ตรงนี้เป็นหน้าที่ของเลขาและบัญชี เขาแค่ส่งบิลให้ก็พอ พอผมให้ไปรับส่งลูกจากรร.เป็นประจำ ก็ขอไปอบรมปฐมพยาบาลกับกาชาด บอกว่าจะได้ดูแลคุณหนูได้ระหว่างทางกลับบ้าน โถ อย่างนี้ผมไม่ให้ไปก็บ้าแล้ว (win-win ใช่ป่ะ พี่เขาก็ได้ความรู้ติดตัว ลูกผมก็ปลอดภัยมากขึ้น) อย่าว่าให้ลางานไปเลยครับ ให้ไปเวลางานด้วย ผมจ้างคนขับชั่วคราวมา 3 วันเพื่อให้พี่แกไปอบรมเลย นับเป็นเวลาทำงานให้ด้วย ... ไม่ต้องบอกว่าผมเงินเดือนขึ้นทุกปี คนขับรถผมคนนี้รายได้เท่าวิศวกร แต่คุ้มครับ

5. คิดเอาเองมั่งซิครับ ...(อิอิ)



อย่างน้อยถึงไม่ได้ 2 ขั้น เอ๊ย เงินเดือนขึ้น ณ. งานปัจจุบัน (หรือตอนย้ายงาน) แต่ถ้าบ.จะต้องลดกำลังคน (lay offf) คุณก็จะอยู่ในลำดับท้ายๆของบัญชีหนังสุนัขล่ะครับ

และท้ายที่สุดการที่คุณจะตะหนักในคุณค่าที่แท้จริงของตัวคุณ ไม่ได้ขึ้นกับการให้คุณค่าและการยอมรับขององค์กรที่ให้คุณหรอกนะครับ มันขึ้นกับคุณค่าของคุณต่อคนที่คุณรักและครอบครัว นั่นต่างหากครับที่จะอยู่กับคุณตลอดไป ตำแหน่งหน้าที่การงานในบ.มันก็แค่หัวโขน เป็นแค่สิ่งที่ทำให้คุณมีปัจจัยสี่ดำรงชีวิต อย่าให้มันมาเป็นตัวกำหนดคุณค่าของคุณ

เหนือสิ่งอื่นใด ถ้าคุณไม่เห็นคุณค่าตัวเองแล้ว ต่อให้คนทั้งโลกเห็นคุณค่าของคุณ มันก็จะมีประโยชน์อะไรต่อชีวิตต่อความรู้สึกเคารพนับถือตัวเองของคุณหรอกครับ




อ่านต่อเลือกคลิ๊กกันเลยครับ
=> FAQ #1 FAQ #2 FAQ #3 FAQ #4 FAQ #5 FAQ #6 FAQ #7 FAQ #8 FAQ #9 FAQ #10 FAQ #11
FAQ #12

ห้องสมุดเล็กๆของผม <=== คลิ๊ก
รวบรวมตำราการขุดเจาะ คลิ๊ปการทำงานในบางตำแหน่ง แบบประเมินความเหมาะสมกับงานในสนามเบื้องต้น วิธีเขียน resume ที่ไม่โดนโยนทิ้งตะกร้า รายชื่อบริษัทฯในวงการ และ อื่นๆอีกมากมาย


มีคลิปการทำงานของบางตำแหน่งให้ดูเป็นน้ำจิ้ม มีตำราวิศวกรการขุดเจาะให้ดาว์โหลดเป็นบทๆ มีความหวังดีและเอื้ออาทรเสมอ ถ้ารู้สึกขอบคุณ ไม่ต้องตอบแทนอะไรผม แค่คุณจะแบ่งปันสิ่งที่คุณมีให้คนอื่นต่อไป ผมก็รู้สึกว่าคุณได้ตอบแทนผมแล้ว




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2552    
Last Update : 12 เมษายน 2556 15:57:25 น.
Counter : 2220 Pageviews.  

1  2  3  

Nong Fern Daddy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 782 คน [?]




... Blog นี้ ...
แด่ ... แม่น้องเฟิร์นและน้องภัทร
เธอ..ผู้เปลี่ยนห้องที่มืดมิดให้สว่างไสวได้ด้วยรอยยิ้ม
เธอ..ผู้อยู่เบื้องหลังความเข้มแข็งและความสำเร็จทั้งมวล
... และ ...
เธอ ... ผู้เป็น "บ้าน" เพียงแห่งเดียวของผม

---------------------------------------------

หรือเพียง "ฝัน" ที่หาญท้าชะตาฟ้า ?

หรือจะเพียง "ศรัทธา" (ที่)ไร้ความหมาย ?

แม้จะเป็นแค่เพียง "ฝัน" จนวันตาย

แต่ผู้ชายคนนี้จะอยู่ข้างเธอ ... ตลอดไป ...

แด่ ... ลูกที่กล้าฝันของพ่อ

Friends' blogs
[Add Nong Fern Daddy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.