Group Blog
 
All blogs
 
ค้นแหล่งทำเงินปี2554 ผ่าน5มือโปรการลงทุน


Fundamentals รวบรวม คำแนะนำกูรูต่างชาติเพื่อเป็นคู่มือให้ข้อมูลรอบด้านแก่นักลงทุนไทยได้ พิจารณา ระวังความเสี่ยงก่อนตัดสินลงทุนตลาดทั่วโลก
หลังจากพ้นพายุวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังมีความเสี่ยงและผันผวน จนนักลงทุนไทยทั้งในและต่างประเทศ ขาดความมั่นใจในการเสาะหาแหล่งทำกำไร และมองเห็นเส้นทางทำเงินได้ไม่ชัดเจนนักในปี 2554
ขณะเดียวกันช่วงรอย ต่อก้าวข้ามปีเสือ เข้าสู่ปีกระต่ายต้องตื่นตัว "ฟอร์จูน" ได้เปิดเวทีเสวนาระดมสมอง 5 เซียนการลงทุน ผู้มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน ในตลาดหลากหลายประเภท เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มแหล่งที่น่าจะต่อยอดเงินให้งอกเงยในปีเถาะ
Fundamentals จึงใช้จังหวะนี้รวบรวม ถ่ายทอดคำแนะนำกูรูต่างชาติกลุ่มนี้ เพื่อเป็นคู่มือให้ข้อมูลรอบด้านแก่นักลงทุนไทยได้พิจารณา ระวังความเสี่ยงก่อนตัดสินใจเลือกตลาดหรือแหล่งลงทุนเหมาะสมนอกบ้านในปีใหม่ นี้

เพราะเศรษฐกิจโลกปีเสือ ถือเป็นปีแรกของการฟื้นตัวจากพิษวิกฤติการเงินโลกครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ เกือบ 80 ปี และการฟื้นตัวยังไม่มั่นคง ซึ่งในปีเถาะ 2554 กูรูเศรษฐกิจประเมินไว้ว่า อัตราการโตของจีดีพีประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะซีกโลกตะวันตกกับตะวันออก หรือกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วกับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
จากแนวโน้มเศรษฐกิจ โลกเติบโตฟื้นตัวไม่ราบรื่น และอัตราการเติบโตไม่เท่ากัน ย่อมนำมาซึ่งความไม่สมดุล จุดความผันผวนที่มาควบคู่กับความเสี่ยง ให้ตลาดเพื่อการลงทุนทั่วโลกเช่นกันในปีกระต่ายต้องตื่นตัวนี้
ความ วิตกข้างต้น สอดคล้องกับแนวคิดของ "ฟอร์จูน" นิตยสารเศรษฐกิจชั้นนำของสหรัฐ ที่ว่าวิกฤติการเงินอาจจะจบลงแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าในตลาดทั่วโลกยังมีฝุ่นตลบอบอวล บดบังวิสัยทัศน์ทำให้การลงทุนไม่ได้ง่ายขึ้นเลย
เพราะภาวะแวดล้อมใน ตลาดโลกหลังวิกฤติ ทิ้งไว้ซึ่งความปั่นป่วนวุ่นวายในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ในเศรษฐกิจหลายประเทศ และในสกุลเงินประเทศต่างๆ จนทำให้นักลงทุนไทยเกิดความลังเลใจ ไม่รู้จะหันไปทิศทางใดที่มีความผันผวนและความเสี่ยงน้อยที่สุด
เพื่อ ช่วยนักลงทุนไทยทั่วโลก วิเคราะห์ทิศทางตลาดได้ดีขึ้น Fundamentals จึงขอเป็นสื่อกลางนำประสบการณ์ของ 5 กูรู การลงทุนชั้นนำระดับโลก ประกอบด้วย แอบเฮย์ เดชแพนดี นักลงทุนเล่นหุ้นมูลค่า บริหารสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ให้ เฟิร์สต์ อีเกิล อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์, เดวิด เอลลิสัน ประธานของเอฟบีอาร์ ฟันด์ แอดไวเซอร์ส ผู้มากประสบการณ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน, เรเน่ โฮเจอรูด ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของกองทุนบริหารความเสี่ยง "กัลเทียร์ ลิมมิเทด" ซึ่งชื่นชอบการลงทุนตลาดโภคภัณฑ์
นอกจากนี้ยังมี เจมส์ สวอนสัน หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของเอ็มเอฟเอส อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ผู้บริหารดูแลกองทุนรวมกว่า 60 แห่ง และสุดท้าย วาลลี เวตซ์ นักลงทุนเน้นมูลค่า ผู้บริหารของ เวตซ์ ฟันด์ ซึ่งมีกองทุนให้บริการจัดการ 8 กองทุน ทั้งหมดได้ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมอง ช่วยกันพยากรณ์แนวโน้มตลาดต่างๆ โดยเฉพาะหุ้นกับสินค้าโภคภัณฑ์ ให้แก่นักลงทุนไทยเก็บเป็นข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุน
0 ยังมีโอกาสทำเงินในสหรัฐ
การสนทนาเริ่มจาก เดชแพนดี ตอบข้อสงสัยที่ว่า ผู้คนกังวลสหรัฐมีปัญหาการคลัง หนี้ประเทศและการเติบโตไม่ดี ยังจะเป็นตลาดที่สำหรับนักลงทุนระยะยาวหรือไม่นั้น เขาในฐานะนักลงทุนระดับโลก ไม่เน้นตลาดใดเป็นพิเศษ เวลานี้ตั้งใจเพิ่มมูลค่าให้กับการลงทุนในตลาดสหรัฐมากกว่าตลาดอื่นที่นิยม กันอย่างกลุ่มตลาดเกิดใหม่
โดยนักลงทุนระยะยาว 5-15 ปี เน้นมูลค่าอย่างเดชแพนดี เชื่อว่าตลาดสหรัฐในภาวะเศรษฐกิจมหภาคไม่ดีดูน่ากลัว และสถานะการคลังย่ำแย่ กลับซ่อนโอกาสอย่างมากให้นักลงทุนเน้นมูลค่า ที่สามารถมองข้ามสถานการณ์น่ากังวลช่วง 2 ปีข้างหน้าได้
"เราดูมูลค่า ธุรกิจเป็นการดำเนินงานให้เงินสดหมุนเวียนได้ตลอดอายุขัยของธุรกิจนั้นๆ ไม่ใช่แค่ 1 ปี หรือ 2 ปีข้างหน้า แต่ผู้คนในตลาดหุ้นสหรัฐเน้นดูแค่ 3-6 เดือนข้างหน้า จังหวะนี้เป็นโอกาสทำกำไรให้นักลงทุนระยะยาวอย่างเราได้" เดชแพนดี กล่าว
0 บริษัทสหรัฐโกยกำไรนอกบ้าน
เดชแพนดี แนะนำว่า การติดตามสถานการณ์เกิดขึ้นในสหรัฐดูไม่เพียงพอเสียแล้ว หากสังเกตจากตัวเลขที่สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของสหรัฐ ให้ข้อมูลว่า เกือบ 40% ของกำไร ที่บริษัทเอกชนสหรัฐทำได้นั้นมาจากเครือข่ายในต่างประเทศ
ดังนั้นแม้ลงทุนหุ้นน่าสนใจในดัชนีเอสแอนด์พี 500 นั้น แท้จริงแล้วเหมือนการลงทุนในบริษัทมีธุรกิจอยู่ทั่วโลก เช่น การลงทุนในหุ้นบริษัท 3เอ็ม ทุกวันนี้กำไรที่ 3เอ็ม ทำได้ มาจากตลาดอื่นนอกสหรัฐ เวตซ์เห็นด้วยกับเดชแพนดีและให้ข้อมูลว่ากำไร 80% ของโค้กตอนนี้ได้จากตลาดนอกสหรัฐ
ส่วน สวอนสัน เพิ่มเติมข้อมูลเดชแพนดี ว่า หากมองสหรัฐในภาพรวม พิจารณาจากต้นทุนแรงงานในอเมริกาเทียบส่วนอื่นของโลกไม่ว่ายุโรป ญี่ปุ่นและตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่นั้นสำคัญมาก ในอเมริกาต้นทุนนี้กำลังลดลง และถ้าดูตัวเลขผลิตภาพกับกำไรควบคู่ไปด้วย ผลประโยชน์ที่ได้จึงอยู่ที่เจ้าของทุนทำธุรกิจมากขึ้น
ด้าน เวตซ์ มองตลาดสหรัฐเวลานี้คล้ายช่วงปี 2509-2525 ที่ดาวโจนส์อยู่ระดับ 600-1,000 จุด นาน 16 ปี และกึ่งกลางช่วงเวลานั้นเกิดภาวะตลาดหมีครั้งใหญ่ จากนั้น 1 ปี กับ อีก 6 เดือน ให้หลังตลาดหมีหมดไป ตลาดก็กลับฟื้นดีขึ้นอีกครั้ง และอีก 6 ปีให้หลังถึงจะได้เห็นดัชนีอยู่ระดับสูงอีกครั้ง
0 แนะเล่นหุ้นไอที
สวอนสัน เชื่อว่าทุกวันนี้กลุ่มหุ้นมีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตส์ แคปส์)มากที่สุดในดัชนีเอสแอนด์พี 500 คือ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี (ไอที) และบริษัทไอทีสหรัฐมีความเชี่ยวชาญทำได้ดีในการส่งออกสินค้าประเภทนี้ไปยัง ตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะจีนกับอินเดีย
ทั้งนี้ตลาดของคนชั้นกลางในจีนกับ อินเดียขยายตัว เพิ่มจำนวนมากขึ้น และตลาดนี้ต้องการอุปกรณ์โทรศัพท์สื่อสารทันสมัยจากตลาดสหรัฐ ตลาดต้องการเทคนิคการหาข้อมูลและการสื่อสารใหม่ และต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกอย่าง รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ต้องนำมาใช้เพิ่มเติม
ผู้ บริหารของ เอ็มเอฟเอส อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ อธิบายว่าทั่วโลกตอนนี้ชื่นชอบสินค้าไอทีสหรัฐมาก ธุรกิจไอทีเป็นภาคธุรกิจทำกำไรจากส่วนต่าง มีเงินสดหมุนเวียนคล่องตัวมากและมากขึ้น 2-3 เท่า เทียบกับกำไรก่อนหักภาษีค่าเสื่อมที่เคยทำได้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว และหุ้นกลุ่มไอทีกำลังเทรดกันที่ค่าพีอีประมาณ 16 เท่า เท่านั้น แตกต่างอย่างมากหากเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งเทรดกันที่ค่าพีอีสูงมากถึง 40 ท่า
"ตอนนี้บริษัทไอทีสหรัฐกำลังนั่งอยู่บนกองเงินสด และไม่ว่าเงินปันผลจะเพิ่มขึ้น หรือมีการควบรวมกิจการอีกหลายดีล และบริษัทซื้อคืนหุ้นในตลาด แต่เงินสดมากมายยังคงกองอยู่ให้เห็น และรอวันจะปลดปล่อยออกมา ตอนนี้ถ้าดูมูลค่าหุ้นกลุ่มไอทีก็ไม่ได้มากมายนัก และกำไรที่ทำได้ยังไม่น่าตื่นเต้น" สวอนสันกล่าว
0 หุ้นบริษัทบัตรเครดิตน่าสนใจ
เอลลิสัน มองว่าหุ้นกลุ่มบริษัทบัตรเครดิต เป็นการลงทุนอีกแหล่งหนึ่งน่าสนใจดึงดูดใจกว่า เพราะอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ในธุรกิจนี้สูงมาก หมายความว่าผลตอบแทนได้จากสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ระหว่าง 10-20% นับเป็นอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ให้เพียง 4%
"ผม เลือกที่จะได้อัตราผลตอบแทน 12% และแสวงหาโอกาสทำเงินจากธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิต เพราะธุรกิจนี้มีสินเชื่อชำระหนี้ไม่ตรงเวลามากมาย และสินเชื่อเหล่านั้นยังคงทำเงินให้เราได้ ผมยังชอบกลุ่มบริษัทให้บริการถ่ายโอนการเงิน อย่าง แคปิตอล วัน (Capital One), วีซ่า (Visa) และ มาสเตอร์การ์ด (MasterCard) หรือแม้แต่ดิสคอฟเวอร์ (Discover) ด้วย"
เอลลิสัน อธิบายว่า รัฐบาลสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจ จึงทำให้เขาไม่คิดว่าการบริการถ่ายโอนทำธุรกรรมการเงินจะลดลงมากมายนัก และนอกจากบริษัทบัตรเครดิตแล้ว บริษัทเรียกเก็บหนี้อย่าง Portfolio Recovery Associates ก็น่าสนใจ เพราะนับจากปี 2550 ทั่วสหรัฐมีการตัดบัญชีหนี้สูญไปแล้วมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัท เรียกเก็บหนี้ข้างต้นได้โอกาสเข้าไปซื้อพอร์ตสินเชื่อในราคาต่ำ และจัดการเคลียร์สินเชื่อเหล่านี้ และหากเศรษฐกิจดีขึ้น ตำแหน่งงานเริ่มกลับมาให้เห็นหรือกระเตื้องดีขึ้นเล็กน้อย ผู้คนที่เป็นลูกหนี้จะสามารถชำระหนี้คืนได้ในที่สุด
0 ผู้สูงวัยควรถือหุ้นปันผลบ้าง
เดชแพนดี เห็นว่า มุมมองของผู้เชี่ยวชาญการเงิน ถึงการคาดการณ์ความเป็นไปได้ว่าอาจมีฟองสบู่ในตลาดบอนด์นั้น เป็นเหมือนสัญญาณเตือนนักลงทุนสูงวัยว่า เป็นสิ่งไม่สมควรและไม่สมเหตุสมผลสำหรับพวกเขา ที่จะแสวงหารายได้จากตราสารหนี้อย่างเดียว
โดยเขาคิดว่าองค์ประกอบหนึ่ง ของพฤติกรรมการลงทุนมีเหตุมีผล คือจัดสรรแบ่งการลงทุนไปไว้ในหุ้นปันผลหลายตัว ซึ่งหุ้นเด่นให้ปันผลดีเหล่านี้จะช่วยสร้างรายได้ให้นักลงทุนได้เหมือนกัน
เดช แพนดีให้ข้อมูลว่าในพอร์ตการลงทุนที่เขาบริหารให้ขณะนี้ มีหุ้นเด่นให้ผลตอบแทนดีอยู่หลายตัว ซึ่งทุกตัวให้ผลตอบแทนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 3% พร้อมกับยกตัวอย่างว่าหนึ่งในหุ้นกลุ่มนี้คือบริษัท 3เอ็ม
0 ทองยังน่าลงทุน
โฮเจอรูด อธิบายถึงข้อสงสัยที่ว่า ราคาทองใกล้ 1,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงปี 2553 และที่ราคานี้ยังจะน่าซื้อหรือไม่ ซึ่งเธอคิดว่าไม่ว่าแนวโน้มเป็นเช่นไร แต่ในที่สุดราคาทองยังคงปรับสูงขึ้นอีก พร้อมยอมรับทองถือเป็นสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนสูง
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ทองในระดับเกือบ 50% ถือเป็นการลงทุนโดยตรงที่มีเงินหมุนเวียนในตลาด เมื่อเทียบกับความต้องการทองเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเครื่องประดับเพชร หรืออุตสาหกรรมอื่นที่ใช้ทองเป็นส่วนประกอบ แต่โฮเจอรูดย้ำว่าทองในระยะยาวแล้วยังปรับขึ้นอีก พิจารณาจากค่าเงินดอลลาร์ และตราบเท่าที่ดอลลาร์อ่อนค่าลง นักลงทุนยังจะได้เห็นราคาทองปรับขึ้น
ความ เห็นของโฮเจอรูด สอดคล้องกับเดชแพนดี ที่ว่าแม้เขาไม่มีมุมมองเกี่ยวกับทิศทางราคาทองในอนาคต แต่หากวิเคราะห์แบบทั่วไปในโลกการเงินทุกวันนี้ การคำนวณเชิงคณิตศาสตร์พิสูจน์แล้วว่ามูลค่าทองมีแต่จะเพิ่มขึ้น
โฮเจอ รูด ยกตัวอย่างกองทุนประเภทอีทีเอฟที่ลงทุนทอง (Gold ETFs) ในสหรัฐ เช่น GLD มีแต่จะเพิ่มมูลค่า ซึ่งกองทุนดังกล่าวนับเป็นกองทุนซึ่งถือทองไว้มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก และติดอันดับรองๆ ลงมาจากธนาคารกลางของบางประเทศ
นักลงทุนบางคนเลือก ถือทองไว้เป็นสินทรัพย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะค่าเงินอ่อนและผันผวน การลงทุนในทองสำหรับเดชแพนดีแล้ว ไม่รู้สึกเลยว่าเป็นการเก็งกำไรเหมือนการเล่นหุ้นอินเทอร์เน็ตช่วงปลาย ทศวรรษหลังปี 2533 หรือเป็นฟองสบู่สินเชื่อ แต่การลงทุนในทองถือเป็นพฤติกรรมการลงทุนสมเหตุสมผล
โดย เดชแพนดี แนะนำว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนในทองแบบเหนี่ยวแน่นหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่อยากแนะนำคือให้จัดสรรการลงทุนตามอายุ และควรมีทองเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อย 5-10% ของสินทรัพย์ทั้งหมด
0 สินค้าโภคภัณฑ์น่าสนใจ
โฮเจอรูด ยังเพิ่มเติมด้วยว่า ตอนนี้ความมั่งคั่งกำลังโยกจากกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ไปหากลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนา ขณะที่รายได้ของผู้คนเพิ่มขึ้น การบริโภคก็ยกระดับนิยมโปรตีนมากขึ้น ทำให้ประชาชนในกลุ่มเศรษฐกิจกำลังพัฒนาสามารถซื้อหาเนื้อวัว เนื้อไก่ หรือเนื้อหมู และความต้องการบริโภคครอบคลุมถึงธัญพืชประเภทต่างๆ มีมากขึ้น
"ประชากร ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่โดยทั่วไปแล้ว เป็นคนรุ่นใหม่อายุน้อยลง และผู้บริโภครุ่นใหม่วัยเยาว์เหล่านี้ ต้องการอาหารเหล่านี้มากขึ้น และมากกว่าประชากรเป็นผู้บริโภคสูงวัย ดิฉันจึงชื่นชอบการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภท เนื้อสัตว์ ข้าวโพด ถั่วประเภทต่างๆ ข้าวสาลีและข้าวสาร" โฮเจอรูด ให้ข้อมูล
กูรูโภคภัณฑ์ ผู้บริหารกองทุน กัลเทียร์ ลิมมิเทด แนะนำด้วยว่า หากคุณเป็นนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนในช่วง 2 ปี 5 ปี หรืออาจ 10 ปีข้างหน้า ควรปล่อยเงินให้ผู้จัดการกองทุนสินค้าโภคภัณฑ์มีความคล่องตัวบริหารแทน หรืออาจลงมาเล่นเองก็ได้
"ในแวดวงการลงทุน ทุกคนคิดว่าการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์นั้นสลับซับซ้อน ที่จริงแล้วสินค้าโภคภัณฑ์ถือเป็นสินทรัพย์ประเภทที่ง่ายที่สุดที่จะทำความ เข้าใจ ขอเพียงนักลงทุนทำการบ้าน เหมือนๆ กับนักลงทุนเล่นหุ้น การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ก็จะง่ายขึ้น เพราะการเทรดข้าวโพดปริมาณเท่ากับหน่วยวัด 8แกลลอน นั้นฉ้อโกงกันไม่ได้ แต่ปริมาณจะมากขึ้นหรือน้อยลงอยู่ที่ราคา และราคาไม่สามารถลงจนกลายเป็นศูนย์" โฮเจอรูด กล่าวในช่วงท้าย

แหล่งที่มา อุไรวรรณ ภู่วิจิตรสุทิน - กรุงเทพธุรกิจ

อยากให้อ่านเรื่องนี้ด้วยครับ



ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

girdpol
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Friends' blogs
[Add girdpol's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.