Group Blog
 
All blogs
 
มณีนาคสวาท [spoil]

บทประพันธ์: จินตวีร์ วิวัธน์
บทโทรทัศน์: ณัฐวัฒน์ (ประไพรศรี ศรีนาทม)

'ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์' ทายาทแห่งวังนาเคนทร์ ถูกเรียกตัวกลับจากต่างประเทศ เพื่อรับหน้าที่เป็นเลขานุการให้ 'ภิงคาร' รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ผู้เป็นน้าชาย ด้วยรูปลักษณ์ที่เลิศล้ำ ร่ำรวยทรัพย์สมบัติ ทั้งชาติกำเนิดสูงส่ง ทำให้คุณชายภุชคินทร์กลายเป็นที่หมายปองของสาวไฮโซทั้งสังคม รวมถึงไฮโซสาวหน้าใหม่ 'เจ้าอุรคา ณ เชียงตุง'

ในงานเลี้ยง ซึ่งมีเพียงแขกระดับนักการเมือง ทูตานุทูต และชาวสังคมชั้นสูงมาร่วมงานกันคับคั่งนั้น ภุชคินทร์ได้พบเจ้าสูงศักดิ์เลอโฉม 'เจ้าอุรคา' ที่ปรากฎตัวพร้อมเครื่องแต่งกายสีเขียวโดดเด่นเป็นสง่า กับวงหน้างดงามประดับรอยยิ้มลึกลับ และอัญมณีรูปหยดน้ำสีเขียวเข้มแปลกตา 'มณีนาคสวาท'

เจ้าอุรคา ก้าวมาเป็นดาวดวงใหม่ของสังคมไฮโซอย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้เบื้องหลังที่แท้จริงของเจ้าคนนี้ นอกจากความงามเจิดจรัส และฐานะร่ำรวย ที่สำคัญเธอยังมีความสามารถในการทำนายพยากรณ์แม่นระดับหาตัวจับยาก

ขณะที่คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสะดุดตาในบุคลิกงามสง่า ท่าทีเปี่ยมไปด้วยปริศนา และคำพูดที่ลึกลับของเจ้าอุรคา ความงามของเจ้าอุรคาก็โดนใจรัฐมนตรีทรงอิทธิพลแห่งยุคเข้าอย่างจัง

'สุบรรณ ครุฑไพทูรย์' หรือที่นักข่าวเรียก "รัฐมนตรีที่ถูกปองร้ายมากที่สุด" เขาก้าวมาจากการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ทั้งในงานถูกและผิดกฎหมาย จึงทำให้มีศัตรูมากมายจนถึงกับโดนลอบปองร้ายอยู่หลายครั้งหลายครา แต่ทุกครั้งก็รอดชีวิตมาได้อย่างปาฎิหาริย์ จนได้สมญานามว่า "แมวเก้าชีวิต" และต้องมีนายตำรวจกับมือปืนติดตามตลอดเวลา

สุบรรณพยายามตีสนิทกับเจ้าอุรคาในทุกวิถีทาง แต่ความที่ดูไม่น่าไว้วางใจของเจ้า ทำให้คนใกล้ชิดของสุบรรณที่ชื่อ ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ นายตำรวจติดตาม ซึ่งเป็นเพื่อนรักของภุชคินทร์ กับนายอำนาจ สมุนมือขวาที่คอยดูแลธุรกิจด้านมืดให้กับสุบรรณ เกิดความหวาดระแวง และเฝ้าจับตามองเจ้าอุรคาอยู่เงียบ ๆ

ในงานเลี้ยงคืนหนึ่ง ตำรวจจับคนขับรถของเจ้าอุรคาพร้อมอุปกรณ์วางระเบิดได้ใกล้กับรถของสุบรรณ แต่เจ้าอุรคาให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับชายต่างด้าวผู้นั้น บอกเพียงว่า ชายคนนั้นเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่บ้านและเธอไหว้วานให้ช่วยขับรถมางานเลี้ยงเท่านั้นที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ทันทีที่ตำรวจนำชายมือระเบิดเข้าห้องขัง เขาก็กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เล่นเอาตำรวจทั้งโรงพักงงเป็นไก่ตาแตก

ร.ต.อ.ไพศิษฐ์สงสัยว่า เจ้าอุรคาและพรรคพวกน่าจะอยู่ในขบวนการอะไรสักอย่าง จึงหอบความขุ่นข้องใจไปขอให้คุณชายภุชคินทร์ เพื่อนสนิทที่ทำงานอยู่กระทรวงต่างประเทศ ช่วยหาข่าวเกี่ยวกับเจ้าผู้ลึกลับคนนี้ เนื่องจากลำพังตัวเขาเองไม่สามารถเข้าถึงตัวเจ้าอุรคาได้ เพราะเจ้าอุรคาประกาศชัดเจนว่า เธอไม่สนใจการเมือง และแสดงท่าทีไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจในทุกกรณี

หากภุชคินทร์ก็ไม่ต้องใช้ความพยายามในการเข้าใกล้เจ้าอุรคาเลย เพราะเธอพาตัวเองเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขา ด้วยการมาร่วมทำงานการกุศลกับ หม่อมภาณี มารดาของภุชคินทร์ และยังเข้ามาเป็นหุ้นส่วนร้านเพชรของเจ้าประกายคำ ซึ่งเป็นร้านเพชรเจ้าประจำของหม่อมภาณี ภุชคินทร์จึงมีโอกาสได้พบเจ้าอุรคาบ่อยครั้ง

วันหนึ่ง หม่อมภาณีได้ซื้อสร้อยพร้อมจี้พลอยล้อมเพชรเก่าแก่มาจากร้านเจ้าอุรคาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ พอภุชคินทร์เห็นเข้าก็สะดุดตาทันที เพราะจำได้ว่าเหมือนสร้อยที่เจ้าอุรคาสวมติดตัวเป็นประจำ

หม่อมภาณีบอกว่า พลอยสีเขียวเข้มจัดคือ พลอยนาคสวาท เป็นพลอยในตำนานเก่าแก่ที่เล่าถึงพญานาคกับพญาครุฑ สองเผ่าพันธุ์ กึ่งเทพกึ่งอมนุษย์ ที่เป็นศัตรูกันมาแต่โบราณ

พญานาค อยู่ในนครใต้บาดาลเรียกว่า โภควดี

พญาครุฑ อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์

ครั้งหนึ่งพญานาคกับพญาครุฑเกิดต่อสู้กัน และพญานาคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ขณะใกล้จะตาย พญานาคกระอักเลือดออกมา 3 ครั้ง เลือดที่ออกมาครั้งแรกกลายเป็นพลอยสีเขียวเข้มจัด นั่นคือ นาคสวาท เลือดที่กระอักออกมาครั้งที่ 2 กลายเป็น มรกต เลือดครั้งสุดท้ายที่ใกล้หมด ปนมากับน้ำลาย จึงกลายเป็นพลอยสีเขียวอ่อนจางมีเส้นสีแดงเจืออยู่ เรียกว่า ครุฑธิการ

ทั้งที่ไม่สนใจเรื่องเพชรพลอย แต่คุณชายภุชคินทร์รู้สึกสนใจพลอยและตำนานพญาครุฑกับนาคเป็นอันมาก หากเมื่อเขาสัมผัสพลอยนาคสวาทก็ถึงกับหน้ามืด ซวนเซเกือบจะล้ม ความรู้สึกปวดแปลบเกิดขึ้นทั่วร่างกายภาพแปลกประหลาด แว่บเข้ามาในหัวสมองอย่างรวดเร็วแต่ไม่ปะติดปะต่อและจับใจความไม่ได้ หากความเป็นคนสมัยใหม่ ทำให้ภุชคินทร์เชื่อว่า คงเกิดจากการแพ้สารบางอย่างในพลอย มากกว่าจะเป็นเรื่องลึกลับที่หาคำตอบไม่ได้

ขณะเดียวกัน สุบรรณซึ่งเป็นม่ายมานานกว่า 3 ปี ที่แม้จะมีหญิงมากหน้าหลายตาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่เคยยกย่องใครขึ้นแทนที่ 'คุณหญิงนันทกา' คุณหญิงคนเดิมที่เสียชีวิตไป หากเมื่อเขาได้รู้จักกับเจ้าอุรคา ความรู้สึกของสุบรรณก็เปลี่ยนไป เจ้าสูงศักดิ์คนนี้แหละ เหมาะจะเป็นคู่ของเขาอย่างแท้จริง!

นั่นเป็นแค่ความรู้สึกของสุบรรณ หากคนอื่นที่มองผ่านความงามของเจ้าอุรคาไป กลับสัมผัสได้ถึงความลึกลับ และน่าสะพรึงกลัวที่มีกลิ่นอายแห่งความตายปะปน เพราะมักมีคนเห็นเธอและเพื่อนชายรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตางดงามราวรูปสลักในชุดดำ ชื่อยมนา อยู่ในที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมเป็นประจำ

วันหนึ่ง ภุชคินทร์พาฟีบี้หรือเฟื่องวลี หลานภริยาของ รมต.ภิงคารไปรับประทานอาหารที่ร้านหรูแห่งหนึ่งและได้พบเจ้าอุรคาที่นั่น เจ้าแนะนำให้ภุชคินทร์รู้จักเพื่อนชายที่มาด้วยว่าชื่อ ยมนา ซึ่งภุชคินทร์รู้สึกว่า ชายเงียบขรึมคนนี้ มีลักษณะบางอย่างที่ชวนให้นึกถึงความตาย

ฟีบี้ซึ่งมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง อาศัยความเป็นญาติห่าง ๆ ยึดภุชคินทร์เป็นคู่ควง เพราะเธอหลงคิดไปว่าความอ่อนโยนของภุชคินทร์ที่มีให้เธอ คือความรัก เธอจึงมั่นใจสุด ๆ ว่าตำแหน่งคุณผู้หญิงของวังนาเคนทร์ จะต้องตกเป็นของเธออย่างแน่นอน แต่พอได้เจอเจ้าอุรคา ความมั่นใจของฟีบี้เริ่มสั่นคลอนลงทันที เพราะเธอสังเกตว่าภุชคินทร์ให้ความสนใจต่อเจ้าอุรคา มากกว่าหญิงสาวทั่วไป เธอจึงแสดงอาการไม่ชอบเจ้าอุรคาออกหน้าออกตา

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ภุชคินทร์และฟีบี้เดินออกจากร้านอาหารไปไม่ทันถึงรถ ก็พลันมีคนบ้าถืออาวุธสงครามเข้าไปบุกยิงเสี่ยปิงและสมุนตายคาที่ เมื่อได้ยินเสียงปืน ภุชคินทร์รู้สึกเป็นห่วงเจ้าอุรคา จึงย้อนกลับเข้าไปดู กลับพบว่าเจ้าอุรคาเดินออกมาจากภัตตาคารอย่างไม่หวาดกลัวหรือตกใจใด ๆ เลย ส่วนยมนาเพื่อนของเจ้าอุรคานั้น กลับหายตัวไป

รุ่งขึ้น ข่าวเสี่ยปิงที่รู้กันว่าประกอบอาชีพไม่สุจริต โดนยิงถล่มตายคาที่ ก็ดังกระหึ่มไปทั่ว ตำรวจสรุปว่า เป็นการลอบฆ่าเนื่องจากขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ เพราะเสี่ยปิงมีเกี่ยวพันโยงใยกับ รมต.สุบรรณ เนื่องจากเสี่ยปิงเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสำคัญของนายอำนาจ ซึ่งดูแลธุรกิจทั้งที่ถูกและผิดกฎหมายของ รมต.สุบรรณ นั่นเอง ดังนั้นสุบรรณจึงสงสัยว่า การฆาตกรรมครั้งนี้ จะเป็นฝีมือของเสี่ยทรงยศ อดีตคู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของสุบรรณ ที่เคยถูกเขากลั่นแกล้งจนธุรกิจล้มละลาย ขณะที่ ร.ต.อ.ไพศิษฐ์ ตั้งข้อสงสัยว่า เจ้าอุรคาอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยปิง เพราะเจ้าอุรคาและเพื่อนชาย นั่งติดโต๊ะที่เกิดเหตุ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย อีกทั้งยมนาเพื่อนชายที่ไปด้วยกัน ก็หายไปจากที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย

วันหนึ่ง ผู้กองไพศิษฐ์ไปหาเจ้าอุรคาที่บ้าน เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเหตุการณ์วันเกิดเหตุ แต่เจ้าอุรคาปฏิเสธ บอกว่าเธอไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น และขณะผู้กองไพศิษฐ์ขับรถกลับจากบ้านเจ้าอุรคามาถึงสี่แยก ก็พบว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้น ด้วยสัญชาตญาณของตำรวจ เขาจึงรีบจอดรถและตรงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ข้างจุดเกิดเหตุ ไพศิษฐ์พบเจ้าอุรคากับยมนายืนดูอยู่ เจ้าอุรคาบอกไพศิษฐ์ว่า ชายผู้ตาย เป็นนายแพทย์ใหญ่ที่มีฉากหน้าเป็นคนใจบุญ ชอบบริจาคเงินหลายล้านเพื่อการกุศล แต่เบื้องหลังเป็นคนใจบาปหยาบช้าค้าแม้กระทั่งอวัยวะมนุษย์ ไพศิษฐ์งุนงงว่า เจ้าอุรคารู้ได้อย่างไรว่าผู้ตายเป็นคนอย่างนั้น แต่ก่อนจะซักถาม เจ้าอุรคาและยมนาก็หายไปเสียแล้ว

หลังจากคืนนั้น ผู้กองไพศิษฐ์เก็บข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับเจ้าอุรคาและยมนามาขบคิด แต่เขาไม่สามารถนำเรื่องที่พบเจอไปเล่าให้ใครฟังได้เลยนอกจากภุชคินทร์ เพราะข้อสงสัยของเขายืนยันไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ หากแต่เป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่า ที่ไหนมีคนตาย จะต้องเจอ 'ยมนา' ที่นั่นทุกครั้งไป!

เจ้าอุรคาเคยพูดล้อเล่น บอกภุชคินทร์และผู้กองไพศิษฐ์ว่า เธอสามารถเป็นได้หลายอย่าง ทั้งหมอดู ทั้งนักเล่นกล ทั้งนักสะกดจิต แต่ความลับของเจ้าอุรคาที่ไม่มีใครรู้เลยคือ เธอเป็นร่างเนรมิตของ อุรคาเทวี นางพญานาคี ผู้เป็นธิดาครองโภควดี นครใต้บาดาล เธอจึงมีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ทั่วไปนั่นเอง ส่วนยมนาที่เจ้าอุรคาบอกว่าเป็นเพื่อนสนิทของเธอนั้น ก็คือ ยมทูต หรือทูตแห่งความตาย ที่มารอรับวิญญาณ เพื่อนำไปยังปรโลก เพื่อฟังคำพิพากษาว่าได้เคยประกอบกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้างยามมีชีวิตอยู่บนโลกมนุษย์!

เจ้าอุรคาขึ้นมาเยือนโลกมนุษย์เพราะภารกิจความรักและความแค้นในอดีตที่ยังคงฝังลึกอยู่ในหัวใจ อย่างรอคอยการสะสาง เพราะครั้งหนึ่ง พญาครุฑที่ชื่อพญาสุบรรณ ได้บุกลงมาถึงเมืองโภควดี ซึ่งเป็นนครใต้บาดาล และจับตัว ภุชเคนทร์ เจ้าชายพญานาคที่สนิทเสน่หาของอุรคาเทวีไปเป็นอาหารต่อหน้าต่อตา เธอตามไปช่วยภุชเคนทร์จนเกิดการต่อสู้กับพญาสุบรรณ เป็นเหตุให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมาเป็นมณีนาคสวาท ส่วนภุชเคนทร์ ถึงแก่ความตายอย่างทรมาน หากก่อนจะตาย เขาได้ตั้งสัจจะอธิษฐานไว้ว่า เกิดชาติหน้าชาติใด จะไม่ขอกลับมาเกิดเป็นพญานาคอีก

เจ้าอุรคาโกรธแค้นพญาสุบรรณมาก นางจึงปฏิญาณกับตนเองว่า จะตามจองเวรพญาสุบรรณ เจ้าอุรคาเฝ้ารอคอยจนพญาครุฑเวียนว่ายตายเกิดในวัฎสงสารกระทั่งมาเกิดบนโลกมนุษย์ในภพนี้ เกิดเป็นบุรุษผู้มีบุญวาสนา มีอำนาจใหญ่โตด้วยบุญบารมีจากชาติในอดีต ซึ่งก็คือ รมต.สุบรรณ!

ด้วยความที่เป็นกัลยาณมิตร ยมนารู้ว่าเจ้าอุรคาเต็มไปด้วยความแค้น ต้องการจองเวร รมต.สุบรรณ ยมนาจึงมาคอยขัดขวางไม่ให้เจ้าอุรคาทำการสิ่งใดที่ขัดต่อกฎแห่งกรรม เพราะเวลาของ รมต.สุบรรณบนโลกมนุษย์ยังไม่หมด และบุญเก่าที่สั่งสมมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้เจ้าอุรคาไม่สามารถทำอันตรายต่อสุบรรณได้เลยด้วย ส่วนพญานาคภุชเคนทร์ ที่ถูกพญาสุบรรณทำร้ายจนตายก็มาเกิดเป็นมนุษย์ที่มีชาติกำเนิดสูงส่ง ซึ่งก็คือ ม.ร.ว.ภุชคินทร์ นาเคนทร์ นั่นเอง!

เจ้าอุรคาบอกกับยมนาว่า เธอยังมีความรักมั่นคงให้ภุชคินทร์ไม่เสื่อมคลาย แต่ชาติภพเป็นอุปสรรคความรักของเธอกับภุชคินทร์ การมาเยือนโลกมนุษย์ของเธอจึงเพียงต้องการให้ภุชคินทร์รำลึกได้ว่า ในภพหนึ่งเขาเคยเป็นพญานาคภุชเคนทร์ ที่ได้ตั้งสัจจะอธิษฐานว่า จะไม่ขอเกิดเป็นพญานาคอีก เจ้าอุรคาต้องการเพียงแค่ ให้ภุชคินทร์ถอนคำสัตย์นั้น เพื่อว่า สักวันหนึ่ง ทั้งสองจะได้ครองคู่กันในภพภูมิเดียวกันอีกครั้ง

เจ้าอุรคาคอยเป็นห่วงเป็นใยในทุกเรื่องของคุณชายภุชคินทร์ มีคนเห็นร่องรอยของพญานาคแถวกำแพงรั้ววังนาเคนทร์ จนกลายเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ใหญ่โต หรือมีคนเห็นงูใหญ่ว่ายอยู่ในคลองใกล้วัดแถววังนาเคนทร์ กระทั่งหญิงสาวคนใดที่เข้ามาในชีวิตของภุชคินทร์ ไม่ว่าจะเป็นฟีบี้ หรือ พนอฤดี เพื่อนรุ่นพี่ของนารีวรรณ ซึ่งเป็นน้องสาวบุญธรรมของภุชคินทร์ ต่างก็โดนเจ้าอุรคากลั่นแกล้งให้เห็นภาพหลอนจนแทบเสียสติไปทุกคน

ครั้งหนึ่ง เจ้าอุรคามอบแหวนที่มีหัวเป็นพลอยครุฑธิการให้ภุชคินทร์ใส่ติดตัว ทันทีที่ฟีบี้เห็นแหวนพลอยครุฑธิการ เธออ้อนวอนขอจนภุชคินทร์ยอมใจอ่อนยกให้ ฟีบี้ดีใจมาก รีบนำกลับไปอวด 'เฟื่องฟ้า' ผู้เป็นมารดา สองแม่ลูกดีอกดีใจนึกว่าเป็นแหวนหมั้นจากคุณชายภุชคินทร์ ต่างฝันเฟื่องถึงงานวิวาห์ใหญ่โตแห่งปี หารู้ไม่ว่าความน่าสะพรึงกลัวได้มารออยู่ตรงหน้า

ในคืนนั้น ฟีบี้เข้านอนพร้อมรอยยิ้มแห่งความหวัง เธอฝันว่า ตัวเองไปอยู่ในที่รกร้างว่างเปล่า จู่ ๆ ก็มีร่างพญานาคใหญ่โตน่าหวาดกลัวเลื้อยไล่เธอ พร้อมแยกเขี้ยวยาวเตรียมทำร้าย ฟีบี้วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานไปจนที่สุดพญานาคก็ตามทัน พญานาคก้มลงมาจนใกล้ใบหน้าฟีบี้ น้ำลายของพญานาคหยดออกมาจากเขี้ยวยาว และกลายเป็นพลอยใสสีเขียวอ่อนเหมือนแหวนพลอยที่เธอเพิ่งได้จากภุชคินทร์ไม่มีผิด เมื่อฟีบี้ตื่นจากความฝันอันสยดสยอง เธอกรีดร้องโวยวายอาละวาดราวกับเสียสติ

เฟื่องฟ้า ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้การนรินทร์ บิดาของนาถสุดา แฟนสาวของผู้กองไพศิษฐ์ ผู้การซึ่งสนใจธรรมะและปฎิบัติธรรมจนมีณาณระดับหนึ่ง นั่งสมาธิจนรู้ว่าแหวนนั้นมีอาถรรพ์ติดมา จึงรีบบอกให้เฟื่องฟ้านำแหวนไปคืนให้ภุชคินทร์ทันที หลังจากวันนั้น ฟีบี้กลายเป็นคนเสียสติ เห็นภาพหลอนของคนศีรษะเป็นงูอยู่เรื่อยไป จนต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลนานนับเดือน แต่ถ้าวันไหนภุชคินทร์เดินทางไปเยี่ยม ฟีบี้ที่อาการดีขึ้นแล้วก็จะเกิดเห็นภาพหลอนขึ้นมาจนอาการกลับแย่ลงไปอีก

ในงานราตรีเมตตามหากุศล ซึ่ง 'หม่อมภาณี' เป็นโต้โผใหญ่ เจ้าอุรคารับอาสาจัดการแสดงโชว์บนเวทีทั้งหมด ทุกคนในงานต่างตะลึงกับการแสดงโชว์หุ่นพญานาคที่เคลื่อนไหวได้ราวกับของจริง พร้อมกับการเต้นที่อ่อนพลิ้วราวกับงูจริงของนักแสดง ที่ไม่มีใครเห็นว่าเข้ามาในงานตอนไหน และเมื่อแสดงจบสิ้นลงก็หายตัวไปอย่างลึกลับทั้งหมด จากนั้น เจ้าอุรคาก็ขึ้นไปแสดงมายากลบนเวที โดยเชิญ 'ภุชคินทร์' ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย มีภาพมัลติวิชั่นสวยงามบรรยายให้เห็นถึงเมืองหนึ่ง ชื่อ โภควดี จากนั้นก็เห็นพญานาคตัวหนึ่งกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ก่อนจะโดนพญาครุฑตรงเข้าทำร้าย ซึ่งเมื่อถึงฉากนั้น ภุชคินทร์เกิดความรู้สึกประหลาด คือเจ็บปวดไปทั้งตัวจนแทบจะทนไม่ได้ ที่สุด ภาพมัลติวิชั่นก็จบลงท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริศของทุกคนว่า ช่างเหมือนจริงมากเสียจนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง คนดูปรบมือสนั่นหวั่นไหว แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียงปรบมือ เจ้าอุรคาก็ยิงธนูใส่ 'ชรายุ' สาวใช้คนสนิท และลูกธนูได้กลายเป็นงูยักษ์มีชีวิตพุ่งเข้ารัดร่างของชรายุจนนอนแน่นิ่งไป แต่เมื่อเจ้าอุรคาใช้พัดขนนกโบกเบา ๆ งูยักษ์ก็หายวับไปกับตา ชรายุลุกขึ้นได้ดังเดิม เรียกเสียงปรบมือกึกก้องจากแขกทุกคนในงาน

ขณะยืนดูการแสดงอย่างใกล้ชิดในฐานะผู้ช่วยนักมายากล ภุชคินทร์รู้สึกทึ่งมากที่สุด เพราะมายากลของเจ้าอุรคาแนบเนียนจนจับผิดอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะโชว์ชุดสุดท้ายที่เจ้าอุรคาเล่นนอกบท ด้วยการเสกเชือกให้กลายเป็นงูแล้วขว้างลงไปที่ รมต.สุบรรณที่นั่งอยู่ด้านล่างทันที! ทุกคนในงานหวีดร้องด้วยความตกใจ แต่ รมต.สุบรรณเป็นคนเดียวที่นิ่ง เยือกเย็น ไม่มีอาการสะทกสะท้าน เขาคว้าหมับเข้าที่กลางตัวงู เมื่อพลิกมาดูก็พบว่าเป็นงูยาง ไม่ใช่งูมีชีวิตอย่างที่เห็นบนเวที บรรดาลิ่วล้อต่างโกรธที่เจ้าอุรคาเล่นแรง แต่ตรงกันข้าม สุบรรณกลับรู้สึกสนุกสนานกับการแสดงของเจ้าอุรคาเป็นอย่างมาก

ในคืนนั้น รมต.สุบรรณเอ่ยชวนเจ้าอุรคาไปที่บ้าน โดยอ้างว่า เขามีเครื่องเพชรเก่าแก่จะขายให้เจ้าอุรคา ขณะเดินออกจากงานเลี้ยง มีชายลึกลับบุกเข้ามายิง รมต.สุบรรณอย่างอุกอาจ แต่โชคดีที่ นายอากร มือปืนคุ้มกันรีบบังเจ้านายไว้ได้ทัน สุบรรณจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่นายอากรได้รับบาดเจ็บหนัก เจ้าอุรคาขัดใจมากที่ทำร้ายนายสุบรรณไม่สำเร็จ ยมนาปรากฏตัวขึ้นต่อว่าเจ้าอุรคาที่กระทำการรุนแรง ฝ่าฝืนกฎแห่งกรรม เจ้าอุรคาจึงรู้ว่า ที่สุบรรณไม่เป็นอะไร ก็เพราะยมนาขัดขวางไว้นั่นเอง

ขณะเจ้าอุรคากับยมนายืนเถียงกัน คนอื่น ๆ ไม่มีใครเห็นยมนา แต่นายอากรซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัสใกล้ตาย กลับมองเห็นยมนา เขาจึงร้องขอชีวิตด้วยความกลัว และหลังจากนายอากรรอดชีวิตออกจากโรงพยาบาล เขาก็กลับใจ ละทิ้งอาชีพมือปืน แล้วตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่อไถ่บาปกรรมที่ก่อมา เจ้าอุรคาซึ่งมีศรัทธาในพระพุทธศาสนามากดั่งเช่น 'พญานาค' พระญาติในสมัยพุทธกาลที่เคยขอบวชกับพระพุทธเจ้า ซึ่งแม้ไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็มีจิตศรัทธา คอยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเรื่อยมา เมื่ออากรมือปืนนายอำนาจมาบวชที่วัดใกล้บ้าน เจ้าอุรคาจึงถือโอกาสตามไปทำบุญกับพระอากรที่วัดเป็นประจำ จึงมีโอกาสได้พบกับ 'ผู้การนรินทร์' และ 'เฟื่องฟ้า' ซึ่งมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้ฟีบี้ที่ยังป่วยอยู่ในโรงพยาบาล เจ้าอุรคาบอกเฟื่องฟ้าให้เลิกหวังในสิ่งสูงค่าเกินเอื้อม แล้วฟีบี้จะหายจากอาการป่วยและได้พบคู่แท้ครองรักมีความสุขตลอดชีวิต

ผู้การนรินทร์ซึ่งมองเห็นร่างจริงของเจ้าอุรคา รีบแสดงความเคารพสูงสุด เจ้าอุรคากำชับผู้การว่าอย่าบอกความลับนั้นกับใครเด็ดขาด

พ.อ.นรินทร์เป็นทหารเกษียณราชการที่ใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน จนสามารถเห็นอะไรที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ 'คุณหญิงนันทกา' ภริยาของ รมต.สุบรรณ ซึ่งสุบรรณพยายามเชื้อเชิญผู้การมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวหลายครั้ง แต่ได้รับคำปฏิเสธเรื่อยมา ยิ่งหลังจากคุณหญิงของ รมต.สุบรรณเสียชีวิต ผู้การนรินทร์ซึ่งมีนิสัยรักสันโดษและสมถะก็ยิ่งเหินห่างจากน้องเขย แต่ รมต.สุบรรณก็ยังคงตามตื้อผู้การผ่านทางนาถสุดาเสมอ

วันหนึ่ง ผู้การนรินทร์นั่งทางในและเห็นลางบอกเหตุร้ายที่จะมาถึงตัว รมต.สุบรรณ ผู้การจึงรีบมาเตือนให้อดีตน้องเขยระวังตัวและหมั่นทำบุญสร้างกุศล เพื่อให้กรรมหนักผ่อนเป็นเบา แต่ รมต.สุบรรณไม่สนใจ ยังคงก่อกรรมขยายอำนาจของตัวและกอบโกยทรัพย์สมบัติด้วยความโลภไม่มีที่สิ้นสุด

นายอำนาจเชื่อว่าเหตุร้าย ๆ รวมกับที่นายอากรสมุนมือขวาของเขาหนีไปบวช เป็นฝีมือเจ้าอุรคาทั้งสิ้น นายอำนาจจึงส่งลูกสมุนชื่อ ปัญญาและสมศักดิ์ ไปทำร้ายเจ้าอุรคาถึงบ้าน โดยปัญญาใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมาจากทางเหนือเข้าต่อกรกับเจ้าอุรคา แต่คนธรรมดา ฤา จะสู้พญานาคีอันมีฤทธิ์แก่กล้าได้ ปัญญาสิ้นชีวิตภายใต้คมเขี้ยวพญานาคของชรายุ ส่วนสมศักดิ์นั้น เจ้าอุรคาส่งกลับไปเตือนนายอำนาจว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร สมศักดิ์ในสภาพไร้สติจัดการเหนี่ยวไกปืนใส่นายอำนาจ ก่อนจะปลิดชีพตัวเอง โชคยังดีที่นายอำนาจไม่ถึงที่ตาย เขาจึงยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเจ้าอุรคา พร้อมทั้งประกาศว่า จะต้องเอาชีวิตสตรีผู้นี้ให้จงได้ ครั้นสบโอกาสเหมาะ เจ้าอุรคาเชิญ รมต.สุบรรณไปรับประทานอาหารที่บ้าน นายอำนาจจึงวางแผนร้ายด้วยการจะลอบวางระเบิดบ้านของเจ้าอุรคา โดยให้ระเบิดทำงานทันทีที่ รมต.สุบรรณและนายอำนาจพ้นไปจากบ้านเจ้าอุรคา แต่เขากลับไม่รู้ว่า วันนั้นแหละ คือวันสุดท้ายที่เขาจะมีโอกาสทำชั่วต่อไปบนโลก!!

เจ้าอุรคาต้อนรับ รมต.สุบรรณด้วยอาหารเลิศรส ตกแต่งอย่างสวยสดงดงามจน รมต.สุบรรณลิ้มลองแล้วต้องชมไม่ขาดปาก โดยเฉพาะเมนูพิเศษอย่าง 'งูเห่าผัดเผ็ด' นั้น รมต.สุบรรณกินอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่นายอำนาจกลับเห็นเป็นภาพงูเห่ามีชีวิตเลื้อยอยู่บนจาน นายอำนาจร้องตกใจและรีบขอตัวออกไปข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่สายตาของเขากลับยิ่งพบภาพน่ากลัวมากขึ้น เมื่อเห็นภาพอสรุกายอัปลักษณ์ มีศีรษะเป็นงูเข้ามารุมทำร้ายจนนายอำนาจหัวใจวายตายในสวนของบ้านเจ้าอุรคานั่นเอง

เจ้าอุรคาฉายสไลด์ชุดพิเศษที่ รมต.สุบรรณชมแล้วเกิดอาการเคลิ้มกึ่งฝันเห็นดินแดนโภควดี แต่ขณะเจ้าอุรคากำลังจะย้อนให้สุบรรณเห็นเหตุการณ์นองเลือดในอดีต ยมนาซึ่งมารับวิญญาณของนายอำนาจก็เข้ามาขัดขวางเจ้าอุรคาไว้ได้ทันพอดี ทำให้เจ้าอุรคาโกรธยมนามาก แต่ยมนาได้ตักเตือนด้วยสุรเสียงเกรี้ยวกราดของอำนาจแห่งยมทูต ออกคำสั่งมิให้เจ้าอุรคาทำร้าย รมต.สุบรรณอีกต่อไป มิฉะนั้นเขาจะลงโทษเจ้าอุรคา

เจ้าอุรคาหวาดกลัว จึงรับปากว่าจะไม่ทำอันตรายชีวิตนายสุบรรณอีก แต่ขอรอเวลาอยู่เพื่อชมความย่อยยับของนายสุบรรณ แล้วจึงจะยอมกลับนครใต้บาดาลแต่โดยดี

ต่อมา เจ้าอุรคาพยายามรื้อฟื้นความทรงจำของภุชคินทร์ด้วยหลากหลายวิธีการ แต่ภุชคินทร์ซึ่งลืมชาติในอดีตไปจนหมดสิ้นแล้วก็ยังจำอะไรไม่ได้ จนเจ้าอุรคาทดท้อใจ ภุชคินทร์รู้สึกเพียงว่า เจ้าอุรคามักจะพูดจาแปลก ๆ และกำกวม และมีหลายครั้งที่เธอพยายามพูดถึงอดีตที่เขาไม่เข้าใจ และจำไม่ได้

ต่อมา เขาได้เจอ ดร.วิชัยสิงห์ นักเทววิทยาชาวอินเดียแห่งมหาวิทยาลัยพาราณสี ที่เดินทางมาเพราะได้ข่าวคนเห็นพลอยนาคสวาทที่เมืองไทย ดร.วิชัยสิงห์ตามหาพลอยนาคสวาท เพราะเชื่อเรื่องตำนานของพญานาค และเขากำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ ดังนั้นวันหนึ่ง ดร.วิชัยสิงห์จึงมีโอกาสรู้จักกับเจ้าอุรคา

เจ้าอุรคารับรู้เหตุผลการมาของ ดร.วิชัยสิงห์ชัดเจน จึงเตือนให้ ดร.วิชัยสิงห์ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเขียนตำนานพญานาคและพลอยนาคสวาทเสีย ดร.วิชัยสิงห์ออกปากสัญญากับเจ้าอุรคาว่า เขาจะไม่นำไปเรื่องราวไปเขียน ถ้าเขาผิดคำสัญญา ขอให้เขาตายอย่างทุกข์ทรมาน ซึ่งแน่นอนว่า ดร.วิชัยสิงห์ก็แค่รับปากส่ง ๆ ไปอย่างนั้นเอง เพราะเห็นเจ้าอุรคาดูเอาจริงเอาจัง แต่เขายังหวังว่าเมื่อตำราที่เขาค้นคว้าได้ตีพิมพ์ มันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศให้เขา

หลังจากนั้น ดร.วิชัยสิงห์ได้สะกดจิตช่วยให้ภุชคินทร์รื้อฟื้นความทรงจำในชาติภพที่เป็น 'ภุชเคนท์' พญานาคได้นั่นทำให้ ดร.วิชัยสิงห์ตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ความเชื่อเรื่องพญานาคของเขามีจริง แต่เพราะความโลภมาก ดร.วิชัยสิงห์หมายมั่นว่า จะเอาเทปที่บันทึกการสะกดจิต และเรื่องการระลึกชาติของภุชคินทร์ไปหาผลประโยชน์ โดยลืมคำสัญญาที่ให้กับเจ้าอุรคาเสียสิ้น

เจ้าอุรคาแค้น ดร.วิชัยสิงห์ที่จะเอาเรื่องของภุชคินทร์ไปเขียนหนังสือ จึงส่ง อหิเหร รูปสลักงูบนแผ่นศิลาให้ ดร.วิชัยสิงห์ คืนวันนั้น ดร.วิชัยสิงห์ถูกฆาตกรรมอย่างลึกลับ

เมื่อภุชคินทร์รู้ว่า ตัวเองเป็นพญานาคภุชเคนทร์ คนรักเก่าของเจ้าอุรคาในภพภูมิเดิม และได้รู้อีกว่าแม้กาลเวลาจะผ่านมากี่ภพกี่ชาติ ความรักที่เจ้าอุรคามีต่อเขา ก็มิได้ลดน้อยลงเลย อีกทั้งยังเข้าใจสาเหตุของการตามล้างแค้นของเจ้าอุรคา เขาจึงรีบไปหาเจ้าอุรคาเพื่อบอกว่า 'เขาขอโทษ' ที่ก่อนหน้าเขาลืมเรื่องราวต่าง ๆ จนหมดสิ้น เขาขอให้เจ้าอุรคาอโหสิกรรมให้ รมต.สุบรรณ และกลับไปยังนครใต้บาดาล เพราะเขาไม่ต้องการเห็นคนที่เขารักต้องก่อกรรมทำเข็ญให้หนี้กรรมติดตามต่อไปอีกไม่รู้กี่ชาติกี่ภพ!

รมต.สุบรรณเห็นว่า เจ้าอุรคาสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายภุชคินทร์มาก จึงเกิดเป็นความหึงหวง เขาสั่งให้สุรินทร์มือปืนคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ไปกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจ สุรินทร์จับตัวภุชคินทร์ไปขังไว้เพื่อเตรียมสังหาร แต่เจ้าอุรคารับรู้ได้ เธอจึงบอกให้ไพศิษฐ์ตามไปช่วยภุชคินทร์ไว้ได้ทันเวลา สุรินทร์ซึ่งหนีรอดกลับมารายงานความล้มเหลวต่อ รมต.สุบรรณ ถูกสุบรรณปลิดชีวิตอย่างเลือดเย็น

ภุชคินทร์และไพศิษฐ์ติดตามสุรินทร์มาถึงบ้าน รมต.สุบรรณ พวกเขาประหลาดใจมากที่ผู้คนหายไปจากบ้าน รมต.สุบรรณจนหมดสิ้น ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านที่เคยมีการอารักขาสูงสุดได้อย่างง่ายดาย เมื่อเข้าไปถึงในบ้าน เขาทั้งสองพบกับหมอกควันสีเขียวลอยละล่องจนแทบมองไม่เห็นทาง ภุชคินทร์ได้ยินเสียงกราดเกรี้ยวของเจ้าอุรคา จึงเดินตามเสียงไปจนถึงห้องหนึ่งที่มีประตูเปิดออกไปเป็นสถานที่ ๆ ทั้งเขาและไพศิษฐ์ไม่คาดคิดว่าจะมาอยู่ในบ้านหลังนี้ได้

เพราะเมื่อเปิดประตูออกไป เขาพบว่า กำลังยืนอยู่ในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม แสงภายในถ้ำมืดสลัว มีเพียงแสงสว่างอยู่ตรงกลางถ้ำ และตรงกลางนั้น รมต.สุบรรณถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา

ไพศิษฐ์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อเห็นเจ้าอุรคาในร่างของอุรคาเทวี พญานาคี ผู้มีร่างท่อนบนเป็นมนุษย์ และท่อนล่างเป็นหางพญานาค ขดเป็นบัลลังก์สูง กำลังโกรธเกรี้ยวที่ รมต.สุบรรณลงมือทำร้ายชายที่รักของเธอเป็นครั้งที่สอง

เจ้าอุรคาย้อนภาพ ให้ทั้งภุชคินทร์ รมต.สุบรรณ และไพศิษฐ์ได้เห็นเรื่องราวในอดีตชาติที่พญาสุบรรณทำร้ายเจ้าชายภุชเคนทร์จนเสียชีวิต และทำร้ายเจ้าอุรคาบาดเจ็บสาหัสจนถึงกับกระอักเลือดออกมาเป็นมณีนาคสวาท แต่ รมต.สุบรรณที่เห็นอดีตชาติของตัวเองก็ไม่ได้แสดงอาการหวาดหวั่นต่อวิบากกรรมที่กำลังจะได้รับ เขากลับรู้สึกผิด ที่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับภุชเคนทร์และอุรคา และได้เอ่ยขอขมา กับขออโหสิกรรมต่อภุชคินทร์และเจ้าอุรคาเพื่อให้ความแค้นจบลงที่ชาตินี้

ทีแรก เจ้าอุรคาไม่ยอม แต่ยมนาปรากฎตัว เตือนสติเจ้าอุรคาให้หยุดวงล้อของกรรมเสีย เจ้าอุรคาจึงยอมให้อภัย และอโหสิกรรมให้ รมต.สุบรรณในที่สุด รวมทั้งภุชคินทร์ด้วย

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

ขณะเดียวกัน บุญเก่าที่สะสมมาของ รมต.สุบรรณก็หมดลง กงกรรมที่ รมต.สุบรรณได้ทำไว้ ย้อนกลับมาหาเขาเหมือนรอยเกวียน เสี่ยทรงยศที่ขณะนี้ไม่ต่างกับหมาจนตรอกได้บุกเข้ามาในบ้านแล้วเอาปืนกระหน่ำยิง รมต.สุบรรณจนบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่หมอทำการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแล้วก็ไม่อาจยื้อชีวิต รมต.สุบรรณไว้ได้ ก่อนวิญญาณละจากร่าง รมต.สุบรรณเห็นยมนามายืนรอรับเขาอยู่

หลังจาก รมต.สุบรรณตายลงก็ไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าอุรคาอีกเลย ภุชคินทร์อยู่ในอาการเศร้าซึมเมื่อต้องพรากจากหญิงอันเป็นที่รักไปตลอดกาล เหลือเพียง 'มณีนาคสวาท' ที่เป็นตัวแทนแห่งความรักระหว่างเขากับเจ้าอุรคา

วันหนึ่ง เจ้าอุรคาที่ยังคอยติดตามความเป็นอยู่ของภุชคินทร์ด้วยความเป็นห่วง ตัดสินใจหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อพบภุชคินทร์เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกให้เขาหมั่นทำบุญสร้างกุศล และตั้งจิตอธิษฐานให้ได้กลับไปเกิดในชาติภพภูมิเดิมอีกครั้ง และเมื่อนั้น เธอและเขาก็จะได้พบและรักกันอีก

 

 

อ่านมาจากลิ้งค์นี้ค่ะ

ให้เพื่อนรักอ่านตามคำขอ
เพื่อเตรียมรอชมละครเรื่องนี้ในวันที่ 28 มกราคม




Create Date : 22 มกราคม 2556
Last Update : 22 มกราคม 2556 22:28:26 น. 1 comments
Counter : 2403 Pageviews.

 
ชอบละครเรื่องนี้ทั้เก๋และพิมเลย
ขอบคุณพี่น่านะคะที่นำมาให้เพื่อน
อ่าน จนเก๋ได้มาแอบอ่านด้วยค่ะ


โดย: เก๋พิม (ซังหวาน ) วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:0:10:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

พุดดิ้งรสกาแฟ
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




สิ่งต่าง ๆ เคยสำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน
อาจไร้สาระสำหรับใครอีกบางคน


ถ้ามันไร้สาระ
โปรดทิ้งมันไปเฉย ๆ อย่างง่าย ๆ
หากมันมีประโยชน์ ฉันก็ดีใจ


..
..
..
Friends' blogs
[Add พุดดิ้งรสกาแฟ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.