Group Blog
 
All blogs
 

one stem tuberose

"ถ้าจะออกความเห็น
ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเรา

.. ต้องระวัง"


.
.
ท่านชายพจน์ปรีชา กล่าวไว้ในละคร



เมื่อเช้าวันอาทิตย์
ไปซื้อผักสดที่ตลาดชาวนา
montrose farmers market

ได้ baby bok choy มาต้มจืด
ได้ spinach มาผัดกระเทียม
ได้ gailan มาผัดน้ำมันหอย
แล้วก็คว้าต้นหอม กับผักชีที่มีรากมาอีก 2 มัด
รวมถึงผักสลัดแบบผสม ๆ มาอีก 1 ถุง

คนขายผักสลัด เขาปลูกเอง
มีภาพมาให้ดูด้วย
แล้วก็ตัดใส่ลังมาวางกองบนโต๊ะ
ติดป้าย ปอนด์ละ 5 เหรียญ

จริง ๆ ผู้คนก็หยิบกันไม่ถึงปอนด์หรอก
ดูจากตาชั่งดิจิตอลตรงหน้านั่นแหละ
แต่เขาก็คิด 5 เหรียญหมด
แปลกดี

แต่ไม่ได้ทักท้วงอะไร
เพราะผักก็สดดี และที่สำคัญดูน่าอร่อย

เทียบกับในตลาดทั่วไป คนละเรื่องเลย

ขากลับแวะซื้อ 'อ้อย' 1 ลำ
แล้วขอให้คนขายปอกกับหั่นให้เลย
ระหว่างยืนรอ ได้มันเทศ 2 สีมาอีก 1 ถุง

ทีนี้ตอนขากลับ ลองเตร็ดเตร่ไปแผงดอกไม้
หน้าหนาว ดอกไม้ไม่ค่อยงอกงาม
ดูสลด ๆ เฉา ๆ ใกล้จะโรยรา
แต่คนขายก็นิสัยดีมาตลอด ก็เลยช่วยซื้อ
ได้เดซี่สีขาวมา 1 ช่อ 4 เหรียญ

ตอนจ่ายตังค์บังเอิญเห็นดอกซ่อนกลิ่น
tuberose ดอกไม้โปรด
ถามว่า ขายยังไง ดูหน้าตาไม่ค่อยสดหรอก
คนขายบอก
ก้านละ 2 เหรียญ

เอิ๊กกกกกกกกกก แพงแฮะ
เมื่อเดือนก่อนยังอยู่ที่ 1.50 เหรียญ และสดสวยกว่านี้

แต่ก็ซื้อ 555+ เพราะหน้าหนาวเค้าบานยาก

กลับมาถึงบ้าน เพิ่งเห็นว่ามีแต่ผัก

แต่ก็ดีนะ
เหมือนได้กินเจส่งท้าย

หมอลิลิตบอกว่า กินผักเยอะ ๆ
ย้อนหมอไปว่า ปกติก็กินนะ กินหญ้า

จริง ๆ นะ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกินหญ้า

คนที่ทำงานบางคน ให้ความรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
เรียกว่า โกงได้โกง ลักได้ลัก โกหกได้โกหก

ขนาดเปรยเป็นนัย ๆ ว่ารู้นะว่าทำ
มั๊นมันก็ยังอ้างโน่นอ้างนี่
เหมือนเห็นเรากินหญ้า

นี่ถ้าเอาออกจากงานก่อนคริสต์มาส
จะมีคนมาร่ำไห้ขู่ว่าจะฆ่าตัวตายเหมือนปีก่อนมั้ยนะ

...

(แอบคิดในใจ ถ้าทำจริง จะเหมาสวนดอกซ่อนกลิ่นไปจัดงานให้เลยเชียว)
..

((แต่อย่าทำเลยนะ นิสัยเลว ๆ แบบนี้ กว่าจะเกิดอีกหนคงยากบรม)) 




 

Create Date : 01 ธันวาคม 2558    
Last Update : 1 ธันวาคม 2558 3:33:38 น.
Counter : 829 Pageviews.  

bunch up my knuckles

kind hearts are the garden
kind thoughts are the roots
kind deeds are the fruits
kind words are the blossoms

จิตใจดี เป็นดั่งสวน
ความคิดดี เป็นรากไม้
การกระทำดี เปรียบเหมือนผลไม้
คำพูดดี เป็นดั่งดอกไม้บานสะพรั่ง

.
.
นิรนาม





มีเหตุให้คิดถึงดอกมิกกี้เมาส์ที่บ้าน

นับจากวันที่ได้ข่าวพ่อล้ม
เพราะเส้นเลือดในสมองตีบจนกดทับสมองส่วนท้าย
ก็เริ่มงง ๆ กับชีวิต

ฟังผล MRI ของพ่อด้วยความอึงอลในใจ
แต่ทุกคนก็บอกว่า ยังไม่ต้องกลับหรอก
เผื่อต้องผ่าตัด เผื่อต้องถึงขั้นนั้น
ค่อยกลับมาอยู่ยาว

ตอนนี้เลยเร่งไปหาหมอของตัวเอง
กับเคลียร์งานช่วงสิ้นปี

หมอลิลิตบอกว่า
เปลี่ยนยานะ เพิ่มโดซขึ้นหน่อย
ฉันก็ อืมมม ได้

ตอนนี้เลยเหลือยา 4 ชนิด
ต้องกินตรงเวลาถึงขั้นตั้งเวลาเตือนกันเลย

ส่วนเรื่องกระดูกหน้าขาซ้าย
จริง ๆ ก็เอาเฝือกออกแล้ว
แต่ก็ยังเหมือนยุบลงไปกับปวดแปล๊บ ๆ
หมอบอกว่ามันต้องใช้เวลา
ก็เริ่มงงนิด ๆ นานไปมั้ยหมอ

แต่นั่นแหละ ขี้เกียจถาม ขี้เกียจเถียง
เริ่มเบื่อไปซะหมด

และสงสัยว่า เพราะกำลังเบื่อ ๆ งง ๆ ด้วยมั้ง
เมื่อรุ่นพี่คนหนึ่งมาขอยืมเงิน 4,000 เหรียญ
ไปจ่ายหนี้ให้พี่อีกคนที่จะกลับไทย
ก็เลยหยิบยื่นให้รุ่นพี่ไปซะง่าย ๆ
คงเพราะรุ่นพี่บอก
ธนาคารปิดวันอาทิตย์ ต้องให้พี่คนโน้นเลย
แล้วเดี๋ยววันจันทร์ รุ่นพี่จะจ่ายคืนให้ฉันครบจำนวน

แต่พอผ่านวันจันทร์
รุ่นพี่บอก ต๊าย ลืมเอาเช็คมา
ก็ อืมมม ... ไม่เป็นไร
แล้วรุ่นพี่ก็หายไปต่างเมือง 7 วัน
กลับมาเจอกัน 2 ครั้ง แบบนั่งคุยกันนาน ๆ
แปลกนะ เธอก็ยังทำนิ่ง ๆ

หรือฉันผิดที่ไม่ทวง

จนผ่านมา 3 อาทิตย์ เริ่มจะเฮ้ย
วันนี้เลยส่งข้อความไป ตอนบ่ายโมง
เธอโทรกลับมาตอนบ่าย 3 และว่า
แหม พี่ก็ลืมสนิทเลย
แล้วก็บอกว่า พี่น่าจะให้เช็คเธอไปเลยนะวันนั้น

ฉันเงียบ

เธอบอกว่า วันจันทร์นะ
วันจันทร์บ่าย ๆ จะเอามาคืนให้

...

รอดูกันต่อไป

และไม่รู้ทำไม
ฉันนึกถึงดอกมิกกี้เมาส์ที่บ้านเกิดเป็นบ้าไปเลย

มารอดูกันว่า
ฉันต้องซื้อ "มิตรภาพ" แพงแค่ไหนในหนนี้




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2558 6:38:46 น.
Counter : 448 Pageviews.  

11.13.15

เขียนแบบอเมริกัน ก็คือ

เดือน 11 วันที่ 13 ปี 2015
ฝรั่งเขาเรียกวันนี้ว่า วัน odd day
เพราะเรียงเป็นเลขคี่ ตามนั้นแหละ

//แถมยัง ศุกร์ 13 ซะอีกแน่ะ!

..
..


ตอนเหลือบตาดูว่า เหลืออีก 48 วันก็จะสิ้นไปอีกปีแล้วนั้น
ได้ข่าวด่วนผ่าน BBC ว่า กลางกรุงปารีสมีเสียงรัวปืนกล
น่าจะตายเกลื่อน, บางสำนักระบุว่า ที่แน่ ๆ คือ 26 ศพ
แต่ยังมีตัวประกันอีก

สลดใจ


อากาศวันนี้ ดีนะ อุ่นถึง 23 องศา มีแดดด้วย
แต่บรรยากาศมันหดหู่ยังไงพิกล

เฮ้อ ...
..


ช่วงหน้าร้อนที่แดดจ้า นางก็บานสะพรั่ง
พอเข้าช่วงใบไม้ร่วง ลมหนาวมา แดดสลัว ๆ
นางก็หลุบใบหลบดอก
วันนี้อากาศพอคลายเย็นขึ้นนิด
เลยออกมาทักทายบ้าง 7-8 ดอก
เฮ้อ ... น่าส่งไปอยู่เมืองไทยเนอะคุณนายเนอะ



..
..

เมื่อวานอ่านบทความหนึ่ง
ของคุณหนุ่ม เจ้าของร้านหนังสือเดินทาง
ปิดท้ายด้วยข้อควรคิดต่อว่า

"ทุกวันนี้ โลกเปลี่ยนเร็วมาก

ข้อดีคือ มันทำให้เรามีทางเลือก

แต่การเลือกที่จะปฏิสัมพันธ์กันทางออนไลน์

...อย่างเดียวนั้น

มันทำให้เราพลาดอะไรไปไหม?"


ก็จริงนะ, และเลยรวมการผัดวันประกันพรุ่ง


มันก็ทำให้เราพลาดอะไรบางอย่างไปด้วย


จริง ๆ นั่นแหละ



note to self
::
และ blog วันนี้
เกิดขึ้นหลังจากอ่านเทคนิค
FV (Final Version)
ของลุง Mark Forster จบลง




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2558    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2558 5:57:34 น.
Counter : 531 Pageviews.  

home improvement [1]

เรียกร้อง 'สิทธิ' ของตัวเอง เป็นเรื่องดี
แต่อย่าลืม 'เคารพ' สิทธิของผู้อื่นด้วย





ชีวิตหลังจากเลี้ยงหมาพุดเดิ้ล เปลี่ยนแปลงเยอะมาก

อย่างมาก...

นับตั้งแต่ ต้องพาหมาไปเดินแบบนาน ๆ ในช่วงเช้าและเย็น
ไม่รวมระหว่างวัน ที่ต้องคอยพาไปเดินฉี่ ช่วงสั้น ๆ
หรืออาจจะปล่อยให้หมาออกไปเดินเองในสวนหลังบ้าน
ขณะที่ สวนหน้าบ้านซึ่งไม่เคยกั้นรั้ว และไม่อยากกั้นรั้ว
เพราะต้องไปขออนุญาตซิตี้ถ้าจะทำ
ก็เลยปล่อยหมาออกไปไม่ได้ ต้องพาเดินจูงอย่างเดียว

ส่วนในบ้าน ก็เริ่มจาก ..
ที่เคยดูดฝุ่นพรมอาทิตย์ละครั้ง หรือสองอาทิตย์ครั้งก็ยังได้
หลังจากเลี้ยงหมา ก็ต้องดูดฝุ่นพรมทุกวัน
ไม่ใช่อะไร กลัวว่าจะมีขนหมาแล้วมองไม่เห็น
และจะทำให้หมาไม่สบาย

ไป ๆ มา ๆ เลยตัดสินใจเปลี่ยนพรมเป็นปูปาร์เก้

เริ่มจาก หาคนมาทำ
ตอนแรก มีคนไทยมาตีราคา
เขามาวัด ๆ แล้วคิดราคา 3,900 เหรียญ + ค่าวัสดุ
ก็ว่าจะจ้างคนไทย 3 คนนี้แหละ
แต่ไม่ชอบความพูดมาก เป็นช่างที่พูดมาก มาก ๆ

พอดีกับบ้านข้าง ๆ เขาทำบ้านใหม่ทั้งหลัง
ก็เลยเดินไปถามดูว่า มีคนรับจ้างทำปาร์เก้ไหม
ปรากฏว่า มี ก็เลยลองติดต่อดู

เป็นช่างเม็กซิกัน (หน้าตาดีจัด) 2 คน
บ้านขนาด 1,300 ตารางฟุต
ไม่รวมตัวโรงรถ
เมื่อส่วนของครัว กับอีก 3 ห้องน้ำ ไม่ต้องทำ
ก็เหลือพื้นที่ปูปาร์เก้คือ 1,000 ตารางฟุต
และบันได 24 ขั้น
เขาคิดค่าปูปาร์เก้ 2500 เหรียญ
และ
คิดค่าลอกพรม + ค่าเคลื่อนย้ายสิ่งของในบ้าน
อันได้แก่ เตียง เฟอร์นิเจอร์ สารพัด
โดยเฉพาะชั้นหนังสือหลายพันเล่ม
อีก 1000 เหรียญ

รวมค่าแรงทั้งหมด 3500 เหรียญ

ก็เลยตกลง เพราะเป็นราคาที่รับได้
ที่สำคัญ ช่างไทยก็ตีราคาไว้ประมาณนี้

แต่นี่ถูกกว่า 400 เหรียญ และไม่พูดมากด้วย
เพราะเขาพูดภาษาสแปนิชกันเอง 
ส่วนหน้าตาดี ถือเป็นของแถม
ไว้แอบดูพอเพลิน ๆ

หลังจากตกลงกับช่างเรียบร้อย ก็ไปจัดการหาซื้อวัสดุ
ช่างบอกเริ่มงานวันจันทร์ ฉันไปหาซื้อวัสดุวันเสาร์
สุดยอดของความใจเย็นเลย

ไปร้านที่เพื่อนบ้านแนะนำ ห่างจากบ้านแค่ 9 ไมล์
เจ้าของร้านขายเอง แต่ก็เห็นความไม่จริงใจ

ไม่ติดราคา หลอกว่ามีแต่ของระดับแพง ๆ 
ของราคาปานกลาง ไม่มีในสต็อค 
พอฉันบอกว่า งั้นก็ขอดูเท่าที่มี ก็เอามาให้ดู 3-4 แบบ
ยังไม่ทันเลือกก็เร่งว่า ถ้าจะเอาวัสดุวันนี้ ก็มีลายเดียว
ถ้าจะเอาลายอื่น ก็ต้องให้คนไปส่ง คิดค่าส่งอีก 180 เหรียญ
ฉันเลยบอกว่า มีคนงานมารับ
ก็ดันพูดว่า ร้านเค้าจะปิด 2 วีค มารับเองไม่ได้
แต่ถ้าเขาสั่งวัสดุจากโรงงาน ให้ไปส่งที่บ้านได้ ลดค่าส่งเหลือ 120 เหรียญ
ฉันเลยเดินออก

เสียเวลาไปครึ่งวัน เลยตัดสินใจ เช้าวันอาทิตย์ค่อยไปร้านอื่น

ลองดูจาก internet ก็เจอหลายร้าน
แต่ตัดสินใจโทรหาเพื่อนชาวอินเดีย
เจ้านี่เป็นแขกเหนียวหนึบ แขกแนะนำร้าน lumber liquidator
เลยเลือกสาขาใกล้บ้านที่สุด ได้ตรง north hills
เดินดู เดินเลือก ตอนแรกว่าจะเอาแบบลามิเนต
แต่ไม่มีลายไม้ที่ชอบ เลยเดินไปดูไม้จริง
ลามิเนตราคา 2.19 ไม้จริงราคา 2.29
ต่างกันนิดเดียว เลยเลือกไม้ เพราะบังเอิญมีสินค้าในสต็อคด้วยพอดี

แต่ลืมไปว่า ค่าวัสดุอื่นถ้าใช้กับไม้มันแพงตามไปด้วย
แต่ก็ตัดสินใจ ซื้อก็ทำให้ดีไปเลยละกัน
ถ้าซื้อลามิเนต ทั้งหมดรวมภาษีแล้วคือ 3,498 เหรียญ
แต่ถ้าซื้อเป็นไม้ ทั้งหมดรวมภาษีแล้วคือ 5,087 เหรียญ

เลยอึ้ง ๆ บอกคนขายที่บริการดีมากว่า ขอไปคิดแป๊บนึงนะ
เดี๋ยวกลับมา

แล้วก็ขับรถไป home depot ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เดินไปแผนกฟลอร์
ดูราคาและลาย แล้วเทียบกัน ปรากฏว่า ที่นี่แพงกว่าเยอะมาก
เลยกลับไปร้านเดิม
พนักงานขายคงเห็นว่า มันแพงจริงแหละ
ก็เลยลดราคา pad ที่จะปูรองพื้นให้ 5 เหรียญต่อม้วน
เท่ากับเหลือม้วนละ 45 เหรียญ
และ
เปลี่ยนจากกาวเทลงรองพื้นคอนกรีต
เป็นแผ่นพลาสติครองพื้นแทน
ราคาทั้งหมดเลยลดลงมาเหลือที่ 4,767.08 เหรียญ

พอสู้ไหว เลยปิดการขาย

โทรแจ้งคนงานให้ไปรับสินค้า ก่อนมาที่บ้านในเช้าวันจันทร์

คนงานมาถึง 9 โมงเช้าครึ่ง (ไปรับวัสดุตอน 8 โมงเช้า)
เห็นขนมาด้วยรถกระบะ 2 คันแล้วสงสาร หนักมาก
มาถึงก็ขนของเข้ามาเก็บในโรงรถ
แล้วก็วางแผน ทำพื้นในห้องนอนก่อน

ด้วยความสงสาร เลยบอกว่า ชั้นยกเครื่องออกกำลังกายให้นะ
เป็นแบบปั่นจักรยาน เอาไปได้เลย
milo ดีใจใหญ่เลย แต่ก็ถามว่า ไม่ใช้เหรอ ฉันบอกว่า
ขาหัก เลยไม่ได้ใช้ พอขาหายดีก็คงจะไม่ใช้อีกแหละ จะเล่นโยคะแทน

จากนั้น 10 โมงเช้าก็เริ่มทำงาน
เขาเดินมาขออนุญาตเปิดเพลงเม็กซิกันฟัง ฉันบอกตามสบาย
เห็นเขาเตรียมน้ำ กับอาหารมาพร้อม
เลยบอกว่า น้ำดื่มถ้าไม่พอ เอาจากในครัวได้นะ
ฉันซื้อมาไว้ให้แล้ว

ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที สองหนุ่มยกชั้นหนังสือ ย้ำว่าชั้นหนังสือ 6 ชั้น
ไปวางไว้อีกห้องหนึ่ง ยกเตียงนอนแขก ยกชั้นและตู้ข้างเตียง
ขนเสื้อผ้าในห้องเสื้อผ้า และกองหนังสือในลัง เรียบร้อย
ถัดมาอีก 10 นาที ลอกพรมในห้องออกหมด 

ตอนนี้กำลังกรอพื้นไม้เดิม (เสียงดังเหมือนตอนไปขูดหินปูนเลย)

ทำงานเร็วมากจนอยากเรียกซุปเปอร์แมน

ด้วยเสียงที่ดัง ๆ ทำงานตัวเลขไม่ไหว ก็เลยบันทึกดีกว่า

บันทึกพลางฟังเสียงคนงานทำงานสลับกับเสียงเห่าของหมาน้อยไปพลาง
คาดว่า เดี๋ยวจะต้องขอให้ป้ามาช่วยรับหมาไปเลี้ยงดูก่อน
ในช่วงวีคนี้
เพราะน่าจะฝุ่นเยอะ

แล้วอีกอย่าง
7 โมงเช้าวันพฤหัสก็จะมีช่างเกาหลีมาเปลี่ยนประตูโรงรถอีก

สรุปเปลี่ยนพื้นบ้านทั้งหลัง คือ 3500 + 4767 = 8267 เหรียญ
และเปลี่ยนประตูโรงรถ 1290 เหรียญ

ทั้งหมดนี้ เพื่อ "หมาชรากำพร้าเจ้าของ" ที่รับมาอุปถัมภ์ตัวเดียวแท้ ๆ




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2558    
Last Update : 13 ตุลาคม 2558 5:31:27 น.
Counter : 821 Pageviews.  

...ก็ต้องใช้กรรมในชาตินี้แหละ

ทุกการกระทำของเรา
ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ ดีหรือร้าย
ล้วนมีผลต่อชีวิตเรา
... และมันก็จะย้อนกลับมาสู่เราเสมอ




ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง ... ใช้คำว่า เพื่อน ได้นะ

เพราะที่ผ่านมา นาง (นางชื่อนาง) ก็เป็นคนจริงใจดีอยู่นะ

พูดจาโผงผาง ตรง ๆ ดีอยู่


เป็นเพื่อนทั้งที่ทุกสิ่งสรรพในชีวิตของเรา แตกต่างกันสุดขั้ว

นางเป็นคนกลางคืน ทำงานบาร์ ผ่านชีวิตมาโชกโชน

ฉันเป็นคนกลางวัน ทำงานเอกสาร ชีวิตเกี่ยวพันกับตัวหนังสือเยอะมาก

นางเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแบบเข็ดฟัน

ฉัน...เรียบ ๆ ขรึม ๆ

ถ้าให้เทียบชีวิตเป็นสี

ชีวิตนางก็ส้มแปร๊ด ปนแดงแจ๋

ขณะที่ฉัน ไม่สีน้ำเงินเข้ม ๆ ก็สีน้ำตาลขรึม ๆ นั่นแหละ


แล้วทำไมเราถึงรู้จักกัน?


น่าจะสัก 2-3 ปีก่อน ฉันไปทำบุญกับมะเฟือง แล้วเจอนางในวัด

แรกก็อึ้ง ตกใจ งง มึน กับภาษาเถื่อน ๆ และลุคนุ่งน้อยห่มน้อยของนาง

ฟังภาษา และเห็นการแต่งกายแล้วหัวใจจะวาย

แต่ก็นั่นแหละ ฉันยังเชื่อว่า อย่าตัดสินคนที่ภายนอก

เราต้องดูกันที่ "ใจ" 


และเท่าที่ดู ใจของนางก็ดีนะ

ดูเป็นคนใจบุญดี ดูเป็นคนโผงผาง แต่ก็เอื้อเฟื้อ


ผ่านมาสัก 2-3 เดือน นางมารักษาตัวที่โรงพยาบาล

ฉันก็ อ้าวววววว มาหาหมอคนไหน เป็นอะไรล่ะคะ


คุยไปคุยมา นางโชว์ให้ดูว่า ผ่าตัดกระดูกแบบใส่เหล็กดามไว้

นางผ่าตัดแล้ว 3 หน เป็นแผลตะขาบใหญ่มาก 3 รอยยักษ์กลางหลัง

เหตุเกิดจาก นางมาทำงานบาร์ที่แอลเอ และบาร์ถูกปล้น

นางถูกไอ้มืดจับเหวี่ยงโยนออกไปนอกบาร์ เพราะนางขัดขวาง

ก็เลยหลังหัก

เป็นชีวิตที่รันทดมาก


แต่นางยังโชคดี ได้สามีเด็กที่รักนางมาก

สามีนาง อ่อนกว่าฉันอีก 5555+


แล้วก็มาถึงช่วงที่พยาบาลคนไทย ซึ่งเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมของฉัน

มาเดินออกกำลังกายด้วยกัน แล้วรุ่นพี่ชวนนางมาเดินด้วย

เพราะว่าอยู่บ้านใกล้กับบ้านนาง


ตอนที่เดินกัน 3 คน ฉันก็คุยบ้าง ไม่คุยบ้าง

ตอนหลัง รุ่นพี่ลาคลอด เหลือฉันเดินคนเดียว

นางรู้ นางก็มา นางว่า นางอยากมาเดินเป็นเพื่อน


คุยไปคุยมาถึงชีวิตนาง นางบอกว่า นางมีลูก 1 คน

และทำแท้งมาแล้ว 4 ครั้ง!!!

โอ้ แม่เจ้าาาาาาาาาาาา หัวใจแทบหยุดเต้น

นางบอกว่า ทำเพราะเดินทางผิด ทำเพราะไม่มีเพื่อนดี ๆ คอยดึง


พอถามไถ่อายุกัน นางแก่กว่าฉัน 5 ปี

ฉันเลยเปลี่ยนสรรพนาม เรียกนางว่า "พี่นาง"


ช่วงที่เดินออกกำลังกายด้วยกันแทบทุกเช้า

นางเล่าประสบการณ์ชีวิตเยอะเลย

ฉันก็ได้แต่ฟัง ฟัง ฟัง

....

นางว่า ตั้งแต่ทำแท้ง ชีวิตนางไม่เคยมีอะไรดีเลย

ทำท่าจะดี ก็ล้ม ก็พัง

พอมาอยู่แอลเอ นางก็เริ่มต้นว่าจะดี แม้จะยึดอาชีพทำงานในบาร์

แต่บาร์ที่แอลเอก็เงินดีกว่าบาร์ที่เมืองไทย

แต่นั่นแหละ พอคิดจะเก็บเงินเก็บทอง นางก็ "หลังหัก"


ช่วงระหว่างที่นางเวียนเข้าเวียนออกผ่ากระดูกหลัง

นางก็ทรมานกับ "นมปลอม" ที่ไปทำ และรั่วแล้วรั่วอีกด้วยนะ


ฟังแล้ว ... อะไรเนี่ยยยยยยยย

กรรม กรรม กรรม


...


เมื่อไม่กี่วันก่อน นางบอกฉันว่า

นางจะผ่าตัดเอาเหล็กที่หลังออก เพราะเหล็กไปทับเส้นประสาท (มั้ง)

ทำให้ปวดมาก

ฉันก็อวยพรให้โชคดี แล้วก็ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงบาลเลย

ทั้งที่ก็แค่ตึกฝั่งเหนือ กับฝั่งใต้เท่านั้นละ

เหมือนว่าจะงานยุ่งด้วยแหละ


แต่ตอนนั้นก็แอบคิดว่า คนอะไร ถูกผ่าตัดหลังถึง 4 ครั้ง

ทรมานมากนะนั่น

และยังแอบคิดอีกว่า คงเพราะทำแท้งมา 4 ครั้ง

ก็เลยต้องใช้กรรม เจ็บหนัก 4 ครั้ง (รึเปล่าหนอ)


หลังนางผ่าตัดครั้งที่ 4 ฉันโทรไปถามอาการ 1-2 ครั้ง

เตือนให้พักผ่อนมาก ๆ และย้ำว่า อย่ายกของนะ

เพราะได้ข่าวว่า นางไม่ยอมพักเลย

แต่ก็ได้แค่เตือนแหละ 

...


จนเช้าวันอาทิตย์ที่ฝนตกหนัก

โชคดีที่คืนวันเสาร์ ฉันลืมปิดเสียงโทรศัพท์

เช้านั้นก็เลยได้ยินเสียงเรียกสาย จนกดรับ

เพื่อนนางโทรมาบอกว่า "นาง...กำลังจะตาย"

ฉันก็ อ้าววว เฮ้ยยยย เกิดอะไรขึ้น

ฟังอาการแล้ว ก็ไม่ต้องคิดอะไร 

กระเผลก ๆ ไปขึ้นรถ ขับไปบ้านนาง

ใช้เวลาขับรถสัก 20 นาทีได้ ก็เห็นอาการนาง

ก็บอกนางว่า มีให้เลือก 3 ทางนะ

นอนปวดตายอยู่ที่บ้าน เพราะอาการอย่างนี้ เสี่ยงมาก

โทรเรียกรถพยาบาล ซึ่งนางบอกแพง 

เพราะประกันไม่จ่ายแน่ ตั้ง 800-1000 เหรียญแน่ะ

หรือจะทนเดินไปขึ้นรถ เพราะต้องไปหาหมอทันที


โชคดีที่นางเชื่อ เลยพานางไปถึง ER ก็ได้ลัดคิว เพราะอาการหนักกว่าคนที่นั่งรอ

ระหว่างอยู่ในห้อง ER ฉันเห็นอาการแล้ว น่าจะแย่

เลยโทรติดต่อคนที่ควรจะติดต่อ

เอาเป็นว่า นางได้ย้ายจาก ER ขึ้นไปชั้น 3 เฝ้าระวัง


ดูอาการแล้ว ฉันบอกนางว่า พี่นางควรจะ "ขอขมากรรม" นะคะ 

นางก็เอ่ยว่าตามที่ฉันพูดนำ


ตอนบ่าย ฉันติดต่อสามีนางได้ เลยคิดว่า อะ...ให้สามีเค้ามาดูแลเองละกัน

แล้วฉันก็ไปงานที่ torance กับมะเฟือง


เช้าวันจันทร์ ฉันโทรไปถามที่แผนก พยาบาลบอกว่า

นางย้ายขึ้นไปชั้น 7 แล้ว เพราะอาการคล้ายเส้นประสาทอักเสบ

สรุปง่าย ๆ เส้นประสาททับกันจนเสียหาย

นางเลยปวดร้าวแทบตาย แต่ที่สำคัญคือ ตรวจ mri

เจอแคลเซียมที่กระดูกต้นคอ ก็เลยทำให้ซีกซ้ายอ่อนเปลี้ย

จนถึงขั้นกำมือไม่ได้ หยิบจับอะไรไม่ได้


ฉันโทรไปถามอาการ ได้ยินเสียงนางสะอื้น

สามีไม่มาเยี่ยม ลูกแท้ ๆ ของนางก็ไม่แวะมา

ฉันเลยตัดสินใจไปเยี่ยม

ดูอาการแล้วแย่เลยล่ะ พอดีไปทันหมอ 3 คน ที่เดินมาตรวจอาการ

และสรุปผลว่า ต้องผ่าตัดเอาแคลเซียมที่กระดูกต้นคอออก

ฉันถึงกับอึ้ง 


ทำแท้ง 4 ครั้ง เจ็บหนักจนทิ้งไว้ 4 รอย นี่จะมีรอยที่ 5 เหรอ

ขณะยืนอึ้ง ไป ๆ มา ๆ นางก็สารภาพว่า

จริง ๆ นางทำแท้งในสมัยวัยสาวรุ่น ทั้งหมด 5 ครั้ง


โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย ปวดหัว

ถึงว่า ถึงว่าสิ ถึงได้ใช้กรรมไม่หมดไม่สิ้น


... โดยเฉพาะรายที่นางเข้าไป "ท้องในคุก" ให้นักโทษต่างชาติ

เพื่อช่วยให้นักโทษคนนั้นได้ย้ายกลับไปติดคุกที่ประเทศฝั่งยุโรป


ฉันบอกนางว่า ... การที่เด็กคนหนึ่งจะมาเกิด

เขาต้องตาย และรอ และรอ 

รายนี้ เขาก็คงรอการจะได้กลับมาเกิดอยู่ในคุก...นานนั่นแหละ

แล้วพอมีคนเข้าไปเปิดทางให้เขาได้กลับมาเกิด เขาต้องดีใจมาก

ยิ่งเขาอยู่ในท้องมาได้ตั้งนาน 4-5 เดือน แค่อีกแป๊บจะเห็นโลกใบนี้แล้ว

แล้วจู่ ๆ นางก็ไปฆ่าเค้าซะงั้น ปิดโอกาสการเกิดใหม่ของเขาดื้อ ๆ

ก็สมควรล่ะ ที่เค้าจะอาฆาตแค้นไม่จบสิ้น


นางร้องไห้ ฉันก็อึ้งไม่หาย

บอกว่า ขออโหสิกรรมบ่อย ๆ นะ แล้วทำบุญไปให้พวกเค้าด้วย


นางเถียงว่า นางทำบุญบ่อยนะ และนางก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ

ฉันเลยของขึ้น ... ทำบุญแบบลุกลี้ลุกลน สวดมนต์แบบหัวเราะคิกคักอะนะ

สมาธิน่ะ ไม่เห็นจะมีเลยนะ ทำอะไรก็เลิ่กลั่ก

แล้วอย่างนี้ จะมีพลังจิตส่งบุญไปให้เด็กได้รับบุญเหรอ


แล้วเด็ก ๆ เค้าชื่ออะไรกันบ้าง ตั้งชื่อให้เค้ารึเปล่า

เวลาทำบุญ ได้เรียกชื่อเค้ารึเปล่า เค้าจะได้มารับบุญถูกคน

นางบอก ต้องทำด้วยเหรอ


ฉันย้อนถาม ไหนว่าอ่านหนังสือธรรมะ อ่านหนังสือกฎแห่งกรรม

ถ้าอ่านก็ต้องรู้บ้างสิ


...


เป็น 5 วันที่ฉันเหนื่อยใจมากกกกกกกกกกกกกก

ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้

บอกนางว่า นี่ยังดีนะ ที่เค้ายังไม่เอาถึงตาย

ถ้าออกจากโรงพยาบาล สัญญานะว่าจะไปทำสังฆทานให้พวกเด็ก ๆ

นางก็สัญญา

แต่ "เธอต้องช่วยพาพี่ไปทำนะ"

...



อ้าวววววววววววววววว ...

มะเฟืองบอกว่า สงสัยเด็กมันจะดลใจมั้ง

แบบรู้ว่า แม่มันจะไม่ทำให้แน่ เลยมาดลใจให้แกเข้าไปเกี่ยวข้อง

แกก็คงต้องช่วยจัดการให้ไปจนถึงฝั่งแล้วแหละ


เฮ้ออออออออออออ เข้าใจแหละ


แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ... ทำไมคนบางคนถึงได้ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหนอ

ไม่เข้าใจเลย


ช่วงที่ผ่านมา ฉันเลยไม่ได้ไปเยี่ยมอีก

เหมือนเหนื่อย ๆ กับเรื่องที่ได้รับรู้ และหลายคนก็บอกว่า

กลัวจะเหนื่อยใจเปล่า

เพราะดูแววแล้ว นางน่าจะไม่ได้จริงจังกับเรื่องทำบุญขออโหสิกรรมนักหรอก

ยิ่งสวดบังสุกุล หรืออะไรให้เด็ก ๆ ที่นางไม่ให้มาเกิด นางน่าจะไม่เคยคิด

ว่านางจำเป็นต้องทำ

เพราะถ้านางคิด นางคงทำมานานแล้ว


เฮ้อออออออออออออ

เหนื่อยจริง ๆ




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2558    
Last Update : 9 ตุลาคม 2558 13:42:01 น.
Counter : 513 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

พุดดิ้งรสกาแฟ
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




สิ่งต่าง ๆ เคยสำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน
อาจไร้สาระสำหรับใครอีกบางคน


ถ้ามันไร้สาระ
โปรดทิ้งมันไปเฉย ๆ อย่างง่าย ๆ
หากมันมีประโยชน์ ฉันก็ดีใจ


..
..
..
Friends' blogs
[Add พุดดิ้งรสกาแฟ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.