Group Blog
 
All blogs
 

ก็เพียงแค่ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกัน




ช่วงเดือนนี้ที่ผ่านมา
ฮัมท่อนหนึ่งของเพลงหนึ่งได้ติดปาก
เพลงที่ว่า..   
.. มาเดี๋ยวก็ไป
แต่จะไปยังไง เดี๋ยวก็มา
ลมพัดลมพา
สักพัก ลมก็ไป
อาจจะมี ฝนเข้ามา
ก็ตกลงมา เทลงมา ฟ้าทลาย
พอเมฆกระจาย ก็หายไปกับตา..

 
เป็นเพลงที่สรุปได้ด้วยข้อคิด “แจ้งชัด” ข้อเดียว
ที่ว่า
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป..
ทุกอย่างในโลกนี้ วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ
 
ในช่วงที่เข้าสู่การเริ่มต้นส่งท้ายปี
แปลกแต่จริงเสมอว่า
ถึงช่วงนี้ทีไร ฉันเป็นได้ “รู้คิด” หลายอย่างทีนั้น
 
อย่างปีนี้ได้คิดว่า..
ธรรมะ.. บางครั้งก็มีความละเอียดลออ
อย่างชนิดที่ว่า หากไม่พิจารณาให้รอบคอบแล้ว
ระดับปริ่ม ๆ แบบยังไม่พ้นน้ำ
ก็อาจเข้าใจบิดเบือนได้ง่าย ๆ
 
ขออนุญาตยกตัวอย่างประเด็นนี้
ที่กำลังฝึกใช้อยู่
 
“ ป ล่ อ ย ว า ง ”
ปล่อยวาง ไม่ได้แปลว่า
ทอดทิ้ง หรือปล่อยให้ผุพังไป
โดยไม่ดูแลรักษา
 
ขอขยายความง่าย ๆ ว่า..
สมมติเราเช่าบ้านหลังหนึ่งเพื่อเข้าไปพักอาศัย
หลบฝนหลบแดด
แต่เราก็คิดว่า มันไม่ใช่บ้านเรา
มันเป็นแค่บ้านเช่า
เราเลยไม่บำรุงรักษา
อะไรจะผุ อะไรจะพัง.. ก็ปล่อยมันไป
คิดแต่เพียงว่า เดี๋ยวเราก็ย้ายแล้ว
 
หากคิดแบบนั้น ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน
 
ในทางที่ถูกต้องควรเป็น..
เมื่อเราเข้าไปอยู่อาศัย
เราก็ควรจะดูแล เอาใจใส่
บำรุงรักษาบ้านหลังนั้นให้ดีที่สุด
แต่ถ้ามันจะผุพังไปเพราะกาลเวลา
เราก็เข้าใจ
และเมื่อมันพังไปแล้ว
เราก็พร้อมจากไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์
 
เหมือนเวลาเราทำงาน
เหมือนเวลาเรารับผิดชอบหน้าที่
เหมือนการใช้ชีวิตในสังคม
เหมือนร่างกายของเรา..
 
ธรรมะบอกว่า กายไม่ใช่ของเรา
เราเป็นเพียงผู้อาศัย
แต่ตอนนี้ เมื่อเรามาอาศัยร่างกายนี้อยู่
ดังนั้น เราก็มีหน้าที่ในการบำรุงรักษาร่างกาย
ที่เรามาอาศัยอยู่
เมื่อเจ็บไข้ก็ต้องไปหาหมอ
 
ธรรมะไม่เคยสอนหรอกนะว่า
กายไม่ใช่ของเรา เราเป็นเพียงผู้อาศัย
มันจะตาย ก็ให้มันตายไปสิ
ธรรมะไม่เคยสอนว่า
จะต้องคิดแบบนี้
จะต้องละเลยแบบนั้น
งจะได้ชื่อว่า ไม่ยึดติด
 

แต่ธรรมะสอนให้รู้จักบำรุงรักษา
ดูแลใส่ใจ แต่ไม่ต้องไปยึดติด
(เพื่อที่เมื่อมันถึง “ที่สุด” ไปตามกาลเวลา
เราก็จะได้ปล่อยวางได้)
 
ระยะนี้ “บ้านเช่า” ของฉันเริ่มผุพัง
ช่วงที่ผ่านมาเลยต้องเวียนเข้าเวียนออก
ให้ “เหล่าคุณหมอ” ช่วยซ่อมแซมส่วนชำรุดนั้น
ซึ่ง “ซ่อมได้แค่ไหน”
“ก็แค่นั้นแล้วละ”
 
แล้วโชคดีว่า ระหว่างที่รอซ่อมอยู่
ก็ได้รับการชวนไปทำบุญพิเศษหลายบุญ
แต่นั่นแหละ ฉันก็ยังเลือกทำตามแรง
มีจิตศรัทธาแค่ไหน
ก็ทำเพียงแค่นั้น
เพราะจะอย่างไร ก็ยังคงชมชอบ
การ “ทรายธรรมดา ๆ เข้าวัด”
ยังไม่เคยคิดถึงกับขนทรัพย์สมบัติมาหลอมเป็นทองคำ
เพื่อขนไปปูพื้นวัดแต่อย่างใด
 
แต่พอยืนยันเช่นที่ว่า
คนชวนบางคนก็มาหงุดหงิดใส่ซะงั้น
จึงได้คิดอีกว่า...
 
เอโกวะ มัจโจ อัจเจติ เอโกวะ ชายะเต กุเล
สังโยคะปรมาเตวะวะ สัมโภคา สัพพะปาณินัง
จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว
ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย
ก็เพียงแค่ได้มาพบปะเกี่ยวข้องกัน..
เท่านั้นเอง

 
 




 

Create Date : 22 ธันวาคม 2562    
Last Update : 22 ธันวาคม 2562 6:30:58 น.
Counter : 687 Pageviews.  

พระ 'เทศน์' ในคุกแอลเอ




เมื่อวาน ไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง
ได้ฟังเรื่องเล่าหลากหลายของพระ ดร. รูปหนึ่ง
ชนิดตั้งใจนาทีนั้นเลยว่า จะนำมาเล่าต่อให้ได้
 
นั่นคือ วันหนึ่ง
ขณะพระอาจารย์ลองขึ้นรถเมล์คันแรกที่ผ่านหน้า
เพื่อนั่งชมเมืองแอลเอไปเรื่อย ๆ
จนได้ไปลงสุดสายที่ยูเนี่ยนสเตชั่น ในเวลาเกือบ 8 โมงเช้า
ขณะนั้น ก็มี “โต๊ะอิหม่าม” ครูสอนศาสนาของพี่น้องมุสลิมมาทัก
ชนิดถึงกับลากแขนท่านไปคุยตรงมุมตึกยูเนี่ยน
ด้วยการเริ่มต้นแนะนำว่า ชื่ออิหม่าม Abu A. Hafiz
ตำแหน่ง Supervisory Chaplain แล้วพยายามจะเชื้อเชิญ
อ้อนวอน ร้องขอพระอาจารย์ให้ไปช่วยเทศน์
แก่เหล่า “นักโทษ” ชาวพุทธทั้งหลาย
ณ The Twin Towers Correctional Facility
หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Twin Towers Jail
ซึ่งคือ คุกแอลเอ ตรงถนน Alameda นั่นเอง
 
เมื่อพระอาจารย์ยืนฟังถึงที่มาที่ไปแล้ว
ก็เลยรับนิมนต์ ตามเสียงวอนขอนั้น
ว่าท่านจะไปเทศน์ถึงในคุกฝรั่งให้แน่นอน
 
เมื่อวันนัดมาถึง พระอาจารย์เล่าความรู้สึกว่า
ตอนแรกที่ไปถึง ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจมส์ บอนด์ 007
เพราะมีการสแกนตัวท่านอย่างละเอียดยอดเยี่ยม
แต่ไม่ยุ่งยาก
แล้วหลังจากนั้น พระอาจารย์ก็เล่าว่า
 
“ทีนี้ ไม่ว่าอาตมาจะเดินผ่านประตูไหนในคุกแห่งนั้น
ก็แค่ยกข้อมือขึ้นส่องตรงไปที่ประตู
พอเสียงดังปื๊ด ๆ ประตูก็เปิดผาง
เชิญชวนให้เดินผ่านซี่กรงเหล็กเข้าไปข้างใน
ได้อย่างราบรื่น
เลยรู้สึกเหมือนตัวเองมีอาวุธวิเศษ”
 
พอผ่านประตูเข้าไป
ก็พบกับความไม่คาดฝันอันดับต่อมา
เมื่อในห้องเทศน์นั้น โต๊ะอิหม่ามจัดไว้ได้อย่างไม่มีที่ติ
ครบครันด้วยชุดพุทธบูชา
แถมมีหนังสือธรรมะวางเรียงอยู่ ณ ในห้องนั้นด้วย
แต่ขณะที่พระอาจาย์อึ้ง ๆ อย่างประทับใจอยู่เพลิน ๆ
ท่านก็สะดุ้งวาบตกใจกับเสียงโซ่ตรวน
..ที่ดังโคล้งเคล้ง โครมคราม ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
 
ท่านคิดในใจว่า
“โอ้...นี่เจมส์บอนด์ 007 อย่างเรา
จะต้องประจัญหน้ากับนักโทษขั้นไหนเล่าเนี่ย
แล้วถ้าเกิดเทศน์ ๆ ไป ไม่ถูกใจอารมณ์โก๋กี๋
จะรอดไหม”
 
ทว่า ไม่ทันจะได้ยกมือปาดเหงื่อ
ที่คล้าย ๆ จะเริ่มต้นไหลหลั่ง (แต่ยังไม่ถึงขนาดพรั่งพรู)
ท่านก็ผ่อนลมหายใจดัง “ฟิ้วววววววว”
เมื่อพบเสียงที่ว่านั้น
นั่นคือเสียงพวงกุญแจ..ที่ห้อยอยู่รอบพุงของผู้คุมนักโทษ
แล้วมันแกว่งกระทบซี่กรงห้องขัง
ตอนผู้คุมเดินย้ายร่างนำแถวนักโทษเข้ามานั่งฟังเทศ
เท่านั้นเอ๊งงงง
 
พระอาจารย์เล่าต่อ ว่า
นักโทษที่เดินเรียงแถวมารับฟังเทศน์นั้น
แต่งตัวสุภาพเรียบร้อยและมีหลายเชื้อชาติ
ไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะเป็นแค่เอเชียเท่านั้น
ซึ่งทุกคนก็ตั้งใจฟังธรรมะในวันนั้นเป็นอย่างดี
ถึงขนาด..
..มีหลายรายสะอื้นไห้
และ 1 ราย ยกมือเล่าว่า
“ท่านมาตามแรงอธิษฐานจริง ๆ”
ด้วยเหตุว่า ในยามทุกข์สุดแสน
นักโทษคนนี้สวดอ้อนวอนว่า
ขอพบ “พระ” สักครั้งในคุกนี้
แล้วเมื่อได้พบจริง ๆ เช่นนี้แล้ว
..จะกลั้นน้ำตาไหว (เร้ออออ)
 
พระอาจารย์บอก ท่านก็อึ้ง ๆ
ที่กามเทพ ทั้งส่องคันศรไปกระทบเข้าตาโต๊ะอิหม่าม
ที่กำลังมองหา “พระ” ให้ไปโปรดผู้ทุกข์ยาก
จนทำให้ท่านได้รับรู้
ถึงสภาพจิตใจของ “คนคุก” เช่นนี้ได้
ซึ่งพระอาจารย์ก็บอกว่า
อาตมาก็จะรับนิมนต์ไปเรื่อย ๆ
เพราะดูท่าแล้ว โต๊ะอิหม่ามไม่ปล่อยมือแน่
ถึงขนาดจะให้อาตมารับเป็น “พระสงฆ์ประจำคุก” ไปโน่น



 
หลายคนที่ได้นั่งฟังพระอาจารย์เล่าเรื่องนี้
ในวัด, วันนั้น
เห็นพ้องต้องกันว่า ท่านเล่าได้สนุกสนานมาก
และฉันก็ถ่ายทอดได้ไม่สนุกเท่าเทียมท่านแน่
 
หากในความสนุกสนานที่ท่านเล่า
ฉันแลเห็นแววตาแห่งความเมตตากรุณา
ที่เชื่อมั่นว่า ท่านจะเดินทางไป “ที่นั่น” อีก
นาน, นับครั้งไม่ถ้วนแน่ ๆ
 
เพราะ ณ ที่นั้น ท่านได้พบกับนักโทษคริสต์หลายคน
ที่เข้ามา “ร่วมรับความสงบใจ” อย่างไร้ซึ่งการแบ่งแยก
ด้วยศาสนา
และนั่นคือ “สันติและอิสรภาพ”
ที่ท่านบอกฉันว่า ท่านสัมผัสได้ว่า
“สันติภาพ” ที่ไร้การแบ่งแยก
มันมีอยู่ ณ แดนกักขังแห่งนั้น
 
หากที่ฉันจดจำได้มากที่สุด
ในการได้รับฟังเรื่องเล่านี้
กลับคือประโยคที่พระอาจารย์กล่าวแก่เหล่านักโทษว่า
 
“ชีวิตก็เหมือนการเล่นละคร
ตอนนี้ พวกคุณเล่นผิดบท
เลยต้องถูกนำมาเทรนใหม่ ในที่แห่งนี้
จงฝึกใหม่ให้ดี
ทำให้ดีที่สุด
เพื่อจะได้กลับออกไปเล่นได้อีก”
.
.
“...................”




ปกติ ขับรถผ่านคุกแห่งนี้ ค่อนข้างบ่อย
แต่ไม่เคยได้หยุดถ่ายภาพสักครั้ง
หนนี้เลยต้องยืมภาพจาก google ไปก่อน

ภาพทั้งสองอยู่ในกรุ๊ปภาพ ภายในใต้คีย์เวิร์ด ว่า Twin Towers Jail, LA




 

Create Date : 20 ธันวาคม 2562    
Last Update : 20 ธันวาคม 2562 5:23:40 น.
Counter : 415 Pageviews.  

ชีวิตนี้, น้อยนัก


 
เผลอแป๊บ ๆ ก็จะหมดปี 2019 แล้ว
::

จริง ๆ ปฏิทินก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงตรง
เช่นเดิมนั่นแหละ

แต่คงเพราะวิถีชีวิตทุกวันนี้ของเรา
อะไร ๆ รอบตัวพลอยดูจะหมุนเร็วกว่าความเป็นจริงไปเสียหมด
แถมสำหรับบางคน, บางอย่าง
ก็หมุนมาถึงเร็วเสียจนต้องใช้คำว่า ‘กะทันหัน’
นั่นคือ เร็วเกินกว่าที่หลายคน จะตั้งตัวรับมือทันด้วยซ้ำไป
 
อย่างล่าสุด มีข่าวน่าใจหายสายฟ้าแลบมาให้ได้ยิน
นั่นคือ ในไม่กี่วันที่ผ่านมา วันนั้นเพิ่งนัดกลุ่มเพื่อนไปกินข้าว
นั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน เฮาฮาปาจิงโกะมาก

ครั้นแยกย้ายกันไปไม่ถึง 3 ชั่วโมง ก็ได้รับสายแจ้งข่าวว่า
เพื่อนคนหนึ่ง ที่เพิ่งไปกินข้าวด้วยกันเมื่อครู่นี้
ถูกรถชน ขาหัก กระดูกแตก นอนเพียบหนักอยู่โรงพยาบาลแล้ว

ทั้งที่... เรายังนั่งหัวเราะกันอยู่เมื่อครู่นี้เองเลยนะ

หรือเมื่อเช้านี้ อุตส่าห์ดีใจที่ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสมัยประถม
แต่พอ "ฮัลโหล" แล้ว กลับยิ้มไม่ออก
เพราะเสียงเพื่อนที่ลอดมาตามสาย เอ่ยบอกข่าวว่า
แม่ของเพื่อน เสียเสียแล้ว

นั่นคือ มารู้ก็ตอนที่โรคร้ายลุกลามจนถึงขั้นสุด
ในเวลาไม่ถึงเดือนดี, แล้ว
นี่ยังไม่นับงานศพอีก 2 งาน ที่แม้ไม่สนิทกับเจ้าของงาน
แต่ทั้งสองก็ล้วนเป็นการจากไปก่อนวัยอันควร
::
 
ชีวิตเป็นของเปราะบางจริง ๆ
ชั่วพริบตาเดียว อะไร ๆ ที่คิดไม่ถึง
ก็อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
::
::
 
ผ่านมาถึงจะหมดสิ้นปีนี้แล้ว
เคยลองถามตัวเองดูมั้ยคะว่า
ทุกวันนี้ เรายังใช้ชีวิตกันอย่างประมาท...อยู่หรือเปล่า
 
จะมีใครบ้างไหม ที่คิดว่า เราจะตายวันนี้ วันพรุ่ง
หรือคิดว่า ขณะที่นั่งจิบกาแฟพลิกอ่านอะไรอยู่นี่แหละ
จะเกิดแผ่นดินไหว โครมเดียว
แล้วก็เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิไปเลย
(คิดโหดไปมั้ย)
::
 
จริง ๆ คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครคิดแบบนั้นหรอกเนอะ
เพราะใคร ๆ ล้วนคิดกันว่า เราจะมีชีวิตยืนยาว
เราจะมีแรงอย่างนี้ไปอีกหลายสิบปี
เราจะมีครอบครัว มีลูกมีหลาน
เราจะทำนั่นเป็นนี่ ตอนอายุเท่านั้นเท่านี้
เราเกษียณแล้ว จะทำโน่นทำนี่
และอีก ฯ ล ฯ
::
::

สมัยพาแม่ไปปฏิบัติธรรมที่เกาะสมุย
พระอาจารย์เคยสอนว่า 
ถ้าเราคลี่เส้นทางของสังสารวัฏ ที่เราเวียนเกิดเวียนตาย
กางออกมาเป็นเส้นตรง
ชีวิตมนุษย์ กับอายุเฉลี่ย 60-70 ปีนี่
เรียกว่า เล็กกว่าธุลีหนึ่งของจุดเล็ก ๆ บนเส้นตรงอีก
 
เวลาในช่วงชีวิตมนุษย์นั้น
ไม่ยาวนานเลยจริง ๆ
เราเคยเกิดเคยตายมาแล้ว นับชาติไม่ถ้วน
และเราก็จะยังเวียนเกิดเวียนตายอยู่อย่างนี้
อีกนับชาติไม่ถ้วน

ฟังพระอาจารย์สอนแล้วก็ อืมมม นะ...
แล้วพอกลับมา ก็ได้รับหนังสือชื่อ "ชีวิตนี้..น้อยนัก" ติดมือมาด้วย
ท่านผู้นิพนธ์หนังสือ เขียนไว้ แบบอ่านแล้วจำได้คร่าว ๆ ว่า

เมื่อชีวิตเป็นของน้อยอยู่แล้ว
ใครที่ยังใช้ชีวิตอย่างประมาท
ไม่ตระเตรียมสั่งสมเสบียงติดตัว
ละเลยการทำทาน การรักษาศีล
การปฏิบัติภาวนาในช่วงชีวิตที่เกิดเป็นมนุษย์
ที่ได้พบพุทธศาสนานี้
ก็นับว่าน่าเสียดายมาก

ความประมาท
มักจะทำให้เรามองข้ามความจริงไปเสมอ ๆ ว่า
"ทุกอย่างเป็นของชั่วคราว"
แม้บุญ แม้กุศลที่ทำให้เราเป็นสุขอยู่
ก็อยู่เพียงชั่วคราว
มิใช่แหล่งอุ่นใจอันถาวรเลย
ใครยังไม่รู้วิธี ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป
ไม่ต้องหวังอะไรไปไกลมากกว่าแค่
ทำความรู้จักกับกายใจของเราเอง
เพราะโรงเรียนศึกษาธรรมะของเราไม่ได้อยู่ที่ไหน
แต่อยู่ในขอบเขตของเรือนกาย
อันยาววา หนาคืบ กว้างศอก ที่มีใจครองนี้ นี่เอง
::
 
นั่ง ๆ คิดไป มองยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมตรงหน้าไป
แม้ไม่เคยคิดตั้งเป้าว่า จะบรรลุธรรมขั้นไหน ๆ
แต่ก็ตั้งใจแล้วว่า...
อย่างน้อย ทุกวันที่เหลือนับจากนี้ไป
ก็จะต้องหมั่นมีสติ ระลึกรู้กาย รู้ใจ
จะได้ใช้ชีวิตต่อไป อย่างมีความสุขมากขึ้น
และก็เป็นทุกข์กับสิ่งกระทบที่แปลกปลอมเข้ามาในใจเรา
ได้น้อยลงด้วย.
 




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2562    
Last Update : 18 ธันวาคม 2562 7:52:41 น.
Counter : 404 Pageviews.  

โรงหนัง $2.50 ทุกเรื่อง ทุกวัน


วันนี้ นั่งดูข่าวน่ารัก ๆ ในทีวี
เป็นข่าวผลสำรวจหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-34 ปี จำนวน 1,000 คน
ที่ให้คำตอบต่อคำถาม
“ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำเช่นนี้ มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์อย่างไรบ้าง” 
ได้แบบชวนอึ้งจริง ๆ

เพราะทั้ง 100% ไม่ว่าจะรวยหรือจน ตอบเหมือนกันหมดว่า..
ยุคนี้ เดทครั้งนึง ไม่ควรใช้เงินเกิน 50 เหรียญ


แถมจำนวน 1 ใน 3 ของสาว ๆ ยังคิดซะอีกแน่ะว่า
จริง ๆ แล้ว การเดทควรจะต้องใช้เงินน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ
คือ ไม่ควรเกิน 20 เหรียญ

อึ้งสิคะคุณขา ว่าฝรั่งเดทกันยังไง ถึงไม่ผลาญเงินในกระเป๋าเลย

จะเฉลยค่ะ เพราะเป็นคอหนังเหมือนกัน และรู้ด้วยว่า ที่เค้าพูดถึงนั้น
คือ.. ที่ไหน

นั่นคือ โรงหนัง 2.50 เหรียญ ต่อที่นั่ง ทุกเรื่อง ทุกรอบ ไงล่ะคะ
และเท่าที่อ่านคำตอบของหนุ่มสาวฝรั่งทั้งหลายก็พบว่า
โรงหนังแบบนี้มีอยู่ในหลาย ๆ เมือง

อย่างที่ฉันก็มีโรงหนังประจำของตัวเองจริง ๆ นั่นคือ
Regency Academy Cinemas 6 
เลขที่ 1003 East Colorado Blvd., เมือง Pasadena, CA 91106, USA 
ที่โรงหนังแห่งนี้ ตั๋วราคา $2.50 สำหรับรอบก่อน 6 โมงเย็น หรือที่เรียกรอบ Matinee
แล้วรอบหลังจากนั้น ก็อย่าได้คิดเชียวนะว่าจะแพง
เพราะ $3.50 ทุกที่นั่ง
ขณะที่ราคาตั๋วหนังโรงทั่วไป เฉลี่ยอยู่ที่ $15-20 ต่อเรื่อง

ที่สำคัญคือ ของขบเคี้ยวที่นี่ก็ถูกด้วย
ฮอทดอก 1.50 เหรียญ และป๊อปคอร์น ถ้าจำไม่ผิดคือ 2 เหรียญเอ๊งงงง
(โรงอื่นไม่ต้องพูดถึงนะ ราคายังกะปล้นกันแน่ะ
แพงยิ่งกว่าตั๋วหนังโรงธรรมดาซะอีก)

แต่ที่เด็ดกว่านั้น เด็ดถึงใจ ชนิดโรงไหนก็ “บีทอั๊บ” ราคาไม่ได้เลย 
คือโรงนี้เค้ามี Wednesday Night Date ในราคา $10
ซึ่งราคา 10 เหรียญนี้ คุณจะได้ 2 ตั๋วหนัง, 2 เครื่องดื่ม 2 ป๊อปคอร์น
ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นฮอทดอกก็ได้ เพราะขอเปลี่ยนให้ตัวเองเสมอ ๆ

แล้วอย่าได้คิดเชียวนะว่า.. ถูกแบบนี้ ต้องเป็นโรงกระจอกแน่
ขอบอกว่า ผิดถนัดค่ะ 
เพราะพื้นที่ตรงนี้ เป็นโรงหนังมาตั้งแต่ปี 1939 แน่ะ
และเจ้าของยังยืนยันจะคงเอกลักษณ์ราคานี้ไว้..เท่านั้นเอง

แถมพนักงานที่นี่ นิสัยก็แสนจะน่ารักสุด ๆ ด้วย
ยืนยัน

ยุคนี้ เลือกอยู่ให้เป็น แล้วคุณจะพบว่า..
เศรษฐกิจไม่ได้ย่ำแย่ขนาดหนังสักเรื่อง ก็ยังไปดูไม่ได้เลยหรอกนะ ... 




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2562    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 10:38:39 น.
Counter : 469 Pageviews.  

julie, julia & my self-heeling process



จันทร์สุดท้ายของเดือนมิถุนายน
ฉันลืมตาก่อนนาฬิกาปลุก
ตั้งใจตื่นตีห้าเศษ ๆ เพื่อไปออกกำลัง
แต่ด้วยเรื่องที่กวนความรู้สึกมาหลายวัน
พอยังไม่ตี 5 ดีก็ตื่น แล้วนอนต่อไม่หลับ
 
ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
เป็นช่วงเวลาที่ฉันใช้ความพยายามทุกวิถีทาง
ในการเยียวยาตัวเอง
จากการปล่อยตัวเองให้โดนทำร้ายความรู้สึก
 
ทุกครั้งที่เจ็บปวด..
ความบอบช้ำที่ได้รับ ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย
ไม่ว่าเวลาจะทำให้เราเติบโตแค่ไหน..
ความรุนแรง ความบอบช้ำยังมากเหมือนเดิม
เพียงแต่.. ด้วยวัยที่เติบโตขึ้น
จึงทำให้เรารับมือกับมันได้ดีขึ้น
 
หลังจากที่ร้องไห้ด้วยรู้สึกว่าเจ็บปวดเหลือเกิน
ฉันก็เริ่มคิดว่า จะจัดการกับความเจ็บปวดนี้ยังไง
 
วูบแรก.. บอกตัวเองว่า
ต้องหาใครสักคนที่ไว้ใจ เพื่อบอกเล่าความรู้สึกนี้
แล้วก็คว้าโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท
 
มุมมองจากคนที่อยู่นอกเหตุการณ์
จะทำให้เรามองเห็นในสิ่งที่มองไม่เห็น หรือนึกไม่ถึงเสมอ
เพื่อน ให้ทั้งกำลังใจ ให้ทั้งความคิดจากมุมมองของเพื่อน
มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากพอที่จะไม่แสดงอาการ
ให้คนรอบข้างที่รักฉัน ต้องห่วงใย
 
แต่เรื่องราวมันก็ยังตามมารบกวน
จนนอนไม่หลับ..
 
ตื่นเช้าด้วยความรู้สึกมัวซัวเต็มที
แถมยังเป็นเช้าที่อากาศหมองเศร้าเสียเหลือเกินอีก
แม้จะเริ่มต้นด้วยการทำงานบ้านอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น
หันเข้าหาคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ตหาหนังที่อยากดู
 
.. นี่เลย Julie & Julia
แม้จะเคยดูในโรงแล้วตั้งแต่ออกฉาย
แต่ดูซ้ำได้อีก เพราะรวมดาราคนโปรดของฉันทั้งนั้น
 
หลังจากดูหนังรอบที่ 2 จบแล้ว
ฉันเริ่มรู้สึกหลุดจากวังวนของเรื่องเดิม ๆ
ชีวิตนี้ ยังมีความฝันอีกตั้งหลายอย่างที่อยากทำ
 
วันต่อมา ฉันเริ่มดำเนินชีวิตปกติได้
แม้ใจจะคอยนึกแต่เรื่องนั้นเป็นระยะ ๆ
แล้วจนกระทั่งวันนี้ ฉันเรียนรู้ที่จะยอมรับความเจ็บปวด
และต้องมีชีวิตอยู่กับมันให้ได้
 
ฉันกำหนดความคิด ความรู้สึกของคนอื่น ไม่ได้
แต่ความคิด ความรู้สึกของตัวเอง.. กำหนดได้
กับคนที่มองไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา เราคงเปลี่ยนแปลงไม่ได้
ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
 
ฉันยังคงเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่รู้ว่า วันหนึ่งมันจะจางหายไป
เพราะฉะนั้น กินให้ได้ นอนให้หลับ

Bon Appetit to me!!!




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2562    
Last Update : 2 กรกฎาคม 2562 5:07:42 น.
Counter : 564 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

พุดดิ้งรสกาแฟ
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 31 คน [?]




สิ่งต่าง ๆ เคยสำคัญในช่วงเวลาหนึ่ง
อาจเป็นประโยชน์สำหรับใครบางคน
อาจไร้สาระสำหรับใครอีกบางคน


ถ้ามันไร้สาระ
โปรดทิ้งมันไปเฉย ๆ อย่างง่าย ๆ
หากมันมีประโยชน์ ฉันก็ดีใจ


..
..
..
Friends' blogs
[Add พุดดิ้งรสกาแฟ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.