what the answer will be
คนเรา, ไม่ควรแส่หาความผิดผู้อื่น หรือธุระที่เขาทำแล้ว หรือที่ยังไม่ทำ เราควรตรวจดูเฉพาะสิ่งที่ตนทำ หรือยังไม่ทำเท่านั้น -- ขวัญ เพียงหทัย แปลกมากที่หลงรัก คุณขวัญ เพียงหทัย มานานแสนนาน และมีหนังสือของเธอทุกเล่ม บางเล่มซื้อซ้ำมาด้วย เพราะขีดจนช้ำไปซะทุกบรรทัด พอช่วงหลัง ได้รับความใจดีของบางท่าน เลยได้รับหนังสือของคุณขวัญ เพียงหทัย พร้อมลายเซนต์ทุกเล่ม มีความสุขมากกับการได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ แบบเรียนธรรมะกลางสวน ผ่านภาษาสวย ๆ ของเธอ และก็ยังไม่ได้รีวิวหนังสือให้เธอสักที แบบว่า อาย+ แต่ก็จะทำ จะทำนะคะ พูดถึงคุณขวัญ เพียงหทัย แปลกดีนะที่ชอบคิดถึงคู่กับ คุณนิด วราภา เมื่อก่อนเคยอ่านนิยายคุณวราภาบ้าง แต่ตอนหลังก็บอกผ่าน คล้ายจะไม่ต้องจริต แบบว่าเป็นนิยายของชีวิตที่จับต้องไม่ได้ เลยก็แค่..เห็นหน้าปกก็พอแล้ว จนวันหนึ่งของ 2 เดือนที่ผ่านมา บังเอิญเจอคุณวราภา และเธอก็ยิ้ม ๆ ให้ พอป้าแนะนำว่า นี่คือใคร ใครคือคนนี้ เธอก็พูดบางอย่างให้ได้ชื่นใจ ได้แต่ขอบคุณเธอ รู้สึกแบบนี่ไงผู้ใหญ่ที่แท้ แบบว่าพูดให้คนฟังรู้สึกดีเป็นบ้าไปเลย และบ้าพลังขึ้นอีกเยอะ แต่ก็เทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ แบบว่านวนิยายเธอ 3 เรื่องซ้อนเป็นละคร ฉายในรอบหนึ่งอาทิตย์ สุดยอด แต่ก็ไม่ได้ดูหรอกนะ เพราะ..นั่นล่ะ ตอนหลังได้ทราบว่าทริคของเธอว่า เธอจะไม่เขียนนิยายจากชีวิตจริง เพราะเธอว่า มันเขียนยากและปวดหัว สู้สร้างตัวละครขึ้นมาดีกว่า ก็เลย อืมมม คนเขียนได้เป็นแสน ๆ ต้องจิ้นเก่งแบบนี้เอง เจอกันวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก ทั้งที่วงจรชีวิตใกล้กันซะขนาดนี้ พูดถึงนักเขียน เมื่อวานอ่านข่าว มีสองสามีภรรยาตกงานทั้งคู่ แล้วก็ลำบากอยู่พอสมควร จนวันหนึ่งก็เข้าเว็บแล้วลองดูว่า ทำไมคนเขียนนิยายถึงทำเงินดีขนาดนี้ สองสามีภรรยาใช้เวลาศึกษาตลาดประมาณ 1 ปี แล้วก็ลุยเลย ช่วยกันเขียนนิยายออนไลน์ ตอนนี้ตีพิมพ์ขายดีสุด ๆ เปิดเผยรายได้ต่อเดือน คนละหลายหมื่นเหรียญ บ้าไปแล้ว แต่ปรากฏว่า พอลองไปหามาอ่าน โอ้ มาย มาย อะไรจะอีโรติคได้ขนาดนั้น ถึงว่าค่าตอบแทนแพงเชียว เหตุที่บันทึกเรื่องนี้ เพราะนางสาวมะเฟืองบอกว่า เรามาแท็คทีมกันเหอะ ลาออกจากงานประจำแล้วมาหาอะไรทำ แบบเป็นนายของตัวเอง ฟังแล้วเออนะ เปิดสำนักพิมพ์กันเหอะเพื่อน ตอนเช้าทำหน้าที่ลูกกตัญญูเรียบร้อย ก็ออกไปทำธุระให้มะเฟือง ในเรื่องของบางบุคคล (แอบเสียดายเงินภาษีประชาชนแทนจริง ๆ) พอตอนสาย ๆ ก็แวะไปดูงานแป๊บนึง แล้วตอนบ่ายก็ไปหาหมอเอ็ดเวิร์ด เป็นหมอฟันคนใหม่ที่เปลี่ยนไปใช้บริการ เพราะหมอคนเดิมย้ายไปอีกรัฐ แล้วคลินิกเดิมก็ไกลบ้านมาก ขับรถชั่วโมงกว่าแน่ะ แต่คลินิกหมอเอ็ดเวิร์ดห่างจากบ้าน แค่ 17 ไมล์ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง หลังคุยกับหมอแล้วว่าอาจจะน่าดัดฟันล่ะมั้ง เพราะฟันเกที่ขึ้นซ้อนกัน ทำให้คลีนฟันลำบาก แม้ว่าสุขภาพฟันจะดีเยี่ยมมาก แต่ก็มีจุดนี้ที่น่าจะลองปรับ นึก ๆ แล้วค่าดัดฟันที่นี่ 6,400 เหรียญแน่ะ แพงจัง ที่จริงหมอเดิมเคยบอกไว้ว่า 4,200 เหรียญ แต่เป็นเหล็ก เลยรีรอเรื่อยมา กลับมาคิดดูว่าถ้าดัดฟันก็น่าจะดี เพราะในอนาคต ฟันส่วนที่ซ้อนกันนิดเดียว อาจจะส่งผลเรื่องกระดูกร่น เลยว่า เดี๋ยววันจันทร์จะตัดสินใจ หลังจากไปทดลองจัดฟันผ่านคอมฯ ก่อน พอคุยกับคุณหมอเสร็จ คุณหมอส่งตัวต่อไปให้ hygienist คลีนฟัน ขูดหินปูนดีมากเลยแม้จะไม่มีให้ขูด แต่ก็ยังดูแลดี หนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ พร้อมการแนะนำโน่นนี่มากมาย เพิ่งมาทราบว่าเป็น hygienist ที่คิวจองวันเสาร์ เต็มไปจนถึงปีหน้าแล้ว ก็ไม่แปลกใจที่คนไข้จะจองยาวขนาดนั้น ฝีมือดี คุ้มราคาขูดหินปูน 80 เหรียญ ก่อนจากกัน เธอให้สารพัดสิ่งมาด้วย ไหมขัดฟัน แปรงขัดซอกฟัน 2 ขนาด ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก แล้วบอกว่า ควรจะใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า แอบกระซิบว่า ซื้อแบบ 20-30 เหรียญ ก็ใช้ได้ดีเท่า 200-300 เหรียญแล้ว พอเดินออกมาเจอคุณหมอเอ็ดเวิร์ด คุณหมอบอกมาขอเวลาแป๊บนึง แล้วก็พาไปอธิบายข้อมูลนิดหน่อย จากนั้นคุณหมอกับภรรยาก็ให้แปรงสีฟันไฟฟ้า ฟรี เอิ๊กกกกกกกกกกกกก ตกใจ คุณหมอบอกว่า ให้ไปใช้ เพราะฟันสวยมาก รากฟันแข็งแรงมาก ไม่จำเป็นต้องดัดฟันก็ได้เพราะฟันดูดี และที่คุณหมอให้เพราะรู้ว่าถ้ารักษาฟันดี ๆ ฟันจะดีไปจนถึงอายุ 100 ปี ก็เพิ่งเห็นฟันตัวเองในจอทีวีคุณหมอนะ ไฮเทคซะจนงง แต่ก็ได้ความรู้และเออ ดีแฮะที่ไปหาหมอฟันทุก 6 เดือน มาตลอดชีวิต ตอนคุณหมอใช้เครื่องมือตรวจมะเร็งในช่องปากให้ สนุกมาก เป็นความรู้สุด ๆ เลย ยกมือไหว้คุณหมอ 555+ ภรรยาคุณหมอเดินมาขอกอด เลยยิ้ม ๆ คาดว่าดีกันขนาดนี้ก็คงต้องดัดฟันล่ะ แพงก็ต้องยอมแล้ว
ออกจากคลินิกคุณหมอก็แวะไปห้าง ตอนแรกจะซื้อลาเวนเดอร์ตามสั่ง แต่ปรากฏว่า ขายในห้างช่อละ 15 เหรียญ นึกได้ว่าที่ trader joe's ขายแค่ต้นละ 4.99 เหรียญ เลยไม่ซื้อ ค่อยแวะซื้อตอนกลับบ้าน เดินไป nordstrom เพราะแม่จะเอาครีมทารอบตา กับสารพัดชุดบำรุงผิว นึก ๆ แม่น่าจะฉีดโบท็อกซ์ เพราะไม่อยากบอกแม่เลยว่า ลังโคมน่ะมันไม่ได้ช่วยยกกระชับผิวเลย ถ้าคิดว่าซื้อลังโคมซะปีละหลายครั้ง ให้แม่ไปร้อยไหมเลยดีกว่า 1,500 เหรียญเท่านั้น ตึงทันทีด้วยซ้ำ แต่นั่นแหละ คุณนายกลัว เลยครีมก็ครีม แล้วพอดีว่าคนขายคงอารมณ์ดี เลยบอกว่า จะแถมชุดแถมให้เลย จริง ๆ เค้าจะเริ่มแถมพรุ่งนี้ แต่ก็สงสัยซื้อเยอะ เลยแถมซะอลังการมาก ชอบตรงนี้แหละอเมริกา คนขายไม่ขี้เหนียวของแถม สรุปซื้อ 4 ชิ้น ได้ของแถม 4 ชุดยักษ์ 555+ แล้วเห็นคนเดินมาแต่งหน้าเองกันฟรี ๆ ด้วย ต่างคนต่างแต่งกันใหญ่ คนขายก็ดีนะ ไม่เห็นจะว่าอะไร ตอนยืนรอ ๆ เลยคุยกันเองระหว่างคนซื้อ ปรากฏว่า นางบอกว่า มาใช้เครื่องสำอางตามเคาน์เตอร์แต่งหน้าเองบ่อย ๆ จะได้ไม่ต้องกลับบ้านไปแต่งหน้าใหม่ ดีแฮะ
ขากลับบ้านรถติดมาก ขับมาเรื่อย ๆ จนเบี่ยงเข้าสาย 2 เลยแวะซื้อดอกไม้ที่ trader joe's แต่ไม่มีลาเวนเดอร์ที่จะซื้อ เลยเลือก alstroemeria มา 2 ช่อ 2 สี ราคารวมภาษี 8.70 เหรียญ ป้าฝรั่งคนหนึ่งรีรออยู่ เลยเดินมาถามว่า ทำไมยูซื้อ alstroemeria ล่ะ มีดอกไม้อื่นตั้งเยอะ เลยบอกว่า ผลการวิจัย เอ๊ยยยย ผลการซื้อดอกไม้มาทั้งชีวิต เจ้าดอกนี่มันทนทานที่สุดแล้วค่ะป้า ยิ่งถ้าขยันเปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 2-3 วัน มันจะอยู่ยั้งยืนยงถึง 2-3 อาทิตย์แน่ะ ในขณะที่ดอกไม้อื่น ทนทานที่สุดก็แค่ 1 วีค แล้วยิ่งหน้าร้อนแบบนี้ ดอกไม้อยู่ไม่เกิน 5 วันสักช่อ ยกเว้นเจ้านี่แหละจ๊ะป้าจ๋า ป้าเลย..เหมาไปซะ 6 ช่อ ถามไปถามมา ป้าจะมีปาร์ตี้ที่บ้านนั่นเอง คนขายจอมเซอร์เดินออกมาทัก 555+ บอกว่า ยูน่าจะมาทำงานที่นี่นะ พูดแค่ 2-3 ประโยค ป้าซื้อดอกไม้ซะเต็มรถเข็นเลย เลยยิ้ม ๆ เพิ่งรู้ว่าพนักงานที่นี่ช่างสังเกตนะ กลับถึงบ้าน ได้กินแกงเหลืองอ้อดิบกับปลาดุก อร่อยแบบลืมอ้วนไปเลย
Create Date : 13 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2556 13:21:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 610 Pageviews. |
|
|