Group Blog
 
All blogs
 

Truth or Die บทที่ 11

Truth or Die บทที่ 11


"ไม่ม่ม่ม่!"



แพรีกรีดร้องพร้อมผุดลุกขึ้นมา



"ไม่ม่ม่ม่" เสียงของเธอลากยาว



เธอไม่ได้อยู่คนเดียวที่ลู่วิ่งมืดๆ โดยมีซากศพวิ่งตาม



เธออยู่คนเดียวในห้องของเธอ...บนเตียงของเธอ...ที่เธอฟุบหลับไปทั้งที่เธอยังใส่รองเท้าวิ่งอยู่



เธอครางและฝังใบหน้าบนฝ่ามือ



ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะทำให้เธอเป็นบ้า



มันเป็นเกมที่ไร้สาระ...เกมโง่ๆ



เธออยากจะหยุดเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอต้องการ



เเต่เธอก็ไม่หยุด เธอต้องไม่กลัว



แล้วแพรีก็นึกถึงคำท้าของเธอเอง และเธอก็รู้ว่าเธอกลัว...กลัวความมืด...กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว



กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวในความมืดที่ตึกไนต์แมร์



ตึกถูกปิดเพื่อจะซ่อมหลังคา คนที่อยู่ในหอต้องย้ายไปพักที่หออื่นชั่วคราว และไฟฟ้าก็ถูกตัด



ตึกไนต์แมร์ตั้งตระง่านเดียวดายและว่างเปล่าบนพื้นที่ที่ยกสูงเหมือนกับเนินเขาลูกย่อม



"ฉันไม่อยากทำเลย" เธอพูดกับตัวเองออกมาดังๆ



เเต่เธอก็รู้ว่าเธอจะต้องทำมัน รู้ว่าคืนนี้เธอจะต้องไปที่ตึกเก่าๆ มืดๆ ที่ตั้งอยู่บนเนินนั่นโดยมีคนอื่นๆ ไปด้วย



ไม่ใช่เพราะเธอกล้าหาญมากพอจะอยู่ทั้งคืนคนเดียวในหอผีสิงนั่นหรอก



เเต่เป็นเพราะเธอกลัวเกินกว่าจะปฏิเสธไม่ทำมัน

****************************************************************



"ชู่วววว!"



"เธอนั้นเเหละที่ต้องเงียบ...เเครอล" จีนพูด...ดวงตาสีฟ้าเย็นชาของเธอยิ่งดูเยือกเย็นมากกว่าเดิม



"นี่...เธอทั้งสองคนนั่นแหละ...ช่วยเงียบๆ กันหน่อย" ลิลพูดบ้าง เธอดันไหล่ของเเพรี่เบาๆ "เธอจะทำให้แพรีประสาทกินนะ"



"ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" แพรีตอบ เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลิลแตะตัวเธอ



ปกติแล้ว...ลิลจะไม่สังเกตเห็นความผิดปรกตินี้เลย "ก็ไม่แปลกหรอกถ้าเธอจะกลัว" เธอย้ำ "ถ้าเป็นฉัน...ฉันก็คงจะประสาทเสียเหมือนกัน"



"เธอคงไม่กลัวความมืดหรอกใช่ไหม?" แครอลพูดช้าๆ



แพรีหมุนศีรษะไปรอบๆ และมองเเครอล...สีหน้าของเเครอลถูกซ่อนไว้หลังแว่นตา



เธอรู้ได้ยังไง? แล้วเธอเดาได้ยังไง?



เธออ่านความลับสุดยอดของฉันแล้วรึไงนะ เธอเปิดกล่องความจริงแล้วหรือ?



"ไม่กลัว" แพรีตอบสั้นๆ



"ฉันกลัว" มัลลอรีพูดเบาๆ...เบาจนแพรีคิดว่าเธอได้ยินเพียงคนเดียว



"จริงเหรอ?" แพรีถาม ส่วนใหญ่เธอกับมัลลอรีจะมีสไตล์การแต่งตัวที่คล้ายกัน: จีนแต่งแบบสบายๆ...สเวตเตอร์ (ของมัลลอรีเป็นแบบคอวีสีลาเวนเดอร์ และของแพรีเป็นแบบมีปกสีเขียวอ่อน) รองเท้าไม่ผูกเชือก ถุงเท้าที่เข้าคู่กัน แพรีมองมัลลอรีอย่างเห็นใจ



มัลลอรีพยักหน้า "ฉันรู้ว่ามันโง่ แต่ฉัน...ฝันร้าย"



"คิดมากไปหรือเปล่า?" น้ำเสียงเเดกดันของจีนแทรกขึ้นมา "หรือบางทีจิตใต้สำนึกของเธออาจจะพยายามบอกอะไรบางอย่างกับเธอก็ได้"



มัลลอรีก้มศีรษะลงและจีนก็หัวเราะเสียงเหี้ยม



“หยุดหัวเราะอย่างนั้นเถอะ...จีน” แพรีพูดอย่างโกรธๆ ทำไมจีนจะต้องทำตัวเป็นราชินีแห่งความชั่วร้ายด้วยนะ? "จริงๆ แล้วเธอไม่รู้อะไรเลย เธอแค่ทำเป็นว่าเธอรู้เท่านั้น"



คางของจีนเชิดสูงขึ้น...ราวว่าแพรีตบจีน ดวงตาของเธอหรี่เล็กลง



“โอ้...งั้นรึ?” เธอพูด



แล้วเกรซก็ทำหน้าที่สงบศึกระหว่างเด็กสาวทั้งสอง



"หยุดได้แล้ว...ทั้งสองคนเลย" เธอหันมาพูดพร้อมกับเอามือลูบผมสั้นสีดำสนิทของเธอ "เรามาถึงกันแล้ว"



แพรีเงยหน้ามองตึกใหญ่โตเก่าๆ ที่ตั้งเด่นอยู่ข้างหน้า มันทำให้เธอลืมเรื่องจีนและคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ร้ายกาจนั่นได้ เธอรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที



ใครจะอยู่ในที่อย่างนี้ได้นะ?



อย่างน้อยก็คนตายล่ะที่จะอยู่...



"เราจะให้แพรีพักก่อน...แพรี-ผู้-ไม่-กลัว-ความ-มืด" จีนล้อเลียน "เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องที่มีผีตายก็ได้นะ..."



"ผีไม่มีทางที่จะตายหรอก" มัลลอรีพูดโพล่งออกมาโดยที่ทุกคนคาดไม่ถึง และแพรีอยากขอบคุณเธอ



เเต่เธอไม่รู้สึกแบบนี้กับจีน



"เด็กสาวที่เสียชีวิต" เธอพูดสวน แล้วหันมาอย่างรวดเร็วเสียจนผมสีเงินยวงของเธอกระเพื่อมเป็นคลื่นราวกับมีชีวิต "เธอก็แค่ขึ้นไปอยู่ชั้นบน พวกเราจะคอยผลัดเวรเฝ้าเธออยู่ข้างนอก เราจะได้เเน่ใจว่าเธอจะไม่เเอบหนีออกมา..."



"แหม...ขอบใจนะที่ไว้ใจฉัน" แพรีพึมพำ



"และทุกหนึ่งชั่วโมงเธอจะต้องมายืนตรงหน้าต่างด้านซ้ายที่อยู่ข้างหน้านี่และส่งสัญญาณไฟให้เรารู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่น"



แครอลก้มลงมองนาฬิกา "ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงสี่สิบเเล้ว" เธอพูดพลางดันแว่นตาขึ้น "หวังว่าตอนเที่ยงคืนเราจะได้เห็นสัญญาณไฟครั้งแรกนะ"



แพรีพยักหน้าแล้วก็มองออกไปที่ถนน...ไม่มีใครเลย...มันว่างเปล่า



"เอาล่ะ...ฉันไปล่ะนะ" เธอพูด



"โชคดีนะ" เกรซพูด



"แล้วเจอกัน" ลิลพูดเสริม "ไปจัดการกับมันเลย"



แพรีเดินรอบๆ และขึ้นบันไดชั้นเเรกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดอะไร...พวกเขาจะเดินไปรอบๆ ตึก สองคนจะเดินมานั่งรอที่รั้วไม้เตี้ยๆ ตรงข้ามกับถนนและคอยมองเธอ



แพรีหวังว่าประตูจะล็อก...แต่แน่นอน มันไม่ล็อก...แครอลอาจจะมาจัดการกับล็อกไว้ก่อนแล้ว มันเปิดง่ายมากและไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย เธอเปิดไฟฉายและปิดประตูข้างหลังอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ข้างนอกจะได้ไม่รู้ว่ามีคนเเอบเข้ามาข้างใน



แล้วคนข้างในล่ะ...จะรู้ไหม? แล้วผีล่ะ?



แพรีลดแสงไฟฉายให้อยู่ต่ำๆ เธอหยุดเพื่อตั้งสติและหยุดหัวใจที่กำลังเต้นระรัวของเธอ เธอไม่เเน่ใจว่าจะเจออะไรบ้าง...แต่ทางเข้าของตึกก็ดูธรรมดา...ทางเข้าเก่าๆ ซึ่งทางด้านหนึ่งมีบันไดที่นำไปสู่ชั้นสองและห้องที่เปิดอยู่...ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีชั้นฝุ่นบางๆ จับที่มุมบันได ตึกนี้ถูกปิดมาเกือบเดือนนึงแล้ว ไม่มีใยแมงมุม บ้านหลังนี้ก็มีกลิ่นของพิซซ่าเก่าๆ ติดอยู่ และมีสบู่เมอร์ฟีออยล์...สบู่สำหรับทำความสะอาดพื้นไม้ กับไม้ที่ถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ เพื่อการซ่อมแซม



ฉันกลัว แพรีคิด



เธอฉายไฟฉายไปยังบันไดทางขึ้นและเริ่มก้าวขา



ก้าวเเรกมีเสียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดเหมือนมันจะหักเพราะน้ำหนักของเธอ และตัวแพรีเองก็ปล่อยเสียร้องอู้อี้ออกมา เธอจับราวบันไดไว้และเดินหน้าขึ้นข้างบนโดยไม่สนใจเสียงลั่นของบันได



เธอหยุดอีกครั้งที่บันไดขั้นสุดท้าย...ห้องที่เด็กสาวตายอยู่ไหน? จะรู้ได้ยังไงนะ? จะเป็นยังไงถ้าฉันเลือกอยู่ผิดห้อง?



อย่าคิดถึงมันเลย แพรีสั่งตัวเอง เธอหันไปทางด้านหน้าบ้านและเปิดประตูบานหนึ่งที่จะนำไปสู่หน้าต่างบานที่สามารถมองเห็นถนน ยิ่งเข้าใกล้หน้าต่างเท่าไร เธอก็ยิ่งได้ยินเสียงหอนาฬิกาของมหาวิทยาลัยเริ่มตีเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน



แพรีรูดผ้าม่านไปไว้ข้างๆ และกดสวิตช์ไฟฉายเปิดๆ ปิดๆ อย่างรวดเร็ว



จากนั้นเธอก็ก้าวถอยหลัง



ชั่วโมงเเรกของเธอที่ตึกไนต์แมร์ได้เริ่มขึ้นแล้ว

****************************************************************



"ใครอยู่ที่นั่นน่ะ?"



แพรีนั่งอยู่บนเก้าอี้เก่าๆ ที่เธอดึงมาไว้ใกล้ๆ กับหน้าต่าง เธอกำลังนั่งรอให้คืนนี้ผ่านไป เธอใช้เวลาชั่วโมงเเรกสำรวจบ้าน...พิจารณาหนังสือที่วางอยู่บนชั้นวางของห้องบางห้อง...มองรูปที่อยู่บนบอร์ดประกาศข่าว...และเสื้อคลุมที่เเขวนอยู่หลังประตู มันเหมือนกับอยู่บนเวทีที่ไม่มีนักแสดง พวกสายลับจะความรู้สึกแบบนี้หรือเปล่านะ...เดินผ่านชีวิตของผู้คนในโลกที่ไม่มีใครแลเห็น...บันทึกสิ่งที่พวกเขาได้ทำ...แล้วพวกเขาอยู่โดยที่คนอื่นไม่ได้สังเกตเห็นได้ยังไงนะ?...และเขาก็ปกปิดความลับด้านมืดของพวกเขา



คนที่อยู่ที่นี่มีชีวิตธรรมดาๆ...ชีวิตที่พวกเขาละทิ้งมันไว้ชั่วคราวและคาดหวังว่าจะได้กลับมาอีก



แต่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่ตึกไนต์แมร์



ในห้องนอนแต่ละห้อง...แพรีหันไฟฉายไปยังของที่อยู่ประจำที่...พยายามจะคิดว่ามันมาจากสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น หรือมองอะไรที่น่าสงสัย



แต่เธอก็บอกอะไรไม่ได้ และเมื่อเธอกลับไปส่งสัญญาณเมื่อหมดชั่วโมงเเรก เธอก็คิดอะไรไม่ออกเลย



โอ...บางทีมันคงจะดีกว่าถ้าเธอไม่รู้อะไรเลย



เธอหยิบหนังสือจากชั้นวางหนึ่ง นั่งลงที่เก้าอี้ พยายามจะอ่านมันและรอให้คืนนี้ผ่านไป



เสียงปี๊บๆ ของนาฬิกาเธอปลุกเธอตอนตีสอง เธอโผล่ไปที่หน้าต่างและส่งสัญญาณไฟ แล้วเธอก็ปิดไฟ เธอมองผ่านกระจกหน้าต่างลงไปยังความมืดที่อยู่ข้างนอก



ตอนนี้ใครกำลังมองเธออยู่ข้างล่างนะ? แครอลกับจีน? มัลลอรีกับเกรซ? จีนกับลิล? คู่ไหนที่นั่งเฝ้าข้างนอกตึกไนต์แมร์ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างใน? และใครกันนะที่ไม่ได้นั่งและรอ? ใครว่างพอจะไปๆ มาๆ...โดยไม่มีใครสังเกต...หรือตรวจดู? จะมีคนที่ขังเกรซไว้ในโรงรถ...คนที่โทรศัพท์หาเธอ...หรือคนที่คิดคำท้าแปลกๆ ด้วยหรือเปล่า?



หยุดคิดได้เเล้ว แพรีบอกกับตัวเอง แต่ความคิดของเธอยังคงดำเนินต่อไป



บางทีอาจจะไม่มีใครอยู่ข้างล่างเลยก็ได้ ไม่มีใครเลย บางทีพวกเขาแค่พูดว่าจะคอยมอง...เพื่อให้เธออยู่ข้างในนี้...บางทีอาจจะไม่มีใครอยู่ข้างล่างคอยมองสัญญาณไฟจากหน้าต่างทุกๆ ชั่วโมงหรอก



แต่เธอก็บอกไม่ได้



เธอเกลียดความมืด แพรีคิด



นิ้วของเธอลูบไล้ถ่านไฟฉายที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงตรงสะโพก เธอรู้สึกถึงการกระทบกันของถ่านไฟฉายจำนวนมากที่เธอพกมาด้วย--บทเรียนที่เธอได้มาจากคำท้าของเกรซ



ฉันเรียนรู้อะไรมากมายจากเกมบ้าๆ นี่ เธอคิด



เหมือนกับว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เลวร้ายกว่าการอยู่ในความมืด--อย่างเช่นอยู่ในความมืดโดยไม่มีไฟฉาย



แล้วเธอก็กลับลงไปนั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง



เธอผล็อยหลับไปและตื่นขึ้นมาเพราะเสียงบางอย่างปลุก



ไม่ใช่เสียงจากนาฬิกาของเธอ...เสียงปี๊บๆ ที่เตือนทุกชั่วโมง...มันเพิ่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงเอง



แต่เสียงนี่ฟังดูคุ้นเคยมาก



แล้วเธอก็นึกออกว่ามันเป็นเสียงอะไร...เสียงคนก้าวเหยียบบันไดขั้นเเรก



มันจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเขา...คนใดคนนึงในกลุ่ม...มันอธิบายได้เพียงอย่างเดียว...แต่หัวใจของเธอเริ่มเต้นอย่างรุนเเรงตลอดเวลา



"สวัสดี?" เธอเรียกเบาๆ "นั่นใครน่ะ?"



ไม่มีใครตอบ บ้านเงียบมาก



เงียบผิดปรกติ...เงียบเพราะใครบางคนกำลังรอเธอในความมืด รอเธอให้ลืมเสียงนี่ รอให้เธอผ่อนคลาย...ไม่ระวัง...และกลับไปนอน



รอ



หรืออาจจะไม่รอก็ได้



เสียงของมันดังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ



มันหยุดอยู่ข้างนอกประตูห้องนอน



จบบทที่ 11



สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะ



วันหยุดได้ไปเที่ยวไหนกันไหมคะ ถ้าไม่ได้ไปก็แวะมาอ่านนิยายกับเพลินๆ นะคะ



บทที่ 11 เฉลยตัวผีร้ายในบทที่ 10 แล้ว เป็นอย่างที่คิดกันไว้หรือเปล่า ส่วนบทที่ 11 ปิดท้ายกำลังลุ้นเลย เสียงที่แพรีได้ยินเป็นเสียงอะไร คราวนี้เป็นฝันอีกหรือไม่ แล้วเจอกันบทหน้านะคะ สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ



มิถุนา
มิถุนา Bloggang
มิถุนา Facebook
มิถุนา Dek-d




 

Create Date : 14 เมษายน 2555    
Last Update : 27 เมษายน 2555 11:58:15 น.
Counter : 1867 Pageviews.  

Truth or Die บทที่ 10

Truth or Die บทที่ 10


"จริงหรือกล้า" แครอลพูดเสียงต่ำ



เด็กสาวทั้งหกนั่งเป็นวงกลมอยู่บนพื้นห้องของแครอล ข้างนอกห้อง...รอบๆ พวกเธอ...เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ตามปกติ...ผู้คนที่เรียนหนังสือ...ผู้คนที่เลี่ยงงานแล้วพากันออกไปข้างนอก...คนกลางคืนและผู้ชื่นชมเสียงดนตรี



ภายในห้องของแครอลมีแสงสว่างเพียงเล็กน้อยเนื่องจากรูดผ้าม่านปิด ทุกคนยกเว้นแครอลพากันเงียบหมด และครั้งนี้ก็เช่นกัน แครอลอยู่ในชุดสีดำ



ฉันมาทำอะไรที่นี่นะ? แพรีคิด เธอมองไปที่ทุกคน พวกเธอไม่รู้หรือไงว่านี่มันโง่มาก? โง่...และบ้า?



นี่มันไม่ใช่เรื่องปรกติเสียแล้วสิ...พวกเธอยังเล่นเกมกันอยู่...ปักหลักเล่นต่อไป...พวกเธอน่าจะเลิกเล่นได้เเล้ว เพราะไม่ช้าก็เร็วจะต้องมีใครสักคนที่แพ้



หรือตาย...



เเต่ก็ไม่มีใครตายนี่...ใช่ไหม? และมัลลอรีที่กลัวการไปทะเลสาบไร้ก้นก็กลับมาอย่างปลอดภัยไม่กี่นาทีถัดจากเธอ เกรซและจีนกลับถึงหอเมื่อคืนก่อน



"ฉันไปที่สถานีป่าไม้!" มัลลอรีพูด "บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าฉันทะเลาะกับแฟน พวกเขาก็เลยอาสาขับรถมาส่งฉันที่มหาวิทยาลัย พวกเขาใจดีมากเลย!"



แครอลถือกระดาษที่จะใช้เขียนคำท้า และแจกมันให้ทุกคน แพรีรับมาอย่างไม่เต็มใจ



เธอเกือบจะไม่มาแล้ว เเต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่มาล่ะ? พวกเขาจะเปิดกล่องและหยิบความลับของเธอขึ้นมาอ่านดังๆ ไหม?



พวกเขาจะทำไหม?



ถ้าพวกเขายังเล่นต่อไปโดยไม่มีเธอล่ะ? ถ้าพวกเขาเขียนคำท้าที่เกี่ยวกับเธอล่ะ?



แล้วแทนที่ฉันจะมีเพื่อนถึงห้าคน กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดจะเกิดขึ้น...จู่ๆ ฉันกลายเป็นคนนอก...คนที่ไม่มีเพื่อนเลย...ฉันจะทนได้เหรอ?



แล้วฉันจะอยู่ได้ยังไง?



คนอื่นๆ กำลังเขียนคำท้ากันอยู่ แพรีเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่าแครอลกำลังจ้องเธอ



แพรีรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วและเขียน ‘ฉันท้าเธอ’ และก็หยุด...ฉันไม่อยากจะท้าให้ใครทำอะไรเลย...จะเป็นยังไงนะถ้าฉันเขียนว่า ‘ฉันขอท้าให้เธอหยุดเล่นเกมนี้?’



เเต่เธอก็ไม่ได้เขียน เธอต้องคิดคำท้า คำท้าที่ไม่อันตรายจนเกินไป แต่ก็ไม่ง่ายจนเกินไป



ราวกับว่าเกมนี้มีชีวิตเป็นของมันเอง



เกมที่เธอชนะไม่ได้



และเกมที่เธอก็แพ้ไม่ได้เหมือนกัน

****************************************************************



"ฉันทำไม่ได้" เธอกระซิบพร้อมกับมองที่เศษกระดาษที่อยู่ในมือ



พวกเธอเอาคำท้าใส่ในเเจกัน...จากนั้นแต่จะคนก็หยิบคำท้ามาคนละเเผ่น



ลิลจะต้องเอาข้อสอบของใครก็ได้มา ในขณะที่เขากำลังเดินไปส่งมัน



ของจีนเหมาะกับเธอมาก...จีนจะต้องตามไปที่บ้านของผู้คุมหอตอนกลางคืนแล้วหลอกเขา



แครอลจะต้อง ‘ยืม’ แมวที่อยู่กับหัวหน้าผู้คุมหอและขังมันไว้ในห้องของผู้หญิงที่กลัวแมวตอนที่เธอกำลังหลับ



มัลลอรีจะต้องสับเปลี่ยนช็อกโกแลตยาถ่ายกับช็อกโกแลตของใครก็ได้



เกรซจะต้องเอาสีย้อมผ้าใส่ในเครื่องซักผ้าในคืนที่ห้องซักผ้ายุ่งที่สุด



แพรีมองดูคำท้าของตัวเองและเลียริมฝีปาก



"ทำไม่ได้เหรอ?" เสียงเยาะเย้ยเหน็บแนมของแครอลดังก้องไปทั่ว



"มันเป็นอะไรหรือแพรี?" เกรซถาม



แพรีค่อยๆ อ่านคำท้าของเธอออกมาดังๆ



"ฉันขอท้าให้เธอใช้เวลาตลอดคืนที่ตึกไนต์แมร์"

****************************************************************



"เธอรู้ไหม?" แพรีหายใจเร็วๆ พยายามที่ตามกับลิลและเกรซให้ทัน ซึ่งทั้งสองคนดูเหมือนจะสามารถวิ่งรอบลู่วิ่งได้โดยไม่ต้องหายใจ "ถ้าพวกเราทุกคนเลิกเล่น...เกมก็จะจบทันที ถ้าพวกเธอเห็นด้วย...เราจะได้เปิดกล่องแล้วเอาความลับของพวกเราคืน"



ลิลตอบว่า "ฉันจะวิ่งเต็มฝีเท้าและจับเวลา"



"ไม่เอาน่าลิล" แพรีพูด "เกรซ...เธอคิดว่าไง?"



"มันเป็นความคิดที่ไม่เลว...ในทางทฤษฎี" เกรซตอบ "แต่ฉัน...ฉันทำไม่ได้"



"ทำไมล่ะ? ถ้าทำอย่างนี้ก็จะไม่มีใครแพ้...พวกเราทุกคนก็จะชนะ"



เกรซไม่ตอบ แพรีเลยพูดต่อ "เกรซ...ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ! เธออยากจะให้มันเกิดขึ้นอีกเหรอ?"



"มันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุก็ได้" เกรซตอบ



"เธอคงไม่เชื่ออย่างนั้นหรอกนะ" แพรีพูด "เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ"



ลิลวิ่งผ่านพวกเธอพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ



"เธอรู้ว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในพวกเรานี่แหละ...จะเป็นคนอื่นได้ยังไง? ใครบ้างล่ะที่รู้ว่าเราอยู่ที่โรงรถ? ใครล่ะที่เป็นคนวางแผน?"



"แต่เขาจะทำอย่างนั้นกับฉันทำไมล่ะ? โดยเฉพาะแครอล ลิลหรือมัลลอรี?"



"ฉันไม่รู้" แพรีตอบ "บางทีมันอาจเป็นการเตือน บางทีเขาอาจไม่อยากให้เราเล่นต่อ"



"อย่างนั้นเธออาจจะเป็นคนทำได้เหมือนกัน" เกรซพูด



แพรีหยุดพูดทันที "เกรซ! เธอคงไม่คิดอย่างนั้นจริงๆ ใช่ไหม?"



"ไม่" เกรซตอบพร้อมกับหยุดและหันมาทางแพรี...ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ "เเต่เธอก็เป็นคนหนึ่งที่อยากหยุดเล่น"



"ฉันเป็นคนเดียวที่กล้าพูดออกมา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่ฉันคนเดียวที่ไม่อยากเล่นนี่"



"วิ่งต่อไป" ลิลหายใจลึกๆ และวิ่งผ่านพวกเธอไปอีกครั้ง "ไปต่อเรื่อยๆ"



แพรีวิ่งอย่างไม่เต็มใจและเกรซก็ตามมาอยู่ข้างๆ เธอ



"ลิลน่ะบ้า...เธอรู้ไหม?" เกรซพูด "เขาเอาแต่วิ่ง วิ่ง วิ่งอย่างนั้นได้ยังไงนะ?"



"เขาเป็นนักวิ่ง" แพรีตอบ "นั่นเป็นสิ่งที่นักวิ่งทำกัน"



"ใช่ แต่ฉันหมายถึง...มันเหมือนกับเขาบ้า...เธอคิดว่าใครก็ตามที่อยู่ในทีมฟุตบอลต้องฝึกพิเศษอย่างนี้เหรอ? มันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนบ้าเกมหรืออะไรประมาณนี้"



"เขาเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่ง" แพรีตอบ ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่เสื้อเชิ้ตสีขาวสลับแดง เธอวิ่งช้าๆที่อีกด้านของลู่วิ่ง ใจของเธอคิดถึงแต่คำพูดของเกรซ



‘ลิลน่ะบ้า’



คนบ้าเกม



ลิลอยากจะเล่น อยากจะชนะ แต่เธออยากจะเล่นมากแค่ไหนกันเชียว? การชนะมันสำคัญกับเธอมากขนาดไหน?



เกมจริงหรือกล้าจะทำให้คนอย่างลิลเป็นบ้าได้รึ?



หรือทำให้เธอเปลี่ยนไปรึไง?



"เธอรู้อะไรเกี่ยวกับลิลบ้างล่ะ?" แพรีถาม



"ไม่รู้อะไรเลย ฉันหมายถึง...ฉันรู้เท่าที่เธอรู้นั่นแหละ เราไม่ได้โตขึ้นมาด้วยกันนี่"



"เธอคงไม่คิดว่าเขาบ้าจริงๆ หรอกใช่ไหม?" แพรีชำเลืองมองเกรซ วันนี้ต่างหูของเธอเป็นรูปปลาโลมาที่ติดแน่นจนดูเหมือนว่ามันกระโดดผ่านใบหูของเธอ



"ไม่หรอก แต่เธอกำลังจะทำให้ตัวเองเป็นบ้า แพรี ฟังนะ ฉันก็ไม่ชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉัน...อาจจะไม่ชอบเป็นสิบเท่าของเธอ เเต่เธอก็ไม่เห็นใครทำใช่ไหม? นั่นเพราะมันเป็นอุบัติเหตุ"



"เธอเเน่ใจเหรอ?"



"นี่! เเล้วเธอมีอะไรจะมาพิสูจน์ไหมล่ะว่ามันไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ? ไม่มีเลย ไม่มีผู้ต้องสงสัย ไม่มีเหตุผล มันเป็นอุบัติเหตุที่...ที่เกิดขึ้นแบบไม่เจาะจงแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะเกิดขึ้นเลยต่างหาก ดังนั้นเลิกทำให้ฉันตกใจได้เเล้ว...เข้าใจไหม?"



"ฉันไม่ได้..." แพรีเริ่มแล้วก็หยุด



เธอกำลังจะบ้ารึเปล่านะ?



เธอกำลังจะเสียเพื่อนเพราะเธอทำตัวไม่มีเหตุผลรึเปล่า?



อะไรคือความจริง?



แพรีถอนหายใจและเริ่มวิ่งช้าลง



"ก็ได้" เธอพูดพร้อมกับปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติ



พวกเธอเดินเงียบๆ ขณะที่ลิลวิ่งต่อไปเหมือนคนเสียสติ



เหมือนคนที่ถูกครอบงำ



และแพรีแกล้งทำเป็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

****************************************************************



ประตูห้องล็อกเกอร์กระแทกเปิดออก



แพรีลุกขึ้นขณะกำลังดึงปมเชือกผูกรองเท้า เธอกำลังแก้เชือก



"ลิล! พระเจ้าช่วย เธอทำให้ฉันกลัว เธอวิ่งเสร็จแล้วเหรอ?"



ผมที่เต็มไปด้วยเหงื่อของลิลเปียกลู่เเนบศีรษะ เสื้อยืดหลวมๆ ของเธอเปียกแนบกล้ามเนื้อที่โคนขาเกร็งเมื่อเธอโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วถูมือ



ไกลออกไป...แพรีได้ยินเสียงน้ำไหล



"เกรซอาบน้ำอยู่" แพรีพูดต่อเมื่อลิลไม่ตอบอะไร



"มาเถอะ" ลิลพูดพร้อมกับยืนขึ้น



"อะไรนะ?"



"มาเถอะน่า ไปกับฉันหน่อย"



"ลิล! ฉันเพิ่งวิ่งมาสามไมล์นะ บางทีฉันอาจจะวิ่งไม่ได้ไปตลอดอาทิตย์เลย แล้วเธอพูดกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง"



แต่ลิลก็เหมือนไม่ได้ฟัง เธอหันเข้าหาประตูล็อกเกอร์ "มาเถอะเเพรี่ ไปเป็นเพื่อนฉันแป๊บนึง ฉันไม่ชอบอยู่คนเดียว ฉันรู้ว่าเธอก็ไม่ชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน"



ลิลรู้ได้ยังไงนะ? แพรีสงสัย



"น่านะแพรี" ลิลพูดซ้ำ "เธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันหรอกรึ?"



"อยากสิ" แพรีตอบ



"เชื่อฉัน เรามาไกลกันเกินไปแล้ว" ลิลผลักประตูเปิดและก้าวออกไปพร้อมกับชี้ชวนให้แพรีตามเธอมา



แพรีค่อยๆ ก้าวขาตามอย่างไม่เต็มใจนัก



"เธอคงไม่กลัวหรอกใช่ไหม?" ลิลถาม



"ไม่มีทาง!" แพรีตามลิลไป



มันเริ่มจะมืดเเล้ว และลู่วิ่งก็ใกล้จะมืดเต็มที อีกไม่นานความมืดจะปกคลุม นักวิ่งคนอื่นก็ไปกันหมดเเล้ว



ลิลวิ่งนำ



"รอเดี๋ยว" แพรีพูด "รอฉันด้วย"



ลิลยังคงวิ่งต่อ...วิ่งไปยังทางที่นำเธอไปสู่ประตู...ระหว่างอัฒจันทร์...ข้ามสนามหญ้า...และลู่วิ่ง ร่างของเธอเป็นเพียงเงารางๆ ที่กำลังเคลื่อนที่



"รอก่อนสิ" แพรีเรียกพร้อมกับพยายามวิ่งให้เร็วขึ้น เธอสะดุดที่ริมลู่และเกือบจะล้มแต่เธอก็ทรงตัวไว้ทัน



"ลิล!"



ลิลลดฝีเท้าลง...แต่ลดลงเพียงนิดเดียว



แพรีเริ่มวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่ขาเธอเจ็บ ปอดของเธอร้อนเป็นไฟ



ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย? เธอคิด นี่มันบ้าชัดๆ



เธอวิ่งเกือบจะครบรอบแล้ว เธอปิดตา แต่พอลืมตาขึ้นมาอีกที ลิลก็หายวับไปในความมืด



"ลิล!" เธอเรียก



"ลิลลลล"



ไม่มีใครตอบ



ความมืดเริ่มครอบคลุม เธอรีบย่ำเท้า เหลืออีกแค่หนึ่งส่วนสี่ไมล์...อีกไม่กี่นาที เธอมาถึงทางจะไปประตูโรงยิม เธอชะลอฝีเท้าที่นั่นและหันกลับ



แต่แล้ว...เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลังของเธอ



ลิลวิ่งครบรอบอีกแล้วเหรอเนี่ย? เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ลิลก็ไม่น่าจะวิ่งได้เร็วขนาดนั้น นั่นมันเร็วเกินกว่าคนธรรมดาจะทำได้



ความเย็นยะเยือกเคลื่อนผ่านกระดูกสันหลังของแพรี



เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามา



เขาจับไหล่ของเธอไว้



แพรีเหลือบเห็นเสื้อสีแดงของลิลจากหางตา



"เธอวิ่งเร็วขนาดนี้ได้ยังไง?" แพรีหอบเเละหันกลับไป



แต่ที่เธอเห็นไม่ใช่ลิล



มันเป็นโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยเลือด



ร่างที่ไม่มีเนื้อหนังหุ้มวิ่งอยู่ข้างๆ เธอ



ซากที่เต็มไปด้วยเลือดและไร้ริมฝีปาก...มันแสยะยิ้ม



แพรีกรีดร้องและเริ่มวิ่งอย่างไร้จุดหมาย เธอวิ่งตัดข้ามกลางลู่



ซากไร้ชีวิตยังคงตามเธอมาติดๆ



"ไม่! ไม่นะ ไปให้พ้น!" แพรีร้อง เธอวิ่งเร็วขึ้น



เร็วขึ้น



และเร็วขึ้น



แต่มันก็ยังตามเธอมา



เธอหาประตูไม่เจอ มันมืดมาก มืดเหลือเกิน



จากนั้นเธอก็รู้สึกว่านิ้วมือเย็นเฉียบที่เต็มไปด้วยเลือดแตะที่ไหล่ของเธอ



"ไม่ม่ม่ม่ม่" เธอกรีดร้อง



มันเริ่มหัวเราะ เสียงหัวเราะของมันโหยหวนเหมือนเสียงของปีศาจ ลมหายใจของมันเหม็นเน่า



"ใช่ช่ช่ช่ช่" มันส่งเสียง



"เธอหนีฉันไม่พ้นหรอกแพรี เธอไม่กล้าหรอกกกกกกก..."



จบบทที่ 10






สวัสดีค่า

บทที่ 10 ปิดท้ายไว้ค้างคามากเลย อยากรู้ไหมว่าแพรีเจออะไร...ใคร รออ่านกันบทหน้านะคะ เกมจริงหรือกล้ายังคงดำเนินต่อไป...และอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งที่แพรีอยากจะเลิก แต่ไม่มีใครยอมเลิก เหตุผลใดซ่อนอยู่ในนั้น อย่าลืมรออ่านกันต่อค่า

ใกล้จะจบงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติแล้ว เพื่อนๆ ได้ไปเสียทรัพย์ในงานกันบ้างหรือยัง มิถุนาซื้อไปบ้าง...แต่ยังไม่พอ เดี๋ยวค่อยไปเก็บต่อวันท้ายๆ

วันเสาร์อาทิตย์ที่ 7 – 8 เมษานี้ มิถุนาจะอยู่ที่บูธ ณ บ้านวรรณกรรมนะคะ ใครว่างหรือเดินผ่านก็แวะไปทักทายกันได้ ไม่แน่ใจว่ารัตติลวง ที่รอคิวออกกับยาหยียาใจ จะออกทันในงานสัปดาห์หนังสือหรือเปล่า แต่นิยายเล่มล่าสุด...แสนแค้นแสนเสน่หา ที่ออกกับเขียนฝัน สามารถหาซื้อได้ที่บูธร้านนายอินทร์ค่ะ

ตอนนี้มิถุนาเริ่มลองหัด Fan Page ดู เอาไว้อัพเดตเกี่ยวกับนิยาย ใครสนใจก็เข้าไปดู หรือเข้าไปคลิก Like กันได้ค่ะ
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ

แล้วเจอกันบทหน้านะคะ
มิถุนา
มิถุนา Bloggang
มิถุนา Facebook
มิถุนา Dek-d




 

Create Date : 04 เมษายน 2555    
Last Update : 27 เมษายน 2555 11:59:06 น.
Counter : 1770 Pageviews.  

Truth or Die บทที่ 9

หมายเหตุ...ถ้าต้องการอ่านบทที่ 9 ที่จัดหน้าเรียบร้อยกว่านี้ คลิกอ่านได้ที่นี่



Truth or Die บทที่ 9

แสงไฟส่องมาจากบันไดและสาดแสงสีเหลืองจ้าลงบนถนนเมื่อเด็กสาวเดินผ่าน น้ำเสียงโมโหตะโกนไล่หลังพวกเธอมา

"มาเถอะ" แพรีเรียกพร้อมดึงเกรซที่อยู่ข้างๆ ให้วิ่งไปริมถนนที่มืดมิด เด็กสาวทั้งสามเดินบนทางเท้า เกรซพยายามเดินตามเพื่อนๆ ให้ทัน พวกเธอเข้าไปในตรอกเล็กๆ แพรีหยุดเมื่อเดินสุดทางเดินของตรอกเเคบๆ เกรซเดินโซเซและเกือบจะล้ม ใบหน้าเธอเป็นสีขี้เถ้า เธอหยุดหอบหายใจ

"มีตลาดกลางคืนอยู่ตรงนั้น" จีนพูดพร้อมกับชี้ "ไปที่นั่น ซื้อมันฝรั่งทอดและของกินอื่นๆ กันเถอะ"

"อะไรนะ?" แพรีร้อง "ในเวลาแบบนี้ เธอยังหิวอยู่อีกเหรอ?"

"ฉันไม่ได้หิว แต่ถ้าพวกเราถืออะไรบางอย่างกลับไปด้วย...มันจะดูเหมือนว่าเราเพิ่งกลับจากซื้อของ...ถ้าเกิดว่ามีใครหรืออะไรก็ตามหยุดเรา"

"...เป็นการกลบเกลื่อน...ก็ดีเหมือนกัน" เกรซพึมพำจากนั้นเธอก็พูดว่า "...ฉันหิวน้ำ..."

จีนพูดว่า "งั้นรออยู่ที่นี่นะ" แล้วเธอก็เดินจากไป แพรีฉวยไฟฉายที่เสียแล้วมาจากนิ้วมือที่อ่อนแรงของเกรซและโยนมันลงถังขยะ

อีกไม่กี่นาทีต่อมา...จีนก็กลับมา เธอดึงที่เปิดกระป๋องน้ำอัดลม "อ้ะ"

เกรซดื่มอย่างกระหาย ใบหน้าเธอเริ่มมีสีเลือด

"ตอนนี้เธอพอจะเดินได้หรือยัง?" แพรีถาม

เกรซพยักหน้า

สักพัก...พวกเธอก็เดินกลับมาถึงมหาวิทยาลัย...เกรซหยุดเป็นพักๆ เพื่อหายใจ

"เอาล่ะ...เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?" จีนถาม

เกรซสูดหายใจลึกๆ เเล้วตอบว่า "เกิดอะไรขึ้นเรอะ? ฉันคงจะรู้หรอกนะ...ตอนแรกฉันแอบเข้าไปในโรงรถเก่าๆ น่ากลัวนั่นและปล่อยลมยางรถของศจ.กุยเลียนนี...ถัดจากนั้น ใครก็ไม่รู้เดินมาที่ประตูโรงรถ"

แพรีดีใจที่ได้ยินเสียงที่เริ่มเป็นปรกติของเกรซ "แล้วเธอทำยังไงล่ะ?" แพรีถาม

"ฉันก็หลบมาอีกด้านหนึ่ง แล้วก็กลิ้งตัวเข้าไปอยู่ใต้ม้านั่งน่ะสิ โชคดีที่ฉันไม่ได้เปิดไฟฉาย ฉันพยายามจะไม่ใช้มันเพราะถ่านกำลังหมด" เกรซหยุดสูดลมหายใจ

"แล้วใครก็ไม่รู้เข้ามาในโรงรถ...ในรถ...และติดเครื่องยนต์ ฉันคิดว่า เยี่ยมมาก...ฉันเพิ่งปล่อยลมยางรถไปสองล้อเอง พวกเขาจะเอารถออก...สังเกตเห็นมัน...และจะพบฉันที่นั่น ดังนั้นฉันเลยกลิ้งตัวไปอีกทาง ตรวจดูที่ประตูและคิดจะพังมันออกไป"

"ทำไมเธอไม่ทำล่ะ?" จีนถาม

"เพราะใครก็ตามที่เข้าไปในรถ ปล่อยให้เครื่องยนต์ติดต่อไป จากนั้นเขาก็ออกจากโรงรถแล้วปิดประตูทิ้งท้าย" เกรซหยุดพูดแล้วเเล้วสูดลมหายใจอีกครั้ง

"ฉันรอ คิดว่าบางทีอาจมีใครมาอุ่นเครื่องไว้ก่อนจะขับ ฉันคิดว่าพวกเขาจะกลับมา แต่หลังจากนั้นสิบห้านาที...ฉันก็รู้ว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว"

"เธอเลยตัดสินใจจะออกบ้าง แต่กลับพบว่าประตูล็อกอยู่"

เกรซพยักหน้าและดื่มน้ำอัดลมอึกใหญ่ "ใช่...ฉันเริ่มกลัว ฉันหมายถึง...มันแปลกมากเลยนะ และยิ่งแปลกมากกว่าเดิมเพราะเครื่องยนต์ทำงานอยู่...และประตูทุกบานก็ล็อก"

"เธออาจตายได้นะ" แพรีอุทาน

"ฉันรู้" เธอหยุดแล้วก็พูดต่อ "ฉันคิดว่ามีใครสักคนพยายามที่จะทำอย่างนั้นอยู่"

"เธอหมายความว่ามีใครบางคนรู้ว่าเธออยู่ที่นั่น? และเขาก็ตั้งใจทำใช่ไหม?" จีนพูดเสียงแหลมด้วยความประหลาดใจ "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย"

เด็กสาวทั้งสามเดินผ่านศูนย์นักศึกษาที่ทั้งมืดเเละเงียบโดยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย พวกเธอมุ่งหน้ากลับหอ จากนั้นแพรีก็เริ่มพูดช้าๆ

"ใครจะทำเรื่องแบบนี้? ใครเป็นคนทำ? ใครจะรู้ว่าเราต้องไปที่นั่น...ไม่มีใครเลยนอกจากหนึ่งในพวกเรานี่แหละ?"

เกรซพยักหน้า...แต่จีนก็พูดขึ้นมา

"ไม่มีทาง! ถ้าจะเป็นใครสักคน คนๆ นั้นจะต้องเป็นศจ.กุยเลียนนีแน่ๆ เขาเห็นเธอ...เห็นยางรถ...แล้วเขาก็ตัดสินใจสอนบทเรียนให้แก่เธอ"

"ศจ.กุยเลียนนีอาจจะบ้าๆ บอๆ ก็จริง แต่เขาไม่ใช่คนบ้าขนาดจะทำอะไรอย่างนั้นได้หรอกนะ" เกรซแย้ง

"ดังนั้นจะต้องเป็นใครคนหนึ่งในพวกเรา? ใครล่ะ? เกรซ?"

"ฉันไม่รู้" เกรซพูด "แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่เธอกับแพรีแน่ พวกเธอช่วยฉันไว้"

จีนพูด "ขอบใจนะ...แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าเราไม่ได้แกล้งจัดฉาก? ฉันหมายถึง...บางทีฉันกับแพรีอาจจะร่วมมือกัน หรือบางทีแพรีอาจจะใช้ฉันเป็นหน้าฉาก หรือฉันอาจจะใช้เธอ..."

"คืนนี้ไม่มีใครอยู่หอเลย" แพรีพูด "จำได้ไหม...จีน?" เราโทรไปหาแครอลและลิลแล้วก็มัลลอรี และไม่มีใครอยู่เลย"

"แครอลกับลิลพามัลลอรีไปที่ทะเลสาบไร้ก้น พวกเขาอาจจะอยู่ที่นั่น" จีนพูด "บางทีอาจจะมีใครตามเธอไป...เกรซ...มันจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เธอก็รู้...ใครบางคนที่อยู่ตามถนน"

"เเต่เขาติดเครื่องยนต์ได้ยังไง?" แพรีสงสัย

เกรซยักไหล่ "บางทีศจ.อาจจะทิ้งกุญแจไว้ในรถ หรือบางทีอาจจะมีใครรู้วิธีติดเครื่องยนต์โดยไม่ใช้กุญแจก็ได้"

"เธอจำได้ไหมว่ามีกุญแจอยู่ในรถ?"

"ฉันไม่รู้ คือฉันไม่เห็นชัดๆน่ะ...ฉันพยายามจะเปิดประตูรถ พอมันเปิดไม่ได้ ฉันก็มาลองเปิดประตูโรงรถแทน ฉันคิดแต่ว่าจะต้องไม่ทำเสียงอะไร เพราะฉันไม่อยากถูกจับได้"

แล้วพวกเธอก็มาถึงหอ พวกเธอหยุดอยู่ที่ล็อบบีที่มีผู้คุมหอนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังและกำลังหาวหวอด

เกรซชำเลืองไปทางผู้คุมและพูดต่อ "ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นฝีมือของศจ.กุยเลียนนีหรอกนะ ฉันว่าฉันถูกสะกดรอยตามและโดนจัดการ"

"ไม่น่าจะใช่นะ" จีนพูด "มันคงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่ไหม? มันจะต้องเป็นเรื่องล้อเล่นหรืออาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุ...ศจ.สติเฟื่องลืมติดรถยนต์ทิ้งไว้"

เกรซสั่นศีรษะ...เธอไม่ได้ตอบอะไรแต่หลังหันแล้วเดินจากไปอย่างช้าๆ และระมัดระวัง

"เธอเชื่ออย่างนั้นจริงๆ เหรอจีน?" แพรีถามเมื่อเธอเห็นเกรซเดินลับสายตาไป

จีนมองหน้าแพรี "ฉันคงต้องเชื่ออย่างนั้น" เธอตอบ

จากนั้นเธอก็หมุนตัวแล้วเดินไปยังทางสู่ห้องหอของเธอ ทิ้งแพรีให้ยืนอยู่คนเดียว





แพรีบ่นพึมพำแสดงความไม่พอใจและพลิกตัวไปอีกด้านให้ห่างจากแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ที่ทอดผ่านหน้าต่างห้องของเธอ เมื่อคืน...เป็นเวลาหลังตีสามกว่าเธอจะได้หลับ และตอนนี้เธอมีชั่วโมงเรียนทั้งวันรอเธออยู่ รวมทั้งชั่วโมงประวัติศาตร์ตะวันตกตอนแปดโมงของศจ.กุยเลียนนี และแน่นอนศจ.กุยเลียนนีเช็กชื่อนักเรียนด้วย

แพรีบ่นอีกและลุกขึ้นนั่ง เธอหวังว่าอย่างน้อยศจ.คงจะมีคืนที่เลวร้ายเหมือนกับเธอ บางทีเขาอาจจะอยู่กับรถของเขาตลอดทั้งคืนก็ได้





แต่ถ้าเขาอยู่ เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย แพรีเลื่อนตัวลงนั่งที่ที่ของเธอทันทีที่เสียงกริ่งดังขึ้น ดวงตาพร่ามัวมองผ่านศจ.ที่บรรยายบทเรียนอย่างรวดเร็วตามสไตล์ของเขา...ยิงคำถามเหน็บแนม เจ็บแสบ และเผ็ดร้อนใส่ใครก็ตามไม่ฉลาดพอ

เป็นท่าทีปรกติของเขา แพรีคิด เธอเกยคางไว้บนมือและพยายามจะลืมตา

ในที่สุดก็หมดชั่วโมงเรียน...แพรีลุกออกจากจากที่นั่งและเดินโซเซรวมไปกับฝูงนักศึกษาเพื่อไปหากาแฟที่ศูนย์นักศึกษา...มองดูเหล่านักศึกษาที่ชอบตื่นนอนตอนเช้าและเข้าชั้นเรียนเช้าในขณะที่ชาวบ้านกำลังนอนอยู่

"อรุณสวัสดิ์" น้ำเสียงตื่นตัวดังมาจากทางข้างหลังของเธอ

"ไม่ใช่สักหน่อย" เธอพูดก่อนจะมองว่าเป็นใคร "ไบร! คุณมาทำอะไรแต่เช้าเชียว?"

"มีสอบตอนกลางวันนี้...ผมเกลียดการเป็นคนกลางคืน เลยพยายามจะทำอะไรตอนเช้าๆ"

"เอ่อ...คุณเป็นคนตื่นเช้าเหรอ?"

ไบรอันมองหน้าแพรีและพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ "คุณไม่ใช่ล่ะสิ..มาเถอะ...เราไปหากาแฟดื่มกัน คุณจะรู้สึกดีขึ้นหลังจากนั้น"

"ฉันไม่เคยรู้สึกดี..." แพรีหยุดและจ้องรถที-เบิร์ดของศจ.กุยเลียนนีที่อยู่ในที่จอดรถของคณะตามเดิม...ยางรถทั้งสี่เส้นเป็นปรกติเหมือนไม่เคยถูกเจาะ

"แพรี?"

"อะไรเหรอ?"

"กาแฟไง?"

"โทษทีนะ" ดวงตาของเธอเบนออกจากรถและเดินตามไบรอันผ่านแผ่นหินที่นำพวกเขาไปยังศูนย์นักศึกษา "ฉันเดาว่าฉันจะต้องล้มก่อนจะได้ดื่มกาแฟแน่ๆ"

"ไม่มีปัญหา" ไบรอันพูดปลอบ "ตอนนี้ผมมีคำท้าสำหรับคุณ"

"คำท้า? คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?" แพรีถาม ชั่วขณะนั้น...แพรีคิดว่าไบรอันรู้เรื่องคำท้าให้ปล่อยลมยางรถของศจ.กุยเลียนนี มันเป็นความคิดที่...

เธอได้หันไปมองรอบๆ แล้วจ้องที่รถของศจ.มากกว่าหนึ่งครั้ง

"เรื่องเกมของคุณไง...คุณก็รู้...ผมขอท้าคุณให้อยู่ตลอดทั้งเช้าโดยไม่ดื่มกาแฟ"

"ฮะ" แพรีหัวเราะ "ฮะ ฮะ" เธอยิ้มเมื่อเธอเดินไปยังโรงอาหารกับไบรอัน





"ดีขึ้นหรือยัง?" ไบรอันถามหลังจากนั้นไม่นาน

แพรีดื่มกาแฟถ้วยแรกของเธอเสร็จจึงพูดว่า "ค่อยเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย"

"จะเอาเพิ่มอีกถ้วยไหม?" ไบรอันถาม

"ขอบคุณ" แพรีตอบ

ไบรอันยืนขึ้น...หยิบถ้วยของพวกเขาแล้วเดินไปต่อแถวกาแฟ

"แพรี"

แพรีเงยหน้า "แครอล!"

"ได้ยินมาว่าเธอเป็นฮีโร่เมื่อคืน" แครอลพูด เธอยิ้มแต่ไม่ได้เป็นยิ้มที่มีเสน่ห์เลย...ดวงตาสีเขียวเข้มหลังแว่นตาสีพลอยตาแมวดูไร้ชีวิตชีวา

แพรียักไหล่ เธออยากจะคุยกับแครอลเรื่องอุบัติเหตุเมื่อคืน ไม่...ที่จริงเเล้ว...เธอไม่เต็มใจจะคุยกับเเครอลเลย

ถ้าเเครอลสังเกตเห็น เธอจะไม่ถาม ทว่าเธอกลับเลื่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับแพรี

"ทุกอย่างปรกติและอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดีl" เธอพูด "และไม่เป็นอะไรด้วย...รถของศจ.อยู่ที่มหาวิทยาลัย...ในสภาพปลอดภัย"

"ฉันรู้ ฉันเห็นมันแล้ว" แพรีตอบ

"เธอน่าจะภูมิใจในตัวเองนะ...เธอช่วยชีวิตเกรซไว้"

"ฉันไม่ได้ช่วยชีวิตเกรซ" แพรีพูด

"ช่วยชีวิต" ไบรอันพูดซ้ำ...วางถ้วยกาแฟข้างหน้าแพรี "รวมถึงการผายปอดแบบปากต่อปากด้วยรึเปล่า? ผมจะได้ขอร่วมวงด้วยคน?"

แครอลหัวเราะมุกของไบรอันและไบรอันก็ดูพอใจมาก

รอดูไปอีกสักนหน่อยเถอะ แพรีคิด ไบรอันยังไม่รู้ว่าแครอลเป็นจอมเผด็จการขนาดไหน?

แล้วเธอก็คิดว่า...เธอไม่ชอบเเครอล ไม่ชอบจริงๆ

มันทำให้แพรีช็อก เธอไม่เคยเกลียดใครมาก่อน ถ้าหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของเธอ เธอจะพยายามทำใจรับให้ได้ และถ้าหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก เธอก็จะไม่สนใจเขาคนนั้นเลย...มันเป็นโลกที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน

แต่ไม่ใช่อีกต่อไป

เรื่องแปลกๆ เมื่อคืนทำให้เธออยากรู้อยากเห็นและอยากสนใจ

เธอเกือบจะยิ้มออกมาให้กับเรื่องที่เธอคิดโดยไม่ได้ตั้งใจ แครอลพูดถูกเรื่องเกมนั่น

"คืนนี้นะ" แครอลพูดพร้อมกับยืนขึ้น

"อะไรเหรอ?" แพรีถาม

"ทุ่มนึง ที่ห้องฉัน" แครอลโบกมือแล้วเดินจากไป

"ติวหนังสือกันเหรอ?" ไบรอันถาม

"เอ่อ...ใช่แล้ว" แพรีตอบ เธอนึกถึงคำพูดของแครอลกลับไปกลับมาแล้วก็รู้ว่ามันไม่ใช่การจับกลุ่มอ่านหนังสือ...ไม่ใช่แน่ๆ

มันเป็นนัดหมายเพื่อเล่นเกมอีกรอบต่างหาก

จบบทที่ 9





หวัดดีค่า

มาต่อบทที่ 9 ให้ถัดจากเรื่อง ราตรีลิขิตนะคะ

บทที่ 9 นี้ อ่านจบแล้วเป็นยังไงบ้าง ดูท่าว่าในบทต่อไป สาวๆ ของเรายังจะเล่นเกมกันต่ออีก ไม่กลัวอะไรบ้างเลย คนเล่นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ รอติดตามอ่านกันต่อไปนะคะ

ใกล้งานสัปดาห์หนังสือกันแล้ว เพื่อนๆ เตรียมรายการหนังสือที่จะซื้อหรือยัง มิถุนายังไม่ได้เตรียมเลย แต่มีบูธที่จะแวะในใจบ้างแล้ว

อีกสักพักใหญ่ๆ จะมีเกมมาให้เล่นกันนะคะ ใครสนใจเรื่อง แสนแค้นแสนเสน่หา นิยายนามปากกาใหม่ของมิถุนา พิมพ์กับสนพ. เขียนฝันในเครือไลต์ออฟเลิฟ ติดตามกันได้ค่ะ
เอาปกมายั่วน้ำลายเล่นๆ กันก่อน


แล้วเจอกันค่ะ
มิถุนา
//mithuna.bloggang.com




 

Create Date : 24 มีนาคม 2555    
Last Update : 24 มีนาคม 2555 1:04:28 น.
Counter : 1752 Pageviews.  

Truth or Die บทที่ 8

Truth or Die บทที่ 8

ผ่านมาสามชั่วโมงแล้วนะ แพรีคิด

แครอลและลิลยังไม่กลับมาจากทะเลสาบไร้ก้นเลย และจีนก็ยังเดตอยู่กับผู้ชายจากคอลัมน์ส่วนตัวในหนังสือพิมพ์

แล้วแพรีก็พบว่าเธอกำลังพาตัวเองไปยังห้องของจีน

เธอหวังจะพบใครสักคน...จีนเปิดประตูทันทีที่เธอเคาะประตูครั้งเเรก จีนอยู่ในชุดเสื้อคลุมผ้าไหมสีฟ้าอ่อนสีเดียวกับดวงตาของเธอ เธอรวบผมไปข้างหลัง ดูเหมือนว่าเธอกลับมาถึงเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว

"แพรี" เธอพูดขณะยืนอยู่ที่ประตู "หวัดดี"

"หวัดดีจีน! ฉันคิดว่าเธอมีเดตเสียอีก"

"คำท้าของฉันคือให้ไปเดตนะ ไม่ใช่แต่งงานสักหน่อย" จีนมองแพรีเยาะๆ "หรือเธอคิดว่าฉันไม่ได้ออกไปเดตจริงๆ?"

"เปล่านะ เปล่าเลย...ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" แพรีพยายามยิ้มให้ แต่จีนไม่ได้ยิ้มตอบหรือไม่ได้พูดอะไร

แล้วแพรีก็เริ่ม "ฉันเป็นห่วงเกรซน่ะ เธอยังไม่ได้กลับมาจาก...จากบ้านศจ.เลย นี่มันก็ผ่านมาตั้งสามชั่วโมแล้วนะ"

"นี่...แล้วเธอเป็นใคร...เป็นแม่ของเกรซรึไง? ลืมมันซะเถอะ ตอนนี้เกรซอาจจะอยู่ที่ห้องของใครคนใดคนนึงก็ได้"

แพรีย้ำ "ไม่มีทางหรอก ก็เธอบอกว่าจะมาที่ห้องของฉันทันทีที่เธอกลับมา แต่เธอก็ยังไม่มาเลย"

จีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เกมนี้จะทำให้พวกเราลำบาก" เธอก้าวถอยหลังแล้วดันแพรีเข้าไปในห้อง "เข้ามาข้างในก่อน แล้วฉันจะโทรเรียกแครอล ลิล กับมัลลอรีมาช่วยกันหาจีน"

"มัลลอรีอยู่ที่ทะเลสาบไร้ก้นเพื่อรับคำท้าของเธอ" แพรีบอก "ส่วนลิลกับแครอลยังกลับมาไม่ถึงเหมือนกัน"

"โอ้...ใช่ เอาล่ะ...เราจะโทรฯ ไปแล้วทิ้งข้อความไว้...ตกลงไหม?"

แต่ไม่มีใครรับโทรศัพท์ที่ห้องของมัลลอรีเลย เพื่อนร่วมห้องทั้งของเเครอลและของลิลก็ไม่รู้ว่าพวกเธอไปไหนหรือจะกลับมาเมื่อไหร่

เกรซก็ยังไม่ได้กลับห้องเช่นกัน

"จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับเกรซแน่ๆ" แพรีพูด "ฉันรู้"

"ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงจะห่วงมัลลอรีมากกว่า" จีนพูด

แต่แพรีก็ไม่สนใจ "ฉันจะไปที่นั่น...ที่บ้านศจ.กุยเลียนนี"

จีนมองหน้าเธอเขม็ง "อะไรนะ? เธอจะบ้ารึเปล่า? เธอกำลังจะทำให้เรื่องมันยุ่งนะ!"

"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?" แพรีเอามือเท้าสะเอวแล้วจ้องหน้าจีน

"ฉันหมายความว่า...ถ้าเธอทำให้เกรซถูกจับได้ล่ะ? เธอคิดว่าเขาจะมาขอบคุณเธอเหรอ?"

"ถ้าเธอไม่อยู่ที่นั่น...ฉันก็จะไปหาเธอที่อื่น" แพรีหมุนตัวกลับ

บางทีเธอน่าจะเรียกไบรอันไปเป็นเพื่อนแทน เธอคิด เขาอาจจะช่วยเธอได้

แต่เสียงของจีนก็หยุดเธอไว้

"รอเดี๋ยว" เธอพูดแบบไม่เต็มใจ "ฉันจะไปด้วย รอฉันแต่งตัวแป๊บนึง"

สองสามนาทีต่อมา...ทั้งสองก็ออกจากตึกควอดและรีบข้ามไปอีกฝั่ง

"มันดึกมากแล้ว" จีนพูด เธอกระชับเสื้อแจ็กเกตเข้ามาชิดอกและมองข้ามไหล่ตัวเองไป "และก็มืดด้วย"

"ที่ทะเลสาบไร้ก้นยิ่งมืดกว่านี้อีกนะ" แพรีตอบพร้อมมองไปด้านหลัง มหาวิทยาลัยดูอ้างว้างไร้ผู้คน พวกเธอเดินผ่านหอนาฬิกา เข็มยาวของนาฬิกาชี้ไปที่เลขสิบก่อนจะถึงเที่ยงคืน

จีนไม่ได้ตอบ เธอเอาแต่ก้าวเท้าไปเรื่อยๆ

ในไม่ช้าพวกเธอก็มาหยุดอยู่ที่ถนนที่อยู่ตรงข้ามบ้านของศจ.กุยเลียนนี...ถนนเงียบๆ ที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย หน้าต่างทุกบานมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากไฟของเสาไฟฟ้าที่อยู่ข้างทางเท่านั้น

แพรีมองสำรวจรอบถนนแล้วพูดว่า "รถอยู่ไหน? รถของศจ.อยู่ที่ไหน?"

มีรถจอดอยู่บนถนน แต่ไม่มีรถที-เบิร์ดของศจ.เลย

จีนหายใจแรงๆ "แน่ล่ะสิ มันไม่ได้จอดอยู่ที่ถนนก็อาจจะอยู่ที่ถนนหน้าบ้านหรืออาจจะอยู่ที่หลังบ้านก็ได้"

"ไปดูกันเถอะ" แพรีพูด

เด็กสาวทั้งสองข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม

"ดูนั่น!" จีนกระซิบ "หลบเร็ว"

ทันทีที่รถตำรวจวิ่งผ่าน หญิงสาวทั้งสองก็ลดฝีเท้าลงและค่อยๆ เดินไปที่ทางเท้า

"มันไปแล้ว" จีนพูด "ทีนี้!" เธอจับแขนแพรีและกระตุกเธอขึ้นมาบนถนนหน้าบ้าน

พวกเธอยืนหลบอยู่ใต้เงาของบ้านหลังโตและปรับสายตาให้ชินกับความมืด เเต่พวกเธอก็ไม่เห็นรถสักคัน ทางหน้าบ้านว่างเปล่า...มีแต่เงาดำของพุ่มไม้ที่มีรูปร่างเหมือนโครงกระดูกและถังขยะใบใหญ่ เรื่อยลงไปมีรั้วสูงอยู่หน้าบ้าน

"เราน่าจะเอาไฟฉายมาด้วยนะ" แพรีพึมพำ

"สายไปแล้วล่ะ" จีนพูด "รถนั่นอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้"

"เกรซอยู่ที่ไหนนะ?" แพรีพูด "เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้นะ? เดี๋ยวก่อน...ฟังสิ"

"อะไรนะ?"

"รถ เสียงเหมือนเครื่องยนต์รถ"

"ตำรวจกลับมาเหรอ?" จีนเดินไปรอบๆ แล้วก็หยุด

"ไม่ใช่...ไม่ใช่...ฉันได้ยินแล้ว เสียงมันมาจากข้างหลังนี่"

เธอสองคนมองหน้ากันและกัน

"โรงรถ!" พวกเธอพูดพร้อมกัน

แต่เมื่อพวกเธอไปถึงโรงรถเล็กๆ มืดๆ ที่อยู่หลังบ้าน พวกเธอก็พบว่าประตูล็อกอยู่

"ฟังสิ" แพรีพูดอีก เธอลดเสียงลงแล้วเอ่ยว่า "เสียงเครื่องยนต์ รถอยู่ข้างในและเครื่องยนต์ก็ทำงานอยู่ด้วย!"

แพรีโน้มตัวไปข้างหน้า "เกรซ" เธอเรียกเบาๆ

"ชู่ว์ว์ว์ว์! จะบ้ารึ? อยากจะให้เราโดนจับรึไง?" จีนกระตุกแขนของแพรี

จีนหยุดเขย่าแขนและแพรีเรียกอีก "เกรซ? เกรซ...นี่ฉันเองนะ...แพรีไง...เกรซ"

"แพรี...เบาๆ หน่อย" จีนเตือน

"เกรซ?"

"แพ...แพรี?" น้ำเสียงหวาดกลัวดังมาจากข้างใน

"เกรซ! เธออยู่ที่นั่นรึเปล่า?"

ประตูโรงรถสั่นราวกับว่ามีใครเขย่ามัน

"เกรซ?"

เสียงของเธอใกล้เข้ามามากขึ้นแต่ฟังดูอ่อนแรง "แพรี...ฉันติดอยู่ข้างใน ฉันออกไปไม่ได้"

"เกิดอะไรขึ้น?"

"ฉันถูกขังอยู่ข้างใน" เกรซพูดซ้ำ "และเครื่องยนต์ก็ยังทำงานอยู่ ประตูรถล็อก...ฉันหายใจไม่ออก"

"โอ้! พระเจ้า!" เราต้องขอความช่วยเหลือ" แพรีหมุนไปรอบๆ แต่มือของจีนก็เอื้อมมาจับมือเธอไว้

"ไม่ได้นะ" จีนพูด "เธอจะทำให้เกรซ...และพวกเรา...มีปัญหา"

แพรีมองจีน...ความเยือกเย็นของจีนทำให้เธอกลัว หัวใจของเธอเป็นน้ำแข็ง...เหมือนกับดวงตาสีฟ้าใสของเธอ

"เธออยากจะให้เกรซตายหรือไง? เกรซอาจจะตายได้นะ เธอก็รู้...ตายเพราะพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์จากรถนั่น"

"เราจะทำลายล็อก" จีนพูด "เราทำได้อยู่แล้ว...มันก็แค่กุญแจคล้องสายยู...หาไม้...หิน..."

"เราต้องการความช่วยเหลือนะ" แพรีย้ำ

"ไม่ได้!" จีนโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "เกรซ เราจะจัดการกับล็อกเอง อดทนไว้ก่อนนะ...ตกลงไหม?"

"ตกลง" เสียงของเกรซเบามากจนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ "เร็วๆ หน่อยนะ ฉันไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานไหม"

แพรีคุกเข่าลงบนพื้น มองหาก้อนหิน...อิฐ อะไรก็ได้ที่จะสามารถพังสายยูได้ มือของเธอฉวยก้อนหินหยาบๆ ได้ก้อนนึง เธอยืนขึ้น ถือตัวล็อกไว้แล้วกระแทกหินใส่

โป๊ก

โป๊ก

มันไม่มีประโยชน์

"จีน แพ...แพรี"

"ทนไว้เกรซ" แพรีพูด

"ช่วยด้วย ได้โปรดช่วยฉันด้วย..."

"เธอกำลังจะตาย" แพรีร้อง

ไม่มีใครตอบ

"จีน?"

เครื่องยนต์ยังทำงานต่อไป แพรีได้ยินเสียงมือของเกรซตะกายประตู เธอนึกถึงมือที่กำลังจะหยุดนิ่ง จีนจะใจดำพอที่ปล่อยให้เกรซตายไปต่อหน้าต่อตารึไง?

"จีน!"

"ช่วยเงียบหน่อยได้ไหม! แล้วมานี่" จีนกวักมือจากมุมมืดของโรงรถ

แพรียืนขึ้นและคลำทางรอบข้างของโรงรถ เเล้วแพรีก็เห็นมัน หน้าต่างเล็กๆ ที่อยู่สูงขึ้นไป แต่มันก็เล็กเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะผ่านไปได้

"ฟังนะ เธอจะต้องส่งฉันขึ้นไปที่หน้าต่างนั่น ฉันจะเปิดหรือไม่ก็ทำลายมัน จากนั้นจะให้เกรซส่งประแจหรืออะไรก็ได้ที่อยู่ข้างในโรงรถ เราจะใช้มันทำลายล็อก"

"มันอาจจะได้ผล" แพรีพูด

"มันจะต้องได้ผลแน่" จีนยืนยัน

แพรีรีบรุดไปที่ด้านหน้าของโรงรถ "เกรซ เกรซ...เธอยังอยู่หรือเปล่า?

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม "เกรซ!" แพรีเรียก

ในที่สุดเกรซก็ตอบ เสียงของเธอเบามาก "แพรี?"

"เอาล่ะ...หาเครื่องมือที่เป็นเหล็กให้ฉันที...อะไรก็ได้...อย่างเช่นสว่านอันใหญ่ๆ หรือประแจ...เข้าใจไหม?"

"...เข้าใจ..."

"จากนั้นก็ส่งให้ฉัน ฉันจะรออยู่ที่หน้าต่างทางด้านข้าง จีนจะส่งตัวฉันขึ้นไป และเธอก็ส่งมันให้ฉันทางหน้าต่าง แล้วฉันจะใช้มันพังล็อก"

"หน้าต่าง?"

"อยู่ข้างๆ โรงรถ...อยู่สูงขึ้นไปทาง...เอ่อ...ทางซ้ายของเธอ"

เสียงเกรซเงียบไปนานจนกระทั่งพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ถ้าตรงนั้นมีหน้าต่าง มันมีไม้" เสียงเธออ่อนแรงและเหนื่อย "แผ่นไม้ที่ตอกติดอยู่ที่หน้าต่างใกล้กำแพงด้านช้าย"

"บางทีมันอาจจะปิดไว้ไม่หมด เราต้องลองดู"

"สว่าน" เกรซพูด "มีบันไดอยู่นี่ ฉันขึ้นไปได้..." เสียงของเธอหายไปและแพรีก็อยู่ข้างโรงรถ

"โอเค...จีน ส่งฉันขึ้นไปที"

"ทำไมฉันต้องเป็นคนส่งเธอขึ้นไปด้วยนะ" จีนบ่น

"จีน!"

"ก็ได้...ก็ได้...ส่งเท้ามาสิ..."

หญิงสาวทั้งสองพาตัวเองเข้าประจำตำแหน่งอย่างรวดเร็วและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แพรียืนบนไหล่ของจีน จีนยืดตัวขึ้นช้าๆ แพรีวางมือไว้ข้างตึกเพื่อทรงตัว ท้ายที่สุดนิ้วของเธอก็จับขอบหน้าต่างไว้ได้ ลำแสงใหญ่เท่าขนาดเท่าฝ่ามือของเธอส่องผ่านเข้ามา

"เกรซ"

"อยู่นี่" เกรซพูด เสียงเธอฟังแทบจะไม่ได้ยิน "พังหน้าต่างทางนี้..."

เเพรี่ดึงแขนเสื้อสเวตเตอร์คลุมมือที่กำหมัดไว้และเคาะกระจกหน้าต่าง

"อย่าเคาะสิ...พังมันแรงๆ เลย" จีนกระซิบ "แล้วก็ทำเร็วๆ ด้วย ขืนเราอยู่นานเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะถูกจับก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น"

เเพรี่เงื้อแขนไปข้างหลังแล้วต่อยกระจก กระจกเก่าแตกเสียงดังเพล้ง ไม่กี่นาทีต่อมาส่วนปลายของสว่านก็โผล่มาจากหน้าต่าง

"สำเร็จแล้ว...ดีมาก เดี๋ยวเธอก็จะได้ออกมาแล้ว" เสียงของแพรีฟังดูมั่นใจมากกว่าเดิม แต่เกรซไม่ได้ตอบอะไร

"เเจ็กเกตของฉันจะต้องมีรอยเท้าติดถาวรแน่ๆ เลย" จีนพูดทันทีที่แพรีเลื่อนตัวลงมา "ได้ของที่เราต้องการไหม?"

"ได้"

กุญแจคล้องสายยูไม่ค่อยใหญ่นัก แต่มันยากที่จะจัดการกับมันในความมืด เกิดเสียงดังทุกครั้งที่แพรีแทงสว่านผ่านบานพับจนหญิงสาวทั้งสองถึงกับสะดุ้ง

"โธ่เอ๊ย! จะเสร็จรึยังเนี่ย" จีนพึมพำแล้วเรียก "แพรี"

"อีกหนึ่งนาที...อีกหนึ่งนาที" แพรีพูด เธอแทงสว่านผ่านตัวล็อกอีกฝั่งของประตูแล้วเกิดเสียงดัง

"แพรี"

คิดไปเองรึเปล่านะ คลายล็อกแล้วใช่ไหม?

"แพรี...ดูนั่น!"

เธอหันศีรษะไปครึ่งหนึ่ง แพรีเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของหน้าจีนจ้องไปยังหน้าต่างข้างหลังบ้าน

"มีคนตื่นแล้ว" จีนพูด "เขาคงได้ยินเสียงพวกเราเลย!"

พอเธอพูดจบ...แสงไฟอื่นๆ ก็ตามมา

แพรีหันกลับไปและแทงสว่านใส่บานพับด้วยพลังของเธอทั้งหมด

ล็อกถูกทำลายและส่งเสียงดังแสบแก้วหู แพรีคิดว่าเสียงมันดังพอที่จะปลุกเหล่าเพื่อนบ้านได้

ประตูเปิดออก เกรซเดินโซเซออกมาและจีนก็จับแขนเธอไว้

"เร็ว" เธอพูด "วิ่ง"

จบบทที่ 8





หวัดดีค่า

มาแปะแบบช้าๆ มัวแต่ยุ่งๆ งานนั่นเอง ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ อากาศเริ่มร้อนเสียแล้ว อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ

บทที่ 8 ระทึกกันมากเลยว่าเกรซจะรอดไหม รอติดตามกันต่อคราวหน้านะคะว่าสาวๆ ทั้งหลายจะทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ และใครเป็นคนขังเกรซในโรงรถและหวังจะให้ตาย

มิถุนา
//mithuna.bloggang.com




 

Create Date : 07 มีนาคม 2555    
Last Update : 7 มีนาคม 2555 22:56:28 น.
Counter : 1673 Pageviews.  

Truth or Die บทที่ 7

Truth or Die บทที่ 7

"บอกความจริงมาซะดีๆ" เสียงของเขาอ่อนโยน

"อะ...อะไรนะ?" แพรีจ้องเข้าไปในดวงตาของไบรอัน

ดวงตาของเขาเป็นสีเขียวเข้มเหมือนกับดวงตาของแครอล แต่ดวงตาคู่นี้ก็ไม่เหมือนของเเครอลตรงที่มันอบอุ่น เป็นมิตรและจริงใจ

"จริงหรือกล้า" ไบรอันพูด เขาจับมือแพรีแกว่งไปมาในขณะที่พวกเขาเดินกลับจากดูภาพยนตร์ที่โรงหนังในถนนเพนซิลเวเนีย "นั่นเป็นคำพูดที่คุณบอกว่าคุณกำลังจะทำอะไรกับกางเกงในในลิ้นชักที่ห้องของผมใช่ไหมครับ?"

แพรีพูดหลังจากได้สติ "ตอนแรกฉันคิดว่าห้องทั้งห้องของคุณเป็นลิ้นชักกางเกงในเสียอีก"

"โธ่...พูดทำร้ายจิตใจกันจัง...ผมเจ็บนะเนี่ย" ไบรอันพูด "ผมรู้...ห้องผมไม่ได้รกหรอก ผมก็แค่สร้างสรรค์...เป็นบางวัน และพอผมเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง คนอื่นก็จะคิดว่าห้องซักผ้าไม่ได้เป็นแค่ห้องซักผ้า...สีของมัน องค์ประกอบ และ..."

"สร้างสรรค์เหรอ มันสร้างสรรค์มากกกก" แพรีพูด เธอเลิกคิ้วล้อเลียน

"แล้วคุณชนะเกมนี้ไหม?" ไบรอันถาม

"เกม? อ้อ...เกมจริงหรือกล้า...ใช่...ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ ฉันหมายถึง ฉันทำคำท้าสำเร็จ"

"แล้วคนอื่นล่ะ?"

"ทุกคนก็ทำได้" แพรีตอบ

"ตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็นแค่พิธีการเข้าเป็นสมาชิกของกล่มเพื่อนผู้หญิงอะไรทำนองนั้นเสียอีก" ไบรอันพูด "แต่พวกคุณก็เล่นกันเพื่อความสนุกเท่านั้นนี่...ใช่ไหม?"

"ใช่...เพื่อความสนุก" แพรีพยักหน้า

"แต่คุณต้องแลกกับความลับสักอย่างด้วยใช่ไหม? ผมไม่เคยเล่นเกมแบบนี้เลย"

"จริงเหรอ? คุณหมายถึง...ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนของคุณท้าให้คุณทำอะไรสักอย่างเลยรึ?"

"โอ้...มีแน่นอน...เมื่อตอนผมเป็นเด็ก...คุณก็รู้...เราขอท้านาย ฉันขอท้านาย...อะไรประมาณนี้ แต่ผมไม่เคยเล่นเกมจริงหรือกล้า"

"เเล้วคุณชอบมันไหมล่ะแพรี?" ไบรอันหยุดและดึงแพรีให้หยุดอยู่ตรงประตูทางเข้าของหอกริสโวล์ด ตึกวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยซาเล็ม

"คุณคิดว่าคุณต้องการจะเล่นอีกไหม?"

ชั่วขณะนั้น แพรีคิดว่าไบรอันรู้เรื่องที่พวกเธอตกลงจะเล่นเกมกันอีกรอบ คิดว่าเขารู้ว่ามีคำท้าบ้าๆ ที่เขียนใส่กระดาษอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเธอ รู้เรื่องคำท้าแปลกๆ น่ากลัวของการเล่นรอบที่สองที่เขียนอยู่ในกระดาษที่พวกเธอหยิบขึ้นมาจากแจกัน

แต่ไบรอันก็พูดต่อไปว่า "อย่างเช่น...ผมขอท้าให้คุณพูดความจริง...คุณเชื่อเรื่องรักแรกพบไหม? คุณเคย..." เขาค่อยๆโน้มตัวต่ำลง คำพูดของเขาหายไปทันทีที่ริมฝีปากเขาแตะริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบา

อีกครู่ต่อมา แพรีเงยหน้าขึ้นมองไบรอัน

"แสดงว่าคุณอยากเล่นเกมจริงหรือกล้าใช่ไหม?" ไบรอันถาม

เธอมองไบรอันที่ยิ้มยิงฟันขาวให้เธอใต้เงาประตูทางเข้า

"อาจจะ" เธอตอบ "แต่ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณพูดความจริง"

"คุณจะรู้" ไบรอันตอบ "คุณจะรู้แน่ เพราะผมไม่เคยโกหก" เขาดึงเธอเข้ามาใกล้อีกครั้ง

"เชื่อผมสิ"





"โอ้พระเจ้า!" เด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างหลังเกรซและแพรีตรงกำแพงหินเตี้ยๆ ที่อยู่รอบระเบียงของศูนย์นักศึกษากรีดร้องออกมา

"มันเหมือนกับหายนะ! เธอน่าจะได้เห็นหน้าของศาสตราจารย์ตอนที่เขาเทสารเคมีจากหลอดหนึ่งไปยังอีกหลอดหนึ่ง พูดเรื่องการทำปฏิกิริยาของสารของเคมี และหนึ่งนาทีถัดไป...ห้องแล็บทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นร้ายกาจ ดูเหมือนหลอดทดลองจะระเบิดด้วย"

"ไม่!" พวกเธอร้องออกมาพร้อมกัน

"ฉันอยากให้เธอเห็นมันจัง"

หญิงสาวคนแรกสั่นศีรษะ "มันน่ากลัว ฉันหมายถึง...ฉันรีบวิ่งสุดชีวิตเลยรู้ไหม? ฉันหมายถึง...ฉันจะรู้ได้ยังไงว่ามันไม่ใช่ยาพิษหรือระเบิด...ใช่ไหม?"

"แล้วมันใช่ไหมล่ะ?" หญิงสาวคนที่สองถาม

หญิงสาวคนแรกตอบ "ไม่ ไม่...มันก็แค่ระเบิดไข่เน่าที่ไม่มีอันตราย แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง พวกเขาคิดว่าบางทีอาจมีใครสักคนสลับหลอดทดลองหรือสลับอะไรสักอย่าง..."

เกรซมองตาแพรี...เด็กสาวทั้งสองนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างหน้าของศูนย์นักศึกษาเพื่อคุยกันเรื่องเดตเมื่อคืน แต่การสนทนาที่พวกเธอได้ยินอยู่นี่ทำให้การสนทนาของพวกเธอหยุดชะงัก เพราะพวกเธอรู้ว่าความจริงเรื่องระเบิดมันเป็นยังไง

พวกเธอรู้ว่ามันเกิดได้ยังไง

แครอลจัดการกับคำท้าของเธอแล้ว

และเมื่อเช้า...มีเสียงกรีดร้องออกมาจากห้องอาบน้ำ พวกเธอจึงแน่ใจว่าลิลได้ทำตามคำท้าของเธอ...นั่นก็คือ เอาสีย้อมผมใส่ในแชมพูของใครก็ได้

"มันเป็นสีเขียว!" หญิงสาวโหยหวน เดินโซเซจากห้องอาบน้ำ...ที่ไหล่ของเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัวเต็มไปด้วยสี

"ผมฉันเป็นสีเขียว"





"ทีมว่ายน้ำ" ลิลบอกกับพวกเธอระหว่างกินมื้อกลางวัน

"บางทีคลอรีนในน้ำอาจทำปฏิกิริยากับสีย้อม ทำให้ผมของเธอกลายเป็นสีเขียว" ลิลคิดไตร่ตรอง...จากนั้นเธอก็พูดต่อว่า "อยากรู้จังว่าเธอจะทำยังไงกับผมสีเขียวนั่น”

แพรีช็อก "เธอหมายความว่ามันเป็นสีย้อมแบบฐาวรรึ?"

"ฉันคิดว่านะ" ลิลยักไหล่ "ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยาย้อมผมเลย...เธอก็รู้"

"แต่นั่นมัน..." แพรีอ้าปากค้าง

ลิลไม่พูดอะไรทว่ายักไหล่แทน

ไม่มีใครแปลกใจหรือกังวลใจเลย การสนทนายังคงดำเนินต่อไป

เธอคิดว่าจะมีหนึ่งในพวกเธอที่เป็นห่วงเสียอีก แพรีคิด ตามองไปรอบโต๊ะอาหาร

มันแปลกมาก ทำไมพวกเธอทั้งหมดถึงได้แสดงท่าทางเป็นปรกติกับเรื่องแบบนี้ได้นะ? หรือมีอะไรผิดปรกติเกิดขึ้นกับฉัน? บางที่ฉันอาจจะคิดมากไปก็ได้

เกรซพูดต่อ "ฉันไม่ชอบเลย"

"ไม่ชอบอะไรล่ะ?" แพรีถามด้วยความหวัง

แต่เกรซก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องสาวผมเขียวคนนั้น เธอหมายถึงเรื่องคำท้าของเธอเอง

"ศจ.กุยเลียนนีเป็นคนบ้า! จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาพบว่าฉันเป็นคนปล่อยลมยางออกจากรถของเขา? ฉันหมายถึง...ทุกคนก็รู้ว่าเขารักรถที-เบิร์ดโบราณของเขามากเเค่ไหน...เขาจะต้องฆ่าฉันด้วยมือเปล่าแน่"

"อย่างน้อยวันพรุ่งนี้เธอก็ไม่ต้องหาทางกลับบ้านจากทะเลสาบไร้ก้นในความมืดหรอก" แพรีพูด "เธอก็แค่ไปที่บ้านศจ. แต่มัลลอรีที่น่าสงสารจะต้องไปเดินเล่นรอบป่าตลอดเย็น...คนเดียว"

"เราจะไม่พาเธอไปที่ป่า แต่เราจะพาเธอไปตรงที่ที่อยู่ใกล้ๆ กับบ้านพักแถวทะเลสาบไร้ก้น"

"ฟังดูน่ากลัวจัง" แพรีพูด "ฉันเกลียดความมืด มันจะต้องเป็นคำท้าที่แย่ที่สุดแน่ๆ และฉันพนันได้เลยว่ามันจะต้องเป็นความคิดของจีนหรือไม่ก็ของเเครอล"

"แต่ต่อจากนี้ เธอจะต้องใส่แค่ชุดนอนกับเสื้อกันฝนทั้งวัน" เกรซพูด

"จีนได้คำท้าง่าย... ตอบประกาศโฆษณาในคอลัมน์ส่วนตัวของครอนิเคิล...แต่...บางทีที่เเย่ที่สุดที่เธอต้องทนคือการออกเดตกับพวกทึ่มๆ" เกรซบ่น

แพรีหวังว่าหน้าของเธอคงไม่เป็นสีเเดง นั่นเป็นคำท้าที่เธอเขียน เธอบอกว่า "ฉันต้องเกลียดการไปไหนมาไหนโดยมีแค่ชุดนอนกับเสื้อกันฝนแน่ๆ แต่ฉันคงเกลียดสิ่งที่จีนจะต้องทำมากกว่า"

เกรซไม่ได้ฟัง เธอครุ่นคิดอยู่กับคำท้าของเธออีกครั้ง "ฉันจะบอกเธอว่าฉันเกลียดอะไร...ฉันเกลียดเกมนี้" เธอพูด "เป็นความคิดของใครนะ?"

"ความคิดของแครอล" แพรีพูด "แต่ถ้าไม่ชอบมัน...ทำไมเธอต้องเล่นต่อล่ะ? ฉันจะไม่เล่นถ้าเธอไม่เล่น"

เกรซไม่ได้ตอบคำถามของแพรี ไม่ได้สนใจกันข้อเสนอของเธอเลย

"มันเป็น" เกรซถาม "มันเป็นความคิดของเเครอลรึ?" สีหน้าประหลาดบนใบหน้าของเกรซ...แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนแพรีคิดว่าเธอคิดไปเอง เกรซลุกขึ้นแล้วพูดว่า

"เอาล่ะ...เราควรรีบไปทำมันให้จบๆ ซะ...จากนั้นเราจะได้เริ่มชีวิตธรรมดาที่นี่...ที่มหาวิทยาลัยซาเล็ม"





คืนถัดไป...แพรีในชุดนอนกับเสื้อกันฝนกำลังเคาะประตูห้องของเกรซ

"นั่นใครน่ะ?"

"เกรซเหรอ?"

"เธอไม่ได้อยู่ที่นี่" เพื่อนร่วมห้องของเกรซเปิดประตูและโผล่ศีรษะออกมา เธอมองชุดกันฝนของแพรีอย่างสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไร

"งั้นเธอน่าจะอยู่ที่..."แพรีหยุดพูด เธอไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องของเกรซรู้เรื่องเกมจริงหรือกล้ากับเรื่องคำท้าของเกรซหรือเปล่า...แต่ยังไงก็ตาม...ถ้าเกรซโดนจับได้ เธอจะต้องมีปัญหาใหญ่แน่ ดังนั้นอย่าให้มีคนรู้หลายคนจะดีกว่า

แพรีกลืนน้ำลาย "เอ่อ...ความจริงเธอน่าจะกลับมาแล้วนะ?"

เพื่อนร่วมห้องดันแว่นบนจมูกของเธอ "เอาอย่างนี้นะ" เธอพูด "ฉันจะบอกเกรซให้ว่าเธอมาหา"

"ขอบคุณนะ" แพรีพูด เธอเดินออกไปจากหอช้าๆ

เกรซไปอยู่ที่ไหนนะ? เธอออกไปเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว บ้านของศจ.กุยเลียนนีอยู่ในย่านบ้านเก่าสไตล์วิคตอเรียนที่อยู่ถัดจากมหาวิทยาลัย เดินไปก็ไม่น่าจะเกินสิบห้าหรือยี่สิบนาทีเลย และเธอจะใช้เวลาสักเท่าไหร่กันเชียวกะอีแค่ปล่อยลมยาง?

ฉันจะทำยังไงดี?

ความคิดแวบแรกของแพรีคือ...ไปที่ห้องของแครอล...

แครอล...คนที่เป็นคนเริ่มเกมนี้ คนที่เธอไม่ไว้ใจ

แต่เธอก็คิดได้..

ทะเลสาบไร้ก้น

เธอลืมไปได้ยังไงนะ? แพรีสงสัย
แต่เธอก็รู้คำตอบในทันที เธอนัดกินข้าวเย็นกับเกรซและมัลลอรีและลิลที่โรงอาหารของควอด...แพรีในชุดกันฝน...เกรซรีบกินอาหารเย็นของเธอ ใจของเธอลอยไปไหนนะ...มัลลอรีนิ่งเงียบ เคาะจานของเธอเล่น...ลิลทำให้เพื่อนๆ ขำโดยการเล่าเรื่องที่เธอเรียกว่าสงครามฟุตบอล

"เธอน่าจะมาวิ่งกับฉันนะ...เธอรู้ไหม...ถ้าเธอออกกำลังกาย...เธอจะกินอาหารอร่อยๆ แบบนี้ได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องรูปร่างเลย" ลิลลดเสียงต่ำลงโดยอัตโนมัติ "มีชีวิตโดยไม่ต้องกังวลน่ะ"

มัลลอรีผลักจานอาหารของเธอกลับไปและเงยหน้ามองทุกคน "ฉันไม่อยากทำ" เธอพูด

"ก็ได้...คิดถึงอาหารที่ดีกว่านี้สิ" ลิลพูด

"ฉันไม่อยากไปทะเลสาบไร้ก้น ฉันจะกลับบ้านได้ยังไง?" ดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกกว้างของมัลลอรีเต็มไปด้วยความกลัว

"ว่ายน้ำไง" ลิลตอบโดยไม่ได้สังเกตความกระวนกระวายใจของมัลลอรี

อย่างลิลน่ะหรือ แพรีคิด "เธอเอาไฟฉายไปได้นี่ มัลลอรี...เธอมีไหมล่ะ ไฟฉายน่ะ?" แพรีพูดออกมา

มัลลอรีพยักหน้าและเกรซก็พูดว่า "ไฟฉายเหรอ หลังจากมื้อเย็น ฉันต้องไปเอาไฟฉายและถอดต่างหูพวกนี้ทิ้ง" เธอชี้ต่างหูรูปเหยี่ยวสีทองแดงและสีเงินที่บินถลาบนติ่งหูแต่ละข้าง "ฉันไม่อยากใส่อะไรที่ต้องแสงไฟ"

"ถูกของเธอ เธอจะไปจัดการกับรถของศจ.คืนนี้ใช่ไหม?" ลิลถาม

มัลลอรีพูดว่า "เราแลกกันไม่ได้หรือเกรซ?"

เกรซดูเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ แต่ลิลโพล่งออกมาว่า

"ไม่ได้หรอก...จำตอนที่ฉันใส่ชุดโง่ๆ นั่นได้ไหมล่ะ? ฉันก็อยากจะแลก แต่มีใครแลกกับฉันไหมล่ะ?"

"นั่นมันไม่เหมือนกัน" มัลลอรีแย้ง "ฉัน...ฉันไม่ชอบความมืด ฉันว่ายน้ำไม่เก่ง"

"เอาเถอะ...แครอลและฉันจะไม่ทิ้งเธอที่ทะเลสาบหรอก...แค่ทิ้งไว้ที่ใกล้ๆ...เธอต้องมีไฟฉาย เธอจะเลือกกลับด้วยวิธีอะไรก็ได้...โบกรถเอย...เรียกแท็กซี่เอย"

"โบกรถรึ? ใครจะไปอยู่ที่นั่นตอนกลางคืนล่ะ"

"มีคนไปที่นั่นกันนะมัลลอรี" เกรซพูด "หลายคนชอบขับรถไปเที่ยวที่โน่น เธอก็รู้"

แพรีเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มออกมา "เธอรู้เหรอเกรซ?" เธอแหย่

ลิลส่งเสียงดัง "เกรซกับเคนน์...นั่งอยู่ใต้ต้นไม้...แล้วก็จูบกัน"

"อย่าทำเป็นเด็กๆ ไปหน่อยเลยน่าลิล" เกรซพูด แต่เธอไม่ยิ้ม

มัลลอรีก็ไม่ยิ้ม "ฉันไม่อยากไป" เธอพูด "ฉันไม่อยาก"

"งั้นเธอก็ไม่ต้องทำ" ลิลตอบโดยไม่สนใจ เธอยืนขึ้นและยกถาดเปล่าของเธอขึ้น

"ฉันอิ่มแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันที่หน้าหอนะมัลลอรี"

เธอก้าวยาวๆ ข้ามโรงอาหารไป มัลลอรีมองตามลิล จากนั้นก็หันกลับมาหาทุกคน

"เกรซ" เธอพูด

"มีอะไรเหรอ?"

"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยนะ"

เกรซเงยหน้าขึ้น เธอขมวดคิ้ว "ฉันรึ? ทำไมเธอถึงถามฉันล่ะ? ฉันต้องไปบ้านศจ.แล้วก่ออาชญากรรมอย่างนึงเชียวนะ...แล้วเธอก็ถามฉัน? เสียใจด้วยมัลลอรี...ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก"

เกรซหยิบขนมปังขึ้นมาและกัด เธอทำหน้าเฉยและวางมันลง

"มันกรอบดี" เธอพูด จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า "ทำสิ่งที่ลิลบอกเถอะมัลลอรี ถ้าเธอไม่ทำ ก็บอกความจริงมา"

พอได้ยินดังนั้น มัลลอรีก็แทบจะกระโดดขึ้นมา

"เธอต้องการความจริงใช่ไหม? ฉันกลัว...เข้าใจไหม? เธอไม่เคยกลัวเลยหรือไง?"

การระเบิดคำพูดของมัลลอรีทำให้แพรีสั่น เธอเอื้อมมือไปวางทาบบนแขนเสื้อของมัลลอรีแล้วลูบเบาๆ เพื่อปลอบเธอ

แต่เกรซยังคงทำท่าทางเหมือนเดิม...หนักแน่นและไม่สะทกสะท้าน "แน่นอน...ฉันกลัว...พวกเราทุกคนกลัว มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์นะมัลลอรี อย่ากังวลไปเลย ความกลัวไม่ได้ฆ่าเธอสักหน่อย"

มัลลอรีจ้องหน้าเกรซ จากนั้นเธอก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของแพรี

"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ" เธอพูด "ฉันจะไปพบเเครอลกับลิลเพื่อทำคำท้าของฉัน...โชคดีนะเกรซ" เธอหรี่ตาลง

"จำไว้นะ อย่ากลัวจนเกินไป...มันก็แค่ธรรมชาติของมนุษย์"

พอพูดจบ เธอก็หมุนตัวและเดินออกไปจากโรงอาหารอย่างเยือกเย็น

"ว้าว" แพรีร้องออกมาอย่างอิจฉา "ฉันไม่ยักจะรู้ว่ามัลลอรีก็มีความกล้าซ่อนอยู่"

"คนทุกคนไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นกันเสมอไปหรอกนะ" เกรซพูดพร้อมกับมองตามมัลลอรีไป

"มาเถอะ" เธอพูด "ถึงเวลาจบเกมจริงหรือกล้าอีกรอบแล้วล่ะ"

จบบทที่ 7





สวัสดีค่ะ

บทที่ 7 แอบยาวกว่าบทที่ผ่านๆ มา แถมจบแบบค้างคาให้คิดกันทีเดียว กำลังสนุกเลยนะคะ อย่าแปลกใจว่าทำไมสาวๆ ของเราจึงจริงจังกับเกมนี้เหลือเกิน ตามอ่านต่อไปแล้วปมจะคลี่คลายเองค่ะ

ถ้าให้เลือกทำ...เพื่อนๆ จะเลือกทำคำท้าของใครคะ ดูเหมือนว่าเขียนจดหมายถึงคนในคอลัมน์ส่วนตัวจะดูง่ายที่สุดในความคิดของมิถุนา

แล้วเจอกันบทหน้าค่ะ
มิถุนา
//mithuna.bloggang.com




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2555 11:49:03 น.
Counter : 1701 Pageviews.  

1  2  3  4  

มิถุนายน
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]





บล็อกนี้เริ่มต้นจากการเก็บรวบรวมนิยายของมิถุนาให้เป็นหลักแหล่ง และต่อมาได้เพิ่มความชอบเกี่ยวกับเครื่องสำอาง การท่องเกี่ยว การกิน และเรื่องจิปาถะอื่นๆ ค่ะ ว่างๆ ก็แวะมาทักทายกันบ้างนะคะ

มิถุนา (busaba401แอตhotmail.com)

แวะทักทาย/ฝากคำถามได้ที่ cbox นะคะ แล้วจะมาตอบให้ทุกคนค่า








Fanpage นิยายของมิถุนา
(เฉพาะนิยายนะคะ ไม่ได้อัพเรื่องเครื่องสำอางค่ะ)
มิถุนา Mithuna นิยาย

โฆษณาหน้าของคุณด้วยเลยสิ



E-book ของมิถุนา
คืนปรารถนา
มิถุนายน
www.mebmarket.com
ทั้งหมดเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด...อชิระคิดว่ามิลินท์หักหลังเขา เขาจึงใช้ความรักที่เธอมีให้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้น มิลินท์จาก...
ร้ายนัก(ไม่)รักเสียดีไหม
มิถุนายน
www.mebmarket.com
เมื่อยอดคุณป๊า ที่ถือคติที่ว่า “เรือล่มในหนอง ทองจะไปไหน” พยายามจับคู่ลูกๆ ที่เหลือให้ครบ อดีตคู่กัดสมัยละอ่อนเลยได้โคจรมาพบกันอีกครั้งในฐานะเจ้าบ่าวและเจ้าสาว...
New Comments
Friends' blogs
[Add มิถุนายน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.