SmileySmiley :: How Do I Enjoy Life while "Living with Cancer" ::
Group Blog
 
All blogs
 

Happy Deathday : เรื่องที่ต้องใส่ใจ







พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
ปาฐกถาในงาน Happy Deathday วันที่ 10 มิถุนายน 2560 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


พระอาจารย์ไพศาล กล่าวปิดงาน Happy Deathday 



Happy Deathday to you




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2560 22:31:21 น.
Counter : 1933 Pageviews.  

พุทธวจน สำหรับคนเจ็บไข้ ค่ะ

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต


คิลานวรรคที่ ๓           
๑. คิลานสูตร   
[๑๒๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่กุฏาคารศาลา ป่ามหาวันใกล้เมืองเวสาลี
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็นเสด็จเข้าไปที่ศาลาภิกษุไข้
ได้ทรงเห็นภิกษุรูปหนึ่งที่ทุรพล เป็นไข้ แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่เขาตบแต่งไว้

ครั้นแล้วได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการ
ย่อมไม่ละภิกษุบางรูปที่ทุรพล เป็นไข้ เธอนั้นพึงหวังผลนี้ คือ
จักทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง
ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ต่อกาลไม่นานเลย ธรรม ๕ประการเป็นไฉน คือ

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นว่า

ไม่งามในกาย ๑
มีความสำคัญว่าเป็นของปฏิกูลในอาหาร ๑
มีความสำคัญว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๑
พิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง ๑
มีมรณสัญญาปรากฏขึ้นด้วยดี ณ ภายใน ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้ย่อมไม่ละภิกษุบางรูปที่ทุรพล เป็นไข้
เธอนั้นพึงหวังผลนี้ คือ จักทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้
เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ต่อกาลไม่นานเลย ฯ 
---------------------------------------------------------------------------------------------

ในหนังสือพุทธวจน ฉบับที่ 10 สาธยายธรรม

บทสวดสาธยายธรรม เพื่อผู้เจ็บไข้

ยังกัญจิ ภิกขะเว ทุพพะลัง คิลานะกัง
ปัญจะ ธัมมา นะ วิชะหันติ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมห้าประการ
ไม่เว้นห่างไปเสีย จากคนเจ็บไข้
ทุพพลภาพคนใด

ตัสเสตัง ปาฏิกังขัง นะจิรัสเสวะ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นนั้ พึงหวังได้
ต่อการไม่นานเทียว คือ

อาสะวานัง ขะยา อะนาสะวัง เจโตวิมุตติง
ปัญญาวิมุตติง
เขาจักกระทำ ให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้

ทิฏเฐวะ ธัมเม สะยัง อภิญญา สัจฉิกัต๎วา
อุปะสัมปัชชะ วิหะริสสะติ
เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้
เข้าถึงแล้ว แลอยู่ต่อกาลไม่นานเทียว

กะตะเม ปัญจะ อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ
ธรรมห้าประการนนั้ เป็นอย่างไรเล่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้

อะสุภานุปัสสี กาเย วิหะระติ
เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่งามในกาย

อาหาเร ปฏิกกูละสัญญี
เป็นผู้มีปกติสำคัญว่า ปฏิกูลในอาหาร

สัพพะโลเก อะนะภิระตะสัญญี
เป็นผู้มีปกติสำคัญว่า ไม่น่ายินดี
ในโลกทั้งปวง

สัพพะสังขาเรสุ อะนิจจานุปัสสี
เป็นผู้มีปกติตามเห็นความไม่เที่ยง
ในสังขารทั้งหลาย

มะระณะสัญญา โข ปะนัสสะ อัชฌัตตัง
สุปัฏฐิตา โหติ
มีสติอันตนเข้าไปตั้งไว้ดีแล้วในกาย
แล้วเห็นการเกิดดับภายใน

ยังกัญจิ ภิกขะเว ทุพพะลัง คิลานะกัง
อิเม ปัญจะ ธัมมา นะ วิชะหันติ
ภิกษุทั้งหลาย ธรรมห้าประการ
ไม่เว้นห่างไปเสียจากคนเจ็บไข้
ทุพพลภาพคนใด

ตัสเสตัง ปาฏิกังขัง นะจิรัสเสวะ
ข้อนี้เป็นสิ่งที่เขาผู้นนั้ พึงหวังได้
ต่อกาลไม่นานเทียว คือ

อาสะวานัง ขะยา อะนาสะวัง เจโตวิมุตติง
ปัญญาวิมุตติง
เขาจักกระทำ ให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้

ทิฏเฐวะ ธัมเม สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัต๎วา
อุปะสัมปัชชะ วิหะริสสะตีติ
เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้
เข้าถึงแล้ว แลอยู่
------------------------------------------------------------------------------------------
สนใจศึกษาเพิ่มเติมพุทธวจนที่ //watnapp.com/book หนังสือเยอะแยะเลยค่ะ

หรือค้นใน e-Tipitaka เพื่อสืบค้นหา ธรรม ๕ ประการข้างต้นว่า แต่ละประการปฏิบัติภาวนาอย่างไรค่ะ




 

Create Date : 18 สิงหาคม 2555    
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 10:38:56 น.
Counter : 2150 Pageviews.  

แนะนำฟัง : บทภาวนาเวลาเจ็บป่วยไข้ไม่สบาย


ในภาวะที่เกิดมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วย
ชวนกันฟังบทภาวนากันค่ะ

หาโอกาสพิจารณากันบ่อยๆ เนอะ







 

Create Date : 24 มิถุนายน 2555    
Last Update : 24 มิถุนายน 2555 16:56:42 น.
Counter : 2062 Pageviews.  

สมาธิกับคลื่นสมอง : ในรายการ ความรู้คือประทีป

รายการ ความรู้คือประทีป
ทาง ทีวีไทย
เรื่อง สมาธิกับคลื่นสมอง
ออกอากาศ วันที่ 8 พฤษภาคม 2553
เวลา 16:00 - 16:30 น.
//www.thaifreetv.tv/tv/replay.php?c=tpbs คลิ๊กเพื่อชมย้อนหลัง โดยระบุวันเวลาออกอากาศด้วยค่ะ

--------------------------------------------------------------
กล่าวถึง คลื่นสมองในมนุษย์ เมื่อทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ช่วงพักผ่อน ช่วงฝึกสมาธิ มีความแตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบัน ผู้คนทั่วโลกเห็นความสำคัญกับการฝึกสมาธิในรูปแบบต่างๆ
โดยไม่คำนึงเฉพาะสมาธิในศาสนาต่างๆ เท่านั้น
แต่มีรูปแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหว เล่นดนตรี ร้องเพลง
เต้นรำ เดินจงกรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ หรือการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
อย่างต่อเนื่องและจดจ่อตั้งมั่นกับสิ่งที่เราทำ

การฝึกสมาธิ ยังนำมาใช้กับการบำบัดโรคได้อีกด้วย
สัมภาษณ์ มีนา เปรื่องวิริยะ อดีตผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ซึ่งทำสมาธิ ด้วยการสวดมนต์ นั่งดูลมหายใจเข้าออก
เต้นรำแบบ Kundalini Meditation และโยคะ





















 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 22:37:49 น.
Counter : 1526 Pageviews.  

บทพิจารณา “ตายก่อนตาย”

ขอแนะนำค่ะ กำลังเริ่มนำมาฝึกปฏิบัติมรณสติ อีกแบบหนึ่งค่ะ
--------------------------------------------------------------

บทพิจารณา “ตายก่อนตาย”
โดย พระไพศาล วิสาโล

ขอให้น้อมใจสงบด้วยการตามลมหายใจเข้าและออก

ให้เรานึกภาพดอกไม้ที่งดงามเบ่งบาน

นึกต่อไปอีกว่าดอกไม้ดอกนั้นค่อย ๆ โรย

กลีบร่วงลงทีละกลีบ ส่วนที่ยังอยู่ก็เหี่่ยวแห้ง
สีที่เคยสวยก็ค่อย ๆ หมองคล้ำ
นึกภาพจนกระทั่งเห็นดอกไม้เฉาลงในที่สุด

นึกถึงทิวทัศน์อันงดงามยามอรุณรุ่ง

ดวงอาทิตย์เพิ่งพ้นขอบฟ้า

นึกถึงสถานที่เดียวกันนั้นในยามบ่าย แดดร้อนแรง อาทิตย์อยู่กลางฟ้า

วันเวลาเคลื่อนคล้อยไปเรื่อย ๆ จนตกเย็น อาทิตย์คล้อยต่ำลงเป็นลำดับ จนลับขอบฟ้า

เหลือแต่ความมืดมิด

น้อมภาพเหล่านี้เข้ามาใส่ตัวเรา

ว่าชีวิตของเราก็เหมือนกับดอกไม้

ที่สักวันหนึ่งก็ต้องร่วงโรยเหี่ยวเฉา
เช่นเดียวกับอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้า

ไม่นานเราก็ต้องลาจากโลกนี้ไป

สักวันหนึ่งเราต้องจากโลกนี้ไป ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่
อาจจะเป็นปีหน้า เดือนหน้า หรือพรุ่งนี้ก็ได้

ขอให้ทุกคนนึกในใจว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะอยู่ในโลกนี้
ไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเราอีกต่อไป
ให้นึกไว้ในใจว่า อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ทุกชีวิตและทุกผู้คนที่เราคุ้นเคย ที่เราเคยพบปะ ที่เราเคยหยอกเย้าแย้มยิ้ม

คนเหล่านี้เราจะไม่มีโอกาสได้พบอีกต่อไป ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว


นึกถึงใบหน้าของพ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่เคยพบเห็นทุกวี่ทุกวัน

เรากำลังจะจากเขาไปในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
นึกถึงใบหน้าของคู่ครองคนรัก วันเวลาที่จะต้องจากเขา ใกล้มาทุกขณะแล้ว
นึกถึงมิตรสหายที่เราคุ้นเคย อีกไม่นานเราจะไม่มีวันได้พบเขาอีกแล้ว

นึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อเช้า
เราได้พบเจอใครบ้าง ได้ทำอะไรบ้าง
นึกถึงช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารเมื่อเช้านี้
นึกถึงช่วงเวลาที่ส่งลูกไปโรงเรียน
นึกถึงเพื่อนฝูงที่พบเจอในห้องประชุม

“พ่อคะ แม่ขา หนูรักพ่อกับแม่นะคะ
ต่อไปนี้ หนูคงไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อกับแม่อีกแล้ว... ”


“ลูกจ๋า คนดีของพ่อ ดวงใจของแม่
เป็นเด็กดีนะลูก พ่อแม่คงไปรับลูกที่โรงเรียนไม่ได้อีกแล้ว…”

นึกถึงทรัพย์สมบัติ สิ่งของที่เราหามาด้วยความเหนื่อยยาก

บ้าน รถยนต์ เครื่องประดับ เงินทอง ของหวงของรักทั้งหลาย

เรากำลังจะสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไป
นึกถึงงานการทั้งหลายที่เรารักและทุ่มเทมาตลอด

ไม่ว่าจะมีค่าปานใด เราจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกต่อไป

งานทั้งหลายที่คั่งค้างไม่จบ เราจะไม่มีวันได้สะสางอีกแล้ว

อีกไม่นาน โลกที่เราคุ้นเคยมาตลอดชีวิต

จะหายวับไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลือแม้แต่น้อย
ที่สำคัญก็คือ ชีวิตของเราทั้งชีวิตกำลังจะสูญสิ้นไปในอีกไม่กี่ชั่วโมง


ทีนี้ลองกลับมาสำรวจดูความรู้สึกของเราในขณะนี้
ความรู้สึกในขณะนี้เป็นอย่างไร?
เรารู้สึกกลัวหรือไม่?
ลองพิจารณาความกลัวดู ค่อยๆ สัมผัสรับรู้ความกลัวนั้น
ความกลัวอยู่ที่ตรงไหน?
เรากลัวอะไร?
ลองสัมผัสรับรู้ความกลัวเหล่านี้ด้วยใจสงบ

มีความกังวลหนักใจเกิดขึ้นหรือไม่?
อะไรที่เรารู้สึกตัดใจลำบากที่สุด
พ่อแม่? คนรัก? ลูกหลาน? มิตรสหาย? ทรัพย์สมบัติ? งาน?

ขอให้เราตั้งสติและพิจารณาในใจว่า
ทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่เรามีนั้น มันเป็นของเราจริงหรือ?
เราเอามันไปด้วยได้หรือไม่
สิ่งเหล่านี้เพียงแต่มาอยู่ในความดูแลรักษาของเราชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะมอบให้คนอื่นดูแลและใช้ประโยชน์ต่อไป

ส่วนงานการทั้งปวง เราก็ได้ทำมามากแล้ว
บัดนี้ได้เวลาเลิกงานแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องวางมือ
และให้คนอื่นรับไปทำต่อไป
เราได้ฝากงานไว้กับโลกมามากพอแล้ว
งานทั้งหลายได้กลายเป็นของโลกไปแล้ว ไม่ใช่ของเรา
ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องห่วงกังวลอีกต่อไป

พ่อแม่ ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และคนรักทั้งหลาย
เรามีบุญวาสนามาอยู่กับเขาได้นานพอสมควรแล้ว
หน้าที่ที่สมควรทำ เราก็ได้ทำมามากพอแล้ว
บัดนี้ได้เวลาที่เราจะต้องลาจากไป
ขอให้มั่นใจว่าเขาจะอยู่ต่อไปได้โดยไม่มีเรา
เราเคยลาจากเขาเหล่านี้มาก่อนแล้ว
ครั้งนี้เราเพียงแต่ลาจากไปนานกว่าครั้งก่อนๆ เท่านั้น

อีกไม่นานเราก็จะละร่างนี้ไป
ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา เราเพียงแต่หยิบยืมมาจากธรรมชาติ
ร่างนี้เราได้มาเปล่าๆ จากท้องแม่ บัดนี้ถึงเวลาที่จะคืนให้แก่ธรรมชาติไป
ได้เวลาแล้วที่ร่างนี้จะคืนสู่ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมชาติ

บัดนี้ถึงเวลาที่เราจะปลดเปลื้องสิ่งหมักหมมจิต
ความรู้สึกผิดติดค้างใจ
ความเศร้าเสียใจที่ได้กระทำผิดต่อผู้อื่น
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้กดถ่วงหน่วงทับใจอีกเลย
ไม่สายเกินไปที่จะขออภัย ณ บัดนี้
ขออภัยต่อทุกคนที่เราได้เคยล่วงเกิน หมางเมิน และเบียดเบียน
ขอเราทั้งหลายอย่าได้มีเวรต่อกันอีกเลย

หากเรามีความคับแค้นใจ รู้สึกไม่ดีต่อใครบางคน
อย่าปล่อยให้อกุศลจิตนี้กัดกินใจเราอีกเลย
ขอจงให้อภัยเขาเหล่านั้น
อโหสิทุกคนที่เคยทำความทุกข์แก่เรา
ปลดเปลื้องใจเราให้เป็นอิสระจากความเคียดแค้นชิงชัง
ขอให้เราทั้งหลายจงเป็นสุข ๆ เถิด

ท้ายที่สุดนี้

ให้ละวางทุกอย่างที่เคยถือเป็นของเรา

ละวางแม้กระทั่งตัวตน หรือความรู้สึกว่าตัวฉัน
แท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งตัวตนที่นึกว่าเป็นของเรา ก็มิใช่ของเราจริง ๆ
ให้ละวางความยึดถือในตัวตน อย่าไปนึกหรือคาดหวัง ว่าตัวตนจะไปเกิดเป็นอะไร
ให้ระลึกในใจว่า ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นอะไร ก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น
ไม่มีอะไรที่น่าเอา น่าเป็น
ไม่มีอะไรที่ควรยึดมั่นถือมั่น
ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ว่าอดีตหรืออนาคต
น้อมจิตสู่ความสงบ สู่ความว่าง สู่ความดับเย็นอย่างสิ้นเชิง.

ขอขอบพระคุณ : //board.palungjit.com/showthread.php?t=114160




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 16:47:05 น.
Counter : 1439 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

Minie'
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]




รู้โลกเรียนธรรม

Friends' blogs
[Add Minie''s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.