----- สะพานคนร้องไห้ -----

สะพานมหาดไทยอุทิศ

เป็นสะพานข้ามคลองมหานาค สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ร่วมกับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ได้พร้อมใจกันบริจาคเงินสร้าง เพื่อเป็นอนุเสาวรีย์อันเป็นสาธารณประโยชน์ และเทิดพระเกียรติแด่รัชกาลที่ ๕ สร้างเสร็จในพ.ศ. ๒๔๕๗ ได้รับพระราชทานนามว่า สะพานมหาดไทยอุทิศ สะพานสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มีโครงรับสะพานด้านล่างแบบวงโค้งทึบ ราวสะพานเป็นคอนกรีต เจาะเป็นช่องสี่เหลี่ยมจตุรัส ภายในบรรจุพวงหรีดปูนปั้นแบบฝรั่ง กลางสะพานมีแผ่นจารึกนามสะพาน และปีพุทธศักราชที่สร้างเสร็จ ประดับด้วยรูปวงจักรข้างละ ๑ วง สองข้างจารึกเป็นเสาซุ้ม ด้านขวามีภาพประติมากรรมสตรีอุ้มเด็ก ด้านซ้ายเป็นภาพผู้ชายยืนจับบ่าเด็ก รูปทั้งหมดแสดงอาการร้องไห้เศร้าโศก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติไว้แล้ว

---ข้อมูลจากป้ายอธิบายการท่องเที่ยวที่ปลายสะพาน---

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมใน วิกิพิเดีย แล้วจะรู้ว่าทำไมคนบนสะพานนี้ถึงร้องไห้

*อย่าลืมกด F11*

ราวสะพานฝั่งท่าเรือผ่านฟ้า






มองไปทางสะพานผ่านฟ้าลีลาศ




เหนืองานประติมากรรมนูน-ต่ำหญิงอุ้มเด็ก มีแผ่นกลมจารึกเลข ๕


เหนืองานประติมากรรมนูน-ต่ำชายจับบ่าเด็ก มีแผ่นจารึกพระปรมาภิไธยย่อ "จปร"














******************************************************
อยู่ใกล้กัน รวมสะพานผ่านฟ้าลีลาศให้ด้วยเลยค่ะ ประวัติบนป้ายท่องเที่ยวที่ปลายสะพานเล่าไว้อย่างนี้

เป็นสะพานข้ามคลองรอบกรุง ตอนที่เรียกว่าคลองบางลำพู เชื่อมถนนราชดำเนินกลางและราชดำเนินนอก เดิมสะพานนี้มีลักษณะเป็นสะพานโครงเหล็ก ชนิดมีโครงเหล็กใต้โค้งข้างบน พนักลูกกรงของราวสะพานทั้งสองข้างเป็นเหล็กหล่อ ลวดลายช่อดอกทานตะวัน มีลวดลายประดับที่คานโค้งซึ่งรับกับตัวสะพานอยู่ด้านล่าง ที่ปลายสะพานทั้งสองข้างมีเสาหินอ่อนประดับด้วยเครื่องสำริด เป็นลายเฟื่องอุบะที่หัวเสา และเป็นรูปเรือโบราณของยุโรปอยู่ที่กลางเสา นอกจากนี้มีลวดลายสลักที่เสาหินอ่อน สะพานนี้ได้รับการปรับปรุงจากการขยายผิวจราจรหลายครั้ง แต่ได้พยายามรักษาชิ้นส่วนของศิลปกรรมดั้งเดิมไว้มากที่สุด กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติไว้แล้ว






 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 9:48:36 น.
Counter : 1948 Pageviews.  

วัดลายสีเบญจรงค์

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

วัดขนาดเล็กริมคลองหลอด เล็กในขนาดแต่ความงดงามนั้นใหญ่โตเหลือล้น ร.๕ โปรดเกล้าฯให้สร้างเมื่อปีพศ. ๒๔๑๒ นี่คือวัดแรกที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ โดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นวัดประจำรัชกาล ตามโบราณราชประเพณี วัดนี้ยังเป็นวัดสุดท้ายที่สร้างขึ้นตามคตินี้

นอกจากจะเป็นวัดประจำรัชการที่ ๕ ยังถือเป็นวัดประจำรัชการที่ ๗ อีกด้วย

ความหมายของชื่อวัดคือ "อารามที่กษัตริย์ทรงสร้าง มีมหาสีมาครอบคลุมอาณาเขต"

สิ่งโดดเด่นที่สุดและถือเป็นเอกลักษณ์ของวัดราชบพิธ คือผนังภายนอกทุกส่วนของพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์และฐานทักษิน ระเบียงโค้ง ขอบรั้วลานวัด ประดับประดาตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนลายสีเบญจรงค์

แผนผังของวัดวางแบบตามคติโบราณครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยมีพระเจดีย์เป็นอาคารประธาน ล้อมรอบเป็นวงกลมด้วยระเบียง มีพระอุโบสถ พระวิหารและมุขทางเข้าอีกสองทางที่ตั้งอยู่ระหว่างพระระเบียง

ร.๕ ทรงโปรดเกล้าให้สร้างสุสานหลวงในวัดแห่งนี้ เพื่ออุทิศพระราชกุศลแด่พระบรมราชเทวี พระราชเทวี เจ้าจอมมารดา พระราชโอรสธิดา สุสานหลวงจะอยู่ทางฝั่งริมคลองหลอด ด้านประตูทางเข้าทิศตะวันตก แผนผังจัดวางมีระเบียบ มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น สวยงาม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิกิพิเดีย

*** ต้องการดูรูปเต็มจอคอมพ์ฯ กด F11***



พระอุโบสถ
















บานประตูหน้าต่างของพระอุโบสถจะประดับมุก ส่วนพระวิหารเป็นไม้สลักลวดลาย


ลวดลายมุกประดับเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงห้าดวง ฝีพระหัตถ์กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ










หอกลองทำเป็นยอดทรงพระเกี้ยว กรุกระจกสีที่ซุ้มประตู






ทหารบนบานประตูวัดในชุดเครื่องแบบต่างๆ แปลกจากความนิยมเดิมที่จะทำเป็นรูปเทวดาหรือเซี่ยวกาง


สุสานหลวงด้านตะวันตกของวัด ขนานไปตลอดแนวกำแพงด้านริมคูคลองเมืองเดิม










[รูปซ้าย] อนุเสาวรีย์ยอดปรางค์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (กรมหลวงชินวรศิริวัฒน์) จะอยู่ในเขตวัด


ไปถ่ายรูปคราวนี้เย็นแล้ว พระอุโบสถและพระวิหารปิด เลยไม่มีโอกาสเข้าไปถ่ายรูปเพดานสไตล์โกธิกแบบตะวันตกผสมผสานกับศิลปะไทยอันงดงามมาให้ดู ไว้หนหน้าไปเช้ากว่านี้ ไม่พลาดแน่ค่ะ

--- ข้อมูลเพิ่มเติมมาจากหนังสือคู่มือนำชมกรุงรัตนโกสินทร์ สนพ.สารคดี----




 

Create Date : 28 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 1:28:01 น.
Counter : 1718 Pageviews.  

*** เซี่ยวกาง ***

...บนบานประตูทางเข้าสวนมิสกวันในวัดพระเชตุพนฯ ถูกโฉลกกับท่านทั้งสองจริงๆเรา ไปทีไรก็ต้องถ่ายรูปกลับมาทุกที เปิดๆปิดๆจัดบานประตู ท่านเซี่ยวกางคงบ่นในใจว่ายุ่งกับฉันอีกแล้วยัยนี่ มาเปิดๆปิดๆแล้วก็ยกกล่องดำๆมาปิดตา กดแชะๆๆๆ ไฟวูบบ้างไม่วูบบ้าง ทำอะไรกันหนอมนุษย์

เซี่ยงกางบนบานซ้ายหน้าดุกว่าบนบานขวานิดนึง แต่ต่างก็ทำหน้าที่เฝ้าสวนไม้ต่อ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ปลูกไว้ตั้งแต่สมัย ร.๓ อย่างไม่ย่อท้อต่อแดดฝนมาเป็นเวลานาน

ถ้ามนุษย์อยากเห็นหน้าข้าเต็มจอ ก็อย่าลืมกด F11












 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 1 มิถุนายน 2551 13:29:37 น.
Counter : 1596 Pageviews.  

เดินเล่นยามเย็น...ในกรุงเก่า

....แถวคูคลองเมืองเดิม สวนสาธารณะร่มรื่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ รัตนโกสินทร์สวยไม่แพ้เมืองหลวงที่ไหนในโลก เมื่อยามเย็น โพล้เพล้ใกล้ค่ำ(ถ้าชอบถ่ายรูปก็มักจะเป็นยามนี้แหละค่ะ)

*** ต้องการดูรูปเต็มจอคอมพ์ฯ กด F11***

พระที่นั่งสุทไธสวรรย์มองจากสนามด้านนอกสวนสราญรมย์


สะพานปีกุน สะพานคนเดิน ข้ามคลองหลอดหน้าวัดราชบพิธฯ สร้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๕๔ ในวโรกาสสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระชนมายุครบ ๔ รอบ เพื่อให้เป็นสาธารณประโยชน์


หัวเสาสะพานปีกุน


คลองหลอด ยามเย็น


เข้าสวนสราญรมย์ ประตูด้านถนนราชินี


ท้องฟ้าเหนือสราญรมย์


อนุเสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์


ไปดูเขาหัดลีลาศที่ศาลา


น้ำพุตรงประตูทางออกด้านถนนเจริญกรุง


รากต้นไม้เก่าแก่ใหญ่โต ด้านนอกหัวมุมสวนฝั่งถนนสนามไชย


กำแพงเขตพระบรมมหาราชวังยามโพล้เพล้


วัดพระเชตุพนฯหรือวัดโพธิ์จากหัวมุมถนน


กองกำลังรักษาดินแดนใต้ท้องฟ้าใกล้ค่ำ พระจันทร์เริ่มขึ้นสูง


แสงไฟสาดส่องกำแพงเมือง กรุงเทพฯของฉันก็สวยไม่เบา


พระอุโบสถวัดพระเชตุพนฯ มองผ่านกำแพงวัดด้านถนนท้ายวัง


ที่จริงตั้งใจจะรีบซอยเท้าไปตามท้ายวัง เพื่อข้ามฟากเจ้าพระยาให้ทันเก็บรูปท้องฟ้ายามโพล้เพล้กับวัดอรุณ แต่มาเสร็จตรงแถวนี้ซะก่อน ไม่เป็นไรนี่บ้านฉัน กลับมาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้


แต่ก็ยังไม่ล้มเลิกการข้ามไปวัดอรุณยามราตรี รูปนี้ที่จริงเล็งไปที่พระปรางค์ เรือข้ามฟากเคลงตอนกดแชะ เลยกลายเป็นโฟกัสที่ผิวน้ำ ได้พระปรางค์ไหวๆ แต่เรากลับชอบ เหมือนลอยคอถ่ายรูปนี้จากผิวน้ำ


พ้นท่าเรือ พอข้ามประตูวัดเข้ามาก็มืดตึดตื๊ออย่างนี้เลยค่ะ แถมมีซาว์นแทรคเป็นพระสวดอีกตะหาก แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้า งดงามจนต้องเก็บความกลัวไว้ก่อน


เดินขยับฝ่าความมืดเข้าไปอีกนิด เพื่อเก็บรูปอันงดงามยามค่ำของพระปรางค์วัดอรุณ หนึ่งในสัญลักษณ์อันสวยงามของเมืองไทยสำหรับชาวต่างชาติ




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 0:23:13 น.
Counter : 1300 Pageviews.  

มิวเซียมสยาม



พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดของกรุงเทพฯ เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ยังให้ผู้สนใจเข้าชมฟรี เจ้าของบลอคไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ประทับใจมากๆขอบอก 4 ชม.เต็มๆกับมิวเซียมสยาม ให้อาหารสมอง กระตุ้นรอยหยักให้ทำงาน ได้ความรู้มาอีกจม

พิพิธภัณฑ์นี้ไปง่าย เราเลือกขึ้นบีทีเอสไปจนสุดสายที่สะพานตากสิน ลงเรือท่าสาทรไปท่าเตียน ได้ชมวิวสองฝั่งเจ้าพระยา ไม่ต้องหงุดหงิดกับรถติดอีกต่างหาก พอขึ้นท่าเตียนก็เดินไปตามถนนมหาราช ทะลุซอยเศรษฐการเลียบมิวเซียมไปเข้าประตูด้านถนนสนามไชย เพราะประตูด้านถนนมหาราชปิดในวัน(ธรรมดา)ที่เราไปค่ะ

*** ต้องการดูรูปเต็มจอคอมพ์ฯ กด F11***

ประตูทางเข้าด้านหน้าตั้งอยู่บนถนนสนามไชย


มีคนกบแดง ไอคอนของมิวเซียมคอยต้อนรับ


ตึกกระทรวงพาณิชย์ (เดิม) บูรณะปรับปรุง เปิดเป็นมิวเซียมบอกเล่าประวัติความเป็นไทย แค่ตัวอาคารก็หยุดถ่ายรูปไปหลายมุมแล้ว


มองลอดจากใต้งานประติมากรรม


สิ่งแรกที่บอกเรา ทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูตึกที่เปิดต้อนรับ


ห้องตึกเก่าเล่าเรื่อง บอกเล่าการบูรณะอาคารประวัติศาสตร์หลังนี้


ผนังบางส่วนทิ้งไว้ให้เห็นของเดิม รวมถึงสีเก่า ก่อนการบูรณะ ตรงที่บอกว่า "ผนัง 2 ชั้น" จะมีกล้องตาแมวเจาะเข้าไปให้ดูโพรงระหว่างผนังที่เป็นฉนวนกันความร้อน ตึกโบราณไม่ต้องใช้แอร์ก็ไม่ร้อนอบอ้าว


โคมไฟ สายไฟ ซากบางชิ้นนำมาวางให้ดู


โมบายคนกบแดง ยาวตลอดช่องบันไดด้านทิศใต้


เมียงมองออกไปจากระเบียงทางเดินชั้นหนึ่ง


การชมนิทรรศการจะเริ่มที่ห้องวีดีทัศน์ แต่เราจะข้ามไปก็ได้ โดยเดินขึ้นไปชั้น 3 (ก่อน) ทางบันไดฝั่งที่มีโบมายคนกบแดง แต่ไปครั้งแรก แนะนำให้เริ่มเส้นทางนิทรรศการจากห้องนี้ก่อนค่ะ


วีดีทัศน์เล่าเรื่องราวความเป็นมาถิ่นขวานทองฉบับย่อ เพราะเดี๋ยวจะไปขยายความกันในส่วนต่างๆของนิทรรศการถาวรที่มีชื่อว่า "เรียงความประเทศไทย"


จากนั้นเราไปตามหาไทยแท้


หลังจากชมส่วนนี้แล้ว เราก็ขึ้นลิฟท์โครงแก้วไปชั้นสาม


เพื่อ........




ตามรอยบรรพชน




การจัดแสดงจะมีวีดีทัศน์เสริมเล่าเรื่องเป็นจุดๆ


ห้องพุทธิปัญญา


ลวดลายหัวเสา โคนเสา เล่นแสงผ่านลายเจาะฉลุแบบง่ายๆ




เริ่มต้นเล่าเรื่องกำเนิดกรุงศรี






กระบวนเรือพยุหหยาตราจัดทำได้สวยงาม น่าสนใจ ชื่อเรือแต่ละลำจะบอกไว้บนแผงข้างล่าง


เรือพระที่ศรีสมรรถไชย


เรือสำเภาแบบต่างๆของหลากชนชาติที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา




กรุงศรีอยุธยามีคนต่างชาติต่างภาษาอาศัยอยู่ถึง 40 ชนชาติ


ห้องสุดท้ายบนชั้น 3


ปืนใหญ่ให้ผู้เข้าชมได้อินเตอร์แอคตีฟ


กระสุนปืนใหญ่ขนาดต่างๆ


ระเบียงทางเดินบนชั้น 3


ยื่นหน้าไปมองสนามจากฝั่งนี้บ้าง


แล้วก็เดินลงบันไดไปชั้นสองเพื่อชมนิทรรศการกันต่อ


เริ่มด้วยห้องแผนที่


แล้วต่อด้วยห้องนี้


ใครสร้างกรุงเทพฯ..........หลากหลายเชื้อชาติที่ทำให้เกิดชุมชนต่างๆในเมืองหลวง


อยากทราบความเป็นมาจนถึงปัจจุบันของชุมชนไหนในกรุงเทพฯ ก็เปิดแต่ละบานเพื่อเรียนรู้


เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง


โมเดลตู้ไปรษณีย์แต่ละยุคสมัย


ตู้ไปรษณีย์ใบแรกของสยามประเทศ


นี่หย่อนจดหมายไม่ได้คร่า


สู่ความศิวิไลซ์


จากสยาม...มาเป็นประเทศไทย




ภาพการ์ตูนการเมืองยุคเก่าๆ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ


ยุคแรกๆของโทรทัศน์ คุณจะขึ้นไปลองเป็นผู้ประกาศข่าวก็ได้ค่ะ


ธนบัตรแต่ละยุคสมัย




ประเทศไทยยุค 60 เป็นยุคที่มีสีสันและมีเอกลักษณ์มากที่สุด


THAILAND TODAY


ห้องสุดท้ายของนิทรรศการถาวร ให้ผู้เข้าชมเขียนข้อความอิเลคโทรนิค ซึ่งจะขึ้นแสดงบนจอใหญ่


โครงสร้างสถาปัตยกรรมอันงดงาม ที่มีความเป็นนิทรรศการในตัวมันเอง






เดินกลับลงมาทางบันไดใหญ่ด้านหน้า สิ้นสุดเส้นทางนิทรรศการถาวรของมิวเซียมสยาม


ได้เวลาบอกลา


แต่มิใช่ลาลับ


เราจะกลับมาหาเพื่อนใหม่แห่งนี้อีกแน่นอน


แผนที่ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น อังคาร ถึง อาทิตย์ [ปิดวันจันทร์นะคะ ]


แผนผังบริเวณทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 14:40:00 น.
Counter : 3677 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

la liga fan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อย่าฟังความข้างเดียว เหรียญมีสองด้าน

ไม่มีใครช่วยเราได้ ถ้าเราไม่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อน

A rich man is not one who has the most, but one who need the least.
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add la liga fan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.