Group Blog
 
All blogs
 
ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 4-1 ซาปา สวนพฤกศาสตร์

>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 1-1 สุวรรณภูมิ ดินแดนของพนักงานหน้า...<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 1-2 ฮานอย เดินทาง หาที่พัก<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 1-3 ฮานอย กินๆ นอนๆ<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 2-1 ฮานอย เดิน เที่ยว ถ่าย วิ่ง Amazing Race<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 2-2 ฮานอย ถึงแล้วจริงๆนะ<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 2-3 ฮานอย นี่หรือ cha ca!!!!<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 2-4 ฮานอย มุ่งสู่ซาปา<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 3-1 ซาปา มากินหรือมาเที่ยว<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 3-2 ซาปา ละเลียดบรรยากาศ สูดอากาศ และซึมซาบวิวทิวทัศน์<<<
>>>ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 3-3 ซาปา เมืองแห่งหมอก<<<




ตื่นเช้ามาก็หมอกจัดอยู่เหมือนเคย เมื่อมองจากห้องก็หมอกเต็มอย่างที่เห็น อากาศก็หนาวมากๆ ใส่5ชั้นตามเคย



เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราลุกขึ้นอาบน้ำอุ่นๆ แต่งตัวให้เรียบร้อย พร้อมไปหาข้าวเช้ากินข้างนอก (ไม่รู้ว่าเพราะเค้าลดให้เรา 5เหรียญตอนซื้อห้อง+ตั๋วรถไฟที่ฮานอยรึเปล่า กลายเป็นว่าห้องเราไม่ได้รวมอาหารเช้าไว้ให้ แต่ไม่เป็นไรไม่ซีเรียส เพราะตั้งใจหาอะไรกินข้างนอกอยู่แล้ว) ที่เราด้อมๆ มองๆเมื่อวาน เช้านี้แหละที่เราจะลอง อยากลองนั่งกินแบบนี้ดู ท่าทางจะอุ่น มีหลายร้านมากๆ ติดกันหมด เพื่อนเราตัดสินใจเลือกร้านที่มีร่มคันใหญ่ ใกล้ๆกับร้านเจ๊ที่ยกติงขึ้นมาอิงไฟคนนี้ เห็นแล้วมันอยากอาหารขึ้นมายังไงบอกไม่ถูก



เราได้ลองสั่งไข่ปิ้ง มันปิ้ง และหมูปิ้งมาลองกินดู พอสั่งเสร็จเค้าก็จะเอาไปปิ้งให้มันร้อนตามรูป ตอนนั่งตรงนี้ที่หนาวๆ ก็อุ่นสบาย



ซ้ายมือหมู ขวามือนก ดูน่ากลัวมากๆอ่ะนกปิ้ง



แล้วมันปิ้งก็เสร็จก่อน หวานมากๆๆๆ อร่อยโครต ถูกอีกต่างหาก 3,000ดองเอง อันเบ้อเร่อ ร้อนได้ใจจริงๆ



ต่อด้วยหมูปิ้ง ไม้ละ4,000ดอง ตอนแรกเค้าคิด 5,000ดอง เลยขอต่อดู "แหยมแย้ๆ" ก็ลดเหลือ 4,000ดอง หมูปิ้งนี่มันมีมันติดเยอะไปนิด ต้องเลือกไม้ดีๆ แต่อร่อยมาก เพราะมันเหมือนมีซอสอะไรไม่รู้ทาอยู่ด้วยอ่ะ เผ็ดนิดๆ อร่อยจนกะไว้ว่าเดี๋ยวถ้ามีเวลาจะกลับมาซื้อกินอีก3ไม้แต่จะต่อเหลือ 10,000ดองให้ได้ (ยังไม่วายต้องขอต่อราคา)



ต่อไปก็ไข่ปิ้ง ก็เหมือนไข่ธรรมดาเลย แต่ไม่มีซอสเลยจืดสนิท แกะเปลือกไปร้อนไป ร้อนมากๆ อันนี้ก็อันละ 3,000ดอง



แล้วก็กินเกาลัดปิ้ง แบ่งกะเพื่อนกินคนละสองลูก ไม้นึงมีสี่ลูก (3,000ดอง) อันนี้สู้เกาลัดคั่วเมล็ดกาแฟที่เยาวราชไม่ได้เลย แห้งๆ แค่นี้ก็อิ่มมื้อเช้าอันแสนง่าย จริงๆ มันมีน้ำชาขายด้วย แต่ไม่ได้ลอง


นัดเจอเจ๊แม่ลูกอ่อน (ที่ขอไปนั่งกิน breakfast ที่ร้านเบเกอรี่เจ้าเก่าไม่ยอมมานั่งโลวคลาสข้างทางกะเรา ด้วยเงินดองเจ๊แกเหลือเยอะมาก) ที่หน้าโบสถ์ เมื่อเราพร้อมก็ออกเดินไปสวนพฤกศาสตร์ Hamrong จากโบสถ์ก็เดินเข้ามาทางที่เรานั่งกินพวกมันปิ้งเมื่อกี้ ตรงมาเรื่อยๆ ขวามือเราจะเป็นด้านข้างโบสถ์



ตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอทางให้เลี้ยวซ้ายก็เลี้ยวมาตามทาง เราตอนแรกเกือบงง ดันจะตรงขึ้นไปเข้าผิดสะแล้ว เมื่อมาถึงด้านหน้าทางเข้าเขียนว่า Nui Ham Rong ก็จะมีให้ซื้อตั๋วคนละ30,000ดองเท่านั้น



จ่ายเงินเสร็จรับตั๋ว เค้าก็จะมีแผนที่มาให้ แผนที่อันนี้แหละที่ทำให้เราได้รู้คร่าวๆว่าเราอยู่ไหนแล้วจะไปไหนต่อ (ดูแผนที่สลับกะดูป้ายที่ติดตามทาง ห่วยไม่แพ้ไทยแลนด์ แบบบางทีก็ให้เราไปอ้อมสูงๆไกลๆเหนื่อยๆโดยไม่จำเป็น) เพราะในนี้มันค่อนข้างกว้างทีเดียว มาหน้าหนาวอย่างนี้เราก็ไม่คาดหวังว่าจะมาเห็นพรรณไม้นานาชนิดอะไร ก็มาให้มันถึงๆ ตามสไตล์นั่นแหละ เรียกได้ว่าเราก็ได้แต่ตามรอยเท้าชาวบ้านแบบสิ้นคิดตลอดทั้งทริปนี้ มีคิดเองบ้างประปราย


ตามแผนที่จะมีจุด 12จุดให้เราไปชม จุดแรกคือที่เราผ่านมาแล้ว คือทางเข้านับเป็นจุด checkpoint แรก


จากนั้นเราก็เดินไป orchid garden ก่อน (อันนี้เป็นจุดที่2) ได้ข่าวมาว่าสวยสู้ที่เชียงใหม่เราไม่ได้ พอเดินไปถึงเท่านั้น นี่มันซากอะไรวะเนี่ย -.-เริ่มเสียดายตังค่าเข้า เพราะเริ่มเดาๆไปว่ามันคงเป็นแบบนี้หมด



ที่สวนกล้วยไม้นี้เองจะมีทางขึ้นไปอีก (นี่เป็นจุดที่3) เป็นที่ที่จะเห็นเขาฟาซิปันได้สวยที่สุด และเพื่อไปดูวิวสวยๆแบบมองเห็นทั่วเมือง เราก็เลยเดินขึ้นไปตามทางเรื่อยๆ หวังว่าอย่างน้อยสวนอาจทำให้ผิดหวังแต่วิวต้องสวยแน่นอน (ไม่เข้าใจว่าสองคนนั่นจะไปยืนทำแมวอะไรตรงนั้น รกเฟรมอย่างแรง)



มีจุดนั่งชมวิวไป จกส้มตำข้าวเหนียวไปด้วย แต่ไม่มีขายนะ



และเมื่อมองออกไปพร้อมกับความคาดหวังวิวที่มองเห็นทั้งเมือง และเขาสุดลูกหูลูกตา เราก็เห็นแต่หมอกมาบังมิดแบบนี้



เจ๊แม่ลูกอ่อนเสนอให้รอจนแดดมา แล้วค่อยกลับมาแวะดูอีกที เราจึงเดินย้อนลงไปเพื่อไปจุดต่อไป



จุดที่ 4 คือจุดขายของที่ระลึก เราก็ผ่านแบบไม่แวะเข้าไปดม เพราะมองๆ แล้วท่าทางไม่มีอะไร เห็นมีขายพวกของเล่นเหมือนคลองถมด้วย มันเข้ากันมั้ยวะเนี่ย ก็เดินต่อมาตามทางเรื่อยๆ โดยจะต้องสังเกตุกันเอาเอง เพราะมักจะมีทางหลอกแบบให้เราเดินอ้อมโลก ลงๆขึ้นๆ ทั้งๆที่จริงๆเราสามารถเดินทะลุไปได้ง่ายๆแบบไม่ต้องเหนื่อย แล้วเราก็เดินผ่านมาเห็นสะพานนี้



ชักชวนเพื่อนให้เดินข้ามไปดู แต่ทุกคนกลัวจะหลงทางในป่าไม่ได้กลับกรุงเทพฯ เราก็เลยข้ามไป เดินต่อมาตามทาง เราก็จะพบศาลาคนเศร้า



เดินไปเรื่อย บางมุมมันก็สวยดีนี่หว่า



เดินมาจุดที่5 เจอร้านอาหารใหญ่เลยร้านหนึ่ง แต่ไม่มีคนนั่งกินอยู่เลย เราก็ข้ามไปถ่ายรูปแถวนั้น เผื่อจะได้วิวสวยๆ ไปหลอกชาวบ้าน



แล้วก็มาถึงจุดที่6อย่างรวดเร็ว ตรงนี้เป็น European Garden มองออกไปเห็นมีปลูกอะไรด้วย



นี่ทางเข้ามาสวนยุโรป เห้ยแบบว่าสวยกว่าที่คิด นี่แหละคือข้อดีของการไม่คาดหวัง พอมันแค่ดีนิดหน่อยไม่ต้องมาก แต่แค่มากกว่าที่คิด มันก็กลายเป็นอะไรที่คุ้มค่าขึ้นมาได้ (เริ่มรู้สึกคุ้มค่าเข้า30,000แล้ว)



ดูๆ มันไม่มีดอกไม้สวยสดงดงามอะไร ดูแห้งๆ ตายๆ แต่มันก็สวยไปอีกแบบ (แบบเหี่ยวๆ) บวกอากาศอย่างงี้ เฮ้อ สุขใจจริงๆ



ดอกไม้ก็มีด้วยนะ แต่ประปราย ไม่เยอะ



ออกจากสวนยุโรปที่เราเสียเวลากันเนิ่นนานด้วยความที่เราว่ามันวิวสวยอ่ะ แต่อย่างที่บอกต้องเห็นด้วยตา ถ่ายมามันไม่ใช่อะ เราก็เดินมาเจอกับ Cultural Ethnic Minorities Village ซึ่งเราตัดสินใจไม่เข้าไปดูเพราะเวลาที่มีจำกัด



แล้วก็มาพบกะจุดนั่งพักอีกครั้ง มีน้ำชาและไอติมขาย (ไม่รู้ว่าหนาวขนาดนี้ใครจะกิน) แต่เราพกน้ำกันมาอยู่แล้ว เลยนั่งพักแปบนึงก่อนเดินต่อ



เห็นแล้วเหนื่อย แต่ก็สู้ทนต่อไป แม้ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร



ก็เข้าสู่จุดที่7 Stone forest ก็เต็มไปด้วยหินมากมาย แต่ไม่ได้เป็นถ้ำ



ถือว่าไม่ค่อยมีอะไรเลย แต่เดินเหนื่อยขั้นเทพ ชันมากๆ ทั้งชันขึ้นชันลง



ที่คุ้มก็คงเป็นตรงนี้มากกว่า มันทะลุมาถึงจุดที่8 Cloud yard มองไปเห็นวิวสวยๆ ก็รู้สึกคุ้มค่ากะการเดินเหนื่อยทั้งหมดนี่แล้ว เขาไกลลิบนั่นมันมีไม่รู้กี่ลูก



มองอีกฝั่งเห็นสวนยุโรปในมุมสูง สวยดีแฮะ



แล้วเราก็โดนกลุ่มป้าชาวจีนหรือเวียดนามไม่แน่ใจที่เพิ่งขึ้นมา แล้วเบียดให้เราต้องออกจากจุดถ่ายรูปนี้ ก็เลยบอกป้าเป็นภาษาไทยไปว่า "ขึ้นมานี่เหนื่อยเป็นคนเดียวเรอะ" ทุกคนก็เหนื่อยก็อยากถ่ายรูปชมวิวนานๆ นี่อะไรมาถึงก็เบียดคนอื่นเค้า เราเลยทิ้งปริศนาไว้ให้คุณป้าไปขบคิด ส่วนเราก็จำแต่วิวสวยๆ แล้วเดินกลับลงมา แล้วพบว่าเราไม่จำเป็นต้องเดินขึ้นไป stone forest นี่หว่า จากจุดพักสามารถมาจุด8ได้เลย แล้วตรูเหนื่อยเดินวนขึ้นไปทำม้าย ทางแยกนี่ตรงไปเลยก็ไปดูวิวสวยๆได้ ไม่ต้องขึ้นบันไดอ้อมให้เหนื่อย



แล้วเราก็ตั้งใจเดินไปจุด9ต่อ Three entrance gate cave ไม่เห็นมีอะไร หลอกให้เดินวนไปวนมาชัดๆ มีทางแยกชี้ไป four seasons flower garden เราเลยเดินเข้าไปดูกัน ก็เป็นอย่างในรูป เราสามคนมองหน้ากันแล้วพูดโดยมิได้นัดหมาย "ตรงไหนวะ"



ไปจุด10 Heaven Gate กันต่อ เดินไปเรื่อยๆ ตามทาง รู้สึกว่าไม่เจอ หรือเจอแล้วแต่ไม่รู้ว่าตรงนั้นคือ heaven gate เราเลยตัดสินใจลงเพราะเวลาไม่เหลือแล้ว ส่วนจุด11และ12 เราไม่ไปเพราะ11มันคือ The area of ethnic performing artซึ่งไม่ใช่แนวเราและคิดว่าคงไม่มีอะไร และ12เป็น Microwave station ซึ่งไม่น่าสนใจ



แล้วเราก็แวะไปถ่ายรูปจุดที่3ใหม่ตอนขากลับมา ที่ตอนแรกมามีแต่หมอก ตอนนี้แดดมาแล้ว ขอเก็บรูปวิวในเมืองในมุมกว้างก่อนกลับ





>>>อ่านตอนต่อไป ชีวิตราคาถูก ฮานอย-ซาปา ตอน 4-2 ซาปา ทริปสั้นยามบ่าย เตรียมตัว กลับฮานอย<<<


Create Date : 02 มีนาคม 2551
Last Update : 6 มีนาคม 2551 17:09:50 น. 1 comments
Counter : 390 Pageviews.

 
เก่งมาก ขึ้นไปถึงยอดเขาเลย



โดย: ทากลูกหมู วันที่: 4 มีนาคม 2551 เวลา:21:46:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

SimVK
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคน
มีอะไรก็หลังไมค์มาได้^^
Friends' blogs
[Add SimVK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.