ชีวิตคือความไม่แน่นอนแต่ในความไม่แน่นอนของชีวิตเรากลับพบความสวยงามของชีวิต
Group Blog
 
All Blogs
 
Göreme Open Air Museum, Cappadocia

จากที่พักเดินออกไปหลายกิโลเมตรเป็นที่ตั้งของ Göreme Air Museum สถานที่แห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่งในตุรกีได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เป็นความภูมิใจที่น่าหวงแหนและรักษาเอาไว้ให้คนรุ่นต่อไปได้ชื่นชมสิ่งที่เป็นมรดกโลกของมวลมนุษยชาติ

อากาศตอนที่เราไปเที่ยวที่ Göreme Air Museum ร้อนมาก แดดแรงแต่มันไม่ร้อนชื้นอย่างในญี่ปุ่น ก็ยังพอเดินได้แต่หิวน้ำมาก แล้วพลอยทำให้เกิดแผลร้อนในภายในช่องปากได้ง่าย เพราะพอรู้สึกร้อนมากๆเอาน้ำลูบตัว...เพราะไม่อยากเกิดอาการ Overheat สุดท้ายได้แผลร้อนในภายในช่องปากเป็นของแถม


ซื้อบัตรผ่านประตูเข้าไป ซึ่งเขาทำเป็นเครื่องสอดบัตรคอยครวจบัตรที่นักท่องเที่ยวเสียบเข้าไปในช่อง ตอนที่เดินเข้าไปเห็นกรุ๊ปทัวร์หน้าตาเหมือนคนในเขตอาเซียนเดินเข้ามาในเวลาใกล้เคียงกัน พูดคุยกันเลยรู้ว่าพวกเขาเดินทางมาจากอินโดนีเซีย

Apa ka ba? (How are you?)

Baik (I am fine.)



บริเวณทางเข้ามีเขาที่เจาะเป็นช่องๆแบบนี้ให้เห็น





ค่อยๆเดินขึ้นเนินเพื่อชมภายใน








บริเวณภูเขาข้างๆที่เขาเจาะเป็นช่องๆไว้เป็นรังของนกพิราบ แล้วนกพิราบก็ถ่ายมูลลงไปเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้แถวนี้ต่อไป มองจากโบสถ์สมัยโบราณของมนุษย์ที่สร้างขึ้นมามองเห็นแนวภูเขาที่อยู่ไกลออกไป มีกลุ่มต้นมะกอก ต้น Poplar ที่มีใบสีเขียวๆสลับกับแนวหินและภูเขาที่ถูกสายลมกัดเซาะ






เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ดังนั้นจึงมีกรุ๊ปทัวร์ที่มีลูกทัวร์จากหลายๆประเทศเดินทางมาชมความงามภายในถ้ำที่ครั้งหนึ่งในอดีตเป็นโบสถ์เผยแพร่ศาสนาคริสต์ เป็นห้องครัวที่ใช้ทำอาหารซึ่งมีคราบเขม่าจับอยู่บนเพดานให้เห็นจนถึงปัจจุบัน หรือบางแห่งเป็นหลุมฝังศพมนุษย์โบราณในอดีต

ด้านหน้าของแต่ละถ้ำมักจะมีป้ายอธิบายความสำคัญของแต่ละที่เป็นภาษาตุรกี ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน





น่าชื่นชมที่ตุรกีเขาให้ความสำคัญแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ด้วยการจัดให้มีแผ่นป้ายอธิบายความสำคัญของแต่ละที่ด้วยภาษาต่างประเทศถึง ๓ ภาษา เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวสถานที่เหล่านี้ด้วยตนเอง สามารถรับรู้ว่าสถานที่แต่ละแห่งมีความสำคัญอย่างไรด้วยการอ่านแผ่นป้ายเหล่านั้นด้วยตนเอง


การที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมากันมาก...เพื่อความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มาเป็นกรุ๊ปทัวร์ มารยาทของไกด์จะอธิบายให้ลูกทัวร์กรุ๊ปตัวเองฟังสถานที่ละ ๓ นาที แล้วเปิดโอกาสให้กรุ๊ปทัวร์อื่นที่ตามมาเข้าชมภายในถ้ำกันบ้าง

ตอนเรารอจะเข้าไปชมภายในโบสถ์แอปเปิล มีกรุ๊ปทัวร์สเปนที่ไกด์เขาปรารถนาดีกับลูกทัวร์....เขาอธิบายสิ่งต่างๆภายในถ้ำให้ลูกทัวร์ฟังอย่างละเอียด เพื่อลูกทัวร์จะได้เพลินและซาบซึ้ง แต่ว่า...มีกรุ๊ปทัวร์อื่นรอคิวจะเข้าถ้ำอยู่อีกหลายกรุ๊ป หลังจากที่รอนานกว่า ๘ นาทีกรุ๊ปทัวร์อิตาเลียนก็หมดความอดทน...ไกด์กรุ๊ปลูกทัวร์อิตาเลียนเขาเอ็ดตะโรใส่เจ๊ที่เป็นไกด์ให้กรุ๊ปทัวร์สเปนว่าคนอื่นเขารอคิวอยู๋ งานนี้เจ๊ทนเสียงต่อว่าไม่ไหว...เลยพาลูกทัวร์เดินออกจากถ้ำ


ภายในถ้ำมีภาพวาดเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เทวดาที่ระบุเอาไว้ในศาสนา





ได้ฟังคำอธิบายจากไกด์ว่าสีสันของภาพวาดในถ้ำต่างๆภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้....ถูกวาดขึ้นในสมัยย้อนหลังไปคริสศตวรรษที่ ๗ โดยคนสมัยโบราณเอาวัสดุจากธรรมชาติ เช่น เมล็ดผลไม้ เปลือกไม้ชนิดต่างๆ มาระบายสีสันและลวดลายต่างๆภายในถ้ำ






เพราะศรัทธาในศาสนา ผู้คนเลยนำความศรัทธามาสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะที่เกี่ยวข้องกับศาสนา





บริเวณที่เป็น Black Chapel เขาคิดค่าเข้าชมเพิ่มเติมจากค่าบัตรผ่านประตู คนละ ๘ เตอร์กีสลีร่าร์ (อยากรู้ว่าเป็นเงินกี่บาท เอา ๒๒ บาทคูณเข้าไปครับ )





พอเข้าไปภายใน...เราถึงรู้ว่าทำไมเขาขอเก็บเงินเพิ่ม?








ภาพภายในถ้ำยังสมบูรณ์แบบอยู่นั่นไง


เดินเลยจาก Black Chapel ไปนิดนึงก็เห็นมุมสวยๆมุมนึง ภาพที่มองจากตาเปล่ามันดูสวยงามทีเดียวเพราะมันได้แนวลึกที่สวย แต่พอมองจากกล้องซึ่งไม่มีการดัดแปลงสัดส่วนของรูปที่มองผ่านเลนส์ มันให้ความรู้สึกที่ต่างจากมองด้วยตาเปล่า ซึ่งตาของคนเราสามารถดัดแปลงสัดส่วนของภาพตามความพอใจได้




จากมุมนึง....มองออกไปเห็นแนวภูเขาและที่ราบที่อยู่ไกลๆออกไป





สมัยก่อนเวลาถ่ายภาพ...มักจะเอาหน้าตัวเองอยู่ในภาพเสมอ แต่ระยะหลังๆพอเดินทางท่องเที่ยวบ่อยๆ กลับพบว่าบางภาพการไม่มีคนอยู่ในภาพมันทำให้ภาพดูสวยกว่า ธรรมชาติบางครั้งปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นดูดีกว่า สวยกว่า ระยะหลังๆ...จึงถ่ายภาพเน้นธรรมชาติอย่างที่เป็นมากกว่าจะเอารูปคนใส่เข้าไปเพื่อเป็นองค์ประกอบของภาพ


ลองเปรียบเทียบดูว่าระหว่างมีรูปผู้ชายคนนี้กับภาพข้างบนภาพไหนมันน่าสนใจมากกว่ากัน (โพสท์ท่านี้...ผมจำมาจากรายการทีวีสมัยอยู่ญี่ปุ่น ท่านี้ช่วยทำให้คนใบหน้ากลมๆดูเล็กลง...มีคนบอกอย่างนั้น แต่ที่แน่ๆรูปนี้ข้าพเจ้าผิวดำปี๋เลย )








บริเวณที่เป็นห้องอาหารของมนุษย์สมัยโบราณ หน้าตาแบบนี้ครับ





ตอนนั้น...ลูกแอปปริคอทเริ่มสุกบ้างแล้ว เห็นแล้วพลอยนึกถึง อุเหมะ (梅) ที่ออกดอกต้นฤดูใบไม้ผลิแล้วพอดอกร่วงหล่นก็จะมีผลแบบนี้ที่คนญี่ปุ่่นเอาไปแช่กับเหล้าสาเกออกมาขายเป็นอุเมชู (梅酒)ถ่ายภาพผลแอปปริคอทในเมืองคัปปาโดเกียเก็บไว้เป็นที่ระลึก ใครเห็นแล้วอยากกินบ้างครับ ยกมือขึ้น







เลยบริเวณทางออกของพิพิธภัณฑ์ก็มีถ้ำที่เราแวะเข้าไปดูก่อนจะเดินทางกลับ มีภาพสวยๆที่ถ่ายภาพเก็บเอาไว้






เดินกลับมาถึงที่พักแล้วชมบรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามพลบค่ำจากที่พัก มองเห็น Rose Valley ที่อยู่ไกลออกไป







Create Date : 14 ตุลาคม 2552
Last Update : 17 ตุลาคม 2552 20:11:23 น. 6 comments
Counter : 1494 Pageviews.

 
แป๋วชอบทานแอปปริคอทมากเลยคะ
ทานแล้วนึกถึงมะปรางบ้านเรา (แต่ว่ามะปรางอร่อยกว่านะคะ)

แคปปาโดเกียนี้อยากไปมาก
วันนี้เวลาน้อย มาดูรูปก่อน เดี๋ยวกลับมาอ่านอีกรอบค่ะ



โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.58.127 วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:19:43:50 น.  

 
ผมมีโอกาสได้ทานผลแอปปริคอทครั้งแรกก็ที่ตุรกี เป็นแอปปริคอทสดๆเลย

ในญี่ปุ่นเขาเอาอุเมมาตากแห้งกลายเป็นบ๊วยแห้งแบบบ้านเรา เขาทานอุเมโบฉิกับอาหาร อุเหมะที่มีชื่อเป็นของจังหวัดวากายาม่าซึ่งอยู่ตอนใต้ของจังหวัดโอซาก้า ผมไม่ค่อยชอบทานของหมักดองเลยไม่มีโอกาสได้ทานอุเมโบฉิ และไม่ดื่มเหล้าเลยไม่มีโอกาสได้ลิ้มรส "อุเมชู"


โดย: ชีวประภา วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:20:22:52 น.  

 
ชอบตรงที่เจาะหินให้นกพิราบอาศัยค่ะ มีเมตตาดีค่ะ
อยากให้เมืองไทยมีการอธิบายเป็นหลาย ๆ ภาษาแบบนี้จัง
บรรยากาศเมืองคัปปาโดเกียยามพลบค่ำ ก็สวยดีค่ะ^_^


โดย: chompu IP: 113.53.114.167 วันที่: 17 ตุลาคม 2552 เวลา:22:08:55 น.  

 
คราวนี้เช้าวันอาทิตย์ ค่อยๆมีเวลาอ่านแล้วค่ะ

เขาช่างคิดนะคะ เจาะหน้าต่างสำหรับนกพิราบนี่ ถ้าไปเดินตอนกลางคืนคงหลอนๆหน่อยเหมือนกันนะคะ ส่วนภาพเขียนสีดูสวยดีค่ะ ฝีมือวาดเป็นอีกแบบหนึ่งนะคะ ค่าเข้ายังไม่ค่อยโหดเท่าไหร่

แถมเรื่องเหล้าอูเมชู เคยชิมแล้ว ปกติแป๋วไม่ทานเหล้าค่ะ แต่ชิมได้ ขอบอกว่าอร่อยจนอยากจะคิดว่ามันเป็นน้ำหวานเลยล่ะ ชอบมากค่ะ


โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.58.127 วันที่: 18 ตุลาคม 2552 เวลา:21:20:05 น.  

 
แหมแว่นตาอันสุดเท่ห์อันนี้นี่เอง กว่าจะใช้ได้เนาะ


โดย: jipka IP: 58.8.167.42 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:13:14:32 น.  

 
ไม่เคยดื่มอุเมชู...เลยคอมเม้นท์ไม่ได้ครับ

เรื่องบ้านนกพิราบ...มันก็เก๋ดีแต่ทำให้เห็นว่าคนกับนกพึ่งพิงกัน ปุ่ยจากอึนกพิราบทำให้พืชที่ปลูกงอกงามดี นกพิราบก็ได้บ้านพักฟรีๆ

คุณจิ๊บ...แว่นอันนี้อันเก่าจ้ะ เพียงแต่ไปเปลี่ยนเลนส์เป็นรุ่น Transition ถ่ายรูปกลางแจ้งทีไรเหมือนใส่แว่นกันแดดทุกที แว่นอันใหม่ต้องไปดูจากเรื่อง "ข้อคิดจากการไปร่วมทำบุญที่วัดพระบาทน้ำพุ" อันนั้นสวมแว่นอันใหม่ที่เป็นเลนส์โปรเกรสซีฟแล้ว แต่ก็เป็นเลนส์แบบ Transition เหมือนกัน



โดย: ชีวประภา วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:23:03:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชีวประภา
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ชีวประภา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.