วันวานยังหวานอยู่
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2548 เป็นวันดีสมควรแก่การจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เนื่องด้วยเบ่เบ๊เพื่อนรักพาไปงานปาร์ตี้ หนังสือ PoP ณ Astra RCA ได้เจอกับกิ๊กเก่าผู้เป็นความทรงจำสีจาง ๆ ในวัยเยาว์ หนึ่งในสมาชิกวงThe Moffats - Clint (กับBob ละมั้ง) นั่นเอง ถ้าคุณเคยฟัง ... หรืออีกนัยหนึ่ง ... แก่ในระดับหนึ่งต้องเคยได้ยินชื่อวงนี้ผ่านหูบ้างละน่า ที่มีวงเด็กฝรั่งหน้าละอ่อนพี่น้อง มาร้องเพลงก๊องแก๊ง ตีกลองป๊อกแป้ก ร้องเพลงประมาณว่า ชั้นรักเธอจะตายอยู่แล้ว ... ขาดเธอต้องบ้าตายแน่ ๆ
... ตอนเราอยู่ม.ปลายเค้าดังมากเลยหล่ะ แต่ตอนนี้ก็เงียบหายไปตามกาลเวลา
มาวันนี้ทำไมเค้าอยู่ไทยก็ไม่รู้ได้ ... นั่นหน่ะสิ เห็นเพื่อนบอกว่าทำเพลงอยู่ เพื่อนมาร์คที่น่ารักอุตส่าห์ไปลากเค้ามาให้ เราเลยอุตส่าห์ใจกล้าหน้ามึนอย่างมากบอกไปว่า "I love your song!!" "I have your CD at home!!! " ... ด้วยสำเนียงไทยสุดฤทธิ์ เค้าทำหน้างงเล็กน้อย ( ภาษาชั้นคงห่วยมากเลยหว่ะ) ก่อนจะตอบเป็นภาษาไทยชัดแจ๋วว่า "ขอบคุณครับ" และมาเต้นด้วยเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกลับ ยังอุตส่าหน้าด้านขอเชคแฮนด์อีกซักที XD ดูดีทีเดียวเลย เป็นสุภาพบุรุษ ม่ายช่ายแบ๊ดบอยมั่วมึนน เช้าวันต่อมาเป็นเช้าทีดีมากวันนึง เล่นเอายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวัน ...ถ้าไม่นับอาการเมาค้างนะ
แล้วก็มานั่งคิดว่า ความจริงก็ไม่บ้า Moffats เท่าไหร่หรอก เพลงก็ไม่ได้เพราะ แค่คิดถึง "ช่วงเวลา"และ"เหตุการณ์" ที่แวดล้อมเพลง I Miss you like crazy ต่างหาก
ช่วงเวลาที่ครูนั่งแกะเพลงให้ฟังทีละประโยค เปิดเพลงแปลให้นักเรียนฟัง ช่วงเวลาที่เพื่อนไปร้องเพลง I Miss you like crazy หน้าห้อง เพื่อนเป่าปากเปี๊ยวป้าวให้กำลังใจ ช่วงเวลาที่เรายังใส่ชุดม.ปลาย ผูกไทด์ ถักเปีย ต้องเคารพธงชาติทุกเช้า ช่วงเวลาที่เรายังเล่นบอลลูน ปลาเป็นปลาตาย แอบครูกินมะม่วงน้ำปลาหวาน หรือเงาะกระป๋องหลังห้อง ช่วงเวลาที่มีโรงเรียนเป็นเกราะป้องกันให้เราปลอดภัยจากโลกภายนอก ช่วงเวลาที่เพื่อนทุกคนมีอนาคตที่สดใสเจิดจ้ารออยู่ มีความฝัน ความเยาว์วัยและอ่อนโลก ช่วงเวลาที่เรารักเพื่อน คิดยังไงก็ทำยังงั้น มาเรียน เล่นกับเพื่อน ทะเลาะกัน นินทา ร้องไห้ กลับบ้าน ... ชีวิตมีแค่นี้แหล่ะ สุขจริงนะเออ ช่วงเวลาที่เราไม่ต้องคิดซับซ้อนอะไรมากมาย รู้น้อยกว่านี้ซึ่งทำให้โลกดูสว่างสดใส อบอุ่น และดีงามกว่าที่มันเป็น
ไม่อยากย้อนกลับเป็นเมื่อก่อนหรอก แค่อยากจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่มีค่า รู้ม้าย ย ...
เราคิดถึงช่วงเวลานั้นจริง ๆ
ps อะแฮร่ม ม จับมือคุณ Clint ที่มือซ้าย จดจำสัมผัสด้วยความความละเอียดเจ็ดล้านพิกเซล มาขอจับกันได้นะ 5 5 5
Create Date : 11 พฤศจิกายน 2548 | | |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2548 17:36:00 น. |
Counter : 789 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เมื่อเด็กแนวกลายเป็นผู้ใหญ่แนว
ขณะนี้เวลาตีสอง ห้านาที ขณะที่คนอื่นหลับฝันหวานใต้ผ้านวมอุ่นนุ่มสบาย ชั้นต้องมานั่งหน้าจอคอมนั่งทำงานตาโหลเป็นผีและหน้ามันโทรมอยู่ในที่ทำงาน ถึงจะปวดหลังและมึนหัวเล็กน้อยแต่ก็มันดี ... คิดถึงตอนเผางานส่งอาจารย์สมัยเรียนมหาลัยจัง ... ...
อย่ากระนั้นเลย ... ขอแวบมาพิมพ์อะไรซักหน่อยละกัน (รู้สึกว่าจะเสพย์ติดการเขียนหนังสือไปแล้ว ไม่ยักรู้ว่าตัวเองมีหัวทางด้านนี้เหมือนกันแฮะ)
ชั้นเคยคิดว่าตัวเองเติบโตมากับยุคที่ วัยรุ่นไม่ได้ใฝ่ฝันถึงอุดมการณ์ ความสุขของปวงประชา วัยรุ่นไม่จำเป็นต้องเป็นอนาคตของชาติ การตั้งใจเรียนไม่จำเป็น การเชื่อฟังพ่อแม่ก็ไม่สำคัญ วัยรุ่นไม่ต้องรักชาติ ศาส เอ่อ อ ... อย่างที่เคยท่องตอนเด็กอีกต่อไป
สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ - ทำตัวแปลกแหวกแนวจากคนอื่นเข้าไว้ - จะว่าไปมันก็ตลกดีนะ
คำว่า แหกคอก นอกกรอบ อินดี้ เด็กแนว เด็กอาร์ต แนว ผุดขึ้นมากมายในยุคนี้ งานFat นิตยสาร A Day ก็รุ่งเรืองเฟื่องฟูในยุคนี้ (ไม่ได้ว่ามันไม่ดีนะ ) ใครทำตัวเป็นปุถุชนคนธรรมดา ดาษดื่นเหมือนชาวบ้าน เป็นความผิดที่อัปยศอดสูมากมาย
ช้านก็เป็นหนึ่งนั้น ชั้นออกจะภูมิใจในความ "แนว" ของตัวเองซะเหลือเกิน
แต่พออายุมากขึ้น ... ชั้นเริ่มรู้สึกว่าความคิดชักค่อนไปเหมือนพวกผู้ใหญ่ ชั้นเริ่มจะคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ ( แปลว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไปเค้าคิดกัน ) ชั้นชักจะไม่แน่ใจว่าอะไรถูก อะไรผิด ... สีขาวกับดำ ผสมเป็นสีเทาตุ่น ๆ ขึ้นทุกที บางเรื่องที่เมื่อก่อนเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่ "รับได้"
ชั้นยอมรับว่า ชั้นชอบเซเลอร์มูน N'sync และบริทนี่ สเปียรส์ บอดี้แสลม โปเตโต้ อะไรก็ตามที่บางครั้งเป็นกระแสหลัก และ "โหล" ( แปลว่าคนธรรมดาทั่วไปเค้าฟังกัน ) ชั้นไม่สามารถฟันธงได้อีกต่อไปว่างานศิลปะชิ้นไหนดีเลิศ ชิ้นไหนห่วยแตก เพียงเพราะชั้นเรียนศิลปะมา ... ชั้นยอมรับว่างานศิลปะ ชิ้นนั้น กรูดูไม่รู้เรื่อง -มันยากเกิน กรูไม่สามารถเข้าถึงมันได้ ...
ใจหนึ่งชั้นก็ชักใจหายว่าตัวเองคงจะห่างไกลคำว่า "เด็กแนว" เข้าไปทุกที อีกใจนึงก็คิดไปว่าคงจะได้คำว่า "ผู้ใหญ่" กับ "การยอมรับตัวเอง" มา (มั้งนะ)
ชั้นคิดว่าเป็นคงเป็นการเรียนรู้อีกบทนึงของตัวเอง
.... ถึงยังงั้นช้านก็อยากเป็น "ผู้ใหญ่แนว" อยู่ดีอ่ะ ...
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2548 | | |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2548 16:28:24 น. |
Counter : 1212 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อดีตของปัจจุบัน....ปัจจุบันของอดีต...
อดีตของปัจจุบัน....ปัจจุบันของอดีต...
นาน น้าน น ทีจะเขียนเรื่องซึ้ง ๆ นะเนี่ย ทน ๆ เอาหน่อยละกัน ....
สืบเนื่องจากอาการเป็นหวัดไม่หายซะทีของเราเลยทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้อากงอาม่ากลัวคนแก่ติดหวัด บวกกับการงานที่ยุ่งเหยิงกินเวลา (...โอเค บวกเวลาแต่งฟิคชั่นด้วย ) กลับบ้านคนอื่นหลับ ตื่นมาชาวบ้านก็ออกจากบ้านไปกันหมดแล้ว ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้เจอหน้าอากงมาหลายวัน ต่อมกตัญญู(ซึ่งอยู่ลึกมาก ก ก นาน ๆทีจะทำงาน ) ปล่อยสารรู้สึกผิดออกมา ตื่นเช้าเห็นอาม่านั่งกินข้าวจึงไปนั่งประจบถามไถ่ทุกข์สุข ช้าน : อาม่า อากงไปไหนไม่เห็นตั้งหลายวันแล้ว อาม่า : อากงอยู่ชั้นบน เดินลงมาไม่ไหวแล้ว ....อึ้ง ไปชั่วขณะ ขณะนั้นเวลา 9 โมง 45 อย่ากระนั้นเลยค่อยขึ้นไปหาวันหลังละกัน
...คิดอีกทีตัวช้านนอนอืดไปทำงานสายโด่งยังไม่เห็นเป็นไร นี่ไปเยี่ยมคนแก่ซักนิดทำมากะแดะจะไปงานเช้า ตัวกรูนี้ช่างเป็นหลานที่ชั่วช้าสาแหรกจิง ๆ คิดได้ฉะนี้เลยเดินดุ่มขึ้นไปเยี่ยมอากง เพื่อถามไถ่ สรุปสั้น ๆอากงป่วย ไม่ค่อยมีแรงจะทำอะไร แถมยังไม่มีกำลังใจ สะเทือนใจมากกับประโยคที่ว่าอากงแก่แล้ว ข้างในร่างกายมันพังหมดแล้ว ไม่รู้ว่าไปเมื่อไหร่ หลังจากปลอบใจ บิ้วอารมณ์ให้สู้ ตลอดจนทำตัวติงต๊องต่าง ๆ นานาให้อากงขำก็ลาออกมาเดินไปทำงาน .... ระหว่างทางก็คิด แปลกดี ที่คนแก่ ประสบความสำเร็จในชีวิต อยู่บ้านเฉย ๆ บ้านช่องก็รวย ลูกหลานก็ประสบความสำเร็จได้ดิบได้ดีไม่เคยมีเรื่องเดือดร้อนอะไรมาให้ แถมยังแย่งกันดูแลไม่ปล่อยทิ้งขว้าง ทำไมจึงดูแห้ง ๆ ไร้ชีวิตชีวา ไร้ความสุขขนาดนี้ ... หรือว่าเป็นอาการปกติของคนแก่ ... หรือว่าอากงเองที่คิดมาก ไม่ปล่อยวาง ... หรือเป็นที่ลูกหลานที่เอาใจใส่ไม่ดีพอ ... หรือตัวกูนี่หนอคิดบ้าไปเอง ที่จิงอากงออกจะแฮปปี้ ... แล้วก็มาคิดย้อนถึงตัวเอง ช้านแก่จะเป็นอย่างงี้บ้างมั้ยน้า ตอนแก่ชั้นจะตาดีพอจะเล่นเกมอ่านการ์ตูนได้รึป่าว หรือจะรีบใช้ชีวิตคุ้ม ๆ แล้วรีบไปหน่อยไม่ต้องอยู่จนแก่ดีมั้ยน้อ ของอย่างงี้คงต้องรอให้แก่ถึงจะรู้ (สึก ) ...มั้งนะ
Create Date : 19 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 23 ตุลาคม 2548 1:25:39 น. |
Counter : 701 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ...
เคยดูหนังแล้วคิดว่าชั้นอยากอยู่ในหนังเรื่องนั้นจัง
อย่างงี้มั้ยคะ ....
ตอนเด็กเราเวลาเราดูหนังหรือการ์ตูนแล้วจะจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในดินแดนแห่งนู้น แห่งนั้น มีโดเรมอนของตัวเองบ้าง บินไปเนเวอร์แลนด์กับปีเตอร์แพนบ้าง ตามประสาเด็กเพ้อเจ้อ ใครจะอยากอยู่ในโลกสีทึม ๆ ชีวิตทุกวันจืดชืด ซ้ำ ๆ ไม่มีเวทย์มนตร์ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นกันหล่ะวุ้ย
เราเพิ่งมาคิดได้ไม่นานนี้ ว่าชีวิตในโลกแห่งความจริงนี่แหล่ะที่มันยิ่งกว่าหนังซะอีก ตัวละครในหนังยังโชคดีที่รู้ว่าเป็นหนังแนวอะไร - action comedy มันก็ยังมีทิศทางที่แน่นอน
เช่นว่า ถ้าเราเผชิญอยู่อุกกาบาตจะมาชนโลก เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีฆาตกรโรคจิตตามฆ่าเรารึเปล่า เราจะได้จดหมายจากฮอกวอร์ตมั้ย โฟรโดจะเอาแหวนไปทิ้งภูเขาไฟสำเร็จหรือไม่
แต่ชีวิตจริงมีทุกอย่างปนเปกันอย่างมั่วมึนไปหมด โดยที่เราไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง
จะเอาแนว Disaster พายุ ทอร์นาโด แผ่นดินไหว สึนามึ น้ำท่วม ตึกถล่มบ้านพับ โรคซาร์ส ไข้หวัดนก อยากได้อะไรละคะ ... ณ ช่วงเวลาโลกแปรปรวนอย่างงี้มีหมดทุกย่างแหล่ะ ...
แนว Thriller เช่นว่ามีฆาตกรโรคจิตหมายตัวคุณ เดินอยู่ในโรงเรียนดี ๆ ก็มีคนไล่เอามีดมาแทงซะงั้นหน่ะ
อยากได้ Romantic Comedy ก็มีนะ เช่นว่าแอบชอบรุ่นพี่ซักคนฟันฝ่าอุปสรรคติงต๊องต่าง ๆ นานากว่าจะได้ครองรักแฮปปี้เอนดิ้งในที่สุด
หรือตอนหลังอาจจะกลับเป็น Black Comedy ผู้ชายสุดเพอร์เฟคส์คนนั้นเป็นเกย์แอ๊บแมน ทิ้งเราไปหาผู้ชายคนอื่นแถมยังเป็นควีนอีกต่างหาก ทิ้งเรากะหนี้สินพะรุงพะรัง ตอนหลังกลายเป็นคนติดเหล้าก็ยังได้
แนว action เหรอ
ไปสมัครเป็นทหารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สิ อยู่กทมก็ยังแอ๊คชั่นได้ลองนั่งรถเมล์เขียวดู
ที่คิดไว้ยังมีอีกเยอะ แต่พอแค่นี้ชักขี้เกียจ
เห็นมั้ยว่าเราอยู่ในโลกที่มันส์ เร้าใจ สุดยอดอย่าบอกใครขนาดไหน
. ลองมามองชีวิตตัวเองดู ...ชีวิตเราคงเป็นซิทคอมซักเรื่องนึง มีฉากซ้ำ ๆไม่กี่ฉาก มีตัวละครหน้าเดิม ๆ นาน ๆที มีแขกรับเชิญ บางตอนมีคติสอนใจ บางทีหาสาระไม่ได้ แต่เราก็พอใจและมีความสุขดีนะ (^ ^)
ขณะนี้ ซิทคอมเรื่องนี้ยังขาดก็แต่พระเอกเท่าน้าน น 5 5 5 ( ไหงหักมุมตอนจบเฉยเลยเนี่ย )
Create Date : 15 ตุลาคม 2548 | | |
Last Update : 23 ตุลาคม 2548 1:26:46 น. |
Counter : 1436 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|