airy nothing รวมบันทึกส่วนตัวและผลงานต่างๆ มาร่วมแบ่งปัน
 
 

พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๑๒

90. ท้าวพิไชยพิษณุกรโปรดให้สรงพระศพ ตราสังแล้วบรรจุพระศพสามกษัตริย์ลงในโลงทอง และอีกสองโลงสำหรับนายแก้วกับนางรื่นนายขวัญกับนางโรย ตามจารีตประเพณีทุกประการจากนั้นทรงให้นายช่างประจำราชสำนักจัดทำพระเมรุให้งามวิจิตรเพื่อเป็นการบูชาพระศพสามกษัตริย์แล้วตรัสให้คณะทูตนำพระราชสารและบรรณาการทั้งหลายไปถวายแด่พระนางบุญเหลือที่ยังเมืองสรวง

91. ฝ่ายพระนางบุญเหลือเมื่อได้ทรงฟังพระราชสารก็ไม่อาจทรงกายยืนอยู่ได้ ทรงล้มลงซบเหนือหมอนร่ำไห้ถึงลูกผู้เป็นกษัตริย์ ทรงร่ำไห้มิรู้กี่ครั้งกี่หน พลางรำพันว่า “ลูกรักของแม่เอยห้ามเจ้าแล้ว เจ้าก็ไม่ฟังแม่เลย หากจะตายด้วยไข้หรือด้วยผีแม่ยังได้รักษาจนเต็มตามใจแม่ แต่นี่ลูกกลับไปตายที่เมืองอื่น ด้วยธนูอาบยาพิษ”ครั้นพระนางลักษณวดีทรงรู้ข่าว ก็แล่นมายังพระนางบุญเหลือ รวมทั้งนางพระสนมกำนัลถ้วนหน้า เมื่อทูลถามพระนางบุญเหลือได้ความจริงแน่แท้แล้วต่างพากันทาบตีอกร่ำไห้สนั่นไปทั้งวังผู้คนทั่วหน้าทั้งเมืองร่ำไห้ด้วยความอาลัยรักพระเจ้าแผ่นดิน

92.มุขมนตรีผู้เฒ่าเห็นว่าเจ้านายและผู้คนเมืองสรวงต่างร่ำไห้กันอยู่มิรู้สิ้นสุดเหมือนดั่งจะตายตามไปด้วย จึงทูลเตือนพระนางบุญเหลือว่า“ตอนนี้แผ่นดินไร้กษัตริย์ครอง แต่ยังไม่รู้กันทั่วถึงเมืองอื่นขอให้พระนางคิดการถึงเบื้องหน้าเถิด หากคิดผิดแผก แผ่นดินจะคว่ำ ผีป่าก็จะมาซ้ำผีเรือนก็จะพลอยมาผลักให้ล่มจมโปรดทรงคิดถึงราชการงานเมืองให้จงหนักทั้งหน้าและหลังเถิด”พระนางบุญเหลือฟังแล้วตรัสขอบใจเหล่ามนตรี และว่าที่ทรงคิดจะเสด็จไปปลงศพพระลอลูกรัก เห็นทีจะต้องทรงระงับแล้วทรงให้จัดเตรียมเงินร้อยช่าง ทองร้อยช่าง(ชั่ง?) แก้วมณีเก้าประการแพรพรรณมากมาย เพื่อนำไปแต่งการพระเมรุของพระลอ แทนตัวพระองค์ที่ไม่ได้เสด็จไปและให้จัดบรรณาการกับพระราชสารไปถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินกับพระนางเจ้าเมืองสรองด้วยเมื่อเสร็จพิธีศพแล้วให้คณะทูตขอรับพระธาตุสามกษัตริย์กับธาตุของพี่เลี้ยงทั้งสี่กลับมาเมืองสรวงด้วย

93. คณะราชทูตจากเมืองสรวงเข้าถวายสารทรัพย์สินแต่งพระศพและบรรณาการแด่พระเจ้าแผ่นดินเมืองสรอง เมื่อเสร็จพิธีศพท้าวพิไชยพิษณุกรเสด็จถวายพระเพลิง ซึ่งจัดขึ้นอย่างใหญ่โตสมตามยศศักดิ์โปรดให้มีงานมหรสพยิ่งใหญ่ เสียงดนตรีบรรเลงกึกก้องสะเทือนพื้นแผ่นดินแสงตะเกียงสว่างโรจน์ไปทั่ว ครั้นเสร็จงานราชพิธีแล้วท้าวท่านก็แบ่งพระธาตุสามกษัตริย์ใส่เครื่องภาชนะ กึ่งหนึ่งทรงให้เก็บไว้ที่หอพระญาติวงศ์อีกกึ่งหนึ่งให้คณะราชทูตรับไว้ท้าวท่านให้แต่งถนนหนทางเพื่อแห่แหนส่งพระธาตุไปจนถึงเมืองสรวง

94. ฝ่ายพระนางบุญเหลือทรงให้แต่งเส้นทางมารับพระธาตุไปสู่ปราสาทเรือนยอดที่สำหรับตั้งพระธาตุสามกษัตริย์และจัดแต่งมนเทียรอีกสององค์ ข้างขวาบรรจุธาตุขุนแก้วกับนางรื่นข้างซ้ายของหมื่นขวัญกับนางโรย ทรงทำบุญครั้งใหญ่เพื่อถวายทานแด่จอมกษัตริย์ทรงทำบุญถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และทรงเปิดคลังทำทานทั่วแผ่นดินจากนั้นจึงโปรดให้สร้างพระสถูปเจดีย์ใหญ่โตไว้บรรจุพระธาตุสามกษัตริย์ให้ถาวรสืบไปและสร้างสถูปซ้ายขวาไว้บรรจุธาตุพี่เลี้ยงทั้งสี่ ฝ่ายเมืองสรองท้าวพิไชยพิษณุกรก็โปรดให้ทำดุจเดียวกัน ทรงส่งสารบอกพระราชกำหนดวันแล้วจัดงานบรรจุพระธาตุและทำบุญในวันเดียวกันอย่างยิ่งใหญ่ทั้งสองเมืองจากนั้นเป็นต้นมาสองเมืองต่างส่งสารแสดงไมตรีสืบต่อกันเรื่อยไป

บทส่งท้าย

ขอให้พระลอลิลิตเป็นศรีแก่ปากผู้ที่บรรจงอ่านเปรียบเหมือนดอกไม้ที่ร้อยกรองไว้อย่างเรียบร้อย เพื่อเป็นเครื่องประดับหูในทุกยามและเสมือนกระแจะอันหอมรื่น ได้แตะเพียงน้อยหนึ่งก็ได้แรงใจ




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:32:34 น.   
Counter : 1532 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๑๑

81. ข่าวเรื่องพระลอกับพระเพื่อน พระแพงแพร่ไปถึงพระเจ้าย่า เจ้าย่าจึงเสด็จไปเฝ้าท้าวพิไชยพิษณุกร ไปตรัสว่าและอ้อนวอนให้เปลี่ยนพระทัย“อ้า องค์เจ้าอยู่หัว เจ้าลอเป็นลูกศัตรูผู้ฆ่าพระบิดา แล้วยังมาลอบดูถูกสบประมาทลูกหลานเรา อย่าได้ไว้ชีวิตศัตรูเลย” แต่มิว่าจะทรงอ้อนวอนเท่าใดพระเจ้าแผ่นดินก็หาฟังไม่พระเจ้าย่าจึงเสด็จกลับไปยังเรือนหลวงของตนด้วยความโกรธแค้น

82. กลับถึงวังตนแล้วพระเจ้าย่าก็เรียกเหล่าทหารกล้าซึ่งเป็นข้าช่วงใช้ผู้ชำนาญมาเข้าเฝ้า พระองค์แกล้งทำกลโกหกว่า“พระเจ้าอยู่หัวทรงให้ข้าจัดการเรื่องพระลอข้าจะให้เจ้าทั้งหลายไปสังหารผู้ที่มาดูหมิ่นดูแคลนพวกเจ้าจงปกปิดรักษาแผนการให้มิดชิด ใครทำให้ความลับรั่วไหลข้าจะลงโทษให้สาหัสถึงชีวิต” พวกทหารต่างรับพระบัญชา และว่า“ขอให้พระนางเจ้าทรงคอยดู ผลงานของเหล่าข้าพระองค์”

83. ครั้นยามดึกสงัด เหล่าทหารยกกันมาล้อมวังของพระเพื่อนพระแพงไว้สามรอบ ขังคนไว้ไม่ให้เข้าออก นายแก้วนายขวัญรู้เรื่องทหารลอบมาล้อมวังก็รีบไปทูลพระลอราชในทันทีพระลอมิได้ทรงหวั่นกลัว กลับแย้มยิ้มแล้วเร่งไปหยิบอาวุธอย่างองอาจ นายแก้วนายขวัญขันอาสาว่า “พวกข้าขอตายก่อนพระองค์” พระลอหันไปปลอบประโลมพระเพื่อนพระแพงว่า “อย่าได้ตกใจ ไม่มีอะไรหรอกนะเจ้า” แล้วทรงแย้มยิ้มให้สองพระน้องนางรู้สึกชื่นชม ทรงแสดงน้ำใจจริงว่า “ตัวข้าก็เป็นชาติเชื้อกษัตริย์ใจมิได้ขลาดกลัวตาย จะมิเอาชายอื่นเป็นคู่ จะไม่ขออยู่ให้ข้าทาสดูแคลนหากพระองค์ไปสู่เมืองฟ้า ตัวข้าจะตายตาม”แล้วสองพระนางก็ปลดผ้าสไบมาห่มพันเป็นหลายชั้น แล้วมาร่อนดาบอยู่เคียงข้างพระลอข้างนางรื่น นางโรย เห็นดังนั้นก็ชื่นชมในน้ำพระทัย สองนางว่า “หากแม้นสามกษัตริย์เสด็จสู่ฟ้าตัวเราจะเป็นข้าผู้ใด ใครเขาจะเกรงขาม ขอตายตามไปอยู่บนสวรรค์กับพระองค์ยังได้มีเกียรติยศให้คนชม” จากนั้นสองนางถวายบังคมพระเจ้าแผ่นดิน

84. นางรื่น นางโรยแปลงตัวเป็นชาย นางรื่นไปตั้งท่าเงื้อง่าดาบอยู่กับนายแก้วทางขวานางโรยไปอยู่ข้างนายขวัญทางซ้าย พระลอประทับอยู่ตรงกลางโดยมีพระเพื่อนพระแพงแนบเคียงสองข้าง พระลอจุมพิตสองพระนาง สองนางกษัตริย์จุมพิตจอมราช สองนายแก้ว ขวัญ กอดสองนาง รื่น โรย มินานหมู่ทหารก็เข้ามาถึงประตูปราสาทนายแก้วเข้าฟาดฟันดาบ นายขวัญพุ่งแทงดาบสุดตัวให้เหล่าพลที่ตีเข้ามาหนาแน่นพ่ายหนีพระลอทรงรุกไล่ฟันจนตายทับกันมากมาย ระหว่างรบกันประชิดติดพันผู้บุกรุกสาดยิงธนูเข้าใส่ ผู้คนและอาวุธบุกเพิ่มเข้ามาทั้งซ้าย ขวาลูกธนูยิงถูกนายแก้วจนแดดิ้น ถูกนายขวัญจนทรุดล้มลง นางรื่น นางโรยที่กำลังแทงฟันดาบต่อสู้ถูกธนูยิงเข้าใส่ สองนางแล่นไปทอดตัวลงทับร่างของสองนายพระพี่เลี้ยงตายตามกันทั้งสี่

85. พระลอเห็นพระพี่เลี้ยงพลีชีพต่อสู้ก็ทรงชื่นชมในใจที่ภักดีกล้าหาญ พระเพื่อน พระแพงร้องตรัสว่า“พวกเขามิกลัวความพินาศ แล้วข้าผู้เป็นเชื้อสายกษัตริย์จะกลัวตายหรือแม้จะสิ้นชีวิตก็ขอตายตามไปด้วย พระเอย อย่าอาลัยที่จะอยู่เลยไม่มีอีกแล้วที่จะได้ตายดั่งนี้ แม้อยู่โดยมิได้เห็นหน้าพระองค์ก็เหมือนตายเช่นกัน” พระลอได้ฟังนางยอดดวงใจตรัสเช่นนั้นแล้วทรงแย้มยิ้มอย่างอิ่มเอิบ ทรงถือดาบไปต่อสู้ข้าศึก ทั้งสามกษัตริย์กวัดแกว่งอาวุธอย่างองอาจข้าศึกก็ขับกันเข้ามาโดยรอบ แต่กลับพ่ายแพ้ต่อพระลอข้าศึกไม่อาจเข้าประชิดพระองค์ได้ จึงรุมกันยิงสามกษัตริย์พระองค์ก็เอาดาบกวัดไปกระจัดกระจาย แต่ข้าศึกยิงมามากเหลือจะปัดป้องลูกธนูจึงต้องถูกองค์พระลอ พระเพื่อน พระแพงเอาตัวออกรับลูกธนูทรงยืนอยู่กับพระลอราช ข้าศึกก็เร่งสาดลูกธนูพิษสามกษัตริย์ถูกลูกธนูจนเลือดออกหลั่งลงทั่วองค์ สามกษัตริย์ทรงยืนสิ้นชีพพิงกันหันหน้าต่อต้านศัตรูอยู่ มองดูดั่งเป็นรูปนฤมิต ทรงยืนอิงกันอย่างกับว่ายังมิตายพวกทหารเห็นดังนั้นแล้ว เกิดความกลัวเกรงจนแตกกระเจิงไป

86. ข่าวเหตุร้ายแพร่กระจายไปจนถึงพระเจ้าแผ่นดินพระองค์รีบเสด็จมา เห็นสองพระธิดาสุดที่รักกับพระลอยืนสิ้นชีพ เลือดตกอาบทั่วองค์พระองค์ก็ทรงร่ำไห้เช็ดน้ำตาไปมา ทรงเรียกหาลูกรักและเขยขวัญแต่เรียกเท่าใดก็มิร้องตอบ จับต้ององค์เท่าใดก็ไม่ไหวติง และยืนอิงกันนิ่งอยู่เช่นนั้นพระเจ้าอยู่หัวจึงรู้แน่ชัดว่า สามกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว

87. ท้าวพิไชยพิษณุกรทำทีเป็นไม่โกรธ พระองค์ประกาศว่าสามกษัตริย์ตายตามกันไปสมใจพระองค์แล้ว ใครที่เป็นผู้กล้าสามารถขันอาสามาสังหารทั้งสามพระองค์ ให้รีบมารับบำเหน็จรางวัล มิช้าทหารเหล่านั้นก็พากันมาถ้วนหน้าท้าวท่านก็ทรงบัญชาโทษให้ประหารทั้งหมดส่วนเจ้าย่านั้นมิใช่พระราชมารดาแท้ๆของพระองค์ท้าวท่านจึงให้แล่เนื้อจนตายแล้วให้ลากเอาศพไปทิ้งเสียจากนั้นท้าวท่านก็เสด็จไปร่ำไห้กับพระศพสองพระธิดา พลางรำพันว่า “พ่อทุกข์เท่าใดลูกรักหายจากไป พ่อเจ็บจนไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ฉันใด หัวใจพ่อพลิกคว่ำแล้ว ลูกเอย”

88. ฝ่ายพระนางดาราวดี เมื่อทรงรู้ข่าวก็พระทัยสั่นทรุดองค์ล้มลง และซบหน้าลงร่ำไห้ดั่งฟั่นเฟือน พระนางทรงขึ้นคานหามขบวนนางกำนัลร่ำไห้ตามเสด็จ ครั้นถึงปราสาทของพระเพื่อน พระแพง เห็นสามกษัตริย์ผู้สิ้นพระชนม์พระนางทิ้งร่างลงตีอกและเกลือกกลิ้งไปมา พลางรำพันว่า “แม่มาหาลูกรักแล้วเจ้าโกรธแม่เรื่องใดเล่า เจ้าจึงไม่พูดกับแม่ ถึงไม่แต่งตัวให้แม่ชมไม่เงยหน้าให้แม่จูบ สิ่งใดผิดใจเจ้าหรือ สองเจ้าจึงจากแม่ไปสู่ฟ้าแม่จะไม่ได้เห็นลูก แม่ก็ไม่ขออยู่ ขอตายเสียจะได้พลันเห็นหน้าลูกรักทั้งสองของแม่ ลูกเอย”

89. ข่าวการสิ้นพระชนม์ของสามกษัตริย์แพร่ไปทั่วบรรดาพระญาติต่างมาร่ำไห้กันระงม เหล่าพระสนมต่างทรุดร่างลงคร่ำครวญหมู่นางกำนัลไปจนถึงไพร่พลเมืองไม่มีใครจะอดร่ำไห้ได้ความโศกเศร้าสะท้านสะเทือนไปทั่วแดนจนเหมือนอกของแผ่นดินจะพลิกคว่ำ แม้แต่ดวงตะวันเดือนและดาว ก็ดูมืดมัวไปสิ้น ครั้นแล้วด้วยน้ำพระทัยเยี่ยงกษัตริย์ท้าวพิไชยพิษณุกรและพระนางดาราวดีทรงหักพระทัยสร่างคลายการร่ำไห้แล้วตรัสห้ามผู้คนทั้งหลาย และเมื่อสิ้นเสียงร่ำไห้แล้วท้าวท่านและพระนางเจ้าก็ตรัสชื่นชมน้ำใจอันกล้าหาญของสามกษัตริย์ว่าทรงยืนตายอย่างสง่างาม ให้รู้ว่าทรงมีใจอย่างกษัตริย์แท้ทั้งสองนายพี่เลี้ยงกับนางรื่น นางโรยนั้น ก็มีน้ำใจหาญกล้ายอมตายก่อนเจ้าอยู่หัวของตนเสียงสรรเสริญของผู้คนดังอึงมี่ไปทั่วแผ่นดินได้ยินไปทั้งแผ่นฟ้าดุจดั่งจะร้องเรียกสามกษัตริย์บนสวรรค์




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:26:44 น.   
Counter : 571 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๑๐

 

72. พระเพื่อนพระแพงยินดียิ่งนักที่จะได้พบพระลอ สององค์เสด็จกลับไปเข้าที่สรง แต่งองค์ผัดพักตร์ เกล้าเกศ นุ่งแพรพรรณ ห่มสไบทรงเครื่องเสร็จแล้วก็เสด็จออกไปทรงช้างสู่สวนขวัญพร้อมพระพี่เลี้ยงกับหมู่นางกำนัล เมื่อถึงประตูอุทยานมีคานทองมารับเสด็จไปเทียบที่เรือนสำราญของสวนขวัญ นางพี่เลี้ยงแล่นเข้าไขประตูนางรื่นรี่เข้าไปปูแท่นบรรทม ฝ่ายนางโรยนบนอบทูลกับพระเพื่อนพระแพงอยู่ที่ข้างนอกห้องว่า“พระเจ้าย่าสั่งหม่อมฉันให้คอยเตือนพระนางทั้งสองให้บรรทม” สองพระธิดาตรัสว่า“บัดเดี๋ยวเถิดค่อยนอน” นางรื่นทูล

ว่า “พระเจ้าย่าสั่งไว้ เหล่านางกำนัลเป็นพยานได้”ฝ่ายนางโรยเร่งชักม่านปิดแท่นบรรทม แล้วเชิญเสด็จพระเพื่อน พระแพงเข้าบรรทมส่วนหมู่นางกำนัลที่ตามเสด็จนั้นให้ไปเดินเล่นชมสวนจะได้ไม่รบกวนยามสองพระนางบรรทม นางพี่เลี้ยงรื่น โรยจะอยู่เฝ้าพระธิดาเองครั้นหมู่นางกำนัลไปแล้ว สองพระพี่เลี้ยงก็เข้าไปปิดห้องอย่างถี่ถ้วนทุกประตูหน้าต่าง

73. มินานสองพี่เลี้ยงก็ออกมาทูลเชิญพระเพื่อนพระแพงเสด็จเข้าข้างใน สองพระนางรู้สึกละอายอดสูพระทัย จึงตรัสว่า “พี่เอยตั้งแต่เกิดเป็นตนมา ยังไม่เคยรู้เดียงสาสักน้อย จะเข้าไปได้อย่างไรเล่าน้องอายและกลัวเหลือเกิน” นางพี่เลี้ยงทูลกลับว่า “พระน้องนางเอยอย่าหน่วงเหนี่ยวเลยแม่ หรือมิเอ็นดูพระลอราชเจ้าแล้ว ทูลหัวของพี่”ฝ่ายพระลอแฝงตัวแนบใกล้สองพระนางที่หลังม่าน คอยฟังการสนทนา

พระเพื่อน พระแพง : พี่เอย น้องรักพระลอยิ่งกว่าดวงใจแต่น้องยังมิรู้จะทำฉันใด วานพี่ทั้งสองช่วยชี้หนทางด้วย

นางรื่น นางโรยหันหน้ามาหัวเราะแก่กัน แล้วทูลว่า

: ใครจะสอนพระน้องนางได้เล่าวันที่ทรงแรกรักและคร่ำครวญถึงพระลอราชนั้น ใครเล่าสั่งสอนน้องให้คำนึงหา

พระเพื่อน พระแพง : มิสอน มิเห็นใจกัน ก็อย่ามาเย้ยหยันน้องถามเพราะว่าไม่รู้ ถ้ารู้จะถาม

หรือ

นางรื่น นางโรย : พระน้องเอย พี่จะบอกได้อย่างไรแล้วน้องจะรู้ได้เอง อย่าทรงวิตกเลย

ฝ่ายพระลอที่แอบฟังอยู่ กลั้นไว้มิได้ จึงหัวเราะออกมาพระเพื่อน พระแพงตกพระทัยกลัวจนสะดุ้ง แล้วพระลอก็เผยม่านออกให้เห็นพระองค์

74. เมื่อพระเพื่อน พระแพงได้เห็นรูปโฉมพระลอผู้งามเหมือนดวงแก้วบนฟ้าก็ลืมอาย ลืมตน ตาสบตาไม่กะพริบ ครั้นสองนางตั้งสติได้แล้วก็ถึงกับอายซบหน้าจากนั้นทรงไหว้พระลออยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าฝ่ายพระลอพิศมองหน้าสองนางแล้วก็ตะลึงลานลืมตนไปเช่นกัน ข้างนางรื่นนางโรยที่หมอบเฝ้าอยู่ พิศสามกษัตริย์แล้วรำพึงว่า“พิศดูพระลอราชก็เหมือนพระอาทิตย์ พิศดูพระเพื่อน พระแพงก็งามดั่งดวงเดือนสามกษัตริย์ช่างงามสมกันเหลือเกิน”พระพี่เลี้ยงทูลเชิญสามกษัตริย์เสด็จเข้าที่บรรทม นางรื่นนางโรยล้างละอองฝุ่นและเช็ดพระบาทสามกษัตริย์ แล้วค่อยปิดม่านจากนั้นทูลลาสามกษัตริย์ออกมานอกห้อง ปิดประตูแล้วสองนางพี่เลี้ยงก็เลี่ยงไปหานายแก้ว นายขวัญที่นั่งรออยู่แต่ไกล

75. ถึงเวลาเย็นย่ำสองนางพี่เลี้ยงจึงมาทูลเตือนสามกษัตริย์ว่า “ถึงเวลาจะค่ำแล้ว พระเอย”แล้วทูลเชิญให้เสด็จเข้าที่สรง จากนั้นยกเครื่องเสวยเข้ามาเทียบถวายสามกษัตริย์จวบจนถึงเวลาที่ต้องพรากจากกัน สามกษัตริย์ทรงตรอมตรมพระทัย หน้าแนบหน้ากันน้ำตาค่อยๆหลั่งลงมา สองพระนางตรัสรำพันว่า “เราได้รักกันไม่ถึงวันต้องมาด่วนร้างลากันเสียแล้ว” พลางสวมกอดพระลอร่ำไห้ พระลอก็ทรงรันทดพระทัยและซบลงสะอื้นไห้เหนือหลังของพระเพื่อน พระแพงอันเป็นที่รัก พลางตรัสรำพันว่า“ครั้งแรกที่พี่ได้ยินบทเพลงชมโฉมน้อง หากพี่บินได้ คงบินมาสู่น้องแล้วพี่ทิ้งบ้านเมือง ทิ้งทุกสิ่งมาด้วยรักในน้องทั้งสอง ไฉนน้องจึงจะพลันไปจากพี่”สามกษัตริย์ตรัสพ้อรำพันกันไปมา ดวงตะวันก็เลื่อนต่ำลงเรื่อยๆพระพี่เลี้ยงจึงทูลเตือนอีกว่า “จวนจะค่ำแล้ว พระเอยหากกลับถึงค่ำต้องเกิดเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”

76. พระเพื่อน พระแพงไหว้ลาพระลอพลางร่ำไห้คร่ำครวญ แล้วค่อยเดินจากไป เมื่อถึงที่คานหามหมู่นางกำนัลก็เฝ้าตามเสด็จ ครั้นถึงที่ประตูใหญ่นางรื่นก็ทำเล่ห์กลว่าลืมเครื่องทรงไว้ข้างในห้องประทับ นางรื่นนางโรยกลับไปที่เรือนสวนขวัญ เปิดประตูออก นางรื่นเข้าไปรับพระลอส่วนนางโรยอยู่เฝ้าข้างนอก นางพี่เลี้ยงนำพระลอกับนายแก้ว นายขวัญออกจากสวนขวัญไปในยามค่ำมืด แล้วจึงค่อยลอบพาเข้าไปในเขตเรือนหลวง จากนั้นนางรื่นนางโรยเชิญเสด็จพระลอ พร้อมทั้งนายแก้ว นายขวัญไปซ่อนตัวอยู่ที่เรือนของนางโรย

77. ยามดึกสงัด นางรื่นนางโรยลอบพาพระลอขึ้นไปยังเรือนของพระเพื่อน พระแพงสองพระนางออกมารับเสด็จพระลอเข้าข้างใน แล้วทูลเชิญให้ประทับบนแท่นทองพระพี่น้องบรรจงถวายผ้าทรงกษัตริย์ นำเครื่องหอมมาละลายน้ำลูบไล้องค์ให้พระลอและยกพานหมากกับเครื่องเสวยมาถวาย ครั้นเสวยเสร็จแล้ว นางรื่น นางโรยก็ทูลลาแล้วปิดประตูให้สามกษัตริย์บรรทมกันภายในห้อง

78. พระเพื่อน พระแพงแอบซ่อนพระลอไว้มีแต่สองนางพระพี่เลี้ยงที่รู้กลอุบายการซุกซ่อนนี้เวลาประมาณครึ่งเดือนผ่านไปอย่างช้าๆ สามกษัตริย์ต่างทรงสำราญในรักที่มีให้แก่กันบางคราสองพระธิดาทำเหมือนเป็นไข้ บางคราแลดูพระองค์ทรงสุขสำราญบางครากลับเร้นซ่อนพระองค์ และตรัสซุบซิบต่อกันอย่างมีเลศนัยทั้งยังมีแต่สองนางพี่เลี้ยงที่เข้าภายในเรือนหลวงของสองพระธิดาได้คนอื่นๆนั้นไม่ให้เข้า จนหมู่นางกำนัลสะกิดกันให้สังเกตและแอบพูดจาถึงความผิดปกตินี้ว่า“ตอนนี้น่าแปลกใจจริงๆ สองพระธิดาของเรากับนางพี่เลี้ยงทำท่ามีเงื่อนงำปิดบัง”ในที่สุดเรื่องที่ปกปิดไว้ก็มีคนรู้ ผู้หนึ่งเห็นก็สะกิดอีกผู้หนึ่งให้แลดูแต่ผู้ใกล้ชิดทั้งหลายก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น ทำเป็นไม่รู้ไม่ใส่ใจ จนกระทั่งข่าวแพร่ไปถึงหูท้าวพิไชยพิษณุกรพระบิดาของพระเพื่อน พระแพง

79. ท้าวพิไชยพิษณุกรเสด็จมาลอบดูที่เรือนหลวงของพระเพื่อนพระแพง เมื่อได้เห็นการลักลอบ พระองค์ก็ทรงโกรธพระธิดาทั้งคู่ดั่งฟ้าฟาดแต่ครั้นพอได้ลอบเห็นพระลอผู้งามโอ่อ่าก็ทำให้หายโกรธ และทรงคิดว่า“ชะรอยบุญกุศลส่งให้เขามาพบกัน ทั้งที่อยู่ห่างกันไกลแสนไกลกลับเป็นใกล้”ครั้นพระองค์ได้ลอบชมพระลอบ่อยเข้ายิ่งคิดได้ว่าพระลอเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีเมืองขึ้นมากถึงร้อยเอ็ดเมืองการได้พระลอเป็นเขยก็เหมือนได้ฟ้าและดินมาอยู่ในเงื้อมมือ(เรา)

80. ท้าวพิไชยพิษณุกรแสร้งแสดงตนออกมาให้เห็น พระเพื่อนพระแพงหมอบลงกราบพระบาท แล้วบอกพระลอถึงนามของพระบิดาพระลอทรงยกมือขึ้นประนมไหว้และทูลว่า “ข้าพระองค์ละทิ้งราชสมบัติมาที่นี่แต่ตัวมาขอฝากตัวเป็นญาติวงศ์เดียวกัน ตราบเท่ากาลอวสาน” ครั้นได้ยินเช่นนั้นท้าวท่านก็ทรงยินดีว่าได้พระลอมาเป็นสวามีของพระธิดาสมดั่งปรารถนา แล้วตรัสว่า“พ่อจะให้ดูวันฤกษ์งามยามดี แล้วจะประกอบพิธีวิวาห์ให้”ท้าวท่านตรัสแล้วก็เสด็จกลับสู่เรือนหลวง




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:23:57 น.   
Counter : 413 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๙

 

65. ฝ่ายพระลอ พอรุ่งเช้าก็สั่งความกับคนเฝ้าสวนว่าแม้มีใครมาถามว่า ใครมานอนที่เรือนนี้ จงบอกไปว่าเป็นพราหมณ์กับชายชาวบ้านอีกสองคนมาขออาศัยนอน พอรุ่งเช้าก็ลาไปครั้นแล้วพระลอก็ออกเดินทางโดยมีนายแก้ว นายขวัญคอยสอดส่องระมัดระวังจนเหลียวหลังไปเห็นนางรื่น นางโรยนั่งบนช้างตามกันมาหยุดที่สวนแล้วสองนายก็เร่งตามเสด็จพระลอไป

66. นางรื่น นางโรยลงจากช้างมาถามคนเฝ้าสวนว่า“มีผู้มาหาหรือ” เขาก็บอกความไปตามที่พระลอได้สั่งไว้สองนางจึงถามต่อว่าผู้มาขออาศัยนอน “เป็นคนเฒ่าหรือคนหนุ่ม รูปโฉมเป็นเช่นไร”คนเฝ้าสวนตอบว่า “คนที่เป็นพราหมณ์นั้นงามไม่มีใครเทียมเทียบ”สองนางได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธตัวเองที่มาคลาดกันไปนิดเดียวด้วยสองนางเชื่อแน่ว่าสามคนที่คนเฝ้าสวนกล่าวถึงนั้นคือพระลอราชกับพี่เลี้ยงทั้งสองข้างนายแก้ว นายขวัญยังละล้าละลังอยู่จนหันมาต่างแลเห็นกันกับนางรื่น นางโรยสองนางจึงรีบเดินไวเข้าไปใกล้ให้เขาเห็น แต่แล้วก็แกล้งทำให้คลาดกันไปสองนางลงไปแอบรอดูท่าทีในสระน้ำ นายแก้ว นายขวัญทูลพระลอให้ทรงคอยอยู่ก่อน แล้วตามไปดูสองนาง

67. เมื่อ(นายแก้ว นายขวัญ)เดินเข้าใกล้ถึงสระสองนายก็เดินกรายผ่านทางที่ไปสู่สวนขวัญ แล้วแสร้งพูดต่อกันว่า“เห็นคนเดินอยู่เมื่อกี้ ตอนนี้หายไปไหนเสียแล้ว เราเดินเลียบดูก็ไม่เห็น”แล้วสองนายก็เดินลงในสระ ครั้นเมื่อทั้งสองฝ่ายเจอกัน นางรื่น นางโรยก็แสร้งถามว่า“สองนายมาจากเมืองใด ไฉนจึงเข้ามาเล่นน้ำในสระหลวงนี้ได้” นายแก้ว นายขวัญตอบว่า“พี่เดินทางมาจากแดนไกล เห็นสระน่าลงเล่น ไม่เห็นมีใครเฝ้าไม่รู้เลยว่าเป็นเขตหวงห้าม” แล้วสองคู่ก็หยอกเย้าเกี้ยวพากันดั่งเป็นคู่รัก

68. นางรื่น นางโรยนำแขกแปลกหน้าขึ้นไปบนเรือนของสวนขวัญสองนางถามไถ่ว่า “ท่านทั้งสองมีนามว่าอะไร และบ้านเมืองของท่านชื่อว่าอะไร”นายแก้ว นายขวัญตอบว่า “ชื่อเจ้ารามกับเจ้ารัตน์ เดินทางมาสมทบกันเพื่อค้าขายแล้วได้เจอกับพราหมณ์ชื่อเจ้าศรีเกศ จึงติดตามมาเที่ยวชมบ้านเมืองด้วย”สองนางพานายแก้ว นายขวัญไปแยกกันสนทนา แล้วซักถามว่า“พี่มาเมืองนี้มีสินค้ามาขายกี่อย่าง” ทั้งสองนายไม่ทันได้นัดกัน ก็ได้แต่อึกๆอักๆสองนางจึงว่า “ท่านดูหน้าตาไม่เหมือนพ่อค้าดูผิวพรรณน่าจะเป็นขุนนางชาววังมากกว่าละกระมัง บอกความจริงแก่น้องมาเถิด”สองนายจนหนทางแล้วจึงกล่าวตามจริงว่า “พระลอราชเจ้าเสด็จมาที่นี่เราทั้งสองเป็นพระพี่เลี้ยงซึ่งตามเสด็จมา”สองนางฟังความแล้วยินดียิ่งนักและกล่าวว่า “พี่ทั้งสองไปเชิญเสด็จพระลอราชมาเถิดแล้วเราจะทูลเชิญสองราชธิดา พระเพื่อน พระแพงให้เสด็จมาพลันแต่ตอนนี้เราขอเฝ้าพระลอราชเจ้าก่อน จะได้รอรับถ้อยรับสั่งของพระองค์ไปทูลแด่พระธิดาที่รอฟังข่าวอยู่

69. นายแก้วนายขวัญกลับไปทูลเรื่องราวกับพระลออย่างถี่ถ้วน พระองค์จึงเสด็จมาสู่นางพี่เลี้ยงฝ่ายนางรื่นนางโรยเมื่อแลเห็นพระลอเสด็จมาก็รีบลุกไปกราบพระบาทและทูลเชิญพระลอให้ประทับที่เรือนสำราญในสวนขวัญของพระเพื่อนพระแพง พระลอรับคำนางพี่เลี้ยงแล้วตรัสถามว่า “สองพระน้องนางเป็นสุขอยู่หรือไม่”นางพี่เลี้ยงทูลว่า “สองพระองค์มิได้เจ็บไข้กายเป็นแต่ไข้ใจด้วยคะนึงหาพระลอราชเจ้า” จากนั้นพระลอเสด็จขึ้นเรือนของพระเพื่อนพระแพง สองนางบรรจงล้างและเช็ดพระบาท แล้วอัญเชิญเสด็จขึ้นบนแท่นประทับพระลอสั่งความให้นางพี่เลี้ยงรีบไปทูลเชิญพระเพื่อน พระแพงมา “หากแม้นสองนางมาช้าคงไม่ทันได้เห็นชีวิตของพี่ จะขอฝากไว้แต่พระศพให้น้องเผาผี” ครั้นแล้ว นางรื่นนางโรยก็กราบทูลลาไป สองนางออกมาจากห้องที่ประทับแล้วใส่กุญแจประตู พร้อมทั้งนำลูกกุญแจไปด้วย

70. นางรื่น นางโรยกลับเข้าวังหลวงลงจากช้างแล้วมองไปยังเรือนหลวง เห็นพระเพื่อนพระแพงเยี่ยมหน้าเรียงกันอยู่ตรงช่องหน้าต่าง ตั้งตาคอยดูทางเมื่อทรงแลเห็นนางพี่เลี้ยงพระพักตร์ก็สดชื่นขึ้นมาพระเพื่อนร้อนพระทัยใคร่จะร้องถามข่าวเรื่องพระลอเสียแต่ตรงนี้ข้างพระแพงทรงห้ามไว้ด้วยกลัวว่าความจะล่วงรู้ไปถึงเจ้าย่าทั้งสองพระองค์ตรัสแก่กันว่า “ไฉนสองพระพี่เลี้ยงย่างเท้าช้านักประตูวังในที่เคยดูว่าใกล้ วันนี้ดูจะถอยออกไปไกล”สองนางพี่เลี้ยงรีบมาเข้าเฝ้าแทบพระบาทแล้วทูลว่า “บัดนี้ พระมิ่งขวัญของพระน้องมาถึงแล้วเป็นบุญของพระจอมขวัญของพี่แล้ว พระลอราชเจ้างามดั่งทองโดยแท้”แล้วนางพี่เลี้ยงก็กราบทูลถ้อยความที่พระลอฝากมาถึงพระเพื่อน พระแพงสองพระธิดาจึงว่า “ครั้นจะรีบเร่งไปนัก จะเป็นที่เล่าลือผิดสังเกตต้องไปทูลลาเจ้าย่าก่อน แล้วค่อยรีบไปได้ดังใจ”

71. พระเพื่อนพระแพงเสด็จไปเข้าเฝ้าพระเจ้าย่าพร้อมนางพี่เลี้ยงสองธิดาเข้าประทับแนบชิดเจ้าย่าที่ข้างแท่น พระเจ้าย่าก็เชยชมรับสองหลานพระนางทั้งสองช่วยกันนวดเฟ้นเจ้าย่าค่อยๆระหว่างนั้นเจ้าย่าก็ทรงตักเตือนสอนสั่งหลานด้วยความรักและตรัสกำชับนางพี่เลี้ยงรื่น โรยให้ดูแลพระเจ้าหลานให้จงดี เมื่อได้โอกาสเหมาะพระเพื่อน พระแพงก็เอ่ยทูลขอเจ้าย่าไปเที่ยวเล่นที่สวนขวัญ เจ้าย่าตรัสตอบว่า“เชิญสองเจ้าพี่น้องไปเที่ยวชมสวนเถิด ถึงเวลาเย็นแล้ว เจ้าค่อยกลับมา”สองธิดาได้รับประทานอนุญาตแล้วจึงกราบทูลลาพระเจ้าย่ากลับเรือนตน




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:20:49 น.   
Counter : 547 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๘

57. ข้างฝ่ายพระเพื่อน พระแพงรอคอยพระลออยู่อย่างกระวนกระวายครั้นเห็นยังไม่เสด็จมาจึงสั่งแก่พระพี่เลี้ยงว่า“พี่รื่นพี่โรยช่วยเร่งไปไหว้พระปู่เจ้าและบอกท่านเรื่องที่น้องรออยู่ด้วยเถิด”สองนางพี่เลี้ยงทูลว่าได้ไปเตือนพระปู่เจ้ามาแล้วท่านว่าพระลอราชมาถึงฝั่งแม่น้ำกาหลงด้านเขตแดนเราแล้วแต่ยังทรงคร่ำครวญลังเลพระทัยอยู่ ท่านว่าจะช่วยเร่งชักนำให้พระองค์เสด็จมาโดยพลัน

58. ปู่เจ้าสมิงพรายร่ายมนตร์เรียกไก่ป่ามาเป็นฝูงปู่เจ้าฯเลือกไก่ตัวงาม สีสันงามเลื่อมพราย ปู่เจ้าฯเรียกผีมาลงสิงไก่ พลันมันก็ผงกหัวท่าทีองอาจขยับตีปีกร้องฉาดฉาน ปู่เจ้าฯสั่งความแล้วส่งมันไปล่อพระลอมินานไก่ปู่เจ้าฯมาปรากฏถึงที่พระลอประทับอยู่ มันยกคอขันร้องเจื้อยแจ้วตีปีกและไซ้ปีกไซ้หางอวดรูปเมื่อพระลอทอดพระเนตรเห็นก็ทรงพอพระทัยว่าไก่นั้นงามจับตา ทรงจับอาวุธคู่พระองค์แล้วตามไก่ไปพลันด้วยหมายจะได้ไก่ตัวงาม พวกคนสนิทรีบตามเสด็จ เมื่อใดที่พระลอตามไก่คลาดไปไก่ปู่เจ้าฯจะอยู่รอท่า หากพระลอตามมาช้า มันจะขันเรียกและคอยชำเลืองดูครั้นพระลอจะตามทัน มันก็ค่อยย่างต่อไป จนสุดเขตป่าเรื่อยผ่านเข้าหมู่บ้านครั้นไก่ปู่เจ้าฯย่างไปช้า พระลอก็เร่งตาม แล้วทันใดไก่ก็หายไปกับตาพระลอทรงสับสนทิศทางและได้คิดว่า “โอ้ กูมาหลงตามไก่ผี”แล้วทรงเหลียวไปเห็นสองพระพี่เลี้ยงที่ตามมา

59.คณะของพระลอบอกแก่กันว่าให้ระวังตัวกันให้มากขึ้นแล้วจึงเดินทางต่อไป ขณะเดินทางไปมีผู้คนรู้ว่าพระลอเสด็จมา จึงพากันมาถวายการต้อนรับ พระลอทิ้งคนไว้ ณตำบลแห่งนั้นสิบคน และอีกห้าคนเมื่อถึงตำบลข้างหน้า และทิ้งไว้อีกสิบคนในตำบลถัดไปครั้นแล้วพระลอ นายแก้ว นายขวัญและผู้ติดตามที่เหลือก็เดินทางมาถึงตำบลแห่งหนึ่งซึ่งมีแต่สวนกับเรือนที่ไร้คนอาศัยแต่มินานก็ปรากฏคนเฝ้าสวนออกมาเชื้อเชิญให้พระลอพักที่เรือนในสวนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอุทยานของพระเพื่อน พระแพง คนเฝ้าสวนจัดที่นอน จัดสำรับอาหารและเครื่องเสื้อผ้าต้อนรับ พระลอทรงเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นพราหมณ์ ชื่อว่าเจ้าศรีเกศ ส่วนนายแก้ว นายขวัญ เป็นชาวบ้านชื่อว่า นายรัตน์ นายราม

60. ยามบ่ายคล้อยพระลอในร่างที่ปลอมเป็นเจ้าศรีเกศใคร่จะได้เห็นสวนคนเฝ้าสวนก็เชื้อเชิญให้ไปเที่ยวชม พระลอได้ชมสวนและตรัสถามว่า “นี่สวนของใครหนอ”คนเฝ้าสวนตอบว่า “สวนของสองนางกษัตริย์ พระเพื่อน พระแพง” ระหว่างเที่ยวชมช่อไม้ชมนกนานาพันธุ์ และชมสระในสวน ไม่ว่าทอดพระเนตรเห็นสิ่งใดก็พาให้พระลอคิดไปถึงสองนางทั้งสิ้น ยามค่ำคืน ณ ที่พักพระลอทรงขับร้องเพลงครวญถึงสองนางว่า “พี่จากบ้านเมืองมายังมิเห็นหน้าน้องดังใจปรารถนา นกเอย ช่วยส่งข่าวถึงน้องด้วยว่าพี่มาถึงอุทยานแล้วและช่วยเร่งเชิญน้องมาชมหมู่ไม้เล่นที่สวน ให้พี่ได้สร่างคลายความร้อนรนใจ”นายแก้ว นายขวัญที่เฝ้าดูแล นวดพระบาทอยู่ ทูลเชิญพระลอเข้าบรรทมพลางขับกล่อมเพลงถวาย พระลอจึงได้บรรทมหลับ

61. พระลอบรรทมหลับฝันไปแล้วทันใดก็ตื่นขึ้นทรงเล่าให้สองพระพี่เลี้ยงที่ซบหลับอยู่แทบพระบาทฟังว่า“เราฝันว่าได้สวมสร้อยสังวาลย์ของผู้หญิง เป็นรูปงูสองตัวเกี่ยวกระหวัดกันและเราได้กอดนางที่เราคำนึงหา ได้เห็นสองนางว่ายน้ำเล่นไปทั่วสระ และยังฝันว่ามือขวาของเราได้เคล้นดอกบัว มือซ้ายกอดดอกบัวสายไว้ ครั้นตื่นขึ้นมาเรารู้สึกขวัญหายยิ่งนัก” สองนายทำนายฝันให้ว่า พระองค์จะได้แก้วมีค่า และวันรุ่งขึ้นจะได้ชื่นชมนางทั้งสองพระลอได้ฟังเช่นนั้นแล้วก็ทรงคลายพระทัย และเข้าบรรทมต่อไป

62. ฝ่ายพระเพื่อน พระแพงบรรทมอยู่บนแท่นทองทรงวิตกอ้างว้างและร่ำไห้ เพราะนานแล้วพระลอยังมาไม่ถึงสองนางกระซิบกับพระพี่เลี้ยงว่า “หากแม้มิได้สมปรารถนาในรักที่มีต่อพระลอน้องเห็นทีจะขาดใจตายในวันพรุ่ง” นางพี่เลี้ยงทูลว่า“พระปู่เจ้าสอนให้ดูนิมิตจากนกเพื่อทำนายเหตุ พี่เห็นว่าพระลอราชเจ้าจะมาถึงในมิช้านี้” นางรื่นนางโรยขับซอกล่อมพระธิดาทั้งสองให้บรรทมหลับ แล้วพลอยหลับตามไปด้วย

63. ทั้งสี่นางต่างก็ฝัน และพลันตื่น พระเพื่อนฝันว่าได้ดอกฟ้ามาไว้ในมือ ดอกไม้นั้นมาเป็นปิ่นประดับที่กึ่งกลางมุ่นผมของตนกับพระแพงข้างพระแพงฝันว่าสุริยะเทพเสด็จมาเป็นปิ่นปักที่กึ่งกลางเกล้าได้พระจันทร์มาส่องหน้าต่างกระจกทอง และดาวที่ดารดาษท้องฟ้านั้นได้เอามาทัดบนเศียรต่างดอกไม้แซมผม นางรื่น นางโรยกล่าวถึงความฝันของสองราชธิดาว่า“ความปรารถนาของสองนางจะบรรลุผล และจะได้เป็นนางพระยาเมืองของพระลอราช”แล้วนางรื่นเล่าความฝันของตนถวายว่า ฝันเห็นน้องเอาดาวมารายรอบมวยผมและเห็นงูกระหวัดรัดน้อง “เห็นทีว่าพระลอราชจะเสด็จมาหาน้องในไม่ช้า”ส่วนนางโรยฝันว่า สองราชธิดาของพี่ได้เสวยราชสมบัติยังฟากฟ้าและได้เสวยรสทิพย์ทั้งห้า “พระลอราชคงจะมาถึงพรุ่งนี้แน่ล่ะหนา”

64. พระเพื่อนพระแพงและสองนางพี่เลี้ยงทำนายฝันกันจนเข้าเวลาใกล้รุ่ง เสียงนกการ้องเจื้อยแจ้วนางพี่เลี้ยงฟังเสียงกากระพอกร้องก็ทูลสองราชธิดาว่าเป็นนิมิตอันดีมันร้องบอกข่าวว่าพระลอราชเสด็จมาถึงแล้ว พระเพื่อน พระแพงจึงตรัสว่า“สองพี่อย่าได้ช้า เร่งไปสืบข่าวดูเถิดหนา”




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:18:18 น.   
Counter : 589 Pageviews.  


1  2  3  

Chapter Zero
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
[Add Chapter Zero's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com