พระลอร้อยแก้ว ฉบับเยาชน ๑๐
72. พระเพื่อนพระแพงยินดียิ่งนักที่จะได้พบพระลอ สององค์เสด็จกลับไปเข้าที่สรง แต่งองค์ผัดพักตร์ เกล้าเกศ นุ่งแพรพรรณ ห่มสไบทรงเครื่องเสร็จแล้วก็เสด็จออกไปทรงช้างสู่สวนขวัญพร้อมพระพี่เลี้ยงกับหมู่นางกำนัล เมื่อถึงประตูอุทยานมีคานทองมารับเสด็จไปเทียบที่เรือนสำราญของสวนขวัญ นางพี่เลี้ยงแล่นเข้าไขประตูนางรื่นรี่เข้าไปปูแท่นบรรทม ฝ่ายนางโรยนบนอบทูลกับพระเพื่อนพระแพงอยู่ที่ข้างนอกห้องว่าพระเจ้าย่าสั่งหม่อมฉันให้คอยเตือนพระนางทั้งสองให้บรรทม สองพระธิดาตรัสว่าบัดเดี๋ยวเถิดค่อยนอน นางรื่นทูล ว่า พระเจ้าย่าสั่งไว้ เหล่านางกำนัลเป็นพยานได้ฝ่ายนางโรยเร่งชักม่านปิดแท่นบรรทม แล้วเชิญเสด็จพระเพื่อน พระแพงเข้าบรรทมส่วนหมู่นางกำนัลที่ตามเสด็จนั้นให้ไปเดินเล่นชมสวนจะได้ไม่รบกวนยามสองพระนางบรรทม นางพี่เลี้ยงรื่น โรยจะอยู่เฝ้าพระธิดาเองครั้นหมู่นางกำนัลไปแล้ว สองพระพี่เลี้ยงก็เข้าไปปิดห้องอย่างถี่ถ้วนทุกประตูหน้าต่าง 73. มินานสองพี่เลี้ยงก็ออกมาทูลเชิญพระเพื่อนพระแพงเสด็จเข้าข้างใน สองพระนางรู้สึกละอายอดสูพระทัย จึงตรัสว่า พี่เอยตั้งแต่เกิดเป็นตนมา ยังไม่เคยรู้เดียงสาสักน้อย จะเข้าไปได้อย่างไรเล่าน้องอายและกลัวเหลือเกิน นางพี่เลี้ยงทูลกลับว่า พระน้องนางเอยอย่าหน่วงเหนี่ยวเลยแม่ หรือมิเอ็นดูพระลอราชเจ้าแล้ว ทูลหัวของพี่ฝ่ายพระลอแฝงตัวแนบใกล้สองพระนางที่หลังม่าน คอยฟังการสนทนา พระเพื่อน พระแพง : พี่เอย น้องรักพระลอยิ่งกว่าดวงใจแต่น้องยังมิรู้จะทำฉันใด วานพี่ทั้งสองช่วยชี้หนทางด้วย นางรื่น นางโรยหันหน้ามาหัวเราะแก่กัน แล้วทูลว่า : ใครจะสอนพระน้องนางได้เล่าวันที่ทรงแรกรักและคร่ำครวญถึงพระลอราชนั้น ใครเล่าสั่งสอนน้องให้คำนึงหา พระเพื่อน พระแพง : มิสอน มิเห็นใจกัน ก็อย่ามาเย้ยหยันน้องถามเพราะว่าไม่รู้ ถ้ารู้จะถาม หรือ นางรื่น นางโรย : พระน้องเอย พี่จะบอกได้อย่างไรแล้วน้องจะรู้ได้เอง อย่าทรงวิตกเลย ฝ่ายพระลอที่แอบฟังอยู่ กลั้นไว้มิได้ จึงหัวเราะออกมาพระเพื่อน พระแพงตกพระทัยกลัวจนสะดุ้ง แล้วพระลอก็เผยม่านออกให้เห็นพระองค์ 74. เมื่อพระเพื่อน พระแพงได้เห็นรูปโฉมพระลอผู้งามเหมือนดวงแก้วบนฟ้าก็ลืมอาย ลืมตน ตาสบตาไม่กะพริบ ครั้นสองนางตั้งสติได้แล้วก็ถึงกับอายซบหน้าจากนั้นทรงไหว้พระลออยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าฝ่ายพระลอพิศมองหน้าสองนางแล้วก็ตะลึงลานลืมตนไปเช่นกัน ข้างนางรื่นนางโรยที่หมอบเฝ้าอยู่ พิศสามกษัตริย์แล้วรำพึงว่าพิศดูพระลอราชก็เหมือนพระอาทิตย์ พิศดูพระเพื่อน พระแพงก็งามดั่งดวงเดือนสามกษัตริย์ช่างงามสมกันเหลือเกินพระพี่เลี้ยงทูลเชิญสามกษัตริย์เสด็จเข้าที่บรรทม นางรื่นนางโรยล้างละอองฝุ่นและเช็ดพระบาทสามกษัตริย์ แล้วค่อยปิดม่านจากนั้นทูลลาสามกษัตริย์ออกมานอกห้อง ปิดประตูแล้วสองนางพี่เลี้ยงก็เลี่ยงไปหานายแก้ว นายขวัญที่นั่งรออยู่แต่ไกล 75. ถึงเวลาเย็นย่ำสองนางพี่เลี้ยงจึงมาทูลเตือนสามกษัตริย์ว่า ถึงเวลาจะค่ำแล้ว พระเอยแล้วทูลเชิญให้เสด็จเข้าที่สรง จากนั้นยกเครื่องเสวยเข้ามาเทียบถวายสามกษัตริย์จวบจนถึงเวลาที่ต้องพรากจากกัน สามกษัตริย์ทรงตรอมตรมพระทัย หน้าแนบหน้ากันน้ำตาค่อยๆหลั่งลงมา สองพระนางตรัสรำพันว่า เราได้รักกันไม่ถึงวันต้องมาด่วนร้างลากันเสียแล้ว พลางสวมกอดพระลอร่ำไห้ พระลอก็ทรงรันทดพระทัยและซบลงสะอื้นไห้เหนือหลังของพระเพื่อน พระแพงอันเป็นที่รัก พลางตรัสรำพันว่าครั้งแรกที่พี่ได้ยินบทเพลงชมโฉมน้อง หากพี่บินได้ คงบินมาสู่น้องแล้วพี่ทิ้งบ้านเมือง ทิ้งทุกสิ่งมาด้วยรักในน้องทั้งสอง ไฉนน้องจึงจะพลันไปจากพี่สามกษัตริย์ตรัสพ้อรำพันกันไปมา ดวงตะวันก็เลื่อนต่ำลงเรื่อยๆพระพี่เลี้ยงจึงทูลเตือนอีกว่า จวนจะค่ำแล้ว พระเอยหากกลับถึงค่ำต้องเกิดเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ 76. พระเพื่อน พระแพงไหว้ลาพระลอพลางร่ำไห้คร่ำครวญ แล้วค่อยเดินจากไป เมื่อถึงที่คานหามหมู่นางกำนัลก็เฝ้าตามเสด็จ ครั้นถึงที่ประตูใหญ่นางรื่นก็ทำเล่ห์กลว่าลืมเครื่องทรงไว้ข้างในห้องประทับ นางรื่นนางโรยกลับไปที่เรือนสวนขวัญ เปิดประตูออก นางรื่นเข้าไปรับพระลอส่วนนางโรยอยู่เฝ้าข้างนอก นางพี่เลี้ยงนำพระลอกับนายแก้ว นายขวัญออกจากสวนขวัญไปในยามค่ำมืด แล้วจึงค่อยลอบพาเข้าไปในเขตเรือนหลวง จากนั้นนางรื่นนางโรยเชิญเสด็จพระลอ พร้อมทั้งนายแก้ว นายขวัญไปซ่อนตัวอยู่ที่เรือนของนางโรย 77. ยามดึกสงัด นางรื่นนางโรยลอบพาพระลอขึ้นไปยังเรือนของพระเพื่อน พระแพงสองพระนางออกมารับเสด็จพระลอเข้าข้างใน แล้วทูลเชิญให้ประทับบนแท่นทองพระพี่น้องบรรจงถวายผ้าทรงกษัตริย์ นำเครื่องหอมมาละลายน้ำลูบไล้องค์ให้พระลอและยกพานหมากกับเครื่องเสวยมาถวาย ครั้นเสวยเสร็จแล้ว นางรื่น นางโรยก็ทูลลาแล้วปิดประตูให้สามกษัตริย์บรรทมกันภายในห้อง 78. พระเพื่อน พระแพงแอบซ่อนพระลอไว้มีแต่สองนางพระพี่เลี้ยงที่รู้กลอุบายการซุกซ่อนนี้เวลาประมาณครึ่งเดือนผ่านไปอย่างช้าๆ สามกษัตริย์ต่างทรงสำราญในรักที่มีให้แก่กันบางคราสองพระธิดาทำเหมือนเป็นไข้ บางคราแลดูพระองค์ทรงสุขสำราญบางครากลับเร้นซ่อนพระองค์ และตรัสซุบซิบต่อกันอย่างมีเลศนัยทั้งยังมีแต่สองนางพี่เลี้ยงที่เข้าภายในเรือนหลวงของสองพระธิดาได้คนอื่นๆนั้นไม่ให้เข้า จนหมู่นางกำนัลสะกิดกันให้สังเกตและแอบพูดจาถึงความผิดปกตินี้ว่าตอนนี้น่าแปลกใจจริงๆ สองพระธิดาของเรากับนางพี่เลี้ยงทำท่ามีเงื่อนงำปิดบังในที่สุดเรื่องที่ปกปิดไว้ก็มีคนรู้ ผู้หนึ่งเห็นก็สะกิดอีกผู้หนึ่งให้แลดูแต่ผู้ใกล้ชิดทั้งหลายก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ได้เห็น ทำเป็นไม่รู้ไม่ใส่ใจ จนกระทั่งข่าวแพร่ไปถึงหูท้าวพิไชยพิษณุกรพระบิดาของพระเพื่อน พระแพง 79. ท้าวพิไชยพิษณุกรเสด็จมาลอบดูที่เรือนหลวงของพระเพื่อนพระแพง เมื่อได้เห็นการลักลอบ พระองค์ก็ทรงโกรธพระธิดาทั้งคู่ดั่งฟ้าฟาดแต่ครั้นพอได้ลอบเห็นพระลอผู้งามโอ่อ่าก็ทำให้หายโกรธ และทรงคิดว่าชะรอยบุญกุศลส่งให้เขามาพบกัน ทั้งที่อยู่ห่างกันไกลแสนไกลกลับเป็นใกล้ครั้นพระองค์ได้ลอบชมพระลอบ่อยเข้ายิ่งคิดได้ว่าพระลอเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีเมืองขึ้นมากถึงร้อยเอ็ดเมืองการได้พระลอเป็นเขยก็เหมือนได้ฟ้าและดินมาอยู่ในเงื้อมมือ(เรา) 80. ท้าวพิไชยพิษณุกรแสร้งแสดงตนออกมาให้เห็น พระเพื่อนพระแพงหมอบลงกราบพระบาท แล้วบอกพระลอถึงนามของพระบิดาพระลอทรงยกมือขึ้นประนมไหว้และทูลว่า ข้าพระองค์ละทิ้งราชสมบัติมาที่นี่แต่ตัวมาขอฝากตัวเป็นญาติวงศ์เดียวกัน ตราบเท่ากาลอวสาน ครั้นได้ยินเช่นนั้นท้าวท่านก็ทรงยินดีว่าได้พระลอมาเป็นสวามีของพระธิดาสมดั่งปรารถนา แล้วตรัสว่าพ่อจะให้ดูวันฤกษ์งามยามดี แล้วจะประกอบพิธีวิวาห์ให้ท้าวท่านตรัสแล้วก็เสด็จกลับสู่เรือนหลวง
Create Date : 19 พฤษภาคม 2557 |
| |
|
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:23:57 น. |
| |
Counter : 413 Pageviews. |
| |
|
|