airy nothing รวมบันทึกส่วนตัวและผลงานต่างๆ มาร่วมแบ่งปัน
 
 

ตัวละครเรื่องพระลอ

ตัวละครลิลิตพระลอ

ฉาก : เมืองสรวง (ตั้งอยู่ทางตะวันออก)

เมืองสรอง (ตั้งอยู่ทางตะวันตก)

แม่น้ำกาหลง (กั้นเขตแดนอาณาจักรทั้งสอง)

ตัวละคร (เมืองสรวง):

ท้าวแมนสรวง เจ้าเมืองสรวง กษัตริย์ผู้ห้าวหาญ พระองค์อุดมมั่งคั่งไปด้วยสรรพ- สินทรัพย์แห่งกษัตริย์ ทั้งนางสนมกำนัลขุนนาง ข้าราชบริพาร ช้าง ม้า หมู่ทหารกล้า

พระนางบุญเหลือ อัครมเหสีของท้าวแมนสรวง พระนางมีรูปโฉมงดงาม และสืบสาย เลือดกษัตริย์ที่สูงส่งทัดเทียมคู่ควรกับพระสวามีพระนางเป็นมารดา ที่ทุกข์ระทมอย่างใหญ่หลวงเนื่องด้วยชะตากรรมของพระลอ

พระลอ (พระลอดิลกล่มฟ้า แปลว่าผู้งามเสมอลอยลงมาจากฟ้า) โอรสของท้าวแมนสรวงกับพระนางบุญเหลือเมื่อพระราชบิดาสิ้น พระชนม์ก็ได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองสรวงสืบต่อไป รูปโฉมที่งดงาม ยิ่งของพระลอถูกบรรยายไว้โดยละเอียดว่าใบหน้างามดุจ เดียวกับดวงจันทร์นัยน์ตางามดั่งเนื้อทราย คิ้วโก่งเหมือนเกาทัณฑ์ หู งามเหมือนกลีบดอกบัวแก้มงามปลั่งดั่งทอง จมูกงามดุจเทพนฤมิตให้ ฯลฯ กล่าวคือพระลองามหมดจดจากเกศาจรดพระเท้าพระลอเป็นตัว ละครที่ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งในใจตนมากที่สุดในเรื่อง เช่นอาการ ห่วงหน้าพะวงหลังเมื่อต้องจากเมืองสรวงไปอาการวิตกหวาดกลัวต่อ ความหายนะที่รออยู่ข้างหน้ากับการเผชิญชะตากรรมของตนอย่างไม่ ท้อถอย

(ขุนด่าน) คือพระลอในรูปลักษณ์ของขุนด่านระหว่างเดินทางไปเมืองสรอง

(เจ้าศรีเกศ) คือพระลอที่ปลอมตัวไปในร่างพราหมณ์เมื่อเดินทางเข้าเขตเมืองสรอง

พระนางลักษณวดี อัครมเหสีของพระลอ ก่อนสิ้นพระชนม์ท้าวแมนสรวงทรงขอพระ- นางลักษณวดีมาให้อภิเษกกับพระลอ

นายแก้ว นายขวัญ พระพี่เลี้ยงของพระลอ มีบทบาทติดตามข้างเคียงพระลอไป

เมืองสรอง (บทบาทคล้ายกับของนางรื่น นางโรย ผิดกันแต่ว่านายแก้วนาย ขวัญมักจะพยายามทัดทานการเดินทางไปหาพระเพื่อนพระแพงที่เมืองสรองของพระลอ)ทั้งสองมีความจงรักภักดีต่อพระลอเป็นอย่างยิ่งเมื่อถึงคราวพระลอมีภัยก็ยอมสู้อย่างถวายชีวิตเพื่อปกป้องพระลอ

(หมื่นแขวง) คือนายแก้ว นายขวัญในรูปลักษณ์ของหมื่นแขวงระหว่างติดตามพระ- ลอไปเมืองสรอง

(นายรัตน์ นายราม) คือนายแก้ว นายขวัญที่ปลอมตัวเป็นพ่อค้าต่างเมืองชื่อนายรัตน์กับ นายรามเมื่อเดินทางเข้าเขตเมืองสรองแล้ว

หมอสิทธิไชย หมอคาถาอาคมผู้มีเก่งกล้าที่สุดของเมืองสรวง ซึ่งพระนางบุญเหลือ เชิญมาแก้ไขอาการต้องเวทย์มนต์ปู่เจ้าสมิงพรายของพระราม หลัง การต่อสู้กันทางอาคมในที่สุดหมอสิทธิไชยก็พ่ายแพ่ต่อปู่เจ้าสมิง พรายอย่างราบคาบ

ตัวละคร (เมืองสรอง):

ท้าวพิมพิสาคร กษัตริย์เมืองสรองสมบูรณ์ด้วยอำนาจราชสมบัติเสมอกับท้าวแมน- สรวง

ท้าวพิไชยพิษณุกร โอรสของท้าวพิมพิสาคร ต่อมาได้เป็นเจ้าครองเมืองสรองสืบจาก พระราชบิดา

พระนางดาราวดี อัครมเหสีของท้าวพิไชยพิษณุกรพระนางเป็นมารดาที่ต้องทุกข์ระทม แสนสาหัสเพราะชะตากรรมของลูกอันเป็นที่รักยิ่งเช่นเดียวกับพระ นางบุญเหลือ

พระเพื่อนพระแพง ราชธิดาของท้าวพิไชยพิษณุกรกับพระนางดาราวดีสองนางงาม เหมือนจันทร์ งามถ้วนทุกแห่ง เช่นเดียวกับพระลอคือแม้สองนางจะ อ่อนแอต่อความปรารถนาของตนเองแต่ในที่สุดก็ได้แสดงให้เห็นถึง จิตใจที่เข้มแข็งทั้งยอมรับและเผชิญผลของการกระทำของตนอย่าง กล้าหาญ

นางรื่น นางโรย นางพี่เลี้ยงรับใช้ใกล้ชิดพระเพื่อนพระแพง ไม่ว่าพระเพื่อน พระแพง จะปรารถนาสิ่งใด นางทั้งสองจะพยายามทุกวิถีทางที่จะจัดหามาให้ ทั้งสองเฉลียวฉลาด แผนการชักจูงพระลอมาสู่พระเพื่อนพระแพงทั้ง หมดเป็นของพวกนาง ทั้งยังช่วยดำเนินการอย่างแข็งขันให้แผนของ ตนสำเร็จสมปรารถนาของเจ้านายแม้นางทั้งสองจะคล่องแคล่วใน การใช้แผนเล่ห์เพทุบาย แต่สุดท้าย การปกป้องพระเพื่อนพระแพง ด้วยชีวิตของพวกนางแสดงให้เห็นว่าพวกนางรักและภักดีต่อพระ- เพื่อนพระแพงด้วยใจซื่อบริสุทธิ์

เจ้าย่า มีศักดิ์เป็นสมเด็จย่าของพระเพื่อนพระแพง(พระนางเป็นชายาของ ท้าวพิมพิสาครผู้วายชนม์แต่ไม่ได้เป็นพระมารดาแท้ๆของท้าวพิไชย- พิษณุกร)พระนางรักพระเพื่อนพระแพงดั่งแก้วตา แม้เป็นหญิงชรา แต่พระนางก็มีไฟแค้นที่อัดแน่นต่อราชตระกูลเมืองสรวงอย่างรุนแรง (เนื่องจากท้าวแมนสรวง พระบิดาของพระลอยกทัพมาตีเมืองสรอง อันเป็นเหตุให้พระสวามีของพระองค์คือท้าวพิมพิสาคร ถูกฟันขาด คอช้าง) และเมื่อสบโอกาสแก้แค้นพระนางก็มุ่งมั่นที่จะแก้แค้นโดยใช้ เล่ห์กลโกหกเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จเพื่อการแก้แค้นแล้วพระนางลืมสิ้น ทุกสิ่งกระทั่งความปลอดภัยของพระเพื่อนพระแพง จนนำไปสู่ หายนะในตอนท้ายเรื่องซึ่งรวมถึงชะตากรรมการถูกลงโทษให้ตาย ด้วยการแล่เนื้อเถือหนังของพระนางเองด้วย

ปู่หมอเฒ่า ศิษย์ปู่เจ้าสมิงพรายมีอาคมแปลงตนให้เห็นเป็นสัตว์ต่างๆ ได้

ปู่เจ้าสมิงพราย เป็นผู้ทรงคาถาอาคมแก่กล้ากว่าผู้ใดในเมืองสรวงและเมืองสรอง มี บทบาทสำคัญในการทำคุณทำมนต์จนพระลอร้อนรนต้องเสด็จมา เมืองสรองให้ได้ ปู่เจ้าฯมิใช่เพียงผู้ทรงคุณทางเวทย์มนต์เหมือนพ่อ มดหมอผีธรรมดาที่กระทำการตามสินจ้างรางวัล แต่เป็นผู้รู้และเป็นผู้ เพ่งพิจารณาในเรื่องกรรมของมนุษย์ด้วย

ไก่ปู่เจ้าสมิงพราย ไก่ป่าตัวงามที่ปู่เจ้าสมิงพรายเสกให้ไปล่อพระลอ

เบ็ดเตล็ด:

คนขับซอจากเมืองสรวง-เมืองสรอง

มุขมนตรีเมืองสรวง-เมืองสรอง

ไพร่พลทหารเมืองสรวง-เมืองสรอง

แม่หมอ (เมืองสรอง) เป็นผู้มีอาคมคนแรกที่นางรื่นนางโรยไปหาให้ ช่วย แต่แม่หมอปฏิเสธเพราะนางเคยทำให้แต่ชาว บ้านสามัญ บารมีของนางไม่แก่กล้าพอจะทำคุณ ไสยเวทย์มนต์ใดๆ กับผู้มีบุญญาธิการอย่างพระเจ้า แผ่นดินได้

กองทัพภูตผีของปู่เจ้าสมิงพราย

คนรักษาอุทยานเมืองสรอง

ราชทูตเมืองสรอง




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 20:42:37 น.   
Counter : 49232 Pageviews.  


คำอธิบายศัพท์

อธิบายศัพท์:

[บางส่วนคัดลอกคำอธิบายศัพท์มาจากหนังสือของอาจารย์ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ บางส่วนมาจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒]

(๕) พระลอดิลกล่มฟ้า- พระลองามเลิศราวกับลงมาจากฟ้า

(๖) ท้าวพระยา -กษัตริย์

(๑๓) ขับซอ - ขับร้องเพลง,ร้องเป็นทำนอง, ขับเป็นทำนอง ร้องเพลงโดยมีดนตรีประกอบ

(๓๖) กระทำ - ใช้เวทมนตร์ทำให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นไปตามต้องการของตนมีให้รักหรือให้ป่วยเจ็บเป็นต้น เช่นว่า กระทำยำเยีย

(๓๖) กฤตยากฤติยา - การใช้เวทย์มนตร์, เสน่ห์, อาถรรพณ์

(๓๖) คุณ - อาถรรพณ์คือพิธีทำร้ายต่ออมิตร โดยเสกสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้าในตัวหรือฝังรูปฝังรอยเรียกกันว่า กระทำคุณ

ยำเยีย -ถูกกระทำในทางร้ายโดยวิธีใช้เวทมนตร์ต่างๆ, มักใช้ว่า ถูกกระทำยำเยีย

(๔๐) โกฏิ (โกด)- ชื่อมาตรานับ เท่ากับ ๑๐ ล้าน

(๙๒) ออกท้าว,ออกไท้ - คำเรียกผู้เป็นใหญ่ หมายถึง กษัตริย์

ไท้ - ผู้เป็นใหญ่

(๑๐๖) มนตรี - ที่ปรึกษา,ผู้แนะนำ, ที่ปรึกษาราชการ, ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

(๑๑๓) สลาเหิน – หมากเสก, หมากที่ถือกันว่าเมื่อเสกแล้วเป็นตัวแมลงภู่ทำให้ผู้กินแล้วลุ่ม หลงรัก

(๑๑๙) เทพดาเสื้อเมือง,เสื้อเมือง, ผีเสื้อเมือง หรือ พระเสื้อเมือง - เทวดาผู้รักษาเมือง

(๑๘๓) สองขอ – ขอช้างสองอัน (การใช้สองขอแสดงว่าพระยาช้างไชยนุภาพเป็นช้างใหญ่สมพระเกียรติยศของพระลอ)

(๒๐๐) พระตนกลม– รูปงามปานกลึงเกลา

(๓๑๔) ตำราสกุณนิมิต ตำรานิมิตสกุณา -ตำราทำนายลางบอกเหตุจากการดูนกฝูงนก

(๓๔๗) ขุนงาม – คำเรียกแทนตัวนายแก้วนายขวัญ

(๓๘๘) ข้าไท – ข้าซึ่งเป็นไทแก่ตัวมาสมัครเป็นข้าด้วยความภักดี ตรงข้ามกับ “ข้าทาส”

(๔๗๘) ลานทอง – แผ่นทองที่แผ่บางๆและยาวเหมือนใบลานที่ใช้เขียนหนังสือ

(๔๘๐) ธาตุ - กระดูก




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 19:22:56 น.   
Counter : 2649 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ๒๘

(๒๘  อนุสาวรีย์แห่งความรัก)

๔๗๔. คนทั้งเมืองต่างร่ำไห้มิวายเว้น มิรู้สิ้นสุด ประดุจว่าจักตายตามท้าวท่านไปด้วยทุกคน

เหล่ามนตรีผู้เฒ่า ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจึงปลุกเตือนให้ชาวเจ้านายดำรงสติไว้ อย่ามัวแต่ร่ำไห้มาคิดอ่านเรื่องงานเมืองก่อนเถิด

แผ่นดินว่างไร้กษัตริย์ครอง ความนี้ยังไม่มีใครรู้ขอทุกท่านคิดให้จงหนัก อย่าได้ประมาท

เหล่ามนตรีพากันมากราบไหว้ทูลแถลงถ้อยความทุกประการให้นางกษัตริย์ของตนฟังว่า

“ครุ่นคำนึงแต่เรื่องหนหลังก็เกรงแผ่นดินจะเสียหายพระบาทเจ้าโปรดทรงคิดถึงกาลเบื้องหน้าก่อนเทอญ พระเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้ว

หากคิดผิดแผกไปแผ่นดินจักคว่ำ ผีป่าจักเข้าซ้ำผีเรือนก็คอยท่าแต่จะพลอยผลักให้ล่มจม

ขอทรงคิดให้รอบคอบตามร่องตามรอย โปรดตอบถ้อยความในราชสาส์นขอจงอย่าให้มีความผิดพลาดสักน้อยหนึ่งเลย จักเป็นผลดี พระเจ้าข้า”

จากนั้นต่างถวายบังคมพระอยู่เกล้าทันที แลว่า “โปรดทรงคิดให้จงหนักพระเจ้าข้า ขอทรงจัดการปกครองฝ่ายหน้าและหนุนรักษาฝ่ายหลังด้วยเทอญ”

๔๗๕. พระนางเจ้าทรงฟังแล้วตรัสขอบใจเหล่าข้าราชมนตรี แลว่า“เราคิดจักไปถวายพระเพลิงลูกรัก หากแต่เกรงบ้านเมืองจักมีคนกล่าวดูแคลนเห็นทีข้าจักตายให้แล้วไป อย่าให้ใครเห็นเลย”

๔๗๖. “พวกท่านจงเร่งหาผู้รู้รอบในทุกการงานบ้านเมืองหาที่เฉลียวฉลาดมีโวหารว่องไวจัดเจนในถ้อยคำ ขุนนางผู้ใหญ่สิบนายหามาอย่าช้านานจงเตรียมแต่งโดยพลัน อีกทั้งเงินร้อยทองร้อยชั่งให้เอาไปด้วย”

๔๗๗. “แก้วเก้าประการกับผ้าแพรพรรณทุกสิ่งแต่ละสิ่งจงนำไปให้มาก อย่าช้า ช้างม้าไพร่พล เลือกสรรเอาแต่ที่ฝีเท้าเร็วเพื่อไปแต่งการพระเมรุเจ้าหล้าลูกของแม่ ต่างแทนตัวแม่”

๔๗๘. “รวมทั้งนำไปถวายเป็นบรรณาการแสดงไมตรีแด่เจ้าแผ่นดินเมืองสรองกับพระชนนีของสองพระพี่น้องส่วนราชสาส์นนั้นให้เขียนสารลงลานทอง พวกท่านเร่งเร็วไปเถิด และจงสงวนรักษางานในหน้าที่ให้ชอบอย่าให้มีความขุ่นข้องใจ หรือข่าวร้ายมาถึงเรา”

๔๗๙. “เมื่อเสร็จงานพระศพจอมราชแล้วขอรับพระธาตุสามกษัตริย์กับธาตุของพี่เลี้ยงกลับมาด้วย เมื่อท่านทั้งหลายลากลับให้สักการะแล้วบรรจงตกแต่งพระธาตุมาให้ดี และจงกล่าวการทั้งหมดนี้ด้วยถ้อยคำไพเราะอย่าให้มัวหมองมาถึงเรา”

๔๘๐. พระนางบุญเหลือรับสั่งให้นำแขกเมืองเข้าเฝ้าเมื่อทั้งหมดกราบทูลลา ท้าวเธอก็ประทานรางวัล เสร็จสิ้นแล้วทรงโปรดให้แต่งทูตข้างนี้ไปฝ่ายเมืองสรองมิให้ทิ้งห่างกันนาน เดินทางไปเหมือนเช่นทูตฝ่ายนั้นอย่าได้ช้าราชทูตเมืองสรวงตั้งหน้าเดินทางไปมินานก็ถึงจึงได้เข้าเฝ้ากราบบังคมถวายพระราชสาส์น และทรัพย์สินอันใช้ตกแต่งการพระเมรุพระเจ้าแผ่นดินก็รับสั่งให้นำไปประกอบการพระศพโดยชอบทุกประการ

ครั้นแล้วงานพระเมรุก็เสร็จสิ้น ท้าวเธอเสด็จถวายพระเพลิง ในพิธีอันจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นมหามหรสพซึ่งกึกก้องด้วยสำเนียงดุริยางค์ดนตรีเสียงตีฆ้องกลองสนั่นครื้นเครง เสนาะสำเนียงแตรสังข์ดังกังวานประโคมเสียงประดังกันกึกก้องสะท้านสะเทือนทั่วท้องธรณี ดุจฟ้าผ่าฟาดแผ่นดินและดุจท้องทะเลคำรามดังกังวาน ทั้งเมืองจุดประทีปโคมไฟเรืองแสงสว่างโชติช่วง มากมายเหลือที่จะจดจำเหลือที่จะนับได้พิศดูงามรุ่งโรจน์ ยามต้องลมชวยอ่อนแสงพลันลุกโพลงโชติช่วงล้วนแต่งดงามทั้งประการน้อยใหญ่ แลช่างเลิศล้นไปถ้วนทุกสิ่ง

ครั้นเมื่อการพิธีสำเร็จลุล่วงแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบัญชาให้ประดับตกแต่งเครื่องสำรับอันจะใช้บรรจุธาตุ พระบาทเจ้าทรงให้แบ่งธาตุสามกษัตริย์ไว้แห่งละครึ่งครึ่งหนึ่งประดิษฐานไว้ที่หอพระญาติ ธาตุอีกครึ่งหนึ่งให้ราชทูตเมืองสรวงรับไปจากนั้นทรงให้ตกแต่งทางถนน ประดับประดาทางเดินโดยตลอดไปจนถึงชายแดนของสองเมืองเพื่อแห่แหนส่งธาตุ ฝ่ายนางกษัตริย์บุญเหลือนั้น ก็รับสั่งให้ประดับตกแต่งทางมารับธาตุสู่ยังราชธานีแห่งเมืองสรวงอันงดงามกว้างใหญ่ไพศาลท้าวเธอทรงให้แต่งทำเรือนยอดปราสาทสำหรับบรรจงไว้ธาตุสามกษัตริย์ส่วนที่ถัดไปสองข้างซ้ายขวา ทรงให้แต่งทำเป็นเรือนหลวงโดยทางขวาไว้บรรจุกระดูกขุนแก้วกับนางรื่น ทางซ้ายสำหรับของหมื่นขวัญกับนางโรยท้าวเธอทรงให้แต่งทำด้วยใจภักดี ให้ใหญ่โตงดงามเป็นล้นพ้นทั้งประการน้อยใหญ่แล้วทรงถวายพระทานแด่จอมกษัตริย์ แด่พระรัตนตรัยจากนั้นทรงเปิดคลังออกให้ทานทั่วแผ่นดิน เมื่อราษฎรได้รับทานกันถ้วนหน้าแล้วท้าวเธอรับสั่งให้สร้างสถูปเจดีย์สามกษัตริย์อย่างใหญ่โตและประดับประดาอย่างอลังการส่วนด้านซ้ายและขวาให้สร้างสถูปสำหรับพระพี่เลี้ยง สถูปเจดีย์ประหนึ่งจะทะยานขึ้นจากแผ่นดินสู่เมืองฟ้าเมืองสวรรค์ทางสมเด็จพิไชยพิษณุกรก็ทรงจัดทำการต่างๆดุจเดียวกับฝ่ายพระนางบุญเหลือที่เมืองสรวง สองเมืองต่างเวียนส่งสารแสดงไมตรีต่อกันไปมามิได้ขาดรวมถึงสารบอกพระราชกำหนดวันบรรจุธาตุ ท้าวพิไชยพิษณุกรและพระนางบุญเหลือจัดงานพิธีบรรจุธาตุเป็นการใหญ่โตยิ่งพร้อมกันทั้งสองเขตแดนและต่างทรงให้ทานมากหลายทั่วแผ่นดินแลทั่วทุกชนทำบุญส่งถวายให้สามกษัตริย์กันอย่างเอิกเกริกโดยถ้วนหน้า

๔๘๑. ขุนนางและไพร่ฟ้าทุกคน รวมถึงเหล่ามูลนาย ทั้งหญิงชายทุกคนทั่วแผ่นดินพากันทำบุญ ส่งบุญถวายถึงจอมราชเจ้าด้วยใจสวามิภักดิ์ ต่างตั้งหน้าสดใสทำบุญด้วยเล็งเห็นในผลบุญ


๔๘๒. บทส่งท้าย

ขอให้พระลอลิลิตเป็นศรีแก่ปากผู้บรรจงอ่านคำประพันธ์อันเป็นประหนึ่งดอกไม้ซึ่งร้อยกรองไว้อย่างเรียบร้อยให้เป็นเครื่องประดับหูในทุกเมื่อ แลเสมือนกระแจะหอมได้ต้องเพียงน้อยหนึ่งก็ได้แรงใจ

๔๘๓. จบเรื่องที่มหาราชเจ้านิพนธ์แล้ว เป็นเรื่องยอยศพระลอผู้เป็นเอกแท้อีกทั้งพี่เลี้ยงผู้สามารถเอาตนเองตายก่อนพระอยู่หัวของตน เกียรติยศเป็นที่สุดแล้วในโลกนี้แลยังเลิศล้ำตราบเท่าถึงสวรรค์

๔๘๔. จบเรื่องที่พระเยาวราชเจ้าบรรจงแต่งอันเป็นกลอนที่กล่าวถึงพระลอผู้งามอร่ามเรืองยิ่งกว่าผู้ใด ใครฟังแล้วย่อมใหลหลงจนฟังมิรู้อิ่มได้ แรกเริ่มนั้นด้วยรักชู้อย่างยิ่ง จนเกิดกำเริบเป็นรักแท้จริง




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 18:53:53 น.   
Counter : 896 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ๒๗

(๒๗  อวสานแห่งความรัก)

๔๕๙. “เจ้ายินดีด่วนตายจากเพราะเรื่องอันใดเอื้อนปากพูดจากับแม่ให้เต็มตื้นใจสักน้อยหนึ่งเถิด

สิ่งใดผิดใจสองเจ้าเล่า ควรเคียดโกรธแล้วหรือ จึงไปเยือนเมืองฟ้าทั้งสองพระองค์

หมองใจเรื่องใดจึงด่วนจากไป สองเจ้าอย่าคิดมิพอใจแม่ ทูนหัวของแม่เอย

อ้า ยามเช้าตรู่ยังขมุกขมัว สีพระทนต์เถอะนะเจ้า ลูกของแม่เอย

ทรงบังคนเถอะนะลูกแก้ว ออกจากบังคนแล้ว เชิญสองเจ้าสรงน้ำหนา

ทรงแต่งองค์ ผัดหน้า แต่งหน้า ทรงสะอิ้งผ้าแล้วค่อยย่างเยื้องมาหาแม่เถิด

สองเจ้ามาร้อยดอกไม้ถวายธูปเทียนทองไหว้พระบาทพระพุทธรูปศรีสรรเพชญ

แล้วเสด็จมาเถอะนะเจ้า เจ้ามาเสวยข้าวกับแม่ทั้งคู่สุดใจของแม่เอย”

๔๖๐. “เรียกเตือนอย่างไรก็ไม่ตรัสตอบจับต้องอย่างไรก็ไม่ไหวติง ยืนแข็งกระด้างอิงกันอยู่ พระลอราชเจ้าแผ่นดินทรงห้ามมิให้สองเจ้าขานตอบแม่หรือไร”

๔๖๑. (แล้วทรงหันไปตรัสกับพระลอว่า) “จอมราชเจ้าพระบิดาเสด็จมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้ว ไฉนมิแลมองเล่า พ่อเอย มิทรงผันพระพักตร์มาทางท้าวผู้เป็นใหญ่มิสั่งความไว้แก่แม่สักคำเลย สุดใจของแม่เอย”

๔๖๒. “จักทำฉันใดกับชีวิตนี้ต่อไป ก็ปราศจากผลเสียแล้ว

แม้นับว่าตัวนี้เป็นคน ก็เสมือนหนึ่งคนบ้า

มิได้เห็นลูกอยู่กับตน ตัวแม่ก็อย่าอยู่เลย

ขอจงตายเสีย จักได้พลันเห็นหน้าลูกแก้วทั้งสองของแม่”

๔๖๓. ปวงพระญาติวงศ์มาพบองค์กษัตริย์แลพากันร่ำไห้เสียงดังอื้ออึง

นางพระสนมทุกหมู่ทรุดร่างลงร้องไห้

ปวงนางกำนัลตลอดจนถึงไพร่พลเมืองทั้งสิ้น

ไม่มีสักคนหนึ่งจะอดร่ำไห้ได้ต่างคร่ำครวญเกลือกกลิ้งอยู่กลางดิน

๔๖๔. เสียงราษฎรร่ำไห้กันทุกผู้ ร้องไห้กันทุกบ้านเรือน

ความโศกเศร้าสะเทือนทั่วแดนจนอกแผ่นดินดูเหมือนจักพลิกคว่ำ

มิเห็นดวงตะวัน ดวงเดือน และดาว ดูมืดมัวไปหมดหนา

แลไปแห่งใดเห็นน้ำ นั่นย่อมเป็นน้ำตาคน

๔๖๕. สาวสนมจนถึงชาติเชื้อกษัตริย์ พากันร้องไห้ด้วยเจ็บร้องไห้ด้วยปวดร้าว ร้องไห้จนเลือดตาไหล ทว่าด้วยพระปรีชาว่องไวและน้ำพระทัยเยี่ยงกษัตริย์กล้าหาญโดยแท้ท้าวพิไชยพิษณุกรกับพระนางดาราวดีจึงทรงตั้งพระทัยไว้ให้ตรงคงมั่นได้ สองพระองค์ทรงหักพระทัยสร่างคลายร่ำไห้ได้แล้วจึงตรัสห้ามผู้คนทั้งหลาย

ครั้นสิ้นเสียงร่ำไห้แล้วสองพระองค์ตรัสชื่นชมน้ำพระทัยอันแกล้วกล้าของทั้งสามกษัตริย์

ว่าทรงยืนตายอย่างสง่างามเลิศแล้วอย่างจะให้รู้ว่าทรงมีใจแห่งกษัตริย์แท้ มิให้ใครมาปานเปรียบได้ ส่วนขุนพี่เลี้ยงทั้งสองกับนางรื่นนางโรยนั้น เพียงเทพก็ไม่ปานเปรียบได้ ด้วยทั้งสี่มีใจหาญกล้ายอมตายก่อนเจ้าอยู่หัวของตน และยังเป็นเพื่อนตายเคล้าคู่กันมิห่างช่างน่ารักในน้ำใจเขายิ่งนัก ทุกคนในแผ่นดินส่งเสียงสรรเสริญกันถ้วนหน้า จนดังอึงมี่ไปทั่วทั้งเมืองดังดั่งพื้นธรณีลือลั่นด้วยเสียงฆ้อง เสียงเสนาะไปถึงฟ้าร้องเรียกสามกษัตริย์ผู้อยู่ยังสวรรค์

๔๖๖. มหาสมุทรร่ำไห้เสียงอึงมี่ในเมืองหลวงผู้คนเจ็บไข้กันทุกแห่งหนท้าวพิไชยพิษณุกรทรงให้เชิญเสด็จพระมเหสีกลับเรือนหลวงส่วนพระองค์ท้าวเธอโปรดให้สรงพระศพสามกษัตริย์ จัดแต่งผ้าต่างๆ ตราสังทั้งสามพระองค์ให้บรรจงทำโลงทองหนึ่งโลงใหญ่สำหรับบรรจุพระศพสามกษัตริย์ และแต่งโลงหนึ่งใส่ศพขุนแก้วกับนางรื่นอีกโลงหนึ่งใส่หมื่นขวัญกับนางโรย อย่างถูกต้องตามจารีตประเพณีทุกประการ

จากนั้นท้าวเธอเสด็จยังปราสาททรงให้หานายช่างศิลป์ประจำราชสำนักพร้อมมีพระราชโองการให้เตรียมการสำหรับการพระเมรุโดยเกณฑ์ช่างหลวงจากทุกกรมมาแต่งภูเขาแปดทิศ ราชวัติและฉัตรต่างๆ รวมถึงร่ม ธงและบุษบกหลายหลากส่วน ประดับลายกระหนกรูปนกและหงส์ทอง ทรงให้บรรจงทำภาพต่างๆอย่างระวัง ส่วนที่ภูเขาแปดทิศนั้น ภูเขาบางลูกแต่งให้เทียมด้วยม้าภูเขาบางลูกเทียมด้วยมังกรงามระยับ ทั้งยังประดับรูปคนขับ คนลากเข็นรถตกแต่งรูปช้าง ตกแต่งรูปราชสีห์ซึ่งมีงวงและงาเป็นช้าง และมีรูปคนขับนั่งชักรถมือกุมอาวุธดูอ่อนช้อย ร่ายรำในท่าแทงอย่างองอาจ เผ่นผงาดขับช้างและราชสีห์ภูเขาบางลูกเทียมวัวเหยียบสิงห์ ประดับรูปอสูร เทวดา ครุฑ มนุษย์ นาค คนธรรพ์ดึงมือจับกันเป็นภาพเรียงรายไปตามแบบอย่างดั้งเดิม

ท้าวเธอยังมีพระบัญชาให้ขยายขนาดโรงโขน โรงรำ ทำเรือนดอกไม้ไฟราวปักเทียน โคมเวียน โคมแว่นอย่างบรรจง โคมไฟเสาสูงระหงสลักเสลางดงามเสาโคมเรียงรายเป็นแถว รวมทั้งขึ้นเสาปักไต้จุดไฟไว้ให้เตี้ยกว่ากำแพงนำไปแซมสลับกับราชวัติและกับดวงประทีปไว้เป็นระยะๆ สำหรับบูชาพระศพสามกษัตริย์ครั้นแล้วท้าวเธอก็ตรัสให้หาบรรดาทูตน้อยใหญ่เพื่อจำพระราชดำรัสไปบอกกล่าวพร้อมด้วยพระราชสาส์น รวมถึงบรรณาการทั้งหลายนำไปถวายแด่พระนางเจ้าบุญเหลือ พระราชชนนีผู้ทรงเป็นวงศ์วานพระอาทิตย์

เมื่อนั้น พระนางเจ้าบุญเหลือฟังราชสาส์นกราบบังคมทูลถ้วนทุกประการแล้วท้าวเธอมิอาจที่จะดำรงพระองค์เองอยู่ได้ ทรงทรุดซบลงเหนือพระเขนย กรปิดพระพักตร์ร่ำไห้ถึงพระลูกยา ทรงร่ำไห้มิรู้กี่ครา พลางรำพัน “ลูกแก้วของแม่เอย”

๔๖๗. “แม่กลัวว่าจักเป็นดั่งนี้ ห้ามเจ้ามิรู้กี่หนกี่ท่าเจ้าหรือก็มิฟังแม่เลย”

๔๖๘. “แม่หวังใจไว้ว่า ถ้าสิ้นชีพด้วยเจ็บไข้หรือสิ้นชีพด้วยผีกระทำในเมืองของเราสองแม่ลูกนี้แม่ยังจะได้รักษาให้หยูกยาลูกอย่างเต็มตามใจแม่ ไฉนพ่อไปม้วยที่เมืองท่านต้องมาตายด้วยหอก มีด หลาว ดาบ ด้วยธนูอาบยาพิษ ดั่งนี้เล่า”

๔๖๙. “แม่สงวนรักษาเจ้ามาตั้งแต่มีครรภ์ ลูกเอยมิวางใจเฉยอยู่สักเรื่องเลยแม้เพียงหนึ่งน้อย ตราบจนถึงพระลูกได้ขึ้นครองเมืองเสวยราชสมบัติแม่รักลูก รักล้ำกว่ารักตัวเองได้ร้อยเท่า”

๔๗๐. “เจ้าใช่เป็นแต่เพียงกษัตริย์ธรรมดาเลย ลูกเอยเจ้าเป็นยอดแห่งกษัตริย์ ผ่านพิภพเหนือเกล้ามีท้าวพระยาร้อยเอ็ดเมืองมาส่งส่วยบรรณาการทูลถวายแด่พระบัวบาทลูกของแม่อยู่แทบทุกวัน”

๔๗๑. “เจ้าเสวยสุขในปราสาทเสมือนอยู่เมืองสวรรค์ ลูกเอยยามเสด็จออกท้องพระโรง กษัตริย์ร้อยเอ็ดเมืองเข้าเฝ้าคับคั่ง ตามหัวเมืองมีหมื่นขุน พัน มีนายและไพร่พล คอยเฝ้าพระบัวบาทเจ้าเสมอด้วยกษัตริย์แห่งเมืองฟ้า”

๔๗๒. “พิศช้างคู่บุญของลูก ก็เสมอช้างคู่องค์อัมรินทร์ ลูกเอยดูม้าคู่บุญ ก็เสมอม้าทรงของพระอาทิตย์อันลอยลงจากฟ้ากระบวนไพร่พลเพียบเต็มแผ่นดินใหญ่อันมั่งมีเกษมสุข เมืองของพระเจ้าหล้า ลูกของแม่เสมือนหนึ่งเมืองสวรรค์”

๔๗๓.กรรมใดดลบันดาลให้พระนางเจ้าต้องมาร่ำไห้ด้วยความรักที่มีต่อราชโอรสทรงเศร้าสลดพระทัยสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ นางกษัตริย์เพียงจะพินาศ

สงสารแต่ราชเทพีลักษณวดี ครั้นทรงได้ฟังข่าวก็แล่นรุดไปเฝ้าพระนางอยู่หัวพร้อมด้วยชาวเจ้าจอม พระสนม เพื่อนร่วมภิรมย์ของเจ้าหล้าถ้วนหน้าก็หามาจนหมดมิให้ใครเหลืออยู่ พากันมาสู่พระตำหนักของพระนางบุญเหลือ ครั้นเห็นท้าวเธอร่ำไห้ก็ทูลถามถ้อยความเรื่องใดทำให้กรรแสง ครั้นได้ฟังแล้วก็ต่างทาบตีอก กระตุกผมเผ้าที่เกล้าไว้จนรุ่ยสยายทอดตนลงเหมือนจะตาย พลางตีอกร่ำไห้น่าอเนจอนาถดังลั่นสนั่นทั่วทั้งเมืองได้ฟังเสียงร่ำไห้แล้วเพียงจะว้าเหว่ขวัญ ใจเมืองบ้าดั่งจะผกคว่ำหัวอกเมืองดั่งจะพัง ไพร่พลเมืองทั่วหน้าทั้งแผ่นดิน พากันร่ำไห้อาลัยรักเจ้าหล้าประหนึ่งว่าตัวเองตาย




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 18:48:09 น.   
Counter : 740 Pageviews.  


พระลอร้อยแก้ว ๒๖

 

(๒๖  ล้อมวัง)

๔๕๑. สองนายหันเข้ารุกรบประชิดคอยหลบลูกศรมิให้ถูก หลบหลีกหอกมิให้ต้องร่าง ศัตรูเร่งระดมยิงศรพัลวันสาดซัดหอกพุ่งยักย้ายไปมา ข้างซ้ายข้าศึกโหมเร่งกันเข้ามาหนาแน่นข้างขวาก็เร่งรุมเข้ามามาก แล้วรุกโรมเข้าโจมตีทุกทาง สองนายโถมฟันอย่างคล่องแคล่วจนเครื่องลางหัวขาดพรัดหลุดจากตัว ข้าศึกก็สาดยิงธนูใส่ลูกศรตรึงติดร่างนายแก้วล้มลงด่าวดิ้นทุรนทุราย และต้องร่างนายขวัญเซทรุดลงฝ่ายนางรื่นกำลังรบรุกฟัน นางโรยกำลังหกหันแทงไปมาด้วยปลายดาบ และกุมดาบปักข้าศึก ผู้บุกรุกมิรู้ว่าเป็นหญิงเขาก็ยิงธนูต้องร่าง สองนางแล่นไปสู่ศพผัว ทอดตัวลงทับร่างสองนายตายตามกันทั้งสี่คน ท้าวเธอเห็นพระพี่เลี้ยงพลีชีพต่อสู้ก็ทรงชื่นชมนัก และตรัสว่า“น่านับถือรักใคร่ในน้ำใจเขา ไฉนเราจักเหมือนมิได้” สองนางกษัตริย์จึงทรงหัวร่อร้องว่า “พวกเขาสิมิกลัวความพินาศไฉนสองเราผู้เป็นเชื้อชาติกษัตริย์จะกลัวตาย ให้ความอายคงไว้อยู่มิรู้สิ้นแล้วมิว่าจักสิ้นชีวิตหรือคลาดแคล้วรอดตาย ก็ขออยู่เคล้าคลอมิไปจากเลย พระเอย”

๔๕๒. “พระแก้ว พระอยู่เกล้า อย่าทรงสงสัยเลยเราสองจักตายและมิขอไปจากจอมราชเจ้า พระเอย อย่าอาลัยที่จะอยู่เลยเมื่อใดเล่าจักได้ตายดั่งนี้ จะมีหรือ”

๔๕๓. “ครั้นตายแล้วก็ขึ้นไปเกิดกับสองเราพร้อมกัน สามเราจักไปครองแดนสวรรค์บนฟากฟ้าแม้อยู่เป็นคนแล้วคนเขาเย้ยหยัน ควรหรือจะอยู่ พระเอยแม้ตัวอยู่แล้วมิได้เห็นหน้าพระอยู่เกล้า ก็สงสัยว่าจักตายเช่นกัน”

๔๕๔. “มิทันเริ่มเขาทั้งสี่ยังตายเช่นนั้นเราก็เผ่าพงศ์กษัตริย์ มีหรือจักผายผันจากพระองค์รักตัวแต่กลัวความอับอายอันแสนโหดร้าย พระเอย สองเรารักพระราชเจ้า แม้ตายด้วยได้จักอยู่โดยมิร่วมตายได้ฉันใด”

๔๕๕. ครั้นได้ฟังนางกษัตริย์ยอดดวงใจตรัสดังนั้นพระอยู่หัวทรงยั่วยิ้มยินดีนัก ทรงพระสรวลร่า

สองกษัตรีกับเจ้าหล้าหาญยิ่งกว่าหาญ ใจกล้ายิ่งกว่ากล้า ต่างทรงกลัวอาย

โดยมิทรงกลัวตายแม้เท่าเส้นผม กรถือดาบมุ่งไปต่อสู้กับข้าศึก

๔๕๖. สามกษัตริย์ไล่ฟันหันแทงศัตรูให้แหลกย่อยยับดาบตวัดตัดหัวตัดขาข้าศึก ดูยิ่งใหญ่แลงามเหมือนดั่งราชสีห์ทั้งสามพระองค์ทรงกวัดแกว่งอาวุธอย่างองอาจ เอิบอาบด้วยอำนาจมิได้คร้ามกลัวทรงยิ้มแย้มเล่นหัวต่อกัน พลางกางกรร่อนรำดาบรบแลตรัสอ้างเอาแผ่นดินมาขู่ขวัญสำทับ ฝ่ายข้าศึกก็ขับกันเข้ารบโดยรอบแต่ก็ดุจหอบเอาฟางมาทอดลงกองไฟ จึงได้แต่ล้อมอยู่แต่ไกลมิอาจประชิดใกล้ได้เขาจึงให้รุมยิงสามกษัตริย์ ท้าวเธอก็เอาดาบกวัดไปกระจัดกระจายแต่ข้าศึกระดมยิงเข้ามามากเหลือจะปัดป้อง ศรจึงต้องถูกพระองค์ สองพระนางมิได้กลัวเอาองค์ออกรับลูกธนูและทรงยืนอยู่กับจอมราช ข้าศึกก็เร่งสาดยิงลูกศรอาบยาพิษต้องติดทั่วองค์สามกษัตริย์สะพรั่ง เลือดตกไหลหลั่งลงทั้งพระวรกายสามพระองค์ทรงยืนอิงกัน หันหน้าต่อต้านศัตรูอยู่ พิศดูดุจรูปนฤมิตทรงสิ้นชีพพร้อมกัน แลยืนพิงกันอยู่ฉันว่ายังมิตาย เขาทั้งหลายเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัวเกรงถึงกับแตกกระเจิงไปไกล

ข่าวสามกษัตริย์ปิดไม่มิด แพร่ขจรไปถึงท้าวพิไชยพิษณุกร ท้าวท่านรีบเสด็จมาเห็นสองพระธิดาสุดสวาทกับพระลอราชเลือดตกอาบทั้งองค์ แลทรงยืนอยู่ราวกับมิได้ตายท้าวเธอก็ทรงร่ำไห้เช็ดน้ำตาไปมา พลางตรัสเรียกลูกรักและเขยขวัญทว่าเรียกอย่างไรก็มิขานตอบ จับต้องอย่างไรก็มิไหวติง ยังยืนอิงกันอยู่แข็งกระด้างพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรู้แน่ชัดทันทีว่า สามกษัตริย์สิ้นพระชนม์ครั้นแล้วท้าวเธอแสร้งทำเป็นมิโกรธ ทั้งยังประกาศว่าที่ลงโทษฆ่านักโทษทั้งหลายจนตายตกตามกันไป หนำใจพระองค์แล้ว ใครเป็นผู้กล้าสามารถอาจหาญอาสามาสังหารเขาทั้งสาม ให้มาเอารางวัล ผู้ใดแกล้วฉกาจจะปูนบำเหน็จให้หนักยิ่งรู้เรื่องมากเราจะให้ศักดิ์เป็นขุน จะปูนบำเหน็จให้เป็นหมื่นเป็นพันมิช้านานทหารเหล่านั้นก็พากันมาถ้วนหน้ามิเหลือแม้แต่คนเดียวท้าวเธอทรงบัญชาให้เอาเชือกสวมคอ เอาเชือกปอสับมามัดข้อศอกไขว้หลังไว้แล้วให้เอาปลายหอกแทงเพื่อร้อยเอ็นร้อยหวายไว้ต่างเชือก ตรวจจดชื่อไว้ถ้วนทุกคนจากนั้นให้ดาบฟันสังหารเหมือนฟันหยวกกล้วย ใช้ดาบสับให้นอนดิ้นกลิ้งเกลือกไปจนตายส่วนหมู่ตัวนายนั้น ท้าวท่านให้ต้มให้ใช้ไฟคลอกจนตายเฉพาะแต่องค์เจ้าย่าท่านให้แล่เนื้อ ด้วยมิใช่พระมารดาแท้ๆ ของเจ้าแผ่นดินท่านให้ฆ่าแบบทรมานแล้วลากเอาศพไปทิ้งเสีย เสร็จสิ้นแล้วท้าวเธอก็เสด็จไปร่ำไห้กับพระศพราชธิดาทรงร่ำไห้มิรู้กี่ครั้งกี่ครา แลรำพันว่า “โอ้ ลูกแก้วของพ่อเอย”

๔๕๗. “สองเจ้างามดุจดวงแก้วบนฟ้า ทุกข์เท่าใดที่ต้องเห็นหน้าลูกรักมาพลอยลอยหาย

มาพ่อจะขอตายไปด้วยกันกับลูกแก้วพ่อเจ็บจนมิรู้แล้วว่าจักอยู่ได้ฉันใด หัวใจพ่อผกคว่ำ ทุกข์ซ้ำอยู่มิรู้กี่หนสองธิดาคนงามของพ่อเอย”

๔๕๘. ฝ่ายสมเด็จพระนางดาราวดี ผู้เป็นพระชนนีทรงรู้ข่าวก็พระทัยเต้นรัวระทึก ทรุดล้มลงซบซอนพระพักตร์ดั่งจะฟั่นเฟือนหฤทัยคงยังสะทกสั่น ชาวนางกำนัลต้องคอยประคองถนอมพระองค์ ครั้นแล้วพระนางเสด็จขึ้นประทับคานหามนางกำนัลร่ำไห้ตามเสด็จกันมากหลาย เมื่อถึงเรือนหลวงของพระสองศรี เพื่อน แพงนางกษัตริย์ทรงงวยงง พระวรกายระทวยอ่อนดุจเถาวัลย์ทองไหว น้ำตาไหลหลั่งครั้นคานหามท้าวเธอชูขึ้นเทียบถึงพื้นเรือนแก้วแล้ว ทรงเห็นสามกษัตริย์สิ้นพระชนม์พระนางก็ทอดตนลงตีอกและกลิ้งเกลือกไปมา พลางรำพันว่า “แม่มาหาลูกรักของแม่แล้วเจ้าเคียดโกรธแม่เรื่องใดเล่า เจ้าจึงมิเจรจากับแม่ มิแต่งตัวให้แม่ชมมิหวีผมให้แม่ลูบเบาๆ มิเงยหน้าให้แม่จูบ มิลูบน้ำดอกไม้ไล้ตามองค์มิทากระแจะปรุงกลิ่นชะมด มิเสวยรสข้าวปลา สองเจ้าจะลีลาสู่ฟ้า ละทิ้งแม่เป็นกำพร้าลูกเอย ปรานีแม่เถิด”




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2557   
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 18:44:10 น.   
Counter : 903 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  

Chapter Zero
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




New Comments
[Add Chapter Zero's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com