พระลอร้อยแก้ว ๒๗
(๒๗ อวสานแห่งความรัก) ๔๕๙. เจ้ายินดีด่วนตายจากเพราะเรื่องอันใดเอื้อนปากพูดจากับแม่ให้เต็มตื้นใจสักน้อยหนึ่งเถิด สิ่งใดผิดใจสองเจ้าเล่า ควรเคียดโกรธแล้วหรือ จึงไปเยือนเมืองฟ้าทั้งสองพระองค์ หมองใจเรื่องใดจึงด่วนจากไป สองเจ้าอย่าคิดมิพอใจแม่ ทูนหัวของแม่เอย อ้า ยามเช้าตรู่ยังขมุกขมัว สีพระทนต์เถอะนะเจ้า ลูกของแม่เอย ทรงบังคนเถอะนะลูกแก้ว ออกจากบังคนแล้ว เชิญสองเจ้าสรงน้ำหนา ทรงแต่งองค์ ผัดหน้า แต่งหน้า ทรงสะอิ้งผ้าแล้วค่อยย่างเยื้องมาหาแม่เถิด สองเจ้ามาร้อยดอกไม้ถวายธูปเทียนทองไหว้พระบาทพระพุทธรูปศรีสรรเพชญ แล้วเสด็จมาเถอะนะเจ้า เจ้ามาเสวยข้าวกับแม่ทั้งคู่สุดใจของแม่เอย ๔๖๐. เรียกเตือนอย่างไรก็ไม่ตรัสตอบจับต้องอย่างไรก็ไม่ไหวติง ยืนแข็งกระด้างอิงกันอยู่ พระลอราชเจ้าแผ่นดินทรงห้ามมิให้สองเจ้าขานตอบแม่หรือไร ๔๖๑. (แล้วทรงหันไปตรัสกับพระลอว่า) จอมราชเจ้าพระบิดาเสด็จมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้ว ไฉนมิแลมองเล่า พ่อเอย มิทรงผันพระพักตร์มาทางท้าวผู้เป็นใหญ่มิสั่งความไว้แก่แม่สักคำเลย สุดใจของแม่เอย ๔๖๒. จักทำฉันใดกับชีวิตนี้ต่อไป ก็ปราศจากผลเสียแล้ว แม้นับว่าตัวนี้เป็นคน ก็เสมือนหนึ่งคนบ้า มิได้เห็นลูกอยู่กับตน ตัวแม่ก็อย่าอยู่เลย ขอจงตายเสีย จักได้พลันเห็นหน้าลูกแก้วทั้งสองของแม่ ๔๖๓. ปวงพระญาติวงศ์มาพบองค์กษัตริย์แลพากันร่ำไห้เสียงดังอื้ออึง นางพระสนมทุกหมู่ทรุดร่างลงร้องไห้ ปวงนางกำนัลตลอดจนถึงไพร่พลเมืองทั้งสิ้น ไม่มีสักคนหนึ่งจะอดร่ำไห้ได้ต่างคร่ำครวญเกลือกกลิ้งอยู่กลางดิน ๔๖๔. เสียงราษฎรร่ำไห้กันทุกผู้ ร้องไห้กันทุกบ้านเรือน ความโศกเศร้าสะเทือนทั่วแดนจนอกแผ่นดินดูเหมือนจักพลิกคว่ำ มิเห็นดวงตะวัน ดวงเดือน และดาว ดูมืดมัวไปหมดหนา แลไปแห่งใดเห็นน้ำ นั่นย่อมเป็นน้ำตาคน ๔๖๕. สาวสนมจนถึงชาติเชื้อกษัตริย์ พากันร้องไห้ด้วยเจ็บร้องไห้ด้วยปวดร้าว ร้องไห้จนเลือดตาไหล ทว่าด้วยพระปรีชาว่องไวและน้ำพระทัยเยี่ยงกษัตริย์กล้าหาญโดยแท้ท้าวพิไชยพิษณุกรกับพระนางดาราวดีจึงทรงตั้งพระทัยไว้ให้ตรงคงมั่นได้ สองพระองค์ทรงหักพระทัยสร่างคลายร่ำไห้ได้แล้วจึงตรัสห้ามผู้คนทั้งหลาย ครั้นสิ้นเสียงร่ำไห้แล้วสองพระองค์ตรัสชื่นชมน้ำพระทัยอันแกล้วกล้าของทั้งสามกษัตริย์ ว่าทรงยืนตายอย่างสง่างามเลิศแล้วอย่างจะให้รู้ว่าทรงมีใจแห่งกษัตริย์แท้ มิให้ใครมาปานเปรียบได้ ส่วนขุนพี่เลี้ยงทั้งสองกับนางรื่นนางโรยนั้น เพียงเทพก็ไม่ปานเปรียบได้ ด้วยทั้งสี่มีใจหาญกล้ายอมตายก่อนเจ้าอยู่หัวของตน และยังเป็นเพื่อนตายเคล้าคู่กันมิห่างช่างน่ารักในน้ำใจเขายิ่งนัก ทุกคนในแผ่นดินส่งเสียงสรรเสริญกันถ้วนหน้า จนดังอึงมี่ไปทั่วทั้งเมืองดังดั่งพื้นธรณีลือลั่นด้วยเสียงฆ้อง เสียงเสนาะไปถึงฟ้าร้องเรียกสามกษัตริย์ผู้อยู่ยังสวรรค์ ๔๖๖. มหาสมุทรร่ำไห้เสียงอึงมี่ในเมืองหลวงผู้คนเจ็บไข้กันทุกแห่งหนท้าวพิไชยพิษณุกรทรงให้เชิญเสด็จพระมเหสีกลับเรือนหลวงส่วนพระองค์ท้าวเธอโปรดให้สรงพระศพสามกษัตริย์ จัดแต่งผ้าต่างๆ ตราสังทั้งสามพระองค์ให้บรรจงทำโลงทองหนึ่งโลงใหญ่สำหรับบรรจุพระศพสามกษัตริย์ และแต่งโลงหนึ่งใส่ศพขุนแก้วกับนางรื่นอีกโลงหนึ่งใส่หมื่นขวัญกับนางโรย อย่างถูกต้องตามจารีตประเพณีทุกประการ จากนั้นท้าวเธอเสด็จยังปราสาททรงให้หานายช่างศิลป์ประจำราชสำนักพร้อมมีพระราชโองการให้เตรียมการสำหรับการพระเมรุโดยเกณฑ์ช่างหลวงจากทุกกรมมาแต่งภูเขาแปดทิศ ราชวัติและฉัตรต่างๆ รวมถึงร่ม ธงและบุษบกหลายหลากส่วน ประดับลายกระหนกรูปนกและหงส์ทอง ทรงให้บรรจงทำภาพต่างๆอย่างระวัง ส่วนที่ภูเขาแปดทิศนั้น ภูเขาบางลูกแต่งให้เทียมด้วยม้าภูเขาบางลูกเทียมด้วยมังกรงามระยับ ทั้งยังประดับรูปคนขับ คนลากเข็นรถตกแต่งรูปช้าง ตกแต่งรูปราชสีห์ซึ่งมีงวงและงาเป็นช้าง และมีรูปคนขับนั่งชักรถมือกุมอาวุธดูอ่อนช้อย ร่ายรำในท่าแทงอย่างองอาจ เผ่นผงาดขับช้างและราชสีห์ภูเขาบางลูกเทียมวัวเหยียบสิงห์ ประดับรูปอสูร เทวดา ครุฑ มนุษย์ นาค คนธรรพ์ดึงมือจับกันเป็นภาพเรียงรายไปตามแบบอย่างดั้งเดิม ท้าวเธอยังมีพระบัญชาให้ขยายขนาดโรงโขน โรงรำ ทำเรือนดอกไม้ไฟราวปักเทียน โคมเวียน โคมแว่นอย่างบรรจง โคมไฟเสาสูงระหงสลักเสลางดงามเสาโคมเรียงรายเป็นแถว รวมทั้งขึ้นเสาปักไต้จุดไฟไว้ให้เตี้ยกว่ากำแพงนำไปแซมสลับกับราชวัติและกับดวงประทีปไว้เป็นระยะๆ สำหรับบูชาพระศพสามกษัตริย์ครั้นแล้วท้าวเธอก็ตรัสให้หาบรรดาทูตน้อยใหญ่เพื่อจำพระราชดำรัสไปบอกกล่าวพร้อมด้วยพระราชสาส์น รวมถึงบรรณาการทั้งหลายนำไปถวายแด่พระนางเจ้าบุญเหลือ พระราชชนนีผู้ทรงเป็นวงศ์วานพระอาทิตย์ เมื่อนั้น พระนางเจ้าบุญเหลือฟังราชสาส์นกราบบังคมทูลถ้วนทุกประการแล้วท้าวเธอมิอาจที่จะดำรงพระองค์เองอยู่ได้ ทรงทรุดซบลงเหนือพระเขนย กรปิดพระพักตร์ร่ำไห้ถึงพระลูกยา ทรงร่ำไห้มิรู้กี่ครา พลางรำพัน ลูกแก้วของแม่เอย ๔๖๗. แม่กลัวว่าจักเป็นดั่งนี้ ห้ามเจ้ามิรู้กี่หนกี่ท่าเจ้าหรือก็มิฟังแม่เลย ๔๖๘. แม่หวังใจไว้ว่า ถ้าสิ้นชีพด้วยเจ็บไข้หรือสิ้นชีพด้วยผีกระทำในเมืองของเราสองแม่ลูกนี้แม่ยังจะได้รักษาให้หยูกยาลูกอย่างเต็มตามใจแม่ ไฉนพ่อไปม้วยที่เมืองท่านต้องมาตายด้วยหอก มีด หลาว ดาบ ด้วยธนูอาบยาพิษ ดั่งนี้เล่า ๔๖๙. แม่สงวนรักษาเจ้ามาตั้งแต่มีครรภ์ ลูกเอยมิวางใจเฉยอยู่สักเรื่องเลยแม้เพียงหนึ่งน้อย ตราบจนถึงพระลูกได้ขึ้นครองเมืองเสวยราชสมบัติแม่รักลูก รักล้ำกว่ารักตัวเองได้ร้อยเท่า ๔๗๐. เจ้าใช่เป็นแต่เพียงกษัตริย์ธรรมดาเลย ลูกเอยเจ้าเป็นยอดแห่งกษัตริย์ ผ่านพิภพเหนือเกล้ามีท้าวพระยาร้อยเอ็ดเมืองมาส่งส่วยบรรณาการทูลถวายแด่พระบัวบาทลูกของแม่อยู่แทบทุกวัน ๔๗๑. เจ้าเสวยสุขในปราสาทเสมือนอยู่เมืองสวรรค์ ลูกเอยยามเสด็จออกท้องพระโรง กษัตริย์ร้อยเอ็ดเมืองเข้าเฝ้าคับคั่ง ตามหัวเมืองมีหมื่นขุน พัน มีนายและไพร่พล คอยเฝ้าพระบัวบาทเจ้าเสมอด้วยกษัตริย์แห่งเมืองฟ้า ๔๗๒. พิศช้างคู่บุญของลูก ก็เสมอช้างคู่องค์อัมรินทร์ ลูกเอยดูม้าคู่บุญ ก็เสมอม้าทรงของพระอาทิตย์อันลอยลงจากฟ้ากระบวนไพร่พลเพียบเต็มแผ่นดินใหญ่อันมั่งมีเกษมสุข เมืองของพระเจ้าหล้า ลูกของแม่เสมือนหนึ่งเมืองสวรรค์ ๔๗๓.กรรมใดดลบันดาลให้พระนางเจ้าต้องมาร่ำไห้ด้วยความรักที่มีต่อราชโอรสทรงเศร้าสลดพระทัยสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ นางกษัตริย์เพียงจะพินาศ สงสารแต่ราชเทพีลักษณวดี ครั้นทรงได้ฟังข่าวก็แล่นรุดไปเฝ้าพระนางอยู่หัวพร้อมด้วยชาวเจ้าจอม พระสนม เพื่อนร่วมภิรมย์ของเจ้าหล้าถ้วนหน้าก็หามาจนหมดมิให้ใครเหลืออยู่ พากันมาสู่พระตำหนักของพระนางบุญเหลือ ครั้นเห็นท้าวเธอร่ำไห้ก็ทูลถามถ้อยความเรื่องใดทำให้กรรแสง ครั้นได้ฟังแล้วก็ต่างทาบตีอก กระตุกผมเผ้าที่เกล้าไว้จนรุ่ยสยายทอดตนลงเหมือนจะตาย พลางตีอกร่ำไห้น่าอเนจอนาถดังลั่นสนั่นทั่วทั้งเมืองได้ฟังเสียงร่ำไห้แล้วเพียงจะว้าเหว่ขวัญ ใจเมืองบ้าดั่งจะผกคว่ำหัวอกเมืองดั่งจะพัง ไพร่พลเมืองทั่วหน้าทั้งแผ่นดิน พากันร่ำไห้อาลัยรักเจ้าหล้าประหนึ่งว่าตัวเองตาย
Create Date : 19 พฤษภาคม 2557 |
| |
|
Last Update : 19 พฤษภาคม 2557 18:48:09 น. |
| |
Counter : 740 Pageviews. |
| |
|
|