5 วัน 4 คืน ฮานอย+ซาปา+ฮาลองบก ความงามแห่งเวียดนามเหนือ (ตอนที่ 1: เตรียมตัวเที่ยวฮานอย)
สถานที่ท่องเที่ยว : Sun World Fansipan Legend, เมืองซาปา, Vietnamพิกัด GPS : 22° 18' 16.55" N 103° 46' 33.34" Eประเทศเวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศใกล้บ้านเรา ที่ตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพง และที่เที่ยวมีความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นที่เที่ยวทางธรรมชาติ และที่เที่ยวทางวัฒนธรรม ทำให้หลังโควิด เวียดนามน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางลำดับแรกๆของนักท่องเที่ยวไทย และผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยทริปนี้ผมไปเที่ยวเวียดนามในแถบ เวียดนามเหนือ ( Northern Vietnam) ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นเวลา 5 วัน 4 คืนครับ ซึ่งทริปนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแผนเที่ยวมาตรฐาน สำหรับคนที่เที่ยวเวียดนามเหนือครั้งแรกๆ โดยผมได้เที่ยวที่ กรุงฮานอย ( Hanoi) ซึ่งเป็นเมืองหลวง, เมืองซาปา (Sapa) เมืองบนภูเขาที่อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี และ จังหวัดนิงห์บิงห์ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่คนไทยเรียกว่า ฮาลองบก ดังนั้นใครที่จะวางแผนเที่ยวเวียดนามโซนนี้ ลองเอาแผนเที่ยว และข้อมูลต่างๆที่ผมลงไว้ในบล็อกนี้ ไปประยุกต์ปรับใช้ดู หวังว่ารีวิวชุดนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะครับรู้จักกับประเทศเวียดนาม เวียดนาม ( Vietnam) เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่อยู่ในภูมิภาคอาเซียน มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีอาณาเขตติดกับลาว กัมพูชา และประเทศจีน แม้ว่าเวียดนามจะไม่มีอาณาเขตติดกับประเทศไทย แต่ก็ถือเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับประเทศไทยมาก ทำให้ที่นี่กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมด้านการท่องเที่ยวของคนไทย เนื่องจากเวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแนวยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้กว่า 2 พันกิโลเมตร ดังนั้น สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สังคม ประเพณี และวัฒนธรรมจึงมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งประเทศเวียดนามออกเป็น 3 ภูมิภาคคร่าวๆได้แก่1. เวียดนามเหนือ ( Northern Vietnam) มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ กรุงฮานอย (Hanoi) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ 2. เวียดนามกลาง ( Central Vietnam) มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ เมืองดานัง (Da Nang) 3. เวียดนามใต้ ( Southern Vietnam) มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ นครโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh City สำหรับในรีวิวชุดนี้ผมจะเน้นไปที่ เวียดนามเหนือ ได้แก่ กรุงฮานอย (Hanoi), เมืองซาปา (Sapa) และ จังหวัดนิงห์บิงห์ (Ninh Binh) นะครับ เที่ยวช่วงไหนดี ภูมิอากาศในแถบเวียดนามเหนือ จะมีอยู่ด้วยกันมี 4 ฤดู โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเที่ยวภูมิภาคนี้ ก็คือตั้งแต่เดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป ซึ่งจะอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิ ในช่วงนี้ฝนจะน้อย อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงมกราคมจะเป็นช่วงที่หนาวที่สุดของปี (ที่ซาปามีอาจจะมีหิมะตกด้วยนะ) แต่ถ้าใครจะมาช่วงอื่น ก็เที่ยวได้ครับ แต่อากาศจะร้อน ฝนเยอะ และอาจเจอกับพายุไต้ฝุ่นนอกจากเรื่องอากาศ ช่วงที่ควรเลี่ยงการเดินทางไปเที่ยวเวียดนามในทุกภูมิภาค ก็คือ ช่วงเทศกาล วันหยุดยาวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่วงวันชาติเวียดนาม (ตรงกับต้นเดือนกันยายน) และ ช่วงเทศกาลเต็ด ( Tet) ซึ่งจะตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีนของบ้านเรา ในช่วงนั้น คนเวียดนามท้องถิ่น จะเดินทางออกต่างจังหวัดไปท่องเที่ยว รถจะติด คนจะล้นสถานทีท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้เที่ยวไม่สนุกครับเวลา เวลาที่เวียดนามรวมทั้งที่กรุงฮานอยจะเท่ากับที่ประเทศไทย ไม่ต้องปรับใดๆทั้งสิ้น ตม . และวีซ่า ประเทศเวียดนามอนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตก็เข้ามาได้เลย สามารถอยู่ได้ 30 วันครับ ส่วนเรื่องการเดินทางในช่วงหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผมเดินทาง และเขียนบล็อกนี้ ทางการเวียดนาม ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดในการเข้าประเทศแล้วครับผู้คนและความปลอดภัย ทุกประเทศและทุกเมืองบนโลกมีทั้งคนดีและคนไม่ดีครับ สำหรับเวียดนามก็เช่นกัน ใครที่จะมาเวียดนาม โดยเฉพาะที่เมืองใหญ่อย่างกรุงฮานอยอาจจะต้องมีข้อควรระวังที่ค่อนข้างเยอะซะหน่อย ได้แก่ ไม่ควรโชว์ของมีค่าหรือเงินในที่สาธารณะ กระเป๋าเงิน พาสปอร์ต และของมีค่าต่างๆ เก็บใส่กระเป๋าให้ดี และแนะนำให้สะพายด้านหน้า ควรเก็บสำเนาเอกสารสำคัญ รวมทั้งเงิน ไว้หลายๆจุด ป้องกันการสูญหาย เวลาซื้อของ พยายามเตรียมเงินให้พอดี ป้องกันการโดนโกง หลีกเลี่ยงการขึ้น Taxi ที่ไม่ใช่ยี่ห้อดังอย่าง Mailinh, Vinasun หรือ Grab รวมทั้งรถสามล้อ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างต่างๆ เวลาซื้อทัวร์, เลือกโรงแรม หรือร้านอาหาร แนะนำให้ลองอ่านรีวิวใน tripadvisor ไว้ก่อน อย่าเดินทางออกนอกเส้นทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่เปลี่ยวในเวลากลางคืน VIDEO
นอกจากเรื่องคน ข้อควรระวังอีกอย่างคือ มอเตอร์ไซค์ ครับ เพราะที่นี่มอเตอร์ไซค์เยอะมาก บางทีก็ขึ้นมาวิ่งบนฟุตปาท ระวังโดนชน เวลาข้ามถนนก็ค่อยๆข้าม ดูซ้ายขวาดีๆ ส่วนตัว ผมแนะนำให้ข้ามไปพร้อมๆกับคนเวียดนาม แต่ถ้าไม่มีคนข้ามด้วย ก็ควรรอให้รถน้อยๆค่อยข้ามครับ
ทริคการข้ามถนนที่เวียดนามที่หลายคนแนะนำก็คือ ทำใจให้สบาย แล้วข้ามถนนไปเลย แต่เดินด้วยความเร็วคงที่ เดี๋ยวพวกรถจะหลบเราเอง ตามคลิปด้านล่างนี้ครับ
VIDEO
ระบบเงินตรา เงินเวียดนามเรียกว่า เงินดอง ( Dong) โดย 1 บาท จะแลกได้ประมาณ 750 ดอง หรือถ้าจะคำนวณเงินดองกลับเป็นเงินบาท วิธีคิดง่ายๆคือ ให้ตัดศูนย์ออกสามตัว แล้วคูณ 1.5 เข้าไปครับ ตัวอย่างเช่น 10,000 ดอง จะมีค่าประมาณ 15 บาท นั่นเอง (เวลาจะใช้เงินดอง ต้องดูดีๆว่าหยิบเงินถูกไหม เนื่องจากเลขศูนย์ค่อนข้างเยอะ ระวังจะสับสนครับ)
ปัจจุบันเงินเวียดนามสามารถหาแลกได้ง่ายในประเทศไทย แต่ถ้าลืมแลกมา ที่สนามบินที่กรุงฮานอยก็มีร้านแลกครับการเดินทางเข้าสู่เวียดนามเหนือ จากประเทศไทย การเดินทางไปยังแถบภูมิภาคเวียดนามเหนือ ต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่ ท่าอากาศยานนานาชาตินานาชาติโหน่ยบาย ( Noi Bai International Airport) ซึ่งอยู่ห่างจาก ย่านเมืองเก่าฮานอย ( Hanoi Old Quarter) ที่เป็นย่านที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวประมาณ 25 กิโลเมตร
จริงๆ ช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด มีสายการบินมากมายจากไทย ทั้ง Thai Air Asia, Thai Vietjet Air, Thai Lion Air, Thai smile และ Nok Air ต่างก็มีเที่ยวบินจากกรุงเทพ รวมทั้งเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ และอู่ตะเภาไปลงที่กรุงฮานอยครับ แต่พอโควิดระบาด สายการบินต่างๆก็ยกเลิกรูท จน ณ วันที่ผมเขียนบล็อกนี้ มีสายการบินที่เดินทางจากกรุงเทพไปยังฮานอยอยู่แค่ 4 สายการบิน ได้แก่ Thai Air Asia, Thai Vietjet Air, Thai smile และ Vietnam airline ครับการเดินทางจากสนามบินเข้าสู่กรุงฮานอย 1. รถเมล์สาย 86 ซึ่งเป็นรถเมล์ด่วน (Express bus) วิ่งจากสนามบินไปสุดที่สถานีรถไฟฮานอย ข้อดีคือราคาประหยัด แค่ 35,000 ดองต่อคน (ประมาณ 50 บาท) เหมาะสำหรับใครที่เป็นสายแบ็คแพ็คที่เดินทางคนเดียว แต่ข้อเสียคือ รถไม่ได้ส่งถึงโรงแรมที่พัก ต้องเดิน หรือหารถรับส่งเพื่อไปยังที่พัก
2. Grab สามารถใช้แอปจากเมืองไทยกดเรียกได้เลยครับ ราคาคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ 400 ถึง 600 บาท3. รถเช่า สามารถติดต่อไว้ล่วงหน้า ผ่าน Online Travel Agency เช่น klook หรือ KKday เค้าก็สามารถติดต่อหารถมาให้ได้ ราคาอยู่ที่ 400 ถึง 600 บาทโดยรถจะส่งถึงที่พัก หรืือตามจุดหมายอื่นในกรุงฮานอยที่เราต้องการครับ สำหรับทริปนี้ผมติดต่อหารถผ่าน klook ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 510 บาท
4. แท็กซี่ ยังไม่เคยใช้ และไม่คิดจะใช้ ผมไม่แนะนำนะครับ ระวังโดนโกงการเดินทางภายในกรุงฮานอย จริงๆ การเดินทางภายในกรุงฮานอยมีหลายวิธีครับ ทั้งรถแท็กซี่, grab,สามล้อปั่น, รถเมล์ แม้แต่รถไฟฟ้าก็มีให้บริการแล้ว (แต่ไม่ผ่านย่านท่องเที่ยวนะ) แต่ผมแนะนำให้ใช้ grab เท่านั้นครับ ไม่ว่าจะเป็น grab car, grab bike หรือ grab van ไม่แนะนำแท็กซี่นะครับ ส่วนรถสามล้อปั่น ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ ระวังโดนโกง
การเดินทางไปยังเมืองซาปาและจังหวัดนิงห์บิงห์ การเดินทางในแถบเวียดนามเหนือ โดยเฉพาะในแถบเวียดนามเหนือ มีทางเลือกอยู่หลายวิธีครับ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทัวร์ หรือเดินทางด้วยตัวเองด้วยรถไฟ หรือรถบัส แต่ไม่ว่าจะเดินทางแบบไหนก็ตาม การจองตั๋ว หรือการจองทัวร์ ผมแนะนำให้จองผ่าน Travel agency เพราะจะได้ในราคาที่ถูกกว่า โดยเจ้า โดยเจ้าที่ผมแนะนำก็คือ คุณเฮือง ( Huong Nguyen) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท Vietexpress travel บริษัทขายทัวร์และบริการต่างๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในแถบเวียดนามเหนือที่คนไทยนิยมใช้บริการ ถ้าใครสนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ตามเฟสบุ๊คของแกตามที่อยู่ด้านล่างนี้ครับอันนี้ครับ https://www.facebook.com/nguyen.huong.7967 แผนเที่ยว วันที่หนึ่ง ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบาย (Noi Bai International Airport) ด้วยสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ FD642 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เรียก grab จากสนามบินไปที่บริษัทของคุณเฮือง ที่ย่านเมืองเก่า ใกล้ๆกับโบสถ์เซนต์โจเซฟ ฝากกระเป๋า แล้วไปทานอาหารเช้าที่ร้าน Pho 10 ถ่ายรูปกับโบสถ์เซนต์โจเซฟ แล้วเรียก grab ไปยังพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum), สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Mausoleum), วัดเจดีย์เสาเดียว (One Pillar Pagoda), ป้อมปราการทังล็อง (Thang long Citadel), พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางทหารเวียดนาม (Vietnam Military History Museum), วิหารวรรณกรรม (Temple of Literature), ทะเลสาบคืนดาบ (Sword Lake) และวัดหง็อกเซิน (Ngoc son temple) ทานอาหารเย็นที่ร้าน Bun Cha Ta เวลา 22.00 น. เดินทางไปยังเมืองซาปา ด้วยรถบัสนอน วันที่สอง เวลา 4.00 น. เดินทางถึงเมืองซาปา นอนในรถจนถึงตีห้าครึ่ง จากนั้นเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ที่พัก (Pistachio Hotel Sapa) ช่วงเช้า นั่งเคเบิ้ลคาร์และกระเช้าขึ้นไปยังยอดเขาฟานสิปัน เที่ยวบนยอดเขา ช่วงบ่าย เช็คอินเข้าที่พัก จากนั้นเดินเที่ยวในเมืองซาปา ขึ้นไปดูวิวมุมสูงของเมืองซาปาที่ภูเขาฮัมรง (Ham Rong Mountain) ช่วงเย็น ไปทานหม้อไฟแซลมอนที่ร้าน Hotpot Center Sapa และไอศกรีมร้าน Mixue เดินเล่นชมเมืองยามค่ำคืนใกล้กับทะเลสาบซาปา วันที่สาม เช้า ซื้อทัวร์เที่ยวชมทุ่งนาขั้นบันไดรอบๆเมืองซาปา บ่าย เดินทางกลับเมืองฮานอยด้วยรถลีมูซีน ค่ำ เช็คอินเข้าที่พักที่ Meritel Hanoi วันที่สี่ ซื้อทัวร์เต็มวัน เที่ยวจังหวัดนิงห์บิงห์ โดยเลือกโปรแกรม วัดไบ่ดิงห์ (Bai Dinh Pagoda), แหล่งภูมิทัศน์จ่างอัน (Trang An Landscape Complex) และ จุดชมวิวถ้ำมัว (Hang Mua Viewpoint) วันที่ห้า ซื้อทัวร์เต็มวันเที่ยว วัดเจดีย์น้ำหอม (Perfume Pagoda) เย็น เดินทางไปสนามบิน เดินทางกลับไทยด้วยสายการบิน Thai Air Asia เที่ยวบินที่ FD645 กลับถึงกรุงเทพ 22.40 ที่พัก ทริปนี้ตลอด 5 วัน 4 คืน ผมนอนที่ฮานอย 2 คืน, ซาปา 1 คืน ส่วนอีก 1 คืน ผมนอนบนรถที่เดินทางจากฮานอยไปยังซาปานะครับ สำหรับที่พักที่ฮานอย ผมเลือกพักที่ Meritel Hanoi ซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่ระดับสี่ดาวครึ่ง ตกแต่งค่อนข้างหรู ห้องดีมาก สะอาด พนักงานก็บริการดีมาก บางคนพูดภาษาไทยได้ด้วย ผมพักที่นี่ 2 คืนสุดท้าย โดนเลือกห้อง deluxe เตียงแฝด รวมเป็นเงินไทย 3,879 บาท พอหารออกมา ก็ตกคนละ 970 บาทต่อคน ต่อคืนครับ ส่วนที่ซาปา ผมเลือกพักที่ Pistachio Hotel Sapa ซึ่งเป็นโรงแรมที่คนไทยนิยมมาพักกัน ผมพักที่นี่ 1 คืนที่ห้องพรีเมียมดีลักซ์ เตียงแฝดในราคาประมาณ 4,000 บาท พอหารออกมา ก็ตกคนละ 2,000 บาทครับ
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2565
Last Update : 17 ธันวาคม 2565 21:01:50 น.
2 comments
Counter : 1017 Pageviews.