การมาเที่ยวบาน่าฮิลล์ สามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบ one day trip จากเมืองดานัง หรือมาเที่ยวแบบค้างคืนก็ได้ แต่ถ้ามีโอกาส แนะนำให้มาค้างคืนจะดีกว่า เพราะเราจะได้เห็นบรรยากาศศยามเช้าของเมืองในช่วงที่คนจากข้างล่างยังไม่ขึ้นมา ทำให้ถ่ายรูปได้ชิลล์ๆ บวกกับอากาศเย็นๆ ให้อารมณ์เหมือนเรามาเที่ยวอยู่ในยุโรปยุคกลาง
บนบาน่าฮิลล์ มีที่พักเพียงแห่งเดียวนั่นก็คือ Mercure Bana Hill French Village ซึ่งเป็นโรงแรมสี่ดาวในราคาที่ไม่ค่อยย่อมเยาเท่าไหร่ ข้อดีของที่พักนี้คือ ให้อารมณ์เหมือนเรามาพักในปราสาทสไตล์ยุโรป อย่างในรูปนี้คือตึกที่ผมพักครับ
วิธีการขึ้นมาบนบาน่าฮิลล์มีเพียงวิธีเดียวคือ เคเบิ้ลคาร์ (Cable car) สำหรับคนที่ค้างคืน เราต้องนั่งรถมาที่ส่วน Reception ของโรงแรม Mercure Bana Hill French village เพื่อจัดการเช็คอินและซื้อบัตรขึ้นกระเช้าที่นี่ (เป็นคนละที่กับคนที่ขึ้นกระเช้าทั่วไป)
ข้อดีอีกอย่างของการพักที่ Mercure Bana Hill French village ก็คือ เราจะได้บัตรสำหรับขึ้นกระเช้าในราคาพิเศษคือ 400,000 ดอง (คนอื่นจะจ่าย 650,000 ดอง) นอกจากนี้ เราจะได้กระเช้าแบบ private คือมีเฉพาะกลุ่มเราด้วยครับ โดยค่ากระเช้านี้ รวมค่าเครื่องเล่น และค่าเข้าชมส่วนต่างๆบนนี้เกือบทั้งหมดแล้ว (ข้อมูลเก่าแล้วนะครับ ราคาปรับขึ้นแล้ว ใครจะไปเช็คดูอีกทีครับ)
Cable car ที่มีน้ำหนักรวมกันมากที่สุดในโลก (141 ตัน)
อาหารการกินบนบาน่าฮิลล์
ร้านอาหารที่นี่มีอยู่เยอะ แต่ร้านเดียวที่เปิดบนบานาฮิลล์ในช่วงเย็น เป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่ชื่อว่า L’etable bana hill ซึ่งราคาก็ถือว่าแพงในระดับหนึ่งเลย แต่เนื่องจากไม่มีทางเลือกก็เลยต้องกิน TT
ลูกโลกมีตรา Sun World ซึ่งเป็นบริษัทสวนสนุกยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ตั้งอยู่หน้าโรงแรม Mercure ที่เราพัก ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของที่นี่
ไฮไลท์สำคัญของ French Village ก็คือ โบสถ์กลางเมืองที่ชื่อว่า St.Denis Church ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Gothic
สะพานมือ (Golden Bridge)
ถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญที่สุดของทริปนี้และบน Bana Hill เพิ่งสร้างเสร็จไปเมื่อปีที่แล้วนี้เอง (ปี 2018) ทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิต และทำให้เมืองดานังกลายเป็นกระแสขึ้นมาครับ
สะพานแห่งนี้มีความยาว 150 เมตร ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างสถานี Cable car กับสวนฝรั่งเศส
ที่นี่เป็นสวนสนุกในร่มบน Bana Hill เหมาะกับเด็กๆ และวัยรุ่น (แต่แก่ๆก็เล่นได้นะ) ข้างในมีเครื่องเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Tower drop ride, รถบั๊ม, บ้านผีสิง, เกมปีนหน้าผา รวมทั้งสารพัดเครื่องเล่นทั้งแบบ 3D, 4D และ 5D (ทั้งหมดนี้ เราไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกแล้ว สามารถต่อคิวเล่นได้เลยครับ)
ส่วนตัวผมชอบเล่นอันนี้ครับ เค้าเรียกว่า Luge เป็นรถเลื่อนให้เราได้ขับชมวิวสวยๆของ Bana Hill
วัด Lin Chua Linh Tu
เป็นวัดจีนอีกแห่งหนึ่งที่อยู่บนจุดสูงสุดของ Bana Hill ที่ความสูง 1,487 เมตร ที่นี่บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบกว่าวัดหลินอึ้ง (วัดที่มีพระพุทธรูปขาว) และที่สำคัญ ที่นี่ยังมีการประกอบศาสนกิจจริงๆด้วยครับ
อากาศบนนี้เปลี่ยนแปลงค่อนข้างบ่อย สามารถมีทั้งร้อน ฝน และหนาวได้ใน 1 วัน ใครที่จะมา จึงต้องวางแผนการเที่ยวให้ดีๆ เช่น ถ้าเจอฝนก็ให้หลบเข้าไปเที่ยวใน Fantasy park หรือถ้าแดดออก ก็ควรจะออกไปเดินถ่ายรูปเล่นที่ French Village หรือสะพานมือ (Golden bridge)
อยากไปเที่ยวอีกหลายที่
ดูภาพแล้วแปลกตา คงจะเป็นเพราะถ่ายภาพตอนเย็นใช่เปล่า
ครับ