Welcome to my blog
3 วัน 2 คืน ฮอยอัน+หมีเซิน รอยอารยธรรมแห่งอาณาจักรจามปา


สถานที่ท่องเที่ยว : สะพานญี่ปุ่น (Japanese Bridge) เมืองฮอยอัน, Vietnam
พิกัด GPS : 16° 3' 47.09" N 108° 13' 47.21" E


เวียดนามถือเป็นหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน ทำให้ที่นี่มีร่องรอยอารยธรรมจากยุคโบราณปรากฏอยู่มากมายหลายแห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An) ซึ่งผมจะมารีวิวในบล็อกนี้ครับ

รู้จักกับเมืองฮอยอัน (Hoi An)

ฮอยอัน (Hoi An) หรือที่ภาษาเวียดนามออกเสียงว่า โห่ย-อัน เป็นเมืองท่าอยู่บน ปากแม่น้ำทูโบน (Tho Bon river) ตั้งอยู่ในเขต จังหวัดกว๋างนาม (Quang Nam) ทางตอนกลางของประเทศเวียดนาม

ในอดีตฮอยอันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรจามปาเช่นเดียวกับส่วนอื่นๆของเวียดนามกลาง เมืองนี้มีชื่อเดิมว่า ไฮโฟ ต่อมาชาวเวียดนามก็สามารถผนวกภูมิภาคนี้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไดเวียต ฮอยอันจึงทำหน้าที่เป็นเมืองท่าที่สำคัญของเวียดนามในช่วงศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติเข้ามาทำการค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมากทั้งชาวจีน, ชาวญี่ปุ่น, ชาวดัตช์ และชาวอินเดีย บ้านเมืองที่นี่จึงได้รับอิทธิพลจากชาติต่างๆ ผสมผสานจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ ว่ากันว่า ในช่วงพีคที่สุด ฮอยอันเป็นเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกด้วยครับ


ต่อมา แม่น้ำทูโบนเปลี่ยนทิศทางและตื้นเขินลง ฮอยอันจึงค่อยๆถูกลดความสำคัญลง และดานังก็กลายมาเป็นเมืองท่าหลักของภูมิภาคนี้ไปแทน ผู้คนจึงค่อยๆลืมเลือนเรื่องราวของเมืองนี้ไป จนกระทั่ง คาซิเมียซ เควียดโควสกี้ (Kazimierz Kwiatkowski) สถาปนิกชาวโปแลนด์ได้เข้ามาทำการศึกษาประวัติศาสตร์ และทำการผลักดันให้ฮอยอันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี 1999 ทำให้คนฮอยอันสำนึกบุญคุณของท่าน และมีการสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นใจกลางเมืองฮอยอัน พร้อมกับมีการจุดธูปบูชาอยู่เสมอ


ทุกวันนี้ ฮอยอันยังคงเป็นเมืองขนาดเล็กเช่นเดิม แต่ด้วยเสน่ห์ของ เมืองที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสีเหลือง ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือนเป็นจำนวนมาก โดยผู้มาเยือนมักจะมาเยี่ยมชมบ้านเรือนเก่าๆ รวมทั้งร้านค้าขายผลงานทางศิลปะและหัตถกรรม นอกจากนี้ริมฝั่งแม่น้ำยังมีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารเปิดเรียงรายอยู่มากมายซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าใช้บริการ (ฝรั่งหลายคนหลงเสน่ห์เมืองนี้ จนมาอยู่ที่นี่เป็นเดือนๆก็มีครับ)


แผนเที่ยว

วันที่หนึ่ีง
  • เดินทางถึงเมืองฮอยอัน
  • เช็คอินเข้าที่พัก (Hoi An Travel Lodge Hotel)
วันที่สอง
  • เช้า: เที่ยวชมเมืองเก่าฮอยอัน ได้แก่ สะพานญี่ปุ่น (Japanese covered bridge), สมาคมชาวจีนฝูเจี้ยน (Phouc Kien Assembly Hall), สมาคมชาวจีนกวางตุ้ง (Cantonese Assembly Hall), บ้านเลขที่ 101 (101 old house), พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Ceramic Museum)
  • บ่าย: ซื้อทัวร์เที่ยวแหล่งโบราณคดีหมีเซิน (My Son Sanctuary) จากนั้นนั่งเรือชมแม่น้ำทูโบน กลับเข้าตัวเมืองฮอยอัน
วันที่สาม
  • เช็คเอาท์ / เดินทางออกจากเมืองฮอยอัน 

ที่พักในเมืองฮอยอัน

สำหรับที่พักในเมืองฮอยอัน ผมเลือกพักที่ Hoi An travel lodge hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาวครึ่ง อยู่ใกล้กับ Hoi An old town  ข้อดีของที่นี่คือ บรรยากาศดี ทำเลเยี่ยม พนักงานเป็นมิตร

ผมจองห้อง Deluxe แบบ Twin ผ่าน booking ได้ในราคาคืนละ 1,622 บาท หารต่อคนก็ตกคนละ 811 บาทต่อคืนครับ โดยผมพักที่นี่ 2 คืนครับ 

ใครสนใจที่พักนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://hoiantravellodge.com/


วันที่หนึ่ง

ทริปนี้ผมเริ่มต้นจากเมืองดานังครับ โดยผมได้ติดต่อเช่ารถจาก klook ให้มาส่งที่เมืองฮอยอัน แต่ถ้าใครไม่ได้เช่ารถ ก็สามารถเรียก grab จากเมืองดานัง บานาฮิลล์ หรือสนามบินดานังก็ได้ โดยค่ารถจะอยู่ที่ 400,000 ถึง 600,000 ดอง

 
 
 
การใช้ grab ในเมืองใหญ่ของเวียดนาม รวมทั้งในเมืองท่องเที่ยว เราสามารถใช้ app เดียวกับที่ใช้กดเรียก grab ในประเทศไทยได้เลยครับ

ข้อควรระวัง: ระหว่างเดินเที่ยวอยู่ อาจจะมีคนอ้างตัวว่าตัวเองเป็นคนขับ grab หรือ Uber อย่าหลงเชื่อนะครับ ส่วนใหญ่หลอกลวง ให้เลือกขึ้นเฉพาะรถที่เรากดเรียกมาจาก app ในโทรศัพท์มือถือของเราเท่านั้นครับ (เช็คได้จากทะเบียนรถที่มารับว่า ตรงกับในแอปหรือเปล่า)

วันที่สอง

วันนี้เป็นวันเที่ยวครับ โดยในช่วงเช้า เราจะเดินเที่ยวใน ย่านเมืองเก่าของฮอยอัน (Hoi An old town) ก่อนที่ช่วงบ่ายจะซื้อทัวร์ไปเที่ยวที่ แหล่งโบราณคดีหมีเซิน (My son sanctuary) 

สำหรับบริเวณเมืองเก่าฮอยอันซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆไม่ได้มีขนาดใหญ่โต เราจึงสามารถเดินชมทั้งเมืองได้อย่างชิลล์ๆครับ หรือถ้าใครขี้เกียจก็สามารถเช่าจักรยานปั่นได้ สิ่งที่ต้องระวังคือ พวกรถมอเตอร์ไซค์ จักรยาน และสามล้อ รวมทั้งมิจฉาชีพต่างๆ ที่อาจล้วงกระเป๋าเวลาที่คนเยอะๆได้ครับ


ตั๋วชมเมืองเก่าฮอยอัน

สถานที่เกือบทั้งหมดในเขตเมืองเก่าฮอยอันจะต้องเสียค่าเข้าชม โดยเราสามารถซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างในเมืองฮอยอันได้จากเคาน์เตอร์ขายตั๋วซึ่งมีอยู่ทั่วทั้งเมืองแบบนี้ครับ 


ในตั๋ว 1 ใบ จะประกอบไปด้วยคูปอง 5 ใบ (ทางด้านขวาของตั๋ว) โดยคูปอง 1 ใบสามารถใช้เยี่ยมชมได้ 1 สถานที่ ดังนั้นในการซื้อตั๋ว 1 ครั้ง เราจึงสามารถเข้าชมได้ 5 สถานที่นั่นเอง (แนะนำให้เข้าชม 5 สถานที่ๆผมจะกล่าวถึงต่อไปนี้ เพราะถือเป็นที่เที่ยวยอดฮิตของเมืองนี้แล้ว)


สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเก่าฮอยอัน

1. สะพานญี่ปุ่น (Japanese Covered Bridge)

มีชื่อในภาษาเวียดนามว่า จั่วเกิ่ว (Chua Cau) สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมระหว่างชุมชนชาวจีนและชุมชนชาวญี่ปุ่น ในปี ค.ศ.1593


ความน่าสนใจของสะพานนี้คือ บริเวณปลายสะพานจะมีรูปปั้น ลิงถือลูกท้อ กับ สุนัข ซึ่งที่มาก็ยังเป็นที่ถกเถียง บ้างก็ว่า เพราะจักรพรรดิญี่ปุ่นหลายองค์ประสูติในปีวอกและปีจอ แต่บ้างก็ว่า เพราะสะพานนี้เริ่มสร้างในปีวอก และแล้วเสร็จในปีจอต่างหาก


2. บ้านเลขที่ 101 (The Old house Tan Ky)

เป็นบ้านไม้เก่าของคหบดีชาวเมืองฮอยอันตระกูล Tan Ky มีอายุยาวนานถึง 270 ปี และมีสมาชิกในครอบครัวสืบทอดกันมาถึง 7 รุ่น (ปัจจุบัน บ้านนี้ก็ยังคงมีคนอาศัยอยู่บนชั้นสอง)

 


บ้านนี้มีสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันถึง 3 ชาติ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และ เวียดนาม สิ่งที่น่าสนใจของบ้านหลังนี้คือ บ้านนี้จะยาวมากตั้งแต่แม่น้ำไปจรดถนนอีกฝั่งหนึ่ง เนื่องจากในอดีต บ้านนี้ยังเป็นร้านค้า ดังนั้น สินค้าที่ขนส่งมาทางน้ำจะถูกนำเข้ามาทางหลังบ้านเพื่อนำมาขายยังหน้าบ้านที่อยู่ติดกับถนน


บ้านหลังนี้เคยโดนน้ำท่วมมาแล้วหลายครั้ง สิ่งที่น่าสนใจคือ ภายในบ้านจะมีป้ายบอกระดับน้ำ ว่าแต่ละปีน้ำท่วมถึงแค่ไหน ปีที่ท่วมหนักที่สุดคือ เดือนตุลาคม ปี ค.ศ 1964 ที่น้ำท่วมเกือบถึงชั้นสองของบ้านครับ 


3. ศาลาประชาคมชาวจีน (All Chinese Assembly hall)

เป็นสมาคมชาวจีนที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองฮอยอัน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1792 ในอดีตถือเป็นจุดศูนย์รวมของพ่อค้าชาวจีนที่อพยพเข้ามาค้าขายในเมืองนี้ ตอนหลังมีการสร้างวัดที่ข้างในและอัญเชิญ เจ้าแม่ทับทิม, เทพเจ้าตาทิพย์ และ เทพเจ้าหูทิพย์ ให้ชาวเรือสักการบูชาก่อนออกทะเล

 

4. ศาลเจ้าเฟื้อกเกี๊ยน (Phouc Kien Shrine)

ตั้งอยู่ภายในศาลาประชาคมชาวฝูเจี้ยน (Fujian Chinese Assembly Hall) เป็นที่ประดิษฐานของ เจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของชาวจีน


ภายในมีภาพแกะสลักเป็นเรื่องราวของสามก๊กครับ


ไฮไลต์อีกอย่างหนึ่งของสถานที่แห่งนี้ คือ รูปปั้นมังกรในสระน้ำ ที่ปั้นได้อ่อนช้อยแต่ดูแข็งแรง มีการประดับเกล็ดมังกรด้วยชิ้นกระเบื้องและแก้วอย่างงดงาม
 

5. พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Ceramic Museum)

เนื่องจากในอดีต ฮอยอันเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการค้าเซรามิกที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านเล็กๆอายุกว่า 80 ปีแห่งนี้จึงถูกดัดแปลงเพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุที่ทำจากเซรามิกทั้งถ้วย ชาม และเครื่องใช้โบราณต่างๆครับ

 
 
 

นอกจากที่เมืองเก่าฮอยอันแล้ว ในแถบเวียดนามกลางยังมีมรดกโลกอีกหนึ่งแห่ง ที่คนไทยส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญ และไม่ค่อยแวะเที่ยวที่นี่กัน แต่สำหรับผมที่ชอบประวัติศาสตร์และเมืองเก่าๆ คงจะข้ามที่นี่ไปไม่ได้จริงๆ ผมเลยใช้เวลาในช่วงบ่ายของทริปในวันที่สาม ไปเที่ยวชมโบราณสถานแห่งนี้ครับ 

ก่อนที่จะมาทำความรู้จักกับที่นี่ ผมขอเท้าความเกี่ยวกับ อาณาจักรจามปา (Champa Kingdom) ที่ผมมักจะกล่าวถึงในรีวิวชุดนี้อยู่บ่อยๆกันซะหน่อย

อาณาจักรจามปา (Champa Kingdom)

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 1 พันปีก่อน บริเวณที่เป็นเวียดนามกลางและเวียดนามใต้ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นของชาวเวียดนาม แต่มีอาณาจักรอิสระที่ชื่อว่า อาณาจักรจามปา (Champa Kingdom)

 

อาณาจักรจามปาก่อตั้งขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.192 แต่รุ่งเรืองถึงขีดสุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-10 ความน่าสนใจของอาณาจักรนี้คือ ที่นี่เป็นอาณาจักรฮินดู เช่นเดียวกับอาณาจักรขอม เราจึงได้เห็นแหล่งโบราณสถานมากมายที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกับนครวัดของประเทศกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็น แหล่งโบราณคดีหมีเซิน (My Son Sanctuary) ใกล้กับเมืองฮอยอัน, ปราสาทโพนคร (Po Nagar Cham Tower) ในเมืองญาจาง (Nha Trang) และ ซากโบราณสถานของเมืองปัณฑุรังคะ (Panduranga) ที่นครฟานซาง-ท้าปจาม (Phan Rang - Tháp Chàm) อย่างไรก็ตาม เมื่อศาสนาอิสลามได้เผยแพร่เข้ามาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวจามก็ค่อยๆเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม จนมาถึงปัจจุบันชาวจามส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายซุนหนี่ แต่ก็ยังมีชาวจามบางส่วนยังคงนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู รวมทั้งศาสนาพุทธอีกด้วย


อาณาจักรจามปาค่อยๆตกต่ำลงเนื่องจากการทำสงครามกับอาณาจักรใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรขอม และอาณาจักรไดเวียดของชาวเวียดนาม จนในที่สุดอาณาจักรจามปาได้ล่มสลายลงในปี ค.ศ.1491 และได้ถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเวียดนามอย่างสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1832 ชาวจามส่วนหนึ่งจึงได้อพยพลี้ภัยสงครามเข้ามาในประเทศไทย รัชกาลที่ 1 จึงทรงพระราชทานที่ดินที่ ชุมชนบ้านครัว ในเขตปทุมวันให้เป็นที่อยู่ของชาวจามมาจนถึงปัจจุบัน

แหล่งโบราณสถานหมีเซิน (My Son Sanctuary)

ซากโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรจามปามีหลายแห่งครับ แต่ที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญมากที่สุดก็คือ แหล่งโบราณสถานหมีเซิน (My Son Sanctuary) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1999


ปราสาทหมีเซินเป็นโบราณสถานที่อยู่ในจังหวัดกว๋างนาม ใกล้ๆกับเมืองดานังและเมืองฮอยอันในภูมิภาคเวียดนามกลาง สร้างด้วยศิลปะจามโบราณในสมัยศตวรรษที่ 4 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 ประกอบด้วยปราสาททั้งหมด 73 หลัง ล้อมรอบด้วย เขาฟันแมว (Cat’s Tooth Mountain) และมีธารน้ำจากเทือกเขาไหลผ่าน จึงถือว่าเป็นทำเลที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการสร้างศาสนสถานสำหรับการบูชาพระศิวะตามความเชื่อของศาสนาฮินดู อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามเวียดนาม ทหารเวียดนามได้ใช้ปราสาทหมีเซินเป็นกองบัญชาการ ฝ่ายอเมริกันจึงได้นำเครื่องบินทิ้งระเบิดบริเวณนี้ โบราณสถานจำนวนมากถูกทำลาย ทำให้ปัจจุบันเหลือปราสาทเพียง 22 หลัง


หมีเซินเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ของอาณาจักรจามปา โดยเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์ประจำอาณาจักร ที่ชื่อว่า ภัทเรศวร ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 - ศตวรรษที่ 15 ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 900 ปี ทำให้โบราณสถานแห่งนี้เป็นที่รวบรวมลักษณะทางด้านศิลปกรรมที่หลากหลาย และจัดเป็น กลุ่มโบราณสถานในศาสนาฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในอินโดจีน

แหล่งโบราณสถานหมี่เซินอยู่ไม่ไกลจากเมืองดานังและฮอยอัน เราจึงสามารถเหมา Taxi หรือ Grab มาชมที่นี่ได้ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 800,000-1,100,000 ดอง (ประมาณ 1,000 ถึง 1,200 บาท)

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมซื้อทัวร์จากเมืองฮอยอันมาเที่ยวที่นี่มากกว่าครับ เพราะราคาถูกกว่า และภายในเมืองฮอยอันก็มีหลายบริษัทที่รับจัดทัวร์มาที่หมี่เซิน แต่สำหรับทริปนี้ผมเลือกจองผ่าน My son tour ซึ่งเป็นทัวร์แบบ private tour ครึ่งวัน ซึ่งคิดราคาอยู่ที่คนละ 35 USD หรือประมาณ 1,000 ต่อคน โดยราคานี้จะรวมค่ารถรับส่งจากโรงแรม, ไกด์, ค่าอาหาร และค่าเรือที่ใช้ล่องกลับเมืองฮอยอัน (ยกเว้นค่าตั๋วเข้าชมอีก 150,000 ดอง หรือประมาณ 200 บาทซึ่งเราต้องจ่ายเอง)



ถ้าใครสนใจ เข้าไปดูรายละเอียดและจองทัวร์ได้ที่นี่ครับ
https://www.mysontours.com/lang-en/i100/tours/my-son-private-tour-departure-from-hoi-an-or-da-nang-city.html

ทัวร์มารับเราที่โรงแรมเราตรงเวลาตอนบ่ายโมงครับ จากเมืองเก่าฮอยอัน จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ก็มาถึงที่หมีเซิน


เมื่อถึงหมี่เซิน อันดับแรกเราต้องจ่ายค่าเข้าชมซึ่งยังไม่ได้รวมกับค่าทัวร์ในราคาคนละ 150,000 ดอง


ก่อนเข้าชมซากโบราณสถาน คุณไกด์ของเราก็พาเราไปชมพิพิธภัณฑ์เล็กๆที่บอกเรื่องราวเกี่ยวกับการขุดค้นและโบราณวัตถุบางชิ้นที่พบเจอได้ในบริเวณนี้


จากนั้นก็นั่งรถฟรีของทางอุทยานเข้าไปยังตัวปราสาท


ภายในแหล่งโบราณคดีหมี่เซินมีการจัดจำแนกซากโบราณสถานออกเป็น 10 กลุ่ม โดยใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นสัญลักษณ์ในการจัดจำแนก แบ่งเป็น แหล่ง A ไปจนถึง แหล่ง L ครับ (สำหรับทัวร์นี้ เราจะได้ชมทุกแหล่ง ยกเว้นแหล่ง H, K และ L ซึ่งอยู่แยกออกไป)


ระหว่างทางเราก็จะเจอกับหลุมระเบิดจากสงครามเวียดนามอยู่เต็มไปหมด แต่ระเบิดน่าจะถูกเก็บกู้หมดแล้วครับ เดินได้ปลอดภัย (ถ้าเดินไปในเส้นทางที่เค้าจัดไว้ให้)


อันนี้เป็นซากโบราณสถานบางส่วนครับ จริงๆพังไปเยอะ แต่ทางการเวียดนามก็พยายามบูรณะ โดยได้เงินทุนมาจากองค์การยูเนสโก้ และเงินจากรัฐบาลเวียดนามเอง เป็นที่น่าสังเกตว่า ทางการอินเดียก็เข้ามาร่วมในการบูรณะครั้งนี้ด้วย อาจจะเป็นเพราะมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับศิลปะฮินดู

 


 

อันนี้เป็นศิลาจารึกภาษาจามครับ ปัจจุบัน ไม่มีใครอ่านออกแล้ว แต่ก็มีความพยายามแกะกันอยู่


หลังชมซากปราสาทเสร็จ เรายังได้มี การแสดงอัปสรา (Traditional Apsara Dance) ซึ่งเป็นการแสดงของชาวจามให้เราได้ดูกันด้วยครับ (ข้อดีของทัวร์นี้คือ เค้าจะช่วยคุมเวลาให้เรา จะได้ไม่พลาดชมการแสดงดีๆแบบนี้)

หลังจากชมหมี่เซินเสร็จ เราก็เดินทางต่อไปยังท่าเรือเพื่อล่องเรือกลับตัวเมืองฮอยอัน

 

ทัวร์นี้ยังรวมอาหารด้วยครับ เราได้ชิมเฝอท้องถิ่นซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่า คุณไกด์ไปหามาจากที่ไหน แต่อร่อยมากครับ


เวลาประมาณ 17.30 น. เราก็ล่องเรือกลับมาถึงเมืองฮอยอัน จากนั้นรถก็มารับเรากลับถึงโรงแรม เป็นการจบทริปครึ่งวันที่หมีเซินอย่างประทับใจครับ

สีสันยามค่ำคืนที่ย่านเมืองเก่าฮอยอัน

ข้อดีของการมาค้างคืนที่ฮอยอันก็คือ เราจะได้ชมสีสันยามค่ำคืนที่เมืองฮอยอัน (หลายๆคนบอกว่าสวยกว่าในช่วงกลางวัน) หนึ่งในไฮไลท์ที่สำคัญของเมืองฮอยอันก็คือ เทศกาลโคมไฟ (Full Moon Lantern Festival) ซึ่งเดิมทีจะจัดขึ้นเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทางการเมืองฮอยอันจะมีการประดับโคมไฟทุกคืนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เราจึงสามารถมาชมความงดงามของโคมไฟได้ทุกคืนเลยครับ 


ทุกๆบ้านและร้านค้า จะพร้อมใจกันประดับโคมไฟหลากสีสันอย่างสวยงาม (ขอเตือนว่า อย่าไปถ่ายรูปโคมไฟส่งเดชนะ บางร้านคิดเงิน โดยเฉพาะร้านที่มีโคมไฟสวยๆ)




นอกจากจะมีเทศกาลโคมไฟแล้ว ก็ยังมีกิจกรรม การลอยกระทงกระดาษ ซึ่งเดิมทีจะจัดเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง แต่ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อและลอยกระทงได้ทุกวันเลยครับ

ข้อควรระวัง: ควรจ่ายเงินค่ากระทงให้เรียบร้อยก่อนนำไปลอย เพราะมีหลายคน เอากระทงมาลอยก่อน แล้วโดนแม่ค้าขายกระทงโก่งราคากระทงจนแพงเวอร์ ต้องระวังครับ


สิ่งหนึ่งที่ผมพลาดไปตอนไปเที่ยวฮอยอันก็คือ การแสดงโชว์ Hoi AN Memmories ซึ่งเป็นการแสดงแสงสีเสียงกลางแม่น้ำทูโบนที่ไหลผ่านกลางเมืองฮอยอันครับ พอดีเพิ่งไปเห็นคลิปตัวอย่างการแสดงมา แล้วรู้สึกว่าน่าดูมาก แต่ยังไม่มีโอกาสกลับไปที่ฮอยอันอีกรอบ ถ้าใครไปฮอยอันอย่าลืมไปดูกันนะครับ
 

สำหรับทริปเวียดนามกลางที่เมืองเก่าฮอยอัน และแหล่งโบราณคดีหมี่เซินก็ขอจบเพียงเท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่จะวางแผนไปเที่ยวเวียดนามกลาง ส่วนใครที่สนใจข้อมูลทางประวัติศาสตร์ลึกๆของทั้งฮอยอัน และหมีเซิน ผมขอฝากรายการประวัติศาสตร์นอกตำรา ไว้ที่คลิปด้านล่างนี้ครับ 
 

บล็อกอื่นที่เกี่ยวข้อง



Create Date : 12 พฤษภาคม 2563
Last Update : 1 ธันวาคม 2566 22:49:13 น. 8 comments
Counter : 21755 Pageviews.

 
เขียนเลาได้ดี น่าอ่านครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 14 พฤษภาคม 2563 เวลา:11:24:35 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 14 พฤษภาคม 2563 เวลา:22:06:56 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 16 พฤษภาคม 2563 เวลา:3:05:46 น.  

 
ยินดีครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 16 พฤษภาคม 2563 เวลา:23:55:43 น.  

 
เจ้าสำนักคันฉ่องวารี Travel Blog ดู Blog
ขอบคุณที่พาไปเที่ยวจ้า สงสัย จขบ.
จะชอบเรื่องสามก๊กมากๆ แน่



โดย: หอมกร วันที่: 17 พฤษภาคม 2563 เวลา:21:03:04 น.  

 
ใช่แล้วครับ ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยมชมครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 17 พฤษภาคม 2563 เวลา:22:22:03 น.  

 
ดีครับ อ่านสนุก เข้าใจง่าย


โดย: เทียน หล่อศิริรัตนากุล IP: 171.5.172.99 วันที่: 6 เมษายน 2566 เวลา:10:56:09 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: เจ้าสำนักคันฉ่องวารี วันที่: 30 พฤษภาคม 2566 เวลา:21:30:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจ้าสำนักคันฉ่องวารี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ชอบท่องเที่ยว สนใจประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และการเมืองระหว่างประเทศ

Blog นี้จะใช้เขียนความทรงจำในการเดินทาง และวิธีการเดินทางอย่างละเอียด เผื่อใครจะมาตามรอย หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

ถ้าชอบ blog เนื้อหาประมาณนี้ ฝากกดติดตามด้วยนะครับ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เจ้าสำนักคันฉ่องวารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.