Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
ทอดกฐินแดน"พุทธภูมิ" ดูสงฆ์ไทยฟื้น"พุทธศาสนา"

โดย เสาวรส รณเกียรติ


*ในฐานะพุทธศาสนิกชน ถือว่าเป็นความโชคดี 2 เด้งทีเดียว ที่ได้เดินทางไปประเทศอินเดีย โดยความอนุเคราะห์ของ กระทรวงการต่างประเทศ

เพราะนอกจากจะได้เข้าร่วมงาน "พระกฐินพระราชทาน" แล้ว

     งานพระกฐินครั้งนี้ยังจัดขึ้นที่ "พุทธคยา" ดินแดนอันเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนาอีกด้วย

ปีนี้ นายเตช บุนนาค ผู้ช่วยเลขาธิการสภากาชาดไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานถวายที่ "วัดไทยพุทธคยา" เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา

     ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2547 กระทรวงการต่างประเทศก็เคยขอพระราชทานผ้าพระกฐินเพื่อมาทอดที่วัดไทยพุทธคยาแห่งนี้ครั้งหนึ่งแล้ว

"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริผ่านกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี 2538 ว่าทรงอยากเห็นพุทธศาสนาเถรวาท มีความปึกแผ่นเช่นเดียวกับศาสนาบางศาสนา"

"กระทรวงการต่างประเทศจึงสนองพระราชดำริ ด้วยการอัญเชิญผ้าพระกฐินไปถวายวัดในประเทศที่นับถือพุทธสายเถรวาทเท่านั้น เช่น ลาว ลังกา กัมพูชา เป็นต้น ซึ่งรวมถึงวัดไทยในประเทศอินเดียด้วย

สำหรับปีนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานรวม 11 วัด ใน 10 ประเทศ รวมถึงมาเลเซียมี 2 วัด ซึ่งเป็นวัดที่มีชุมชนคนไทยพุทธอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขกับชาวมุสลิมในมาเลย์มานาน" นายเตชเล่าถึงโครงการพระกฐินพระราชทานของกระทรวงการต่างประเทศ

ที่วัดไทยพุทธคยา คณะจากประเทศไทย ได้เข้ากราบนมัสการ พระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโล) เจ้าอาวาส วัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย


*ด้วยวัย 80 ปี พรรษาที่ 60 พระเทพโพธิวิเทศ ดูแข็งแรง นั่งหลังตรงสนทนากับนายเตช บุนนาค และคณะ ด้วยความเมตตา สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมเล่าให้ฟังว่า พระพุทธศาสนาที่แทบจะสูญหายไปจากดินแดนพุทธภูมิแห่งนี้ เริ่มเจริญขึ้นรวดเร็วมาก แต่ละปีมีชาวพุทธจากทั่วโลกเดินทางมาพุทธคยาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะคนไทย ที่พบเห็นแทบทุกวันและทุกฤดู (ปกติชาวพุทธมักจะเดินทางไปพุทธคยาช่วงหน้าหนาว เนื่องจากหน้าร้อนอากาศร้อนมาก)

     พระเทพโพธิวิเทศ ถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญอีกองค์หนึ่งในการสืบทอดการฟื้นฟู และเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนพุทธภูมิแห่งนี้

เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อ 51 ปีที่แล้ว หรือปี พ.ศ.2500 ระหว่างที่เริ่มมีการก่อสร้างวัดไทยพุทธคยานั้น

"พุทธคยา" คือชนบทห่างไกลจากความเจริญมาก ผู้คนมีจำนวนไม่มาก และฐานะยากจน ถนนหนทางเป็นถนนดินเต็มไปด้วยฝุ่น

พระธรรมทูตจากไทยชุดแรกต้องอยู่กันด้วยความยากลำบาก และอดทนต่อสภาพอากาศในหน้าร้อน ที่ร้อนมาก อุณหภูมิสูงถึง 47-48 องศาเซลเซียส

     แต่คณะสงฆ์ไทยก็สามารถฝ่าฟันความยากลำบากนั้นมาได้ พร้อมๆ กับการสร้างความสัมพันธ์กับชาวบ้านที่มีบ้านเรือนตั้งอยู่ใกล้เคียงกับวัดไทยพุทธคยา ทั้งการแจกขนมหวานกับเด็กๆ ไปจนถึงการแจกยา

จนปัจจุบัน วัดไทยพุทธคยามีโครงการที่จะก่อสร้างสถานพยาบาลไว้สำหรับดูแลรักษาชาวบ้านแถบนั้น ที่ยังมีปัญหาขาดแคลนยาและสถานพยาบาล ไม่แตกต่างจากเมื่อ 50 ปีที่แล้ว

ทำให้วัดไทยพุทธคยาเป็นที่รู้จักอย่างดีของคนท้องถิ่นที่นั่น

*อย่างไรก็ตาม ในการฟื้นฟูและเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนพุทธภูมิแห่งนี้ พระสงฆ์ไทยก็ยังต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่นในดินแดนแห่งนี้

     จากข้อมูลที่ทราบ คนอินเดียเริ่มหันมาสนใจและศรัทธาที่จะนับถือศาสนาพุทธมากขึ้น ยิ่งได้มาเห็นชาวพุทธที่หลั่งไหลจากทั่วโลกไปยัง "พุทธคยา" รวมทั้งสังเวชนียสถานอื่นๆ

มีทั้งคนไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ศรีลังกา โดยเฉพาะที่ "พุทธคยา" ที่พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลไปกราบไหวต้นโพธิ์ และแท่นวัชรอาสน์ สถานที่องค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า "ตรัสรู้" ก็ยิ่งทำให้คนท้องถิ่นในคยาหรือคนอินเดียในแถบอื่นๆ เริ่มได้คิดว่า พุทธศาสนาจะต้องมีดีบ้าง ไม่เช่นนั้นใครจะลงทุนลงแรงเดินทางมายังดินแดนอันทุรกันดารแห่งนี้

     แต่แม้จะสนใจหรือศรัทธาแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถแสดงตัว หรือเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธได้อย่างเต็มตัว เนื่องจากการเปลี่ยนศาสนาจะทำให้ไม่ได้สิทธิพิเศษต่างๆ เช่น ภาษี หรือการศึกษา เหมือนเดิม

แต่ก็ดูเหมือนว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้พระสงฆ์ไทยหรือพระสงฆ์จากประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น ทิเบต ภูฏาน ลาว พม่า ที่มาสร้างวัดไว้รอบพุทธคยา และเมืองอื่นๆ ย่อท้อ หรือถอดใจ

หลายเรื่อง หลายประสบการณ์ ที่ได้ฟังแล้ว อดที่จะร่วมอนุโมทนากับความเพียรของพระสงฆ์ไทยไม่ได้ อย่างเช่น พระมหาพัน สุภาจาโร เจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทา ที่กรุงราชคฤห์ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไทยนาลันทา เมื่อเดือนกรกฎาคม 2551 ก่อนเข้าพรรษาปีนี้ไม่นาน

แต่สามารถปรับปรุงวัดไทยนาลันทา ที่ถูกปล่อยร้างมาระยะหนึ่ง ให้กลายเป็นวัดที่ร่มรื่น เหมาะแก่การศึกษาธรรม

     ที่สำคัญคือ พระมหาพันได้นำพระ 11 รูปในวัดออกบิณฑบาตทุกวัน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ง่ายนักในดินแดนแห่งนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่แต่ละวัดจะมีญาติโยมคอยทำอาหารถวายพระ

พระมหาพันเล่าว่า วันแรกของการบิณฑบาตได้เพียง "จาปาตี" เพียง 2 แผ่น แม้จะมีบางบ้านนิมนต์เข้าไปในบ้าน แต่ก็เพียงถวายน้ำชา

แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้น พระแต่ละรูปก็บิณฑบาตได้อาหารเต็มบาตร บางคนมี "จาปาตี" เพียงแผ่นเดียว แต่ก็บิใส่บาตรให้ครบทุกรูป

ยิ่งวันออกพรรษา ที่มีการจัดตักบาตรเทโว ปรากฏว่ามีคนอินเดียมารอใส่บาตรเป็นจำนวนมาก

พระมหาพันบอกว่า ถึงเวลานี้แต่ละวัน พระแต่ละรูปจะออกบิณฑบาตเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร อาหารที่บิณฑบาตได้นั้นเพียงพอที่จะเลี้ยงคนงานในวัดได้อีกด้วย

และในพรรษาหน้า ท่านมีโครงการที่จะให้คนอินเดียมาทำบุญที่วัด ทุกวันพระอีกด้วย เห็นความเปลี่ยนแปลงของพุทธศาสนาที่เคยเกือบจะสูญสิ้นในดินแดนพุทธภูมิแห่งนี้แล้ว ทำให้หวนรำลึกถึงพระเทพโพธิวิเทศ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ที่ปรารภขึ้นว่า

"พุทธศาสนาในดินแดนนี้เจริญขึ้นมาก จนทำให้คิดว่า พุทธศาสนามีแนวโน้มที่จะกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง"


สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน

ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนรายวัน 4 พฤศจิกายน 2551 หน้า 23

H O M E



Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 13:52:43 น. 0 comments
Counter : 1112 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.