เปลี่ยน...เถอะขอร้อง!! ตะพาบ กม.33
โจทย์ตะพาบครั้งที่ 33 ครั้งนี้ เนื้อความจากเจ้าของโจทย์ บอกมาดังนี้
โจทย์ครั้งต่อไป ตะพาบ กม.33
... ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนอะไรได้ 1 สิ่ง ... . . นี่เป็นโจทย์ของครั้งหน้าค่ะ ... จะเขียนออกมาเป็นการ์ตูน ความเรียง กลอน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ถนัด ได้หมดค่ะขอแค่ให้คง กับธีมไม่หลุดเท่านั้นเองก็ถือว่าร่วมสนุกกันได้แล้วล่ะค่ะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง...
คืนวันที่ 31 พ.ค. 54
เสียงแอร์ดัง ครืน..ครืน ส่งเสียงน่ารำคาญเหมือนแอร์เก่าอายุ 5ปี 10ปี ทั้งๆที่ใช้งานมาไม่ถึง1ปี ช่างสร้างความหงุดหงิดและงุ่นง่านกับตัวผมได้อย่างเหลือเชื่อ ภายในห้องเล็กๆสลัวๆมีคนอาศัยอยู่ทั้งสิ้น 3คน โน๊ตบุ๊ค3เครื่อง และอยู่กัน3มุม ต่างคนต่างสร้างโลกส่วนตัวของตนขึ้น ดูซีรีย์บ้าง ทำงานบ้าง เช็คข่าวบ้าง จนบางคร้ังผมคิดว่าจะเอาคอมพิวเตอร์ของทุกคนไปซ่อนเพื่อจะได้ทำอย่างอื่นกันซะบ้าง ที่มันต่างออกไป...แต่ผมจะใช้อะไรเขียนบล๊อคล่ะ!? คิดได้อย่างนั้นผมก็ชะลอแผนการนั้นไว้ก่อนเพื่อรอโอกาสที่เหมาะสมต่อไป เสียงโทรทัศน์รายงานข่าวการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้...ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ฯลฯ เอาเถอะครับถึงเวลาผมจะตัดสินใจ "กา" ของผมเอง... วันที่ 1 มิ.ย. 54
ผมยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือที่กองเต็มไปด้วยหนังสือ นั่งอ่านเรื่องราวที่จะอัพบล็อคคราวนี้ โจทย์ตะพาบกม.ที่33 (วันที่ 1 มิ.ย.54) ซึ่งคราวนี้ผมเตรียมตัวมาอย่างดี นั่งเตรียมเรื่องเตรียมราวล่วงหน้าผูกโยงตัวละคร หามุมหาเหลี่ยมให้เรื่องราวสนุกและวาดฝันว่าจะเขียนให้ได้บ่อยครั้งขึ้น...
เลยเวลานอนปกติของผมมามากแล้ว ผมคิดในใจพร้อมหาวโชว์ตัวเองเพื่อยืนยันความคิดนั้น เรื่องที่เตรียมไว้ก็เรียบร้อย ผมตัดสินใจเดินลงมาชั้นล่างเพื่อเข้าห้องน้ำก่อนนอน(ทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัยไม่ว่าจะดึกแค่ไหน) ย้อนกลับไปสมัยที่ความกลัวยังแพร่ระบาดอยู่ทั่วทุกหย่อม...เอ่อ...ทุกหย่อมของเลือด...ในจิตในใจผม ช่วงเวลาที่ต้องเข้าห้องนำ้ก่อนนอนจะเป็นอะไรที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรงมากเหมือนได้เข้าบ้านผีสิงที่บ้านตัวเองก่อนนอนทุกคืน ครับทุกคร้ังที่ลงมาช้ันล่าง ผมจะต้องเหลียวหลังไปมองมุมห้อง โซนที่นั่งดูโทรทัศน์ของครอบครัว ซึ่งเป็นมุมที่มักจะมีคนน่ังอยู่ประจำ แต่ดึกขนาดนั้นย่อมไม่มีใคร ผมเคยพยายามไม่่เหลียวไปมองนั่นทำให้ผมยิ่งกลัว...กลัวมากกว่าเดิม เพราะผมจะแน่ใจว่ามีคนหรือ อะไรอะไร อยู่ตรงน้ันแน่ๆ จนกระทั่งเหลียวไปดูนั่นแหล่ะค่อยถอนหายใจว่าไม่มีแต่ก็ขนลุกซู่ไปแล้ว! ก็ใครจะมานั่งมืดๆเงียบๆคนเดียวกลางดึกล่ะ ... แม้ปัจจุบัน ความกลัวเหล่านั้นจะหายไปหมดแล้ว (ก็มันบ้านผมเองนิ!) แต่ผมก็จะต้องเหลียวไปมองทุกครั้งเพื่อยืนยันกับตัวเองว่า...ไม่มีใครอยู่แน่ๆ เช่นเดิมเหมือนทุกคืนผมก้าวลงบันไดมาพร้อมกับเหลียวหน้ากลับหลังไปมองและหันกลับมา เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่ผมคิดว่าเป็นเหมือนปกติ จากนั้นเมื่อสมองแปลภาพที่เห็นเมื่อครู่ออกมาอย่างสลัวๆแล้ว ผมหยุดกึก..ในทันใด! ขนคอด้านหลังลุกซู่ขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ สมองรีบนึกทบทวนวนไปวนมาอย่างรวดเร็ว ใครบ้างจะลงมานั่งอยู่ตรงนั้นเวลานี้...แทบจะทันทีกับการตั้งคำถามสมองผมตอบว่า..ไม่มี!! หรือว่า...ผมรีบรวบรวมความกล้าที่กำลังลดน้อยลงอย่างน่าใจหาย และหันหลังกลับไปมองที่ม้านั่งไม้ตัวยาวตัวนั้น เงาคนนั่งอยู่...ผี! สมองผมแปลความหมายอย่างนั้น ผมยืนตัวแข็งอยู่กับที่ (พยายามนึกย้อนกลับไปแต่ก็นึกไม่ออกว่ายืนแข็งอยู่นานแค่ไหน) และจำได้เพียงว่าสมองผมพยายามส่ังการขาและแขนให้รีบกระโจนขึ้นบันไดไปให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็เป็นลมไปเลยเพราะเคยอ่านเจอว่าเป็นกลไกป้องกันตัวชนิดหนึ่ง แต่แปลกที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่อย่างเดียว... ในที่สุด...ซึ่งไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ เงามืดนั้นก็ค่อยๆลุกขึ่้นยืน ใช่ครับ ยืน! สมองผมรีบประมวลผลว่า ผีมันไม่มีขานิ! แต่นั้นเราดูจากหนังนะ บ้างเรื่องก็มีบ้างเรื่องก็ไม่ จริงๆเป็นยังไงวะ!? ความคิดผมผ่านมาและผ่านไปเหมือนสายลม ยิ่งทำให้ผมหนาว... สิ่งที่ผมเห็นเพียงเป็นเงาคนในความมืด ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย สูงประมาณเดียวกับผม หุ่นใกล้เคียงกัน และ...และนั่น!! สิ่งนั้นกำลังก้าวขามาแล้ว เงานั้นค่อยๆเดินออกมาจากเก้าอี้ เดินมายังจุดที่ผมยืนอยู่จากจุดที่มืดสลัวๆก็กำลังจะเดินมายังจุดที่สว่างกว่า และ...และเมื่อผมเห็นหน้าตาของเงานั้นผมหนาวจนรู้สึกเลือดในตัวผมแทบแข็ง หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากหน้าอก เพราะหน้าตาที่ผมเห็นจากเงานั้นเหมือนกับหน้าตาผมทุกอย่าง!! ผมงงไปชั่วขณะและมองไปยังส่ิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยกเว้นเสี้อผ้าที่ใส่นอกนั้นเรียกว่าแทบจะเหมือนส่องกระจกเลยทีเดียว (แต่คิดดูดีๆผมว่าตัวผมหล่อกว่านิดหน่อยนะ...แม้ว่าหน้าผากผมจะเถิกกว่าหน่อยนึง...) ผมยังคงทำอะไรไม่ถูก ยังคงยืนนิ่งแทบจะไม่หายใจ ตัวขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แล้วก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆเสียงที่ฟังดูแปล่งๆแต่ก็คุ้นเคย "งงล่ะซิ ฮะฮะ" คน(ผมเริ่มแน่ใจว่าเป็นคนไม่ใช่ผี)ตรงข้ามผมพูดขึ้น ผมยังคงนิ่งและไม่ได้พูดอะไร แต่ร่างกายผมเริ่มอุ่นข้ึน อุ่นขึ้น จนเกือบจะเป็นปกติ "เราก็คือนาย ผมก็คือคุณ กูก็คือมึง นั่นแหล่ะ!!" ตัวผม(หากเชื่อตามนั้น)อีกตัว...อืมม์...อีกคน ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆพร้อมรอยยิ้มซึ่ิงเหมือนรอยยิ้มของตัวผมเอง "จริงดิ!? แล้วจะมีตัวเองสองคนได้ไงวะ?" ผมพูดออกมาเป็นประโยคแรกหลังจากผ่านไประยะหนึ่งด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแหบ... "รู้จักทฤษฎีโลกคู่ขนานไหม เหมือนที่หนังชอบเอามาทำไง" ตัวผมอีกคนตอบ "หืออ...หมายความว่ามาจากอีกโลกนึงรึ มายังไง? มาทำไมวะ? แล้วมาเจอตัวเองไม่เป็นไรเหรอไม่ตายเหมือนในโดราเอมอนเหรอ?" ผมถามขึ้นด้วยสงสัย "น่ันมันเรื่องการข้ามเวลาเว้ยย แถมยังเอามาผิดเรื่องอีก โนบีตะย้อนเวลามาเจอตัวเองประจำ! ที่ไม่ให้เจอกันนั่น Back to The Future ต่างหากเล่า!! แล้วนี่มันทฤษฎีโลกคู่ขนานเข้าใจไหม ทำไมกูโง่หย่ังงี้วะ" ตัวผมอีกคนขมวดคิ้วพร้อมถอนหายใจ "เหรอ...คนมันตกใจนี่หว่า มาตอนกลางวันไม่ได้หรือไง แล้วตกลงมาทำไมเนี่ย มาได้ไงบอกมาด้วย" ผมเริ่มหายกลัวเพราะคนที่ยืนตรงข้ามเหมือนคนจริงๆทุกอย่าง อันที่จริงเหมือนตัวผมเลย ใครจะไปกลัวตัวเองเล่า... หลังจากแน่ะนำตัวกันเรียบร้อย ตัวผมอีกคนและตัวผมก็เดินไปนั่งที่ม้านั่งไม้ตัวยาว เปิดพัดลมให้พอชื่นใจแล้วยื่นมือมาจับเข่าคุยกัน (ผมแอบยื่นไปจับเองแหล่ะพิสูจน์ว่าเป็นคนจริงๆ) ผมถามตัวผมอีกคนก็ตอบ ผมซักตัวผมอีกคนก็ตาก (ฮาฮาขำมุขตัวเอง...)หลังจากเวลาผ่านไปได้เกือบหนึ่งชั่วโมง ผมก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ประมาณหนึ่ง ถึงเหตุผลของการข้ามโลกผ่านมิติมาหาผมของตัวผมอีกคน มันเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของโลกใบนั้น(ขนาดนั้นเลยเว่อร์จริงๆผมไม่ค่อยเชื่อหรอก) และตัวผมอีกคนก็มีภารกิจติดตัวมาด้วย นั่นคือมาพบผมเพื่อ 'เปลี่ยน' อะไรบางอย่าง "จะให้ 'เปลี่ยน' จริงๆเหรอ?" ผมถามตัวผมอีกคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเห็นด้วย "จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจแต่ขอบอกว่าถ้าโลกฝั่งนั้นเป็นอะไรไป โลกฝ่ังนี้ก็ต้องรับผลกระทบไปเต็มๆ" ตัวผมอีกคนตอบด้วยหน้าตาขึงขังขู่ "แต่..ไม่เห็นน่าจะเกี่ยวนี่หว่า มันจะอะไรขนาดนั้น 'เปลี่ยน' เรื่องแค่นี้อะนะ" ผมยังคงสงสัยด้วยสีหน้าสงสัย "วะ..กูโง่จริงๆด้วย" ตัวผมอีกคนพึมพำก่อนจะพูดว่า "โตมาขนาดนี้ ยังไม่สำเหนียกรู้ได้เองอีกหรือว่า สิ่งใหญ่ๆทั้งหลายมันก็เกิดมาจากสิ่งเล็กๆนั้นแหล่ะ และส่ิงเล็กๆ ที่เล็กจนมองแทบไม่เห็นทั้งหลาย ก็ล้วนมีส่ิ่งที่พร้อมจะก่อกำเนิดสิ่งที่ใหญ่โตมโหราฬอยู่ภายในนั้นเสมอ เพราะฉะนั้น 'เปลี่ยน' ซะเถอะหัดเชื่อตัวเองซะบ้าง" ตัวผมอีกคนสำทับท้าย "แต่.."ผมยังพูดไม่จบคำตัวผมอีกคนก็แทรกขึ้นอย่างเสียมารยาท "ไม่มีแต่ทั้งนั้น เอางี้จะ 'เปลี่ยน' 'ไม่เปลี่ยน' ยังไงก็ตามใจแล้วกัน! ถือว่าทำถึงที่สุดแล้วกันวะ ไม่อยากจะบังคับหรือลงไม้ลงมือกับตัวเองว่ะ" ตัวผมอีกคนทำหน้าตาเซ็งๆเหมือนที่ผมเคยทำกับคนอื่นเป็นประจำใส่ผม "ไปละ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวนายแล้วล่ะ..." แน่ะตัวผมอีกคนทิ้งท้ายให้ผมกดดันเล่นๆ แล้วก็เดินลงชั้นล่างหายไปกับความมืด...ทิ้งผมให้นั่งเหงื่อตกอยู่เพียงคนเดียว ผมอยู่คนเดียวในที่สุด....
ครับผมนอนไม่หลับใครจะไปนอนได้ล่ะครับหลังจากเจอเรื่องราวอย่างนี้ เจอผีซะจะดีซะกว่าแค่วิ่งหนี..แล้วหัวโกร๋น นี่เจอตัวเองอีกคนจากโลกคู่ขนานแถมทิ้งงานให้ผมทำต่ออีก ผมก็นอนพลิกไปพลิกมา คิดไปคิดมา ทั้งพลิกทั้งคิด อยู่จนกระทั่งแสงสว่างยามเช้าสาดเข้าห้อง...เท่านั้นล่ะครับผมหลับทันที เช้าแล้วนี่ครับไม่มีเหตุผลที่จะนอนไม่หลับอีกต่อไป ผมไม่เคยได้ยินใครว่า "เมื่อเช้านอนไม่หลับ" เคยแต่ได้ยิน "เมื่อคืนนอนไม่หลับ" ผมจึงหลับสบาย...ตลอดเช้าและสายเชียวครับ เมื่อตื่นเที่ยงขึ้นมาก็มานั่งทบทวนว่าเราฝันไปไหม? คิดไปเองหรือเปล่า? เมื่อคิดอย่างนั้นผมก็รีบเดินไปที่ม้านั่งไม้ตัวยาวตัวนั้นและเอื้อมมือไปหยิบอะไรบางสิ่งขึ้นมา ตัวผมอีกคนบอกผมไว้ว่าหากสงสัยเมื่อตื่นขึ้นว่าฝันหรือเปล่าให้เดินมาดูที่นี่ และผมก็พบอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปจริงๆ!! ผมจึงนั่งตัดสินใจว่าเอาไงดี จะให้ 'เปลี่ยน' ง่ายๆได้ยังไงกันเรื่องแบบนี้ เวลาก็มีนิดเดียว กลุ้มจริงๆครับ... เมื่อผมนั่งเสียเวลาเกือบทั้งวันคิดไปมาหลายตลบ ผมก็คิดว่าแม้จะไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่ แต่ผลกระทบที่ตัวผมอีกคนโม้ไว้ก็น่ากลัวใช่เล่น และมันจะมาถึงตัวผมเองด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ 'เปลี่ยน'....ในที่สุด ผมได้ตัดสินใจ 'เปลี่ยน' เรื่องที่เตรียมไว้อัพ งานตะพาบ กม.33 ที่ซึ่งเตรียมไว้อย่างดี 'เปลี่ยน' จำเป็นต้องใช้เรื่องอื่น แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจำเขี่ยเหลือเกิน...ผมจึงไม่สามารถเค้นนายสมองและชวนคุณปัญญาออกมาช่วยเขียนช่วยแต่งเรื่องราวใหม่ๆได้ คิดไปคิดมาผมจึงคิดได้ว่า ไหนๆก็ไหนๆ เอาเรื่องที่เป็นเหตุให้ต้องขาดเรื่องเขียน มาลงซะเลยดีกว่า ครับ...เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง!
Create Date : 02 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 3 มิถุนายน 2554 13:19:56 น. |
|
16 comments
|
Counter : 700 Pageviews. |
|
|
|
ทำลิ้งก์ก่อนเด้อ