กะละแม
........
ขนมหวานวันปีใหม่ไทย ขนมพื้นเมือง
ที่ทำขึ้นแล้วสามารถเก็บไว้ได้หลายวัน
คือข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง และ กะละแม
ต้องทำให้เสร็จก่อนวันสงกรานต์
การกวนกะละแม ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ใช่ว่าชาวบ้านจะนิยมกวนกันทุกปี
ส่วนใหญ่มักจะทำข้าวเหนียวแก้วบ้าง
ข้าวเหนียวแดงบ้างสลับกันไป เพราะสองอย่างนี้ทำได้ง่ายกว่า
หรือถ้าบ้านไหนตั้งใจจะกวนกะละแม
และเป็นครอบครัวใหญ่มีญาติพี่น้องมาก
บรรยากาศช่วงกวนกะละแม จะคึกคักเป็นพิเศษ
ทุกคนจะช่วยกัน เตรียมการประมาณ ๒ วัน
โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลาน จะถือเป็นเรื่องสนุกสนาน
เพราะไม่เพียงแต่ได้กิน กะละแมก้นกะทะ เท่านั้น
ยังอาจจะได้กินมะพร้าวเผา อ้อยเผาอีกด้วย
การกวนกะละแม สิ่งที่ต้องใช้ได้แก่
น้ำตาลหม้อ หรือน้ำตาลปีบ มะพร้าวและข้าวเหนียว
ก่อนวันกวน ๑ วัน ชาวบ้านจะคัดเลือกมะพร้าวห้าว
ประมาณ ๑๐๑๕ ลูก มาไว้เพื่อใช้คั้นน้ำกะทิ
อาศัยความชำนาญว่าข้าวเหนียว กี่ทะนานต่อมะพร้าวกี่ลูก
และใช้น้ำตาลในปริมาณเท่าใด
ขั้นตอนแรก ต้องนำข้าวเหนียว ไปแช่น้ำเพื่อตักหยอดใส่โม่หิน
ต้องใช้คนที่มีร่างกายแข็งแรงช่วยกันโม่
ตั้งแต่ตอนบ่าย กว่าจะเสร็จก็ตกประมาณ ๓-๔ ทุ่ม
จากนั้นก็จะทับถุงน้ำแป้ง ไว้ด้วยลูกโม่
ให้น้ำไหลออกจนเหลือเพียงเนื้อแป้งหมาด ๆ
ในวันรุ่งขึ้นประมาณตีสามตีสี่
บรรดาผู้ใหญ่ จะตื่นขึ้นมาช่วยกันทำขนม
แสงไฟจากตะเกียงลาน และตะเกียงรั้ว จะถูกจุดให้สว่าง
เด็กบางคน อาสาช่วยขูดมะพร้าว
จากนั้นก็จะคั้นมะพร้าวขูดด้วยน้ำลอยดอกมะลิ
ใช้กรองแยกออกมาเป็นหัวกะทิ และหางกะทิ
ส่วนที่เป็นหัวกะทิ ให้เทลงกะทะใบใหญ่ เคี่ยวด้วยไฟจนแตกมัน
แล้วตักใส่อ่างเก็บไว้
ขั้นต่อไป คือนำแป้งที่เตรียมไว้ ใส่กะละมัง
เทหางกะทิ และใส่น้ำตาลหม้อ มาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
เสร็จแล้วก็เทลงกะทะใบบัว คือกะทะเหล็กขนาดใหญ่
ที่วางอยู่บนเตา ใส่ฟืนให้ลุกโชน
แล้วจึงเริ่มลงมือกวนกะละแมกันตั้งแต่เช้า
ช่วงแรกแป้งก็ยังเหลวอยู่ใช้พายด้ามเดียวก็กวนได้ง่าย
ช่วงนี้เด็ก ๆ ที่นึกสนุก มักจะมาขอผู้ใหญ่กวน
ต้องคอยขูดก้นกะทะเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้แป้งไหม้ติดก้นกะทะ
และพอแป้งงวดข้นเหนียวเดือดเป็นฟองแล้ว
เด็กต้องระวังไม่ให้ฟองแตกถูกตัว
เพราะจะทำให้ผิวหนังพอง และแสบมาก
เมื่อถึงขั้นนี้แล้ว ผู้ใหญ่มักจะลงมือกวนเอง
มีการราไฟและเร่งไฟ บ้างเป็นจังหวะ
จนกระทั่งแป้งเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ
แล้วค่อย ๆ เป็นสีน้ำตาลแก่
ช่วงนี้แป้งและน้ำตาลจะเหนียวหนุบหนึบขึ้นเรื่อย ๆ
จึงต้องออกแรงกวนมาก เป็นพิเศษ
ราว ๖ โมงเย็นของวันนั้น กะละแมก็จะกลายเป็นสีดำ
และเหนียวมากจนแทบจะกวนไม่ไหว
ต้องใช้พายอันที่สอง เข้าช่วยเพราะก้นกะทะจะไหม้ได้
ฟ้าเริ่มมืด กะละแมที่กวน ก็เหนียวได้ที่ดีแล้ว
จึงค่อย ๆ ราไฟในเตาให้อ่อนลง เพื่อป้องกันไม่ให้ก้นกะทะไหม้
จากนั้นจึงใช้พายทั้ง ๒ ด้ามตักกะละแมใส่กระด้ง
ที่ปูด้วยเปลือกกาบหมาก
เพราะกาบหมากจะช่วยให้กาละแมมีกลิ่นหอมกว่าใบตอง
เป็นอันเสร็จขั้นตอน ในการกวนกะละแม
เพื่อเก็บไว้กินในวันรุ่งขึ้น
เด็ก ๆ มักจะ จะคอยขูดกะละแมที่ก้นกะทะ
กินกันก่อนอย่างเอร็ดอร่อย
บางคนก็จะนำมะพร้าวอ่อนบ้าง อ้อยบ้าง มาหมกไฟ
ที่ยังพอมีเชื้ออยู่เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น
ปัจจุบัน ประเพณีการให้ขนมปีใหม่เป็นกะละแม
ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวแก้ว เริ่มไม่เป็นที่นิยมแล้ว
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ มักจะซื้อของขวัญอย่างอื่น
มอบให้กันในวันปีใหม่
ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ