bloggang.com mainmenu search
My Music - ต้นงิ้วริมทาง












วันนี้..ก่อนที่จะคิดว่าจะอัพบล็อกเรื่องอะไรดีน๊า..
ก็บังเอิญได้ฟังเปลงนี้.."ต้นงิ้วริมทาง"

เลยปิ๊งๆๆ มีเรื่องให้หามาลงบล็อกแล้วคับ


อยากรู้จริงๆว่า..ต้นงิ้ว ที่คนเจ้าชู้ กลัวนักกลัวหนานี่ เอาไว้ให้ปีนอย่างเดียวเลยหรอ

มันไม่มีประโยชน์อย่างอื่นอีกหรือ..!!


ไปหาข้อมูลมา...โห...มีอีกหลายอย่างที่ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน...


เชิญผู้ที่สนใจ..หรือผู้ที่จะศึกษาเกี่ยวกับต้นงิ้วอย่างกระจ่าง...(คนเช้าชู้ ขอแนะนำอย่างยิ่ง) ฮ่าๆ

มาอ่านกันเลยคร๊าบ



-------------------



โบราณเปรียบเทียบหญิงมากชู้หลายผัว ว่าเป็นนางกากี ซึ่งมีเค้าเรื่องมาจาก ‘กากาติชาดก’ ว่า

พระโพธิสัตว์ครั้งเกิดเป็นพระราชาผู้ครองเมืองพาราณสี

มีพระเทวีนามว่า ‘กากาติ’ ซึ่งทรงมีพระสิริโฉมงดงามยิ่ง

วันหนึ่งมีพญาครุฑชื่อว่า ‘ท้าวเวนไตรย’ แปลงร่างเป็นมนุษย์มาเล่นสกา (การพนันชนิดหนึ่ง) กับพระราชา ท้าวเวนไตรย เห็นพระนางกากาติ ก็เกิดความรักใคร่ จึงแอบพาหนีไปอยู่ที่วิมานฉิมพลีซึ่งเป็นที่อยู่ของตน

เมื่อพระราชาทราบเรื่องจึงมีรับสั่งให้คนธรรพ์ชื่อ ‘กุเวร’ นำพระเทวีกลับมา

กุเวรได้ไปแอบซุ่มอยู่ในดงตะไคร้ข้างสระ พอพญาครุฑบินไปจากสระก็แอบกระโดดเกาะปีกไปจนถึงวิมานฉิมพลี

แล้วแอบได้เสียกับพระเทวีที่วิมานนั้น จากนั้นก็เกาะปีกพญาครุฑกลับมาเมืองพาราณสีอีก

วันหนึ่งขณะที่พญาครุฑเล่นสกาอยู่กับพระราชา คนธรรพ์ก็ขับร้องเป็นเพลงว่า

“คนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใด นางนั้นชื่อกากาติ อยู่ไกลจากที่นี้” พญาครุฑพอได้ฟังแล้วสะดุ้งจึงถามกลับไปว่า

“ท่านข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง 7 แห่ง ไปได้อย่างไร แล้วขึ้นวิมานฉิมพลีได้อย่างไร”

คำตอบที่ได้คือ “เราข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง 7 แห่งได้ ก็เพราะท่าน ขึ้นวิมานฉิมพลีได้ก็เพราะท่านอีกนั่นแหละ”

เมื่อพญาครุฑได้ทราบความจริงจึงกล่าวติเตียนตัวเองว่ามีร่างการใหญ่โตเสียเปล่า แต่ไม่มีความคิด


จึงเป็นพาหนะให้ชายชู้ของเมีย

ดังนั้นจึงได้นำพระเทวีกากาติ มาคืนพระราชา และไม่กลับมาเล่นสกากับมนุษย์อีกเลย





วิมานฉิมพลีของพญาครุฑ ก็คือ “ต้นงิ้ว” ซึ่งเรียกในภาษาบาลีว่า “สิมพลี” นั่นเอง!!!





..งิ้ว..

ชื่ออื่นๆ : บักจี้ (จีน), งิ้วปง, งิ้วปงแดง, สะเน?มระกา (ชอง-จันทบุรี), งิ้วแดง(กาญจนบุรี), งิ้วบ้าน (ทั่วไป)

ชื่อสามัญ : Kapok Tree, Cotton Tree, Red Cotton Tree, Silk Cotton Tree, Shaving Brus

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gossampinus Malabarica (DC.) Merr. วงศ์ : BOMBACAEAE


เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ สูงราว 15-20 เมตร เรือนยอดทรงกลมแผ่กว้าง ลำต้นปลายตรง เปลือกสีน้ำตาล อมเทา มีหนามแหลมคมทั่วทั้งลำต้น


ใบเป็นใบประกอบแบบนิ้วมือ มีใบย่อย 5-7 ใบ ใบรูปรี ขอบใบเรียบ แผ่นใบหนา ดอกมีสีส้มแดง แดงเหลือง หรือขาว

มีเกสรตัวผู้จำนวนมาก ออกเป็นช่ออยู่ตามปลายกิ่ง ช่อหนึ่งๆมีดอกราว 3-5 ดอก
มีกลิ่นหอมและร่วงง่าย ออกดอกราวเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์

ส่วนผลมีลักษณะกลมรี เปลือกแข็ง ภายในผลมีเมล็ดกลมสีดำ มากมาย ซึ่งมีปุยสีขาวหุ้มห่ออยู่ เมื่อแก่จัดผลหรือฝักนี้จะแตกออก


ประโยชน์ของงิ้วมีมากมาย เช่น เนื้อไม้ เป็นไม้เนื้ออ่อน จึงนำมาทำดินสอ ไม้จิ้มฟัน เยื่อกระดาษ, เปลือก ใช้ทำเส้นใย เชือก , น้ำมันจากเมล็ดใช้ปรุงอาหาร ทำสบู่ และปุยสีขาวยัดหมอนและที่นอน เช่นเดียวกับนุ่น


ส่วนสรรพคุณทางยาพื้นบ้านหรือยาสมุนไพรนั้นก็มีไม่น้อย อาทิ เปลือก ใช้สมานแผลแก้ท้องร่วง กระเพาะอาหารอักเสบ ดอก ใช้แก้ไข้ ท้องร่วง บิด แผลฝีหนอง ห้ามเลือด ฟกช้ำบวม อักเสบ แก้คัน แก้กระหายน้ำ ยางใช้ห้ามเลือด ราก ใช้สมานแผล แก้แผลในกระเพาะอาหาร บำรุงกำลัง ฯลฯ










ในพระสูตรที่ว่าด้วย ‘เทวทูตสูตร’ ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงให้เห็นถึงมหานรก ที่มีการลงโทษคนที่กระทำความชั่ว อย่างน่าสะพรึงกลัว ก็ได้กล่าวถึงต้นงิ้วไว้ในความตอนหนึ่งว่า


“ดูกรภิกษุทั้งหลายและนรกเถ้ารึงนั้นมีปางงิ้วใหญ่ประกอบอยู่รอบด้าน ต้นสูงชะลูดขึ้นไปโยชน์หนึ่ง มีหนามยาว 16 องค์คุลี มีไฟติดทั่วลุกโพลง โชติช่วง เหล่านายนิรยบาลจะบังคับให้สัตว์นั้นขึ้นๆ ลง ๆ ที่ต้นงิ้วนั้น สัตว์นั้นย่อมเสวยเวทนาอันเป็นทุกข์กล้า เจ็บแสบอยู่ที่ ต้นงิ้วนั้น และยังไม่ตาย ตราบเท่าบาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นสุด ฯ”


และใน ‘นารทชาดก’ ได้พูดถึงเรื่องต้นงิ้วดังนี้ “...ต้นงิ้วสูงเทียมเมฆ เต็มไปด้วยหนามเหล็กคมกริบ กระหายเลือดคน หญิงผู้ประพฤติล่วงสามี และชายผู้หากระทำชู้ภรรยาผู้อื่น ถูกนายนิรยบาลผู้ทำตามสั่งของพระยายม ถือหอกไล่ทิ่มแทง ให้ขึ้นต้นงิ้วนั้น...”


รู้จักต้นงิ้วกันอย่างนี้แล้วไม่รู้ว่ายังจะมีใครอยากปีนอีกหรือป่าว













เป็นยาบำรุง-แก้ท้องร่วง-ลดอาการบวมอักเสบ



ถ้าจะพูดถึงต้นงิ้ว ทุกคนก็คงจะนึกถึงกระทะทองแดงควบคู่ไปด้วย ตามที่คนโบราณเล่าขานกันมาว่าถ้าเกิดทำผิดหรือทำชั่วแล้วจะต้องปีนต้นงิ้ว แต่ปัจจุบันนี้ต้นไม้ที่น่ากลัวนี้สามารถที่จะทำประโยชน์ให้กับมนุษย์เราได้มากมาย แล้วแต่ว่าจะใช้เป็นหรือไม่



ลักษณะของต้นงิ้วเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ยอดแผ่พุ่มกว้างตามต้นจะมีหนามแหลม รูปกรวย ใบสีเขียวยาว จัดอยู่ในประเภทใบรวม ใบนุ่น ปลายใบแหลม ดอกออกเป็นช่อ ตามต้นปลายกิ่ง สีแดงส้ม กลีบเลี้ยงหนา ดอกใหญ่และดกมาก เมื่อเวลาออกดอกจะผลักใบ จึงทำให้ดูแดงไปทั้งต้น เมื่อดอกโรยจะมีผลรีๆปลายแหลม ออกดอกในฤดูแล้งประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด





ในบางพื้นที่ชอบเก็บดอกและตากแห้ง สามารถเก็บไว้ประกอบอาหารได้เป็นเวลานานๆ ที่นิยมมากเช่นทำน้ำขนมจีนนำเงี้ยวในภาคเหนือ ทำเป็นแกงเรียกว่า แกงดอกงิ้ว ลวกจิ้มน้ำพริก แกงส้ม ดอกงิ้วชุบแป้งทอด แต่ต้องแยกระหว่างกลีบดอกและเกสรออก หรือทำเป็นขนมถือว่าเป็นอาหารบำรุงสุขภาพชั้นยอดเพราะมีแคลเซียมสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูกควบคู่กับการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกาย







นอกจากจะนำดอกมาประกอบอาหารแล้วส่วนต่างๆ ของต้นงิ้วก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้เหมือนกัน เช่น



- รากสามารถทำเป็นยาบำรุงกำลังและทำให้อาเจียนเพราะมีโปรตีนและไขมันมาก



- เกสรตัวผู้แห้ง นำมาแต่งสีในแกงส้มหรือแกงกะหรี่ให้มีสีเข้มขึ้น



- ดอกแห้งตำผสมน้ำทาระงับปวดแก้ท้องร่วงธรรมดา บิด ต้มน้ำกิน



- เส้นใยของฝักงิ้วใช้ทำนุ่นยัดหมอน



- ผลอ่อนนำมาทำเป็นผักสดจิ้มกินกับน้ำพริกหรือส้มตำ



- เปลือกนำมาฟั่นเป็นเชือก เปลือกอ่อนนำมาตากแห้งบดเป็นผงเป็นบำรุง ขับน้ำเหลือง เลือดลมไหลเวียนดี เป็นยากระตุ้นทางเพศ กระเพาะอาหารอักเสบ



- ใบและยอดอ่อนตำพอกใช้รักษาฝี ฟกช้ำดำเขียว อาการบวมอักเสบ



งิ้วที่หลายคนคิดกันว่าเป็นต้นไม้ที่น่ากลัว ซึ่งเป็นความเชื่อแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่ต่อไปนี้คงจะรู้แล้วว่าสามารถใช้ได้สารพัดประโยชน์จริงๆ ทั้งประกอบอาหาร ของใช้ เป็นยาสมุนไพรรักษาอาการต่างๆ ได้ดีแล้วยังสามารถเก็บไว้ได้นานด้วย






อ้อ...อันนี้แถมแล้วกันคับ อิอิอิ

ไปเก็บเรื่องขำขันมาได้เรื่องนึงเหมือนกัน...




เรื่อง ไม่ยุติธรรม


ไอ้หนุ่มไปเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน..พอผัวเขารู้เข้า ไอ้หนุ่มก็ถูกยิงตาย

ในการพิพากษาในนรก....!
มัจจุราช--- เจ้าเป็นชู้ สมสู่กับเมียชาวบ้าน.. ถูกลงโทษปีนต้นงิ้วเป็น
เวลา10 ปีนรก... เจ้าจะยอมรับหรือไม่

ไอ้หนุ่ม--- ยอมครับ.. จากนั้นไอ้ป็อปก็ถูกยมทูตพาตัวไปปีนต้นงิ้ว..

ขณะที่กำลังเริ่มปีนอยู่นั้น ไอ้หนุ่มก็แหงนไปเห็นหนุ่ม 4 คนกำลังรุมโทรม
หญิงนางหนึ่งอยู่ข้างๆ ต้นงิ้ว..ด้วยความสงสัย ไอ้หนุ่มจึงหันไปถามยมทูต..

ไอ้หนุ่ม--- ท่านยมทูตครับ..พวกนั้นเขาทำผิดอะไร ถึงมีโทษเช่นนั้นครับ

ยมทูต--- อ๋อ! ความผิดเหมือนเจ้านั่นแหละ ผิดลูกผิดเมียชาวบ้านน่ะ.

ไอ้หนุ่ม--- โอ้โห..งั้นก็ไม่ยุติธรรมสิครับ..ทำไมผมถึงต้องปีนต้นงิ้วด้วยล่ะ.
แต่ พวกนั้น. โห! สบายเลย..ผมขอเปลี่ยนเป็นแบบนั้นดีกว่า..

ยมทูต--- เอ๊ย! ไม่ได้ มันผิดระเบียบ..

ไอ้หนุ่ม--- ถ้าไม่ได้..อืม! เดี๋ยวผมจะไปฟ้องท่านมัจจุราช.. แล้วท่านจะหนาว

ยมทูต--- เออๆๆ..ข้ายอมเอ็งแล้ว..

พลางท่านยมทูตหันไปพูดกับหนุ่มพวกนั้น..

ยมทูต--- เอ๊ยๆ..พวกเอ็ง
เลิกข่มขืนนางนั่นได้แล้ว..เอานางนั่นไปปีนต้นงิ้ว

แล้วพวกเอ็งมารุมข่มขืนไอ้นี่แทน..มันขอข้าว่ะ ผั๊บผ่าสิ.!


ไอ้หนุ่ม--- ????




ฮ่าๆๆๆๆ

-------------------------------



อ่านมาตั้งนาน..ผมเพิ่งได้ความรู้ใหม่ว่า...

ภาษาบาลี "สิมพลี" ที่เราเรียกเพี้ยนมาเป็น"ฉิมพลี" แปลว่า "ต้นงิ้ว" !!!

และคำว่า"เวนไตรย"...แท้จริงเป็นชื่อของ "พญาครุฑ" นี่เอง ฮี่ๆๆๆ



เห็นมั๊ยๆๆครับว่า...ต้นงิ้ว(Kapok Tree)ไม่ค่อยจะน่ากลัวอย่างที่คิด...

ขนาด"ดอก"มัน...คนเรา..ยังเอามาชุบแป้งทอดทานซะเลย..


เฮ้อ


เมื่อต้นงิ้วถูกลดความน่ากลัวลงไปซะแล้ว...ยังไงก็กลัวเวรกรรมกันมั่งนะครับ

ยิ่งสมัยนี้...เวรกรรมติด High Speed นะคร๊าบ





ปล. ขอขอบคุณเจ้าของรูปภาพเดิม ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
















Create Date :23 มกราคม 2551 Last Update :23 มกราคม 2551 0:00:21 น. Counter : Pageviews. Comments :9