bloggang.com mainmenu search














ติ๊ด...ติด ผิดด้วยหรือ!!

เคยไหมขาดอะไรบางอย่างไม่ได้!!

คุณหรือคนข้างๆ กำลังติดเน็ต ติดแบรนด์ ติดแอลกอฮอล์ ติดพนันขันต่อ ติดละครหลังข่าว หรือติดเซ็กซ์... หรือเปล่า ผมว่าคงต้องมีสักอย่าง...นั่นแหละ ที่คุณกำลังลุ่มหลง มัวเมา ขาดมันแล้ว (เหมือนจะ) ขาดใจ ฮือ...ฮือ

ในทางพุทธว่าการติด ยึด ไม่ละวาง ก็คือกิเลสอย่างหนึ่ง ทางคริสต์และอิสลาม การติดสิ่งใดสิ่งนั้นก็คือรูปเคารพ ทำให้เหินห่างจากการเข้าหาพระเจ้า และความดีทั้งปวง เมื่อคุณยิ่งติด ยิ่งเสพ ยิ่งไม่เคยพอ ในที่สุดก็เกินพอดี และเป็นปัญหาจนได้สิครับ!!









ติด...เทคโนโลยี

ผมมีโอกาสได้ชมเทปรายการทีวี ชื่อไอทีสแน็กย้อนหลัง เล่าถึงโรคล่ามาแรงยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง ได้ความว่า โรคร้ายสำหรับคนไอทียามนี้มาเยือนคุณถึงโต๊ะทำงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือองค์กรใดก็ตาม คุณอาจเป็นโรคติดประเภทนี้อย่างไม่รู้ชะตา เพราะทุกวันนี้เราพึ่งพาเทคโนโลยีจำนวนมาก ลองนับนิ้วเล่นๆ สิครับว่าแต่ละวันเราใช้เวลากับคอมพ์กี่ชั่วโมง บางทีรู้สึกเหนื่อย เมื่อยล้า ปวดข้อ ฯลฯ ไม่รู้สาเหตุ





โรคร้ายอันดับแรกที่อยากเล่าสู่กันฟัง คือ ความเครียดจากเทคโนโลยี (Techno Stress) เชื่อว่ามีหลายล้านคนในโลกกำลังเผชิญกับมัน และส่วนใหญ่คงไม่รู้ตัว สังเกตง่ายครับ โรคนี้ทำให้คุณขี้โมโห โกรธง่าย มองคนในแง่ลบ รู้สึกว่าชีวิตเหนื่อยล้า มักจะเกิดกับคนที่ต้องทำงานกับคอมพ์ตลอดเวลา พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ ยามที่คุณพูดคุยกับใคร มักต้องการการตอบสนองกลับที่รวดเร็วทันใจ ถามปุ๊บอยากให้เขาตอบปั๊บ เหมือนกดรีโมตสั่งได้ อยากให้รอบข้างเร็วเหมือนเทคโนโลยี




ปัญหาความเครียดจากเทคโนโลยี ที่ว่าจะสัมพันธ์กับการเปลี่ยนงานในวงการอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ มีหลายคนเกษียณตัวเองก่อนวัยสมควร หรือมีเปลี่ยนงานบ่อย และมีส่วนทำให้คนที่เป็นโรคนี้หันไปพึ่งพาเหล้า และบุหรี่มากขึ้น นั่นหมายความว่า อาจจะทำให้คุณติ๊ด...ติด อย่างอื่นเพิ่มมาอีก





ความเครียดเกิดจากหลายสาเหตุ เวลา...คือสาเหตุหลัก จากงานวิจัยเมื่อต้นปี 2549 ของ กลอเรีย มาร์ก และวิคเตอร์ กอนซาเลซ แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียบอกว่า โดยทั่วไปคนในออฟฟิศมีเวลาจัดการงานส่วนตัวแต่ละคนแค่ 11 นาที ก่อนจะถูกรบกวนโดยสภาวะแวดล้อมรอบข้าง อย่างมีเพื่อนมาติดต่องาน โทรศัพท์เข้า ฯลฯ และตลอดทั้งวันคุณจะสูญเสียเวลาเฉลี่ยกว่า 2 ชั่วโมง โดยไม่ได้ทำงาน นั่นทำให้หลายคนมีงานค้างเยอะขึ้นอีก และยิ่งหันไปพึ่งพาเทคโนโลยี ต้นเหตุความเครียดมากขึ้นอีก โหย...ฟังดูแย่ครับ





ถ้าใครสงสัยตัวเองว่าเป็นหรือเปล่า ดร.มิเชล เอ็ม. เวล ให้แนวทางสังเกต เช็กตัวเองดังนี้

1.ตัวคุณนอนหลับพักผ่อนน้อยกว่าปกติ ยอมนอนดึกหรือว่าตื่นเช้าเพื่อมานั่งขลุกหน้าคอมพิวเตอร์

2.ชอบอยู่บ้านเล่นคอมพ์มากกว่าออกไปข้างนอก หรือเสียค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอมพ์ และเน็ตมากในแต่ละเดือน

3.คุยกับเพื่อนออนไลน์ได้เป็นวันๆ แม้จะไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็ตาม หรือพยายามหลบหลีกซ่อนเร้นไม่ให้ใครเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ยามใช้งาน

4.คนที่รับอีเมลมากมายในแต่ละวัน บางคนไปเที่ยวพักผ่อน ต้องพกโน้ตบุ๊ก หรือเทคโนโลยีเยอะไปด้วย อยากจะเช็กอีเมลตลอดเวลา

ถ้าคุณเป็นอย่าง 4 ข้อที่ว่า โอ้ย...โดนตั้งแต่โรคแรกเลย คงต้องห่างๆ จากกิจกรรมหน้าคอมพ์บ้างแล้วครับ





โรคต่อมา โรคติดทำหลายสิ่งพร้อมกัน (Multitasking Madness) เช่น มือหนึ่งคุยโทรศัพท์ อีกมือคลิกเมาส์ หูอีกข้างฟังไอพอด โว้ว...ใช่คุณหรือเปล่า เพราะกำลังเกิดขึ้นกับคนไอทียุคนี้





จากการวิจัยของกลุ่มฟอร์จูนวันเธาซัน (Fortune 1000) พนักงานในองค์กรต่างๆ ระดับโลก เฉลี่ยแล้วได้รับอีเมลวันละ 178 ฉบับ คิดดูสิครับ...เขาจะเหลือเวลาไปจัดการงานในแต่ละวันสักกี่มากน้อย ยิ่งกว่านั้น หลายคนไม่ได้ทำงานแค่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็นครับ หอบงานใส่ทัมป์ไดรฟ์ หรือโน้ตบุ๊กกลับไปบ้าน เอาเวลาครอบครัวมาจัดการงานออฟฟิศอีกต่างหาก แถมการจัดการงานในเวลาจำกัด ทำให้หลายคนทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เลยเป็น มัลติทาสกิง แมดเนส (Multi-Tasking Madness) ไงครับท่าน





งานวิจัยของศาสตราจารย์ เดวิด เมเยอร์ จาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน ทดลองให้นักศึกษาจำนวนหนึ่งหาคำตอบจากสูตรคณิตศาสตร์โดยมีการสับเปลี่ยนปัญหาแบบกะทันหัน เช่น จากการคูณเป็นหารทันที ผลปรากฏว่านักศึกษาใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะหาคำตอบได้ นั่นพิสูจน์ว่ามนุษย์เรามีข้อจำกัดในการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในงานต่อหนึ่งอย่างลดลง แม้จะสามารถฝึกและทำให้เกิดประโยชน์ได้ก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัด เมื่อถึงขีดสุดระดับหนึ่ง ฉะนั้นลดการทำอะไรพร้อมกันยามใช้เทคโนโลยีเถิดครับ




โรคสุดท้ายของพวกติด...เทคโนโลยี คือ คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต แอดดิกชัน (Computer And Internet Addiction)


เกม ห้องแชต เว็บบอร์ด และอีเมล ทำให้เราใกล้ชิดโลกไซเบอร์อยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันก็ห่างเหินจากสังคมปกติ และยากจะปรับตัวเข้ากับคนอื่น บ่อยครั้งที่มีความคิดที่จะพึ่งพาเทคโนโลยีตลอดเวลา และรู้สึกอึดอัดใจถ้าจะต้องหยุดใช้งาน นั่นเป็นข้อสรุปของงานวิจัยสากลในช่วง 10 ปีมานี้ และนักวิจัย เรียกคนกลุ่มที่ติดคอมพ์และเน็ตนี้ว่า เทคโนซิส





เมื่อ 2 ปีก่อน กองทัพทหารฟินแลนด์ต้องยอมให้เลื่อนการรับบรรดาหนุ่มๆ ที่จะเข้ารับราชการทหารออกไปถึง 3 ปี เพื่อรักษาโรคติดเกมคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตให้หายเสียก่อน ขณะที่รัฐบาลจีนเปิดคลินิกรักษาโรคติดเกมออนไลน์และแชตรูม ในปักกิ่ง เพราะเด็กวัยรุ่น และหนุ่มสาว มากมายคลั่งเทคโนโลยี




อาการและพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้คือ รู้สึกเครียด กังวลเมื่อไม่ได้เช็กอีเมล รู้สึกหงุดหงิดร้อนใจเวลาหาตู้เอทีเอ็มเพื่อกดเงินไม่เจอ ทั้งๆ ที่อาจจะมีเคาน์เตอร์ในธนาคารให้บริการก็ตาม หรือรู้สึกลำบากเมื่อต้องเขียนหนังสือด้วยมือ และเหนื่อยเมื่อต้องหาข้อมูลการทำรายงาน ทั้งยังรู้สึกว่าตัวเองด้อยเทคโนโลยีกว่าเพื่อน หรือพึ่งพาเทคโนโลยีตลอด และไม่สามารถควบคุมเวลาการใช้งานคอมพ์ได้ มีกิจกรรมร่วมกับคนอื่นน้อยลง ไม่สนใจเพื่อน ครอบครัว กระทั่งละทิ้งการงาน และเรื่องส่วนตัว เพื่อเล่นเน็ต

ว้าว...ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วสิครับ









ติด...เซ็กซ์

นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เคยบอกเล่าในคลินิกรักว่า “เซ็กซ์เป็นทั้งความสุขสม และเสริมสุขภาพ หากเกิดขึ้นในปริมาณที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงคุณภาพมากกว่าปริมาณ รวมทั้งสามารถควบคุมได้”




แน่นอนว่า “การมีความสุขสมในเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องดี แต่การติดเซ็กซ์...เป็นโรค” และแพทย์จะวินิจฉัยว่า คุณเป็นโรคติดเซ็กซ์ ต่อเมื่อ...

คุณไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมนี้ได้ จนทำให้เกิดผลเสีย เช่น ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทำการอย่างผิดกฎหมาย หรือมีปัญหาครอบครัวตามมา รวมทั้งทำให้เกิดบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม และไม่สามารถควบคุมได้ แม้ว่าคุณพยายามจะหยุดมันหลายครั้งแล้วก็ตาม เพราะคุณรู้สึกติดใจขาดเซ็กซ์ไม่ได้



อาการเริ่มต้นการติด คือ มีจินตนาการคิดคำนึง และพัฒนาความต้องการเพิ่มขึ้นจนควบคุมไม่ได้ ต้องการเซ็กซ์ตลอดเวลา และมีอาการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างชัดเจน เช่น โกรธ ทำร้ายตัวเอง ซึมเศร้า เสียใจ เมื่อได้หรือไม่ได้อย่างใจ โอย...หวังว่าจะไม่ใช่คนข้างๆ บ้านเรา



บางคนใช้เวลาอย่างไม่เหมาะสมกับจินตนาการ หรือการประกอบกิจกรรมทางเพศที่ต้องการอยากทำ

และติดพฤติกรรมนี้จนเสียหายต่ออาชีพ และสถานภาพทางสังคม ถ้าคุณยอมรับทุกข้อทั้งหมดที่ว่ามาโดยดุษณี อาจารย์หมอก็สรุปว่าคุณ ติดเซ็กซ์แน่นอนครับ





ทำไงให้ดีขึ้น...เริ่มจากพยายามเก็บความลับไว้กับตัวเอง ถ้าพฤติกรรมที่ว่ายังไม่ทำให้ใครเสียหาย เมื่อเวลาผ่านไป อาการอาจดีขึ้น แต่ถ้าคุณมีคนรัก คู่ครอง พยายามพูดจาให้พวกเขาเข้าใจ และตอบสนองคุณในเชิงที่มีสิ่งทดแทนได้ หรือให้เขาช่วยให้กำลังใจ อย่าซ้ำเติม ย่อมจะทำให้คุณเครียดน้อยลง และคิดหาวิธีอันดีงามเพื่อจัดการปัญหาด้วยกัน



วิธีต่อมาคือทำตัวให้ไม่มีเวลาว่าง พยายามมีความสุขกับงานที่ชอบ หากิจกรรม หรืองานอดิเรกทำยามว่าง ไม่ว่าจะออกกำลังกาย วาดรูป เล่นดนตรี ท่องเที่ยว ฯลฯ จากนั้นหาวิธีสงบใจ ผ่อนคลาย หรือทำสมาธิสม่ำเสมอ สุดท้ายถ้าเกินจะเยียวยา คุณจำต้องปรึกษาแพทย์ ประเภทนักจิตบำบัดให้เขาช่วย นี่!! ไม่ได้ล้อเล่นนะครับ เรื่องจริง









ติดพนัน-ติดสุรา

พิจารณาตัวคุณเองสิว่า

1.คุณคิดหมกมุ่นเรื่องพนันตลอดเวลาใช่ไหม

2.มีการเพิ่มความถี่ในการเล่น หรือเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันขึ้นเรื่อยๆ

3.พยายามจะหยุด ลด ละ เลิกการเล่นพนันหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ

4.ใช้การเล่นพนันเป็นทางออกในการหนีปัญหา

5.แม้ว่าจะเล่นเสียเป็นหนี้ ก็จะใช้วิธีการเล่นพนันเพื่อหาเงินใช้คืน

6.มักพูดปดปกปิด เพื่อนหรือครอบครัวเกี่ยวกับการเล่นพนัน

7.ทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อเอาเงินมาเล่นพนันต่อ

8.มีปัญหาเรื่องสัมพันธภาพระหว่างบุคคล หรือหน้าที่การงาน

9.ขอยืมเงินผู้อื่นเพื่อไปใช้จ่ายหนี้พนัน ถ้าเข้าข่ายข้างต้น คนคนนั้นคือผีผนันขั้นเทพขอรับ ขอแนะนำว่าให้หาที่ดิน บ้าน และรถยนต์ไว้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มติด เพราะถ้าอาการหนักจะได้ไม่เดือดร้อนชาวบ้านเขา แหะ...แหะ ล้อเล่น ขอให้คุณมีกำลังใจที่จะเลิก และส่งเสริมตัวเองให้ทำงาน เก็บเงิน และสร้างสรรค์ชีวิต ถ้าต้องการมีความสุขที่เราได้ทำเป็นกอบเป็นกำ ก็จงท่องคาถา ขยัน อดทน อดออม และทำงานอย่างมีความสุข ดีที่สุด



ส่วนพวกติดแอลกอฮอล์ แม้การดื่มสุราไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย ทั้งยังเป็นเครื่องดื่มที่ใช้ดื่มฉลองกันในงานฉลองมากมาย ถ้าดื่มน้อยจะทำให้มีอาการครึ้มอกครึ้มใจ ครื้นเครงได้ แต่การดื่มสุราทั่วไปมักจะนั่งดื่มกินไปเรื่อยๆ พอกระดกเยอะเข้าๆ ก็เริ่มหน้าแดง คลื่นไส้ อาเจียน สมองทำงานช้าลง เปลี่ยนอารมณ์ง่าย และเคลื่อนไหวเอื่อยกว่าปกติ



เมื่อดื่มติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จะทำให้เป็นโรคติดสุราเรื้อรังได้ บุคคลเหล่านี้จะมีอาการมือสั่น ความคิดช้าลง ความจำเสื่อม การทำงานแย่ลง มีพฤติกรรมก้าวร้าว ขี้โมโห บางรายมีอาการทางจิต เช่น หูแว่ว เห็นภาพหลอน หรือหวาดระแวง

ผมว่าถ้าดื่มเพื่อสังคมก็เข้าสังคมพอสังเขปเถิดครับ อย่าเอามาอ้างพร่ำเพรื่อเลย











ติดละคร

การจดจ้องอะไรนานๆ จะทำให้ประสาทตาทำงานหนักมากเกินไป หากคุณติดละคร หรือซีรีส์...ฝรั่ง เกาหลีพึงระวังไว้ เดี๋ยวไม่มีลูกตาดีๆ ไว้ชมโลกสวยนานๆ



พ่อแม่ยุคปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับเรื่องปากท้องเป็นอันดับแรก ครอบครัวมีกิจกรรมที่สนุกสนานทำร่วมกันน้อยลง และปล่อยให้เกมและโทรทัศน์เป็นเพื่อนเด็ก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทำดัชนีครอบครัวอุ่นช่วงปี 2544-2549 เพื่อวัดความผูกพันกันทางอารมณ์และจิตใจ การดำเนินชีวิตร่วมกันในบรรยากาศที่สงบสุข ทำบทบาทหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม และมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน พบว่าดัชนีครอบครัวอบอุ่นในปี 2549 มี 58.75% ลดลงจากปี 2548 และ 2547 ซึ่งมี 59.99% และ 63.42% ตามลำดับ





เมื่อเด็กไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว จะเกิดความเหงา เบื่อหน่าย และหันเข้าหาเกมและโทรทัศน์ ซึ่งให้ความสนุกและตื่นเต้นมากกว่า แน่นอนว่าพวกเขาจะใช้เวลากับมันนานเท่านาน ถ้าไม่มีอะไรมาแซะก้นออกไปจากโซฟา



อย่าว่าแต่เด็กเลยครับ เมื่อปลายปีที่แล้วมีรายงานข่าวว่า แม่ดูละครตอนอวสานปล่อยให้ลูกไปนั่งกระโถนเล่น ไม่นานลูกเอากระโถนครอบหัว ติดแหง็กอยู่อย่างนั้น จนไปแงะออกได้ที่โรงพยาบาล พลาดตอนอวสานไปเลย แหม... โชคยังดีที่ลูกไม่เป็นอะไรมาก





อีกกรณี... สาวในวงการบันเทิงคนหนึ่งนอนดูซีรีส์เกาหลีนานเป็นวันๆ ผลก็คือ ประสาทตาอักเสบ ต้องหามส่งโรงพยาบาลครับคุณ หมอต้องให้พักผ่อนสายตา และอย่าหักโหมกับการชมซีรีส์อีก เด็ดไหมละครับ อาการติดละครของคนเรา หุหุ




จริงๆ ยังคงมีอาการติ๊ด ติด ติด อีกหลายติด ติดแบรนด์ (แฟชั่น) ติดกิน ติดเที่ยว ติดเพื่อน ติดแฟน แต่ไม่ว่าจะติดหรือบ้าอะไร ก็อย่าให้มันนานเกินเยียวยาเลยครับ

เกิดมาแต่ตัว ตายไปก็ไปแต่ตัว จะติดไปได้แค่ความดี-ชั่วแค่นั้น จริงนะครับ







ขอขอบบทความดีๆของคุณ ณัฐพล ช่วงประยูร ครับ

















Create Date :29 มกราคม 2552 Last Update :29 มกราคม 2552 0:04:00 น. Counter : Pageviews. Comments :7