
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ) นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรกที่ได้ชื่อว่าเกิดในสมัยหลัง พ.ศ. 2500 และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย

นายอภิสิทธิ์ เป็น ส.ส.กรุงเทพมหานครหลายสมัย และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ (สคศ.) , สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (ป.ป.ป) และสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (สกถ.)

นายอภิสิทธิ์ เป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าเป็นนักการเมืองที่มีบุคลิกหน้าตาดี ได้รับสมญานาม จากสื่อมวลชนว่า "หล่อใหญ่" ซึ่งตั้งให้เข้าชุดกันกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รุ่นใหม่คนอื่นๆ เช่น นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้รับสมญานามว่า "หล่อเล็ก" และ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นเจ้าของสมญานาม "หล่อโย่ง" เป็นต้น

หลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และมีการจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนนำในการจัดตั้ง เนื่องจากเป็นพรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.มากที่สุด และ นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีสถานะเป็นพรรคฝ่ายค้านพรรคเดียวในสภาผู้แทนราษฎร นายอภิสิทธิ์ได้ประกาศจัดตั้ง รัฐบาลเงาตามรูปแบบ คณะรัฐมนตรีเงา ที่มีใน "ระบบเวสมินสเตอร์" (อังกฤษ: Westminster System) ของต่างประเทศ ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 โดยประกาศวัตถุประสงค์เพื่อเสนอแนะและติดตามตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เกิด 3 สิงหาคม 2507

บิดา ศ.น.พ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกราชบัณฑิตยสถาน

มารดา ศ.พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ

ภรรยา ดร. พิมพ์เพ็ญ (ศกุนตาภัย) เวชชาชีวะ
อาจารย์ประจำ ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บุตร - ธิดา ด.ญ.ปราง เวชชาชีวะ ด.ช.ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ประวัติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีชื่อเล่นว่า "มาร์ค" เกิดวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2507 ที่ เมืองนิวคาสเซิล ประเทศอังกฤษ
บุตรชายคนเดียว ในจำนวนบุตร 3 คน ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ

มีพี่สาว คือ ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็ก

และ น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ เจ้าของงานเขียน "ความสุขของกะทิ" รางวัลซีไรท์ ประจำปี พ.ศ. 2549

เมื่อ ด.ช.อภิสิทธิ์ มีอายุไม่ถึงหนึ่งปี ครอบครัวเวชชาชีวะได้เดินทางกลับประเทศไทย ด.ช.อภิสิทธิ์ ได้เข้าเรียนระดับอนุบาลที่ โรงเรียนอนุบาลยุคลธรระดับประถมที่ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากนั้นได้ย้ายกลับประเทศอังกฤษเพื่อเข้าเรียนที่ โรงเรียนสเกทคลิฟ และเรียนต่อที่ โรงเรียนมัธยมอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำเอกชน ระดับเตรียมอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ กรุงลอนดอน นับเป็นช่วงที่อภิสิทธิ์ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนประจำเป็นเวลาหลายปี

นอกจากหลักสูตรการเรียนที่ท้าทาย กฎระเบียบด้านวินัยที่เข้มงวดแล้ว โรงเรียนที่อังกฤษยังกำหนดให้ นักเรียนทุกคนต้องออกกำลังกายอีกด้วย จึงทำให้อภิสิทธิ์ได้หัดเล่นกีฬาหลายประเภท และที่ถนัดมากที่สุดคือ ฟุตบอล ซึ่งได้กลายเป็นกีฬาที่โปรดปราน ของอภิสิทธิ์มาจนถึงทุกวันนี้

อภิสิทธิ์เป็นผู้ที่ติดตามการแข่งขันฟุตบอล ของสโมสรต่างๆ ในอังกฤษ (เป็นแฟนที่เหนียวแน่น ของสโมสรนิวคาสเซิล) และการแข่งขันระดับโลกสำคัญๆ มาตลอด (เป็นผู้ที่สามารถวิจารณ์ผู้เล่น ครูฝึกสอน และผู้จัดการของทีมฟุตบอลต่างๆ ได้คมชัดอย่างที่ไม่มีใครนึกถึง)

ในช่วงเวลาที่ว่างจากการเรียน และการเล่นกีฬา อภิสิทธิ์ก็ผ่อนคลายด้วยการฟังดนตรีแนวร็อค ตั้งแต่ป๊อปร็อคไปจนถึงเฮฟวี่เมทัล โดยมีวงดนตรีที่โปรดปรานหลายวง เช่น อาร์อีเอ็ม อีเกิ้ลล์ และโอเอซิส

ได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชา ปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ (Philosophy, Politics and Economics, P.P.E.) ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร 3 ปี โดยได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

หลังสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี นายอภิสิทธิ์ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเขาชะโงก จังหวัดนครนายก เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ได้รับพระราชทานยศร้อยตรี ก่อนจะลาออกจากราชการกลับไปศึกษาต่อระดับปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอีกครั้ง เมื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทแล้ว ได้กลับมาเป็นอาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจนสำเร็จปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกด้วย

ต้นปี พ.ศ. 2549 นายอภิสิทธิ์ได้รับปริญญา นิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากการใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมายปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐมนตรี และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชนจึงเรียกนายอภิสิทธิ์ว่า "ดร.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในบางครั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับ ผศ.ดร.พิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีบุตรธิดาด้วยกัน 2 คนคือ น.ส.ปราง เวชชาชีวะ (มะปราง) และ ด.ช.ปัณณสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ปัณ)

ตระกูลเวชชาชีวะ
ตระกูล "เวชชาชีวะ" มีบรรพบุรุษเป็นชาวจีน เดินทางโดยเรือมาขึ้นฝั่งที่ จ.จันทบุรี ต่อมาในรุ่นคุณปู่ได้เข้ามาอาศัยในกรุงเทพฯ คือ "คุณปู่ใหญ่" พระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข2 สมัย ใน คณะรัฐมนตรี คณะที่ 29(10 ก.พ. 2502-8 ธ.ค. 2506) และ คณะรัฐมนตรี คณะที่ 30(11 ธ.ค. 2506- 11 มี.ค. 2512) และเป็นผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลบำราศนราดูร จ.นนทบุรี เมื่อ ปี พ.ศ. 2492

สกุล "เวชชาชีวะ" หรือ "Vejjajiva" เป็นนามสกุลพระราชทานสมัย รัชกาลที่ 6 ลำดับที่ 4,881 จากนามสกุลพระราชทานสมัย ร.6 ที่พระราชทาน รวมทั้งสิ้น 6,423 นามสกุล โดยพระราชทานให้กับรองอำมาตย์ตรีหลง (หลง เวชชาชีวะ) แพทย์ประจำจังหวัดลพบุรี กับ นายจิ๊นแสง (บิดา) นายเป๋ง (ปู่) และนายก่อ (ปู่ทวด) เนื่องจากเป็นต้นตระกูลเป็นแพทย์จึงมีคำว่า "เวช" อยู่ในนามสกุลด้วย

นายอภิสิทธิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร โดยที่นายสุรนันท์เป็นบุตรของ นายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดาของนายอภิสิทธิ์

การรับราชการทหาร
ช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2550 นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่านายอภิสิทธิ์ไม่เข้ารับการตรวจเลือกการเกณฑ์ทหาร พร้อมทั้งแจกจ่ายจดหมายเปิดผนึกให้กับพรรคประชาธิปัตย์และสื่อมวลชน เรื่องดังกล่าวมีการเปิดเผยต่อสาธารณะมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 ในช่วงรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ได้เคยแถลงว่า ตนเคยรับราชการทหาร เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร ได้รับพระราชทานยศร้อยตรี โดยการเป็นอาจารย์ที่ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า คำแถลงของนายอภิสิทธิ์ ได้รับการยืนยันจากกองทัพในขณะนั้นว่าเป็นความจริง แต่เนื่องจากการเข้ารับราชการ ต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหาร จึงเกิดข้อกังขาว่า หากนายอภิสิทธิ์ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร เหตุใดจึงสามารถสมัครเข้าเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้

เรื่องดังกล่าว นายอภิสิทธิ์เคยแถลงเพียงว่า เป็นอำนาจวินิจฉัย และความรับผิดชอบของเจ้าพนักงานในขณะนั้น ในอีกทางหนึ่งเรื่องนี้เคยมีความเห็นจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี พ.ศ. 2542 ว่าในครั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ สมัครเข้ารับราชการสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยขาดส่งหลักฐานทางทหาร ซึ่งมีฐานความผิดเพียงโทษปรับ และมีความเห็นว่านายอภิสิทธิ์ ได้เข้ารับราชการทหารแล้ว

ช่วงเวลาเดียวกันมีความเห็น จากแหล่งข่าวในกองทัพ ว่ากองทัพบกมีเอกสารต้นขั้ว สด.๙ ที่ออกให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อบรรจุเป็นทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2529 จริง และมีเอกสาร สด.๑ ของสัสดีที่ยืนยันการรับ สด.๙ ด้วย อย่างไรก็ดี แม้นายอภิสิทธิ์ไม่มารับการตรวจเลือกและไม่ได้รับ สด.๔๓ แต่เมื่อไปรับราชการ เป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงกลาโหมในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2530 ก็ถือว่ามีฐานะเป็นทหารแล้ว เพียงแต่ไม่ไปแจ้งให้พ้นบัญชีคนขาดเท่านั้น

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2530 - 2531 อาจารย์ประจำ (ยศร้อยตรี) โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) เขาชะโงก จังหวัดนครนายก
พ.ศ. 2532 อาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
พ.ศ. 2533 - 2534 อาจารย์ประจำ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

ประวัติการทำงานทางการเมือง
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
การดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายอภิสิทธิ์ เริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการเป็น อาสาสมัครช่วยหาเสียงให้กับ นายพิชัย รัตตกุล ในเขตคลองเตย ช่วงปิดภาคเรียนที่กลับมาเมืองไทย ต่อมาได้เข้าช่วยงานด้านวิชาการในเรื่อง แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ให้กับ นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้น ก่อนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม พรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2535 ขณะมีอายุได้เพียง 27 ปี ซึ่งนับว่าเป็น ส.ส. ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และเป็น ส.ส.เพียงคนเดียวของ พรรคประชาธิปัตย์ ในเขตกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ภาคกลาง ท่ามกลางกระแส "มหาจำลองฟีเวอร์" กับการเป็นนักการเมือง "หน้าใหม่" ที่เพิ่งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก

สามารถลำดับการดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนายอภิสิทธิ์ได้ดังนี้
พ.ศ. 2535
ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 6 (สาธร ยานนาวา บางคอแหลม) 2 สมัย (2535/1 และ 2535/2)
ได้รับการแต่งตั้งเป็น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (พ.ศ. 2535-2537)
พ.ศ. 2537 รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง (รองนายกฯ ศุภชัย พานิชภักดิ์)
พ.ศ. 2538 ส.ส. เขต 5 (ดินแดน ห้วยขวาง พระโขนง คลองตัน)
ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร (พ.ศ. 2538-2539)
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2538-2540)
พ.ศ. 2539 ส.ส. เขต 5 (ดินแดน ห้วยขวาง พระโขนง คลองตัน)
พ.ศ. 2540 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกฯ ชวน หลีกภัย พ.ศ. 2540-2544)
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
กำกับดูแล สนง.คณะกรรมการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

พ.ศ. 2541 ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
พ.ศ. 2542 ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2542-2548)
พ.ศ. 2544 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2544-2548)
พ.ศ. 2548 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2548-2549)
ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน)
ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (28 เมษายน พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2551 ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2551 ได้รับการลงคะแนนเสียงจากสภาฯ ให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 27 (15 ธันวาคม พ.ศ. 2551)

ผลงานทางการเมือง
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 นายอภิสิทธิ์เป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่วมปราศรัยและคัดค้านการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่ สนามหลวง และลานพระบรมรูปทรงม้า ในฐานะนักวิชาการ และตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในครั้งนั้นประกาศไม่เข้าร่วมรัฐบาลของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีผลงานทางการเมืองที่สำคัญคือการจัดทำ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฉบับแรกของไทย ที่ดำเนินการจัดทำจนสำเร็จในช่วงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่ง เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ เพื่อมอบสิทธิแก่เยาวชนไทย ในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปี ที่รัฐจะต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ตามบทบัญญัติ แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 มาตรา 43 โดยนายอภิสิทธิ์มีบทบาทดูแล ทั้งด้านนโยบาย หลักการและรายละเอียด รวมทั้งผลักดัน ให้ผ่านคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษา ของสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารสำนักงานปฏิรูปการศึกษา และได้ดูแลจนกระทั่ง พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานรับรอง และประเมินคุณภาพการศึกษา ประกาศใช้

ศาสตราจารย์ ดร.สิปปนนท์ เกตุทัต อดีตกรรมการการศึกษาแห่งชาติผู้ทรงคุณวุฒิ และ ประธานกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เคยให้ความเห็นไว้ว่า นายอภิสิทธิ์เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาของ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และการปฏิรูปการศึกษาของไทยอย่างทะลุปรุโปร่ง

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังมีผลงานผลักดันกฎหมายและแนวคิดต่างๆ จำนวนมาก อาทิเช่น กฎหมายข้อมูลข่าวสาร กฎหมายกระจายอำนาจแก่ท้องถิ่น กฎหมายคุ้มครองเสรีภาพสื่อมวลชน การผลักดันให้มี วิทยุชุมชนในท้องถิ่น การผลักดัน ให้มีองค์กรอิสระเพื่อการตรวจสอบ เช่น ปปช. , ศาลปกครอง และ กกต. การเสนอมาตรการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูลการทุจริตของ หน่วยงานรัฐ หรือนักการเมือง

การเสนอกฎหมายให้การฮั้วประมูลเป็นความผิดทางอาญา การเสนอกฎหมายองค์การมหาชน เพื่อให้การให้บริการของรัฐ มีความสะดวกคล่องตัว และการผลักดันแนวคิดเรื่องการสรรหาผู้บริหารระดับสูงในองค์กรภาครัฐ ด้วยระบบสัญญาจ้าง เพื่อให้สามารถสรรหาผู้บริหารระดับสูงที่มีคุณภาพ ทำงานอย่างอิสระ โดยได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม
จากผลงานการใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ทางการเมืองดังกล่าว ทำให้นายอภิสิทธิ์ได้รับ ปริญญานิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปี พ.ศ. 2549

บทบาทในช่วงวิกฤตการทางการเมือง
ปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอแนะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น นำคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ และให้ พ.ต.ท.ทักษิณ กราบบังคมทูลขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน โดยอาศัยความตามมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เพื่อรักษาการชั่วคราวในการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์ทางการเมือง สืบเนื่องจาก นักวิชาการ นักการเมือง และประชาชน ที่มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันลงนามทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2549 โดยอ้างอิงความตามมาตรา 7 ซึ่งนายอภิสิทธิ์ไม่ใช่ผู้ร่วมลงนามในฎีกาดังกล่าวตามหลักฐานรายชื่อในฎีกาขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน

ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์มีความแตกต่างจากเนื้อหาในฎีกา เนื่องจากเสนอให้รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ ก่อนที่จะขอ นายกรัฐมนตรีพระราชทาน ทำให้เกิดเงื่อนไขสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ ในขณะที่เนื้อหาในฎีกา เป็นการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ทั้งที่ยังมี รักษาการนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่ง จึงเป็นการขอที่ไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ได้มีแถลงการณ์ว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ ได้รับการยอมรับจาก ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ว่าสามารถปฏิบัติได้จริงตามรัฐธรรมนูญทุกประการ

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2549 ได้มีกระแสพระราชดำรัสต่อคณะผู้พิพากษา ว่าการขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ไม่ใช่การปกครองแบบประชาธิปไตย หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ที่มีชื่อเล่นว่า "มาร์ค" ถูกกลุ่มการเมืองฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งฉายาให้ว่า "มาร์ค ม.7"

ในการเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2549 นายอภิสิทธิ์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศ จับมือทางการเมืองระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และ พรรคมหาชน ปฏิเสธการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าเป็นการจัดเลือกตั้งที่ไม่ถูกต้อง ตามหลักการที่ควร เป็นผลให้ พรรคไทยรักไทยต้องส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเพียงพรรคเดียวในหลายเขตเลือกตั้ง

ในที่สุดนำมาซึ่งการฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาทุจริตในการเลือกตั้ง และต่อมามีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ "คดียุบพรรค" และศาลก็ได้มีมติให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 3 คนต้องโทษจำคุก ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 1/2551 โดยระเบียบวาระสำคัญ คือการเลือกนายกรัฐมนตรีแทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก คดียุบพรรคการเมือง โดยนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ และนายเสนาะ เทียนทอง เสนอชื่อพลตำรวจเอกประชา พรหมนอก

ต่อมา เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ขานชื่อเพื่อโหวตเลือกนายกฯ โดยนายอภิสิทธิ์มีคะแนนเสียงสนับสนุน 235 เสียง ขณะที่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก มีเสียงสนับสนุน 198 เสียง โดยนายชัย ชิดชอบ ประธานในที่ประชุม นายอภิสิทธิ์ และนายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา งดออกเสียง

สำหรับผลการโหวตที่น่าสนใจ คือ พล.ต.อ.ประชา ลงมติสนับสนุนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจชาติพัฒนา ลงมติสวนมติพรรคสนับสนุน พล.ต.อ.ประชา ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ งดออกเสียง ซึ่งภายหลังการลงมติ พล.ต.อ.ประชา เดินเข้ามาจับมือ นายอภิสิทธิ์ แสดงความยินดีด้วย

สำหรับ ส.ส.ในสังกัดกลุ่มเพื่อนเนวิน ที่สนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย
- นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.เขต 2 บุรีรัมย์
- นายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ ส.ส.เขต 1 พิษณุโลก
- นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ส.ส.เขต 3 บุรีรัมย์
- นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.เขต 3 บุรีรัมย์
- นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.เขต 4 บุรีรัมย์
- นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.เขต 3 ขอนแก่น
- นายภิรมย์ พลวิเศษ ส.ส.เขต 5 นครราชสีมา
- นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.เขต 6 นครราชสีมา
- นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.เขต 1 นครพนม
- นายวีระ รักความสุข ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3
- นายเทวฤทธิ์ นิกรเทศ ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 3
- นายเพิ่มพูน ทองศรี ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4
- นางพัฒนา สังขทรัพย์ ส.ส.เขต 1 เลย
- นายเชิดชัย วิเชียรวรรณ ส.ส.เขต 1 อุดรธานี
- นายสุชาติ โชคชัยวัฒนาการ ส.ส.เขต 2 มหาสารคาม
- นายประจักษ์ แก้วกล้าหาญ ส.ส.เขต 1 ขอนแก่น
- นายวิเชียร อุดมศักดิ์ ส.ส.เขต1 อำนาจเจริญ
- ขณะที่ นายชัย ชิดชอบ งดออกเสียง โดยระบุว่า เพื่อความเป็นกลาง

ผลงานหนังสือ
มาร์ค เขาชื่อ... อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ. พ.ศ. 2548, ISBN 978-974-93358-1-9
การเมืองไทยหลังรัฐประหาร. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-88195-1-8
เขียนรัฐธรรมนูญอย่างไรไม่ถูกฉีก. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-7310-66-5
ร้อยฝันวันฟ้าใหม่. พ.ศ. 2550, ISBN 978-974-8494-81-4

เกียรติยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พ.ศ. 2535 : ตริตาภรณ์มงกุฏไทย (ต.ม.)
พ.ศ. 2536 : ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
พ.ศ. 2538 : ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.)
พ.ศ. 2540 : ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พ.ศ. 2541 : มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
พ.ศ. 2542 : มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)

การได้รับการจัดอันดับในระดับนานาชาติ
พ.ศ. 2535 : 1 ใน 100 ผู้นำสำหรับโลกวันพรุ่งนี้, โดย World Economic Forum (องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองของโลก)
พ.ศ. 2540 : 1 ใน 6 นักการเมืองที่เป็นความหวังของเอเซีย, โดย นิตยสารไทม์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2540, เสียงใหม่ๆ เพื่อเอเซียใหม่
พ.ศ. 2542 : 1 ใน 20 ผู้นำสำหรับสหัสวรรษ ด้านการเมือง, โดย นิตยสารเอเซียวีค 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542

อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่หนุ่มสุดในประวัติศาสตร์ไทยจริงหรือ?
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า ยังไงเสีย "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เวลานี้ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุอานามน้อยที่สุดแล้วสิ เฉลย...ทุกท่านคิดผิดแล้วล่ะ

ย้อนประวัติศาสตร์ไปสมัย "จอมพลแปลก พิบูลสงคราม" หรือที่รู้จักกันในนาม "จอมพล ป." นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของไทย ซึ่งเป็นผู้รั้งเก้าอี้นายกฯ ยาวนานที่สุด ถึง 8 สมัย เลยก็ว่าได้ เพราะรวมกันมากถึง 14 ปี 11 เดือน 18 วัน
จอมพล ป. พิบูลสงคราม เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 เป็นหนึ่งในคณะนายทหารผู้ร่วมก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 โดยเป็นนายทหารรุ่นน้อง พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา 2 ปี ที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก มีบทบาทสำคัญในการปราบกบฏบวรเดชเมื่อปี พ.ศ. 2476 จนได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะมีอายุแค่เพียง 41 ปี เมื่อ 16 ธันวาคม พ.ศ.2481 ก่อนที่จะสิ้นสุดยุคของจอมพล ป. ด้วยการถูกทำรัฐประหาร ในสมัยที่ 8 ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2500
แต่ใช่ว่า มาถึงเวลานี้ จอมพล ป. จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไม่ เพราะจากการสืบค้นข้อมูล ก็พบว่า ยังมีอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ เริ่มดำรงตำแหน่งด้วยอายุที่น้อยที่สุด คือ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช

หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของไทยที่ครองตำแหน่งมาได้ถึง 4 สมัย เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 และเป็นพี่ชายของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้น้อง ที่มีความสามารถในหลายสาขา โดยสื่อมวลชนนิยมเรียก ท่านทั้งคู่ว่า "หม่อมพี่ หม่อมน้อง" ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เส้นทางก่อนเข้าสู่วงการเมือง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด ม.ร.ว.เสนีย์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ในฐานะหัวหน้าเสรีไทย สายสหรัฐอเมริกา ได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อจาก นายควง อภัยวงศ์ เพื่อเจรจากับประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับสถานะของประเทศไทย ที่เป็นฝ่ายเดียวกับสัมพันธมิตร ภายหลังการประกาศสันติภาพ โดยรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ให้การประกาศสงคราม กับฝ่ายสัมพันธมิตร ของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นโมฆะ โดยเดินทางกลับมารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2488 และขณะนั้นเขามีอายุ แค่ 40 ปี เท่านั้น
จากบันทึกประวัติศาสตร์ ทำให้ทราบว่า นายกรัฐมนตรี ผู้มีอายุน้อยที่สุด คือ "ม.ร.ว.เสนีย์" หาใช่ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ไม่ แต่สิ่งที่ทั้ง 2 คนเหมือนกัน คงมาจากเส้นเลือดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเก่าแก่ยาวนานคู่ระบบพรรคการเมืองไทยมากกว่า

ที่มา
วิกิพีเดีย
Create Date :18 ธันวาคม 2551
Last Update :18 ธันวาคม 2551 0:06:07 น.
Counter : Pageviews.
Comments :86
- Comment
โดย: ประชาธิปไตย IP: 58.9.112.205 18 ธันวาคม 2551 0:40:53 น.
และได้รู้ว่า นายกที่อายุน้อยที่สุดคือใคร
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 6
โดย: โอน่าจอมซ่าส์
ป.ล. นายกหน้าตาดี
โดย: Paradijs
โดย: ณ 1 IP: 58.9.96.93 23 ธันวาคม 2551 9:29:16 น.
โดย: ณ 1 IP: 58.9.235.224 23 ธันวาคม 2551 12:13:23 น.
จงทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
อย่าหยุดกับความผิดหวัง
โดย: น.ศ.มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต ศูนย์ตรัง IP: 202.29.83.65 27 ธันวาคม 2551 13:00:06 น.
สู้ สู้....ค่ะ
โดย: จากนักศึกษา IP: 222.123.103.187 10 มกราคม 2552 16:11:15 น.
ในการทำงานนั้นย่อมมีอุปสรรคเสมอ
แต่มันอยู่ที่เราว่าจะผ่านมันไปได้มั้ย
การที่จะผ่านมันไปได้นั้นต้องอาศัย
ความอดทน ความเพียรพยายาม
ขอให้ท่านนายกอภิสิทธิ์ สู้ต่อไปอย่ายอมแพ้นะคะ
ปล.หลังพายุรุนแรง ฟ้าย่อมสว่างใสเสมอ (รักนายกอภิสิทธ์มากมาย)
^_______^
โดย: รัก อภิสิทธิ์ มากมาย IP: 117.47.112.151 10 มกราคม 2552 22:41:08 น.
โดย: แอบปลื้ม IP: 222.123.145.136 23 มกราคม 2552 14:27:37 น.
โดยไม่มีอุปสรรค ใดๆมากีดขวาง
จะเป็นกำลังใจให้
โดย: คนใต้ IP: 118.173.144.90 14 เมษายน 2552 19:19:17 น.
โดย: BeeBeei IP: 58.8.229.189 18 เมษายน 2552 23:59:08 น.
โดย: num IP: 61.19.222.8 19 เมษายน 2552 14:40:09 น.
โดย: อ IP: 117.47.215.233 19 เมษายน 2552 18:04:59 น.
คนใต้รักนายกอภิสิทธ์มากๆๆๆๆๆครับ
โดย: เด็กสงขลารักนายกอภิสิทธ์ IP: 222.123.141.27 8 สิงหาคม 2552 14:26:58 น.
โดย: ครูเขียว IP: 118.173.126.249 20 สิงหาคม 2552 12:17:45 น.
นะ
ประเทศชาติยากจนมาก
คนจนไม่มีการดูแล
น่าส่งสารจัง
โดย: พันธมิตร IP: 10.17.2.32, 202.44.8.100 26 สิงหาคม 2552 0:11:08 น.
โดย: ผู้ดี IP: 192.168.182.231, 119.42.69.28 1 พฤศจิกายน 2552 0:34:11 น.
เอกสารหาย...โง่ทั้งประเทศถ้าเชื่อมัน
ไอ้สรยุทธ ยังมีหน้าบอกว่า เอกสารลืมส่ง ...เด็กอนุบาลอาจจะเชื่อ
สรุปแล้ว
มาร์ค ม.7 หนีทหารครับ
โดย: คนเกณฑ์ทหาร IP: 79.230.72.38 15 พฤศจิกายน 2552 2:30:51 น.
สักวันทุกคนจะเห็นความดีกับความเก่งของน้ามาร์คเอง ^^
โดย: รักประเทศไทย IP: 124.121.8.209 24 ธันวาคม 2552 14:39:35 น.
โดย: คนติดตามข่าวเสมอ IP: 161.200.255.162 24 ธันวาคม 2552 16:01:41 น.
โดย: บ้านพันธมิตร IP: 117.47.238.167 9 มกราคม 2553 17:32:02 น.
นายกอภิสิทธิ์ เป็นคนดีคนหนึ่ง ที่หายากในสังคมปัจจุบัน ขอให้รักษาความดี ความสุจริต ไว้เป็นแบบอย่างให้เด็ก ๆ รุ่นหลัง ได้เห็นว่า คนดี ยังมีอยู่ ในสังคมไทย
เป็นกำลังใจให้
โดย: คนนายแบงก์ IP: 87.201.165.251 8 มีนาคม 2553 16:55:27 น.
โดย: ธนภรณ์ IP: 112.142.84.204 20 มีนาคม 2553 20:45:04 น.
โดย: รักคนดี IP: 118.172.175.98 24 มีนาคม 2553 17:17:54 น.
เงินเดือนครูเมื่อไรจะเข้าสู่สภา รอมาเป็นเวลานานแล้ว เดี๋ยวก็อดอีก ถ้าอดครั้งนี้ ฐานเสียงจากครูจะไปกับพรรคการเมืองใหม่ เพราะอยากให้ 2 พรรค จัดรัฐบาลร่วมกัน ขอบคุณนายแพทย์อรรถสิทธิ์ ที่ส่งนายอภิสิทธิ์มาเกิดเป็นนายกแห่งประเทศไทย ..ครูไทย
โดย: ครู IP: 118.172.224.152 1 เมษายน 2553 9:10:49 น.
แต่ที่ยังติดใจอยู่คือทำไมไม่ขึ้นมาตรงนี้อย่างมีเกียรติ และศักดิ์ศรี ทุกฝ่ายทุกสีมีเหตุผลของตัวเองซึ่งไม่สามารถจะเจรจากันได้ เพราะคิดเอาเองว่าความคิดตนเองถูก ทำไมเราไม่เอาเสียงจากประชาชนเป็นคนตัดสินล่ะ แล้วเราจะใช้ระบอบประชาธิปไตยไปเพื่ออะไร ?
โดย: เสียงเตือนสติ IP: 124.120.147.203 17 เมษายน 2553 1:23:21 น.
อาศัยมีคนหนุน
....เป็นนายกรัฐมนตรี..ควรมีความสามารถมากกว่านี้
โดย: จริงแท้ IP: 125.26.195.243 8 พฤษภาคม 2553 19:23:53 น.
ก้อนหิน: แท้จริงไม่มี ที่ใครว่าคุณอภิสิทธิ์ด้อยประสบการณ์ ขอถามหน่อยว่ามีนายกไทยคนไหนที่ต้องมรสุมการเมืองหนักหน่วง เสี่ยงอันตราย ชะตาทั้งประเทศแขวนอยู่บนเส้นด้ายเช่นนี้ ที่ตั้งแต่รับตำแหน่งมา นำการบริหารงานรัฐบาลต้านกระแสความพยายามล้มล้างรัฐบาล(ที่ผู้บริหารได้รับเลือกตั้งมาเป็นสส. คราวเดียวกับรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์) และสถาบันสูงสุดของบ้านเมืองอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยนายทุนผู้บงการจากนอกประเทศที่มีแต่ความแค้นและความเกลียดชังอยู่ในใจอย่างไม่สามารถจะลบเลือนได้และที่มีทุนหลายหมื่นล้านหรือเป็นแสนล้าน อย่างต่อเนื่ิองและไม่มีท่าทีว่าจะลดละ จนรัฐบาลนี้แทบจะไม่มีเวลาบริหารกิจการบ้านเมืองตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา ประชาชนโดยเฉพาะส่วนที่เป็น นปช. จะต้องให้โอกาสและสนับสนุนรัฐบาลนี้ปกครองบ้านเมืองและแก้ปัญหาต่างๆ ตามที่ประชาชนได้เรียกร้องและร้องทุกข์มา คือ ปัญหาเรื่องปากท้อง ความไม่เสมอภาคและความด้อยโอกาสในด้านต่างๆ มิใช่การใช้กฎหมู่กดดันขับไล่รัฐบาลและยุบสภาฯ เช่นที่ต่อสู้เรียกร้องในที่ชุมนุมประท้วงที่เพิ่งผ่านมา เพราะเมื่อเปลียนฝ่ายบริหารใหม่ ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่า รัฐบาลบาลใหม่จะเป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน บริหารงานทุกอย่างโดยโปร่งใส ตรงไปตรงมาอย่างแท้จริง จะเข้าทำนอง "กบเลือกนาย" ประชาชนทุกคนต้องทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการปฏิบัติงานของรัฐบาลทุกรัฐบาลในทุกขณะโดยวิถีทางประชาธิปไตยและอยู่ในกรอบของกฎหมาย โดยมิให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นอย่างที่แล้วมา
การชุมนุมเรียกร้องของฝ่ายพันธมิตรฯ และ นปช. ในระยะ ๒-๓ ปีที่ผ่านมาสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยของเราอย่างใหญ่หลวงในทุกๆ ด้าน ในอนาคต ภาคประชาชนก็ดี ภาครัฐบาลก็ดี จักต้องเรียนรู้ให้ซึ้งถึงบทเรียนราคาแพงนี้และป้องกันมิให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก ชาติของเรายังมีปัญหาใหญ่ที่คนทั้งชาติจะต้องร่วมมือกันแก้ไขอีกมาก ยกตัวอย่าง ปัญหาอธิปไตยของชาติ คือสถานการณ์จากความพยายามแยกดินแดนสี่จังหวัดภาคใต้ น่ากังวลมาก สดๆ ร้อนๆ ความเสี่ยงที่ประเทศของเราอาจตกเป็นเหยื่อสถานการณ์ล่อแหลมระหว่างการชุมนุมคราวนี้ นับตั้งแต่ความเป็นไปได้ที่ชาวไทยอาจต้องเสียเอกราชและเสรีภาพหากมีกลุ่มบุคคลจากนอกประเทศ พยายามจะฉวยโอกาสใช้กำลังหรืออำนาจเข้าครอบครองหรือครอบงำประเทศของเรา เหตุการณ์รุนแรงที่บานปลายถึงแก่ชีวิตของผู้คนจำนวนเกือบร้อย ทั้งยังผลให้มีผู้บาดเจ็บร่วมสองพันคนและบาดแผลในใจคนทั้งชาติในระยะสองเดือนครึ่งที่ผ่านมา มีผลกระทบรุนแรงต่อบุคคลในชาติ ในเชิงเปรียบเทียบ มีผลไม่แพ้เหตุที่ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินโดยสารพุ่งชนตึกระฟ้าเวิร์ลเทร้ดสองตึกในมหานครนิวยอร์คเมื่อ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔
ในที่สุดนี้ ผู้เขียนขอส่งข้อเรียกร้องถึง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ว่าคุณทักษิณยังคงเป็นมหาเศรษฐีอันดับ ๑ ของเมืองไทยแน่นอน ถ้าคุณอายุยืนถึง ๙๐ ปี แปลว่า คุณยังมีเวลาเหลืออีกมากที่จะแบ่งปันความสุขให้แก่ประชาชนคนไทยได้ทั้งประเทศ อย่างน้อย ก็ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าการล้างมือจากการเมืองไทย ปล่อยให้ประชาชนเขาดูแลประเทศของเขาเอง ประชาชนสามารถทำได้อยู่แล้ว คุณเองก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างปรกติสุข ไม่ต้องรุ่มร้อน หงุดหงิดเช่นทุกวันนี้ แต่ถ้าคุณอยากทำอะไรมากกว่านี้ คุณเพียงแต่แบ่งปันดอกเบี้ยและผลที่งอกเงยจากทรัพย์สินผลประโยชน์มหาศาลต่างๆ ของคุณ เอามาเป็นกองทุนเงินกู้ให้เกษตรกร สร้างคลองชลประทาน โรงเรียน โรงพยาบาล ผลิตครู แพทย์ และนักวิชาชีพต่างๆ ให้มีทั้งคุณภาพและคุณธรรมมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เป็นต้น โดยที่คุณมิต้องแตะต้องกองเงินที่คุณมีอยู่แล้ว เช่นนี้ ประชาชนที่คุณเคยพูดพร่ำว่ารักใคร่ห่วงใยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแน่นอน แทนที่คุณจะเลี้ยงดู ดูแลแต่เพียงครอบครัว ญาติสนิทมิตรสหายและลูกน้องอยู่ในวงแคบเท่านั้น อีกทั้งคนเหล่านี้ฟังคุณอยู่แล้ว และหลายๆ คนในจำนวนนี้ก็ร่ำรวยไม่น้อย ที่แน่ๆ ร่ำรวยกว่าชาวนาชาวไร่ น่าจะเชิญชวนให้เขาทำดีตามอย่างคุณ คุณจะได้ชื่อว่าเป็นผู้นำทำความดี เชื่ิอได้เลย จะมีแต่ดี ดี ดี ทุกคนก็จะชนะหมด ไม่มีใครแพ้ คุณเอง ลูกหลานคุณ ตระกูลชินวัตรของคุณ ในภายภาคหน้า จะมีแต่คนยกย่องสรรเสริญ เชื่อว่า ชื่อเสียง คุณความดีของคุณจะจารึกลงในประวัติศาสตร์ไทย แลดูดี สง่างาม กว่าชื่อเสียเป็นไหนๆ คุณเท่านั้นแหละที่มีศักยภาพสามารถจะบันดาลสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ในสังคมไทย
โดย: คมดาบ ปราบไพรี IP: 99.11.251.130 20 พฤษภาคม 2553 8:09:34 น.
โดย: พินิจนันท์ เจมส์
โดย: ป้าพร IP: 125.24.102.231 18 กรกฎาคม 2553 9:54:39 น.
โดย: วรรณพร IP: 124.120.84.171 26 สิงหาคม 2553 11:26:48 น.
และใจดำอำมหิตที่สุด ตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีนายกมา
ตั้งรมต.ปญอ.อย่างนายกษิต
แถมโกงกินทุกโครงการที่มี
เป็นนายกได้เพราะอะไร คนเขารู้กันทั่ว
เมืองนอกเขาหัวเราะเยาะลับหลัง
นำพาประเทศเดินถอยหลังลงคลอง
น่าสงสารประเทศไทย พ.ศ.นี้จริงๆ
โดย: mommam IP: 118.172.241.167 6 กันยายน 2553 6:30:17 น.
โดย: นายประวิทย์ ณ กระโทกโคราช IP: 192.168.7.35, 110.164.64.82 17 กันยายน 2553 13:15:37 น.
ถ้านาย อภิสิทธ ยุบสภา ทุกอย่างก็จบคนเสื้อแดง ก็ กลับบ้าน ไปรอเลือกตั้งที่บ้านแล้วทุกอย่างจบ ทั้งที่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ (อย่าบอกนะว่าไม่รู้ ) ความชั่วมันปิดไม่มิดแล้ว คนเสื้อแดงเพิ่มขึ้นทุกวัน รังแกเข้าไป ยิ่งทำคนเสื้อแดงยิ่งเยอะขึ้นทุกวัน ไอ้คนที่ มัวเมา หลงว่านายก รูปหล่อ นี่นะ มองรอบตัวแล้ว ตั้งสติคิดให้ดี ทำไมคนเสื้อแดงถึงเยอะขึ้นทุกวันทุกวัน นี่ไงทึ่บอกว่าเสื้อแดงเป็นควาย ควายมันเยอะขึ้นทุกวันๆ แล้วสักวันคนเสื้อแดงแค่เคยเป็นควายเท่านั้น เดี๋ยวนี้ ไม่แล้วครับ
โดย: อภิจิต เฃี่ยวชาญหายนะ IP: 124.121.247.109 22 กันยายน 2553 4:18:57 น.
โดย: ผู้หวังดี IP: 10.0.1.0, 202.29.105.5 4 พฤศจิกายน 2553 16:15:31 น.
โดย: ดำๆๆ IP: 125.25.163.147 17 ธันวาคม 2553 15:46:08 น.
โดย: ยมบาล IP: 183.89.47.163 19 ธันวาคม 2553 18:10:56 น.
โดย: ผมเป็นกลาง IP: 110.164.163.194 22 ธันวาคม 2553 8:21:02 น.
โดย: อยากเป็นนายก ><" IP: 1.47.19.28 15 มกราคม 2554 13:20:13 น.
เห็นแก่ประโยชน์พวกพ้อง
โดย: บังเอิญ IP: 58.8.210.124 28 กุมภาพันธ์ 2554 16:30:29 น.
มดตัวนี้จะรวมกับมดอีกทั้งประเทศแสดงพลังทวงคืน ปตท.กลับมาเป็นของประชาชนคนไทยให้ได้ครับ
โดย: มดตัวน้อย IP: 118.172.226.211 28 กุมภาพันธ์ 2554 19:52:55 น.
โดย: ปู IP: 183.89.123.38 10 มีนาคม 2554 12:32:31 น.
โดย: พร IP: 183.89.123.38 10 มีนาคม 2554 12:35:45 น.
โดย: by pass IP: 182.52.194.78 2 เมษายน 2554 20:49:26 น.
โดย: เป็นนายกต่อไป IP: 111.84.6.130 19 พฤษภาคม 2554 15:29:52 น.
โดย: เทวดา IP: 115.87.15.210 23 พฤษภาคม 2554 17:39:27 น.
โดย: อภิวันท์ IP: 125.26.233.90 25 พฤษภาคม 2554 14:33:31 น.
โดย: เด็กรามคำแหง IP: 124.122.67.212 25 พฤษภาคม 2554 18:30:53 น.
โดย: กรรม IP: 203.144.144.165 25 พฤษภาคม 2554 19:27:02 น.
โดย: ศรีนคร IP: 124.120.100.250 25 พฤษภาคม 2554 23:12:45 น.
โดย: ศรีนคร IP: 124.120.100.250 25 พฤษภาคม 2554 23:13:19 น.
โดย: ธนพร IP: 58.9.51.1 26 พฤษภาคม 2554 17:51:10 น.
โดย: butterfly IP: 183.88.251.10 28 พฤษภาคม 2554 23:00:47 น.
โดย: คนน่าน IP: 118.172.122.196 31 พฤษภาคม 2554 23:56:30 น.
โดย: คน พิด-โลก IP: 182.53.149.32 11 มิถุนายน 2554 11:04:55 น.
โดย: คนดอนเมือง IP: 118.173.235.20 21 มิถุนายน 2554 8:47:38 น.
โดย: คนน่ารัก IP: 180.180.62.107 21 มิถุนายน 2554 21:40:58 น.
โดย: คนน่ารัก IP: 180.180.62.107 21 มิถุนายน 2554 21:53:00 น.
โดย: คนตาปี IP: 118.173.7.224 22 มิถุนายน 2554 17:53:36 น.
โดย: โบว์ IP: 115.87.51.247 24 มิถุนายน 2554 21:44:07 น.
ขอเป็นกำลังใจให้นายกอภิสิทธิ์นะค่ะ ทั้งบ้านหนูเชียร์กันทั้งบ้านเลยค่ะ!
สู้สู้ๆนะค่ะ นำประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าไปนะค่ะ !!
โดย: มินิ IP: 124.120.139.249 24 มิถุนายน 2554 23:55:51 น.
โดย: วารุณี IP: 180.180.10.179 25 มิถุนายน 2554 21:56:11 น.
โดย: คนที่สนับสนุน IP: 124.120.57.249 25 มิถุนายน 2554 23:08:10 น.
คนที่ชอบว่าคนอื่นแบบนั้นแบบนี้นะ เขาเรียกว่าคน.......
คนดี เขาย่อมมองดูตัวเอง ก่อนที่จะไปว่าคนอื่น ถ้าเราไม่ดีจริงไม่ควรไปว่าคนอื่น
โดย: คนดี IP: 180.183.70.226 26 มิถุนายน 2554 11:47:42 น.
โดย: คนน่ารัก คนที่ 65 IP: 113.53.92.238 27 มิถุนายน 2554 13:40:11 น.
โดย: คนน่ารัก คนที่ 65 IP: 113.53.92.238 27 มิถุนายน 2554 13:40:37 น.
โดย: คนแม่ฮ่องสอน IP: 180.180.218.29 27 มิถุนายน 2554 23:28:07 น.
โดย: คนแม่ฮ่องสอน IP: 180.180.218.29 27 มิถุนายน 2554 23:36:26 น.
โดย: หมอกกุ้งเหมียง IP: 202.143.160.241 28 มิถุนายน 2554 8:17:44 น.
โดย: คนกลางที่1 IP: 202.29.55.217 14 กรกฎาคม 2554 12:57:00 น.
โดย: คนอีสานแท้แต่ไม่กินหญ้า555+ IP: 101.109.218.40 14 ตุลาคม 2554 1:57:17 น.
โดย: สมชาย IP: 223.207.56.102 19 พฤศจิกายน 2554 0:05:49 น.
โดย: สมชาย IP: 223.207.56.102 19 พฤศจิกายน 2554 0:05:50 น.
โดย: คนเพชรบูรณ์ที่มีสมองดีดี คิดดี และรักคนดี IP: 192.168.8.128, 127.0.0.1, 202.183.201.242 1 ธันวาคม 2554 17:50:26 น.
โดย: คนผ่านทาง IP: 182.93.198.24 5 มกราคม 2555 12:21:49 น.
เป็นคนดีที่ไม่โกง ไม่ใช่โกงไม่เป็นนะ แต่ไม่โกง คือคุณอภิสิทธิ์
สักวันเราจะมีนายก ชื่อ อภิสิทธิ์
โดย: ความหวัง IP: 14.207.186.26 31 มกราคม 2555 23:54:41 น.
โดย: กำลังใจ IP: 125.26.204.136 31 มีนาคม 2555 23:15:33 น.
โดย: วัยกลางคน IP: 58.181.214.42 12 เมษายน 2555 10:04:39 น.
โดย: peera IP: 101.51.88.139 18 กันยายน 2555 19:09:48 น.
โดย: เท่ง IP: 182.93.207.230 5 ตุลาคม 2555 9:16:28 น.
โดย: คนอิสานกลาง IP: 180.183.232.125 19 ตุลาคม 2555 13:32:20 น.
โดย: 007 IP: 14.207.7.89 7 พฤศจิกายน 2555 1:46:35 น.
โดย: 91 ศพ IP: 124.122.138.4 10 พฤศจิกายน 2555 12:17:31 น.
โดย: aun IP: 27.55.157.127 13 พฤศจิกายน 2555 15:44:08 น.
-ท่านเป็นนายกเพราะคนในสภานับถือ
-แต่คนหน้าหนา... เป็นนายกเพราะ 2000บ.ทั่วถึง
ใคร...น่าสมเพศกว่ากัน
โดย: คนไกล IP: 115.67.36.133 15 เมษายน 2556 17:58:20 น.
โดย: คุณพิชชานุชลีลาปัญญาชน IP: 124.120.205.83 28 พฤษภาคม 2564 23:35:45 น.