สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
พระมเหสีพระองค์แรก ในรัชกาลที่ 5
พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี(ประทับขวา) พระมารดา(ทรงนั่ง) พระกนิษฐา(ทรงยืน)
ประสูติ
ทรงเป็นพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ 52 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ประสูติแต่เจ้าคุณจอมมารดาสำลี ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น
"พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี"
เมื่อครั้ง รัชกาลที่ 5 เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี ในฐานะพระขนิษฐภคินี ทรงเปลี่ยนพระฐานะจาก พระเจ้าลูกเธอ เป็น
"พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี"
พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี
พระมเหสีในรัชกาลที่ 5
เมื่อมีพระชนมายุได้ประมาณ 17 พรรษา ทรงเป็นเจ้านายชั้น "ลูกหลวง" ที่ได้ถวายตัวเป็นพระมเหสี ในรัชกาลที่ 5 และภายหลังทรงมีพระประสูติกาลสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ จึงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาเป็น "พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี" ทรงรับพระราชทานเครื่องอิสริยยศราชูปโภคลงยาราชาวดี นับว่าเป็น "พระมเหสีพระองค์แรก" ที่มีการเฉลิมพระนามและพระอิสริยยศอย่างเป็นทางการในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หลังจากพระองค์มีพระประสูติกาล สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระองค์ทรงได้รับการเลื่อนพระยศเป็น "พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี" และทรงดำรงฐานันดรศักดิ์นี้จนสิ้นรัชกาล โดยพระองค์มีพระฐานะเป็นพระมเหสีลำดับสาม รองจากสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี (ประทับนั่ง) ทรงฉายพร้อมพระราชโอรส พระราชธิดา
พระราชโอรส/ธิดา
1.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร
2.สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี
พระปิตุจฉา(อา)ในรัชกาลที่ 6 และ 7
เมื่อสิ้นแผ่นดินรัชกาลที่ 5 พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ ก็ทรงเป็นเช่นเดียวกันกับกับพระมเหสีเทวีพระองค์อื่นๆ คือ โศกสลด และปลีกพระองค์ออกจากพระบรมมหาราชวังมานับตั้งแต่นั้น ได้เสด็จออกมาประทับที่วังบางขุนพรหมซึ่งรัชกาลที่ 5 พระราชทานให้เป็นวังที่ประทับของพระราชโอรส คือ สมเด็จเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ แต่เนื่องจากทรงเป็นเจ้านายฝ่ายในที่ดำรงพระอิสริยยศสูง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมโขลน และกรมวังจัดคนส่วนหนึ่งมาปฏิบัติถวายการรับใช้อยู่ที่วังนั้น เสมือนหนึ่งยังคงประทับอยู่ในพระบรมมหาราชวังทุกประการ
วังบางขุนพรหม
ในรัชกาลที่ 6 ทรงเลื่อนพระอิสริยยศพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวีในรัชกาลที่ 5 ขึ้นเป็น "สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระอิสริยยศของพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวีในรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นพระมเหสีลำดับสาม จึงมีพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าฯ พระอัครราชเทวีในรัชกาลที่ 7 นับว่าได้มีพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5 อีกพระองค์หนึ่งเช่นเดียวกันกับสมเด็จพระอัครมเหสีอีก 3 พระองค์ในรัชกาลที่ 5
พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี
สิ้นพระชนม์
สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สิ้นพระชนม์ด้วยพระโรคพระปับผาสะ (ปอด) พิการในรัชกาลที่ 7 เมื่อวันเสาร์ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ณ ตำหนักสมเด็จ วังบางขุนพรหม พระชนมายุ 66 พรรษา
พระศพอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระเกียรติยศถวายไว้อาลัย 100 วัน
พระเมรุ สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
งานพระราชทานเพลิงพระศพจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธาน ณ พระเมรุท้องสนามหลวง พระราชทานเพลิงพระศพ พระมเหสีพระองค์แรก ในรัชกาลที่ 5