bloggang.com mainmenu search
29 มิถุนายน 2554 : ทริปเที่ยวยุโรป [part 20]

เช้าวันท่องเที่ยววันสุดท้ายของทริปยุโรป ปลายทางการท่องเที่ยวครั้งนี้ คือ กรุงโรม ครับ
แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันสุดท้ายซะทีเดียว เพราะเที่ยวกันวันนี้แล้ว ยังจะได้กลับมานอนค้างคืนกันอีก 1 คืนที่กรุงโรม ก่อนที่เช้าวันถัดไปถึงจะเป็นวันเดินทางกลับครับ

โรงแรมที่พัก Hotel Morgana
โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟไม่ไกลมากนักครับ เดิน 2-3 ช่วงตึกก็ถึงสถานีรถไฟแล้ว


เดินผ่านร้านขายเสื้อผ้า รีบถ่ายภาพมาให้ชมกันครับ
จะได้เห็นแฟชั่นของชุดเสื้อผ้าที่มีการโชว์ การขาย ในเมืองกรุงโรมของช่วงที่ได้มาเยือนครั้งนี้ด้วยครับ


มาไม่ผิดประเทศแน่นอน เมืองมักกะโรนี-สปาเก๊ตตี้ แน่นอน


มาเดินเที่ยวชมบ้านเมืองกรุงโรมกันนิดหน่อยครับ ก่อนที่จะเดินไปถึงสถานที่เที่ยวแรก นครวาติกัน

การเดินทางจากโรงแรม เราเดินมากันที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วก็นั่งไปอยู่หลายสถานีอยู่เหมือนกันครับ พอขึ้นมาจากใต้ดิน ยังได้เดินกันต่ออีกไกลอยู่พอสมควรครับ









พอใกล้แหล่งสถานที่ท่องเที่ยวนครวาติกัน ก็มีร้านขายของที่ระลึกให้เห็นกันมากขึ้นครับ



ช่วงระหว่างทางเดิน ส่องกล้องไปทางไหนที่ฟ้าสวยๆ ก็ขอถ่ายภาพเก็บมาไว้ก่อน
แต่จะเป็นอะไรที่รู้จักบ้างหรือเปล่าก็ประมาณว่าเห็นแล้วสวยดีก็แล้วกันนะครับ
เพราะเดินเที่ยวกันแบบนี้ไม่มีไกด์ เลยจะไม่ได้ข้อมูลอะไร มาเล่าให้ฟังกัน




นครรัฐวาติกัน (State of the Vatican City) ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับของ พระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก นครรัฐวาติกันจัดว่าเป็นประเทศ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ศูนย์กลางคือ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ออกแบบโดยมีเกลันเจโล
การปกครองเป็นแบบอำนาจเบ็ดเสร็จ อำนาจตกอยู่ที่พระสันตะปาปาเพียงผู้เดียว จะหมดวาระก็ต่อเมื่อสิ้นพระชนม์ คัดลอกข้อมูลมาแปะไว้ให้อ่านกันนิดหน่อยครับ (//th.wikipedia.org/wiki/นครรัฐวาติกัน)


เดินมาถึงนครวาติกัน กันแล้วครับ
เดินเข้ามาเห็นภาพนี้ และภาพด้านล่างนี้

ทำเอาตกใจกับผู้คนที่มารอคิวเข้าแถวที่จะเข้าไปชมสถานที่ด้านในกัน
ช่วงที่มาถึงปลายแถวยังอยู่ไกลจากภาพบนนี้ไม่เท่าไรนัก
แต่พอช่วงสายๆ หน่อย หางแถวยาวไปถึงบริเวณรูปองค์สันตะปาปา ที่เห็นอยู่ไกลๆ โน่นเลยครับ


ด้วยไม่มีใครคาดคะเนระยะเวลาการเข้าแถวเข้าไปชม และช่วงเวลาการเข้าไปชมด้านในได้
กรุ๊ปเลยแตกเป็น 2 เป็น 3 กรุ๊ปเลย มีทั้งจะเข้าไปชมแบบเต็มๆ มาทั้งทีแล้ว
มีแบบเข้าไปดูให้เห็น ให้รู้ และอีกกรุ๊ปคือยังไงก็ไม่ยอมต่อแถวเข้าไปชม
พอเสียงแตกแบบนี้ ก็เลยเป็นว่า ใครใคร่ดู ก็ไปดู ใครไม่ใคร่ดูก็ไปถ่ายรูป





มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (ภาษาอังกฤษ: Basilica of Saint Peter, ภาษาละติน: Basilica Sancti Petri) รู้จักกันโดยชาวอิตาลีว่า Basilica di San Pietro in Vaticano หรือเรียกกันสั้นๆว่าเซนต์ปีเตอร์บาซิลิกา (Saint Peter's Basilica) มหาวิหารนี้เป็นมหาวิหารหนึ่งในสี่ของมหาวิหารหลักในกรุงโรม, ประเทศอิตาลี (อีกสามมหาวิหารคือ: มหาวิหารเซ็นต์จอห์นแลเตอร์รัน, มหาวิหารซานตามาเรียมายอเร และ มหาวิหารเซ็นต์พอลนอกกำแพง


มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกันสร้างทับวิหารเดิมที่ชื่อเดียวกัน โดมของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สูงโดดเด่นสามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม วัดนี้ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 2.3 เฮกตาร์ สามารถจุคนได้กว่า 60,000 คน[1] เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดที่หนึ่งของคริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก ที่ตั้งวัดเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังร่างของ นักบุญปีเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกสิบสององค์ของพระเยซู นักบุญปีเตอร์เดิมเป็นบาทหลวงองค์แรกของอันติโอก (Antioch) ต่อมาก็ได้สถาปนาขึ้นเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม เพราะนิกายโรมันคาทอลิกเชื่อกันว่าร่างของนักบุญปีเตอร์ถูกฝังไว้ที่นี่ จึงเป็นประเพณีกันต่อมาว่าพระสันตะปาปาหลายองค์ก็ฝังไว้ที่วัดนี้
ตัวมหาวิหารปัจจุบันเริ่มสร้างเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1506 บนวัดแบบคอนแสตนทีน และเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1626
แต่เดิมนั้นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์มิได้เป็นสถานที่พำนักประจำตำแหน่งของพระสันตะปาปาเช่นปัจจุบันนี้ (สถานที่ประจำตำแหน่งของสันตะปาปาเดิมอยู่ที่มหาวิหารเซ็นต์จอห์น แลเตอร์รัน) ถึงกระนั้นก็ยังถือกันว่าเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ในตัวนครรัฐวาติกันเอง และมีเนื้อที่มาก การทำพิธีต่างๆที่เกี่ยวกับพระสันตะปาปาก็จะมาทำกันที่นี่ นอกจากนั้นก็ยังมีบัลลังก์บิชอปปีเตอร์ (Cathedra Petri) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นบัลลังก์ของนักบุญปีเตอร์เองเมื่อดำรงตำแหน่งเป็นสันตะปาปาที่นี่ แต่ปัจจุบันนี้เก้าอี้นี้ไม่ได้ใช้เป็นบัลลังก์บิชอปอีกแล้ว แต่ยังเก็บไว้ไต้ฐานแท่นบูชาที่ออกแบบโดยจานลอเรนโซ เบร์นินี (//th.wikipedia.org/wiki/มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์)

















เหมือนได้ทราบข่าวว่าก่อนวันที่จะเดินทางมาถึงนครวาติกัน เพียงสองวัน สถานที่แห่งนี้เหมือนจะได้มีพิธีการเกี่ยวกับองค์สันตะปาปา ด้วย
เก้าอี้ที่รายล้อมอยู่ด้านหน้านี้ จึงยังไม่ได้มีการรื้อถอนขนย้ายออกไป











พาไปเดินเที่ยวชมด้านในกันนิดหน่อยครับ ส่วนที่จะได้เข้าไปเดินเที่ยวชมกันนี้
จะเป็นส่วนของการเก็บรักษา และบอกเรื่องราวต่างๆ ขององค์สันตะปาปา แบบรวมๆ กัน


เข้ามาก็เจอะเจอหนังสือเล่มใหญ่เล่มโต คงประมาณว่ามีเรื่องราวที่บันทึกเป็นเรื่องราวได้อย่างมากมาย














































































เดินชมกันไปเรื่อยๆ อีกนิดหนึ่งครับ















ออกมาสู่ด้านนอกกันแล้วครับ












ตามมาเพิ่มภาพให้ชมกันต่อแล้ว
ท้ิงท้ายภาพไว้กับเจ้าของดาบสุดเท่ๆ
วันนี้มาชมหน้าตาทหารสุดหล่อกันครับ



ว่าจะให้ชมหน้าตาหล่อๆ ชมด้านหลังกันไปก่อนละกัน 555




เจ้าของดาบที่ให้ชมกันไปก่อนนี้ หน้าตาหล่อๆ แบบนี้เลยครับ








ชมกันอีกหนึ่งแอ็คชั่นครับ


เดินกันต่ออีกนิดหนึ่งนะครับ เป็นช่วงเดินกลับออกไปจากจุดท่องเที่ยวแล้วครับ

























































มาจบและอำลานครรัฐวาติกันไว้กับภาพนี้เลยครับ

ไว้ blog หน้าจะได้ไปเที่ยวไหนตามกันต่ออีก blog 2 blog คงจบกับทริปเที่ยวยุโรปนี้แล้วล่ะครับ


ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายใน blog ชุดนี้ด้วยครับ
Create Date :29 มิถุนายน 2554 Last Update :29 มิถุนายน 2554 23:33:58 น. Counter : Pageviews. Comments :29