bloggang.com mainmenu search
8 มิถุนายน 2554 : ทริปเที่ยวยุโรป [part 14]

มาถึงทริปเที่ยวยุโรปชุดที่ 14 แล้วครับ ใกล้จะจบแล้วครับ แต่สงสัยยังคงอีกสัก 3-4 ตอน (หรือเปล่า) อาจมียืดเยื้อสักตอนหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ
เพราะอย่างตอนนี้ก็นึกว่าจะพาออกจากเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปยังประเทศอิตาลี อันเป็นเป้าหมายสุดท้าย โดยเมืองที่จะไปเป็นจุดหมายแรกคือเมืองเวนิส (พิศวาส)
แต่พอมาดูรูปแล้ว สงสัยมีแววว่า blog นี้ยังไม่น่าจะไปถึงเวนิสนะครับ อาจจะตกอยู่ข้างทางนี่ละครับ

เอาเป็นว่าจะถึงไหน เดี๋ยวตามๆ กันไป เพราะทำภาพไป up blog ไป

มาตามชมกันต่อเลยครับ
เช้าของอีกวัน หลังจากได้อยู่ที่เมืองซูริค และพาเที่ยวล่องเรือในแม่น้ำ Limmat กันไปแล้ว
เช้านี้มาร่ำลาเมืองซูริคกันเลยครับ






ที่ริมน้ำ Limmat บริเวณนี้ เมื่อวานก็มาเดินเล่นกัน และได้ล่องเรือชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งข้างทางไปแล้ว เช้านี้ก็มานั่งรถผ่านสะพานบริเวณนี้กันอีกที มาอำลาเมืองซูริคกันตรงนี้เลยละกัน
เพราะไม่ได้ไปไหนไกลจากบริเวณนี้เท่าไร


นั่งรถผ่านอาคารบ้านเรือนในเมืองซูริค ถ่ายภาพมาให้ชมกันครับ เพราะไม่ได้ผ่านมาเส้นทางนี้เหมือนกัน







เช้าวันจันทร์วันทำงาน ยังมีผู้คนออกเดินทางมาทำงานไม่มากนัก
จากที่ช่วงวันที่มาถึงเมืองซูริค ชาวเมืองเค้ายังฉลองเทศกาลอีสเตอร์ และหยุดงานกันทั่วทั้งเมือง
เช้านี้เลยยังดูคนบางตากันอยู่เลย








ออกจากตัวเมืองมาทางไฮเวย์แป๊บเดียว ได้ชมธรรมชาติของท้องทุ่งนาเขียวๆ สวยๆ กันแล้ว







มาเล่าเรื่องประทับใจการมาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ให้ฟังกันครับ
คงต้องบอกว่าการมาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ มุมถ่ายภาพวิวทิวทัศน์สองข้างทางของการมาเที่ยวชมยุโรป เป็นภาพที่มีจำนวนการถ่ายภาพมากกว่า 70-80% เลยครับ
ถึงแม้จะรู้ว่าภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ที่ถ่ายภาพขณะรถวิ่ง จะเป็นอะไรที่ยากๆ ในการวางภาพ การถ่ายภาพ แต่เมื่อได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางตลอดทุกเส้นทางที่รถวิ่งผ่าน
ก็แทบจะอดใจไม่อยู่ ขอกดชัตเตอร์มาตลอดเส้นทาง ภาพถ่ายจะชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง จะเป็นเงาสะท้อนกระจกในการถ่ายภาพเกือบทุกๆ ภาพ ก็ยังตั้งใจที่จะกดชัตเตอร์มาไว้ก่อน แล้วค่อยมาดูกัน มาคัดภาพกันว่าจะเหลือภาพให้เพื่อนๆ ชมกันมากน้อยแค่ไหน





แต่ก็บอกได้เลยครับว่า การมาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ วิวสองข้างทางที่ได้นั่งรถผ่านในแต่ละประเทศ สวยถูกใจมากๆ
มาชมกันไปเรื่อยๆ ครับ





ภูเขาสวยๆ ที่ได้ชมกันจาก blog ก่อน และ blog นี้
มาเล่าให้ฟังกันประมาณนี้ว่า คนขับรถที่ทำหน้าที่เป็นไกด์เล่าเรื่องภูมิประเทศตลอดสองข้างทางที่ผ่านไปเรื่อยๆ เล่าให้ฟังว่า ในเขตสวิตฯ หรืออาจรวมชายแตนที่ติดกับอิตาลีบางส่วน จะมีเทือกเขาแอลป์ทอดยาวไปตลอด จุดที่ขึ้นไปชมหรือใครขึ้นไปพิชิตยอดเขาแอลป์ตรงจุดนั้นก็เป็นไฮไลท์ของเทือกเขาแอลป์ แต่เทือกเขาแอลป์ที่ทอดยาวไปตลอดแนวนี้ มักจะมีการเรียกชื่อว่า แอลป์.....ต่อด้วยชื่ออะไรที่เป็นสำคัญๆ ของบริเวณนั้น ซึ่งก็มีหลายชื่อ จดจำกันไม่ได้ว่าภูเขานี้ชื่ออะไรกันบ้าง
แต่ภาพจากตรงนี้ที่ให้ชมกัน ก็เลยไม่มั่นใจเหมือนกันครับว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ด้วยหรือเปล่า
เอาเป็นว่าชมกันสวยๆ และทึกทึกเอาเองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ก็แล้วกันครับ











































วิวทิวทัศน์ภูเขา กับ แม่น้ำ ช่วงที่รถวิ่งผ่านไปนี้
เป็นอะไรที่สวยงามถูกตาต้องใจกันมากๆ หลายๆ คนก็กดชัตเตอร์กันสนุกสนาน
แต่ก็ต้องลุ้นๆ กันกับช่วงที่ไม่มีต้นไม้ขวางกั้นด้านหน้า
พอมุมไหนสวยๆ แล้วมีต้นไม้บังกัน ได้แต่บ่นเสียดายกันไป
แล้วบางช่วงก็มาสวยน่าชมมากๆ แต่ก็เป็นช่วงที่รถต้องวิ่งลอดผ่านอุโมงค์
แอบลุ้นกันไปว่า ผ่านอุโมงค์ไปแล้ว หวังว่าจะได้แก้มือ กับภาพสวยๆที่เห็นกันก่อนหน้านี้
พอผ่านอุโมงค์ออกมาแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมีแต่เสียดาย เพราะวิวที่เห็นก่อนลอดอุโมงค์กับตอนผ่านอุโมงค์มา มันสวยไม่เท่าที่เห็นตอนก่อนลอดอุโมงค์











ลืมเล่าให้ฟังกันว่า
การถ่ายภาพผ่านกระจกบนรถที่ถ่ายภาพให้ชมกันครั้งนี้
ใช้ Mode Tv หรือ Mode S เป็นหลักเลยครับ
และก็ปรับ Speed ไปเริ่มต้นที่ 1/400 บางช่วงก็ปรับเปลี่ยนสูงขึ้นกว่านี้ด้วย
เพราะรู้ว่ารถวิ่งเร็ว
ส่วนค่า ISO ก็ปรับไว้ช่วง 400-640 ในช่วงที่ดูว่าวิวทิวทัศน์มีแสงแดด ท้องฟ้าใสๆ
ส่วนช่วงไหนดูมีเมฆหมอกครึ้มฟ้าครึ้มฝน ก็ปรับ ISO ไป 800 - 1000

ค่า F ที่กล้องปรับอัตโนมัติให้ อยู่ในช่วงระหว่าง 5.6 - 8 มี 11 บ้างนิดหน่อย




พอพ้นช่วงริมแม่น้ำ มาเจอทุ่งหญ้าเขียวๆ ก็สวยถูกใจไม่แพ้กันครับ






ก่อนมาเที่ยวครั้งนี้ มีการวางโปรแกรมว่าจะเดินทางด้วยรถไฟข้ามไปในแต่ละประเทศ ก็ได้สอบถามคนที่เคยใช้วิธีท่องเที่ยวแบบนี้ เพื่อนๆ ก็เล่าว่าเป็นเส้นทางรถไฟที่สวยงาม เพราะได้ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่สวยงามมากๆ
พอได้มาเที่ยวเองแต่เปลี่ยนมาใช้การเดินทางด้วยรถโค้ช และได้เห็นขบวนรถไฟวิ่งขนานไปกับเส้นทางรถยนต์ ทำให้เข้าใจเองว่า น่าจะเป็นเส้นทางเดียวกันกับที่เพื่อนๆ เล่าให้ฟังมาก่อนหน้านี้


สุดเขตวิวทิวทัศน์ตรงนี้ เราจะเข้าไปยังเมืองที่อยู่ชายแดนสวิตเซอร์แลนด์-อิตาลี
เมืองนี้ชื่อ Locarno ครับ








ชมบ้านเมืองของ Locarno ไปกันด้วยครับ










































เดี๋ยวเราจะได้มาพักรถกันที่เมืองนี้อีกพักหนึ่งครับ (ตามกฏของคนขับรถ ที่ขับรถ 3-4 ชั่วโมง ต้องมีเวลาพักให้เค้า เค้าพัก พวกเราก็ กินกับช้อป 555)


ลงไปเดินเล่นกันครับ จะได้ช้อปอะไรบ้างหรือเปล่า





Termometri Lento
อันนี้ดูแล้วเป็นเทอร์โมมิเตอร์ แต่เป็นแบบของเหลว
นั่งดูด้วยความสนใจ แต่ก็ยังดูไม่ออกเหมือนกัน ว่าจะบอกอุณหภูมิกันได้แบบไหน เป็นอะไรที่ชวนให้ฉงนและสนใจมากๆ ครับ



มาเดินเที่ยวชมกันครับ กับมุม Window Shopping กันเล็กๆ น้อยๆ ครับ


ไม่ค่อยจะได้ช้อปอะไรกันมากมายครับ

เมือง Locarno นี้เป็นเมืองที่ติดต่อกัน หรือเป็นชายแดนระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับอิตาลี ที่นี่ก็ยังใช้เงินแบบฟรังค์สวิต กันอยู่ครับ



เดินมาถึงสถานีรถไฟที่เมืองนี้ด้วย จุดประสงค์ก็หาที่ทำธุระส่วนตัวกันครับ




ห้องน้ำผู้หญิงต้องหยอดเหรียญกันก่อนถึงจะเปิดประตูได้
แต่ของผู้ชายเข้ากันได้ฟรีๆ ครับ









เมือง Locarno นี้ยังเป็นท่าเรืออีกด้วยครับ







หัวรถไฟ สำหรับพานักท่องเที่ยวชมเมืองครับ
ไม่มีเวลาพอที่จะขึ้นรถไฟนั่งเที่ยวชมเมือง เลยถ่ายรูปมาซะหน่อย


ช่วงที่รอรถโค้ชมารับ เพราะคนขับรถหาที่จอดรถไม่ได้
สงสัยจะต้องไปจอดพักรถ พักเหนื่อย ไกลๆ เลยได้รอกันอยู่พักหนึ่ง แต่ก็มากันตรงเวลาเป๊ะเหมือนกัน

มีภาพต้นไม้ ดอกไม้ ช่วงบริเวณที่รอรถมาให้ชมกันเป็นภาพปิดท้าย blog นี้ครับ









































เอาภาพมาแปะให้ชมกันแค่นี้ก่อนครับ แล้ว blog หน้าค่อยไปเวนิส กันนะครับ

ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่าย set นี้ด้วยครับ
Create Date :08 มิถุนายน 2554 Last Update :8 มิถุนายน 2554 19:11:04 น. Counter : Pageviews. Comments :13