bloggang.com mainmenu search
19 พฤษภาคม 2554 : ทริปเที่ยวยุโรป [part 8] อำลา Munchen สู่ Aschau

blog นี้เป็นวันที่ 2 ที่ได้มาใช้ชีวิตท่องเที่ยวยุโรปครั้งที่ 2 ของตัวเอง
วันแรกไม่ได้มีกำหนดการท่องเที่ยวอะไร พากันเดินเล่นอยู่ในเมืองมิวนิค ย่านจตุรัส Marienplatz
แล้วก็ไปดูงาน ดูสถานที่ของหัวหน้ากรุ๊ปที่พามาเที่ยว ที่เคยมาเรียนมาทำงานอยู่ที่เยอรมันเมื่อหลายลิบปีมาแล้ว ตกเย็นก็ไปทานขาหมูเยอรมัน และจิบเบียร์กันที่โรงเบียร์ Hofbräuhaus München แล้วก็เดินกลับเข้าสู่ที่พัก ซึ่งได้ให้ชมกันไปใน 7 blog ก่อนหน้านี้แล้ว

เช้าวันใหม่กับอาหารมื้อเช้าก่อนออกเดินทาง ภายในห้องอาหารของ Hotel Meier



เล่าเรื่องอาหารเช้าที่ได้ทานกันที่โรงแรมทุกวัน เพราะทุกวันได้นอนที่โรงแรมกันทุกๆ วัน เปลี่ยนโรงแรมไปกันในแต่ละเมือง แต่ละประเทศ
อาหารเช้า Breakfast ก็เหมือนๆ กันทั่วไป ขนมปังเป็นหลัก บางโรงแรมดีหน่อยที่มีแฮมนานาชนิด ไข่คน เบค่อนทอด นมจืด ซีเรียลคอร์นเฟลกซ์ ขนมปัง ครัวซอง ผลไม้ แอ๊ปเปิ้ล ส้ม กล้วยหอม ลูกไหน
อาหารก็น่าจะอยู่ประมาณนี้ มากบ้าง น้อยบ้าง ในแต่ละโรงแรม เรียกว่าทำใจกันมาก่อนเลย ว่าเช้าๆ จะต้องทานกันแบบนี้ มื้อแรกก็ยังคงทานก้นได้เยอะๆ ทานกันหลายอย่าง แต่พอวันท้ายๆ ก็เริ่มเห็นทานกันน้อยลงแล้วเหมือนกัน

มาแอบเม้าท์กันหน่อยครับ
วันหลังๆ โรงแรมไหนมีน้ำร้อนให้ชงชา
น้ำร้อนเลยกลายเป็นอะไรที่สำคัญที่สุด แบบเสาะแสวงหากันเลย
เพราะหลายคนทีเดียว (แต่ตัวเองไม่ได้ทำแบบนี้นะ 555) แอบเทน้ำร้อนใส่ขวด
หรือใส่ภาชนะ ถุงพลาสติคบ้าง หรือ ถ้วยโฟมบ้าง เพื่อนำไปต้มมาม่า เอาไว้ทานกันยามหิว
อาจดูว่าธรรมดา แต่ต้องบอกเลยว่า มาม่าก็กลายเป็นอาหารที่สุดวิเศษเลยในตลอดระยะเวลาการทัวร์ 10-11 วัน

แต่ก็ยังไม่ใช่เมนูสุดพิเศษอะไร
ยังมีเมนูสุดพิเศษกว่านี้อีก ในวันที่ 2 หรือ 3 ที่บางคนเริ่มจะทานอาหารกันไม่ค่อยถูกปากแล้ว
กาแฟดำ (coffee) ก็กลายเป็นอีกหนึ่งที่นำมาใช้เป็นเมนูสุดพิเศษ (เพราะหาน้ำร้อนไม่ได้)

เมนูที่ว่าคือ "มาม่าคาปูชิโน่" ก็มีคนลองทำมาชิมกันแล้ว 555
(กาแฟร้อนๆ ผสมกับมาม่าเลย พอมาม่าพองตัวดีแล้ว เทน้ำกาแฟทิ้ง ทานกันแบบแห้งๆ)
เมนูสุดพิเศษที่ได้แอบชิมกะเค้ามาเหมือนกัน

เขียนเล่ากันมาแบบนี้ แบบขอมาเม้าท์สนุกๆ ให้อ่านกันเล่นๆ ครับ




มาชมรถที่ใช้เดินทางในทริปนี้กันครับ เป็นรถโค้ชขนาดใหญ่ทีเดียว 50 ที่นั่ง

ในกรุ๊ปที่ร่วมเดินทางครั้งนี้มีแค่ 19 คน เรียกว่านั่งกัน 2 เก้าอี้ต่อ 1 คนไปเลย มีแอบนอนได้สบายๆ อีกด้วย 555


ปากทางโรงแรม บนถนนหลักก็มีกระถางดอกไม้ที่ตกแต่งด้วยดอกทิวลิปให้ชมกันอย่างสวยงาม





ภาพถ่ายส่วนใหญ่ที่จะได้ชมต่อไปนี้เป็นการถ่ายภาพจากบนรถยนต์ในขณะที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในเมืองต่างๆ

ภาพตึกนี้ osram เป็นภาพที่จำได้ติดตาเลย เพราะเดินออกจากโรงแรมมาในวันก่อน
ก่อนที่จะถึงจตุรัส Marienplatz ก็เดินมาหยุดถ่ายรูปกันในบริเวณนี้


รถรางที่วิ่งกันอยู่ในเมืองมิวนิค
ได้ขึ้นไปใช้บริการมาเหมือนกันครับ วิ่งฉิว รวดเร็วดี


ชมวิวในตัวเมืองมิวนิคกันนิดหน่อยครับ
ก่อนที่จะหลุดขึ้นไฮเวย์ เพื่อเดินทางไปยังเมือง Aschau


ตามเก็บภาพนี้อยู่พักหนึ่ง กว่าจะถ่ายภาพได้ คุณพ่อลูกอ่อน พาลูกน้อยใส่ด้านหลังรถจักรยาน ดูแล้วน่ารักดีครับ บ้านเราไม่ยักจะเห็นแบบนี้เท่าไร



หลายๆ รูปที่จะได้ชมกันใน blog นี้ และ blog ต่อๆ ไป
จะได้เห็นภาพที่ตัวเองชื่นชอบเป็นพิเศษ ตั้งแต่ครั้งที่มายุโรปครั้งแรกแล้ว
แอบชื่นชอบหน้าต่าง ผ้าม่านของอาคารบ้านเรือนของชาวเมืองยุโรป
ล้วนตกแต่งด้วยผ้าม่านหลากหลายรูปแบบ
หน้าต่างที่ออกแบบกันในหลายๆ สไตล์ หลายรูปแบบสวยๆ
และเกือบทุกอาคารบ้านเรือน เหมือนจะเปิดหน้าต่างตั้งใจโชว์ความสวยงามเหล่านี้
ซึ่งไม่เหมือนกับบ้านเรา มีหน้าต่างก็ปิด แถมใส่ลูกกรงเหล็กดัด(อย่างสวยงาม)ซะอีก


บางบ้านเรือนก็ยังมีการเขียนสี ทาสี วาดรูปที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนหมู่บ้าน
ซึ่งล้วนจะบอกเรื่องราวต่างๆ ของชุมชนเหล่านั้นอันเป็นเอกลักษณ์ที่น่าชมไปทุกๆ แห่ง



การมาถ่ายภาพครั้งนี้ ตั้งใจไว้เหมือนกันว่า จะเลือกเอากล้องคอมแพคแบบพกง่ายๆ มา เพื่อสะดวกต่อการเดินทาง
(เหมือนที่หลายๆ คนแนะนำกันมาแบบนั้น จะพกไปทำไมกล้องใหญ่ หนักเปล่าๆ เดี๋ยวก็คอหักหรอก)
ทำให้ต้องตัดสินใจ ยอมขึ้นรถไปกับเพื่อนๆ แล้วก็ขอให้เพื่อนขับรถไปรอบๆ เมือง
แล้วก็ใช้กล้องคอมแพคตัวที่ตั้งใจติดมาใช้ถ่ายภาพด้วย
เพื่อว่าจะได้ลองถ่ายภาพอาคารบ้านเรือนขณะที่รถวิ่งไปรอบๆ เมืองเชียงใหม่
แล้วก็ได้ภาพมาชุดหนึ่ง ให้เพื่อนๆ ดู
แล้วบอกกับเพื่อนว่า
ภาพที่จะถ่ายภาพที่มาเที่ยวยุโรปครั้งนี้ มากกว่า 50% จะเป็นการถ่ายภาพแบบนี้
ถ้าใช้กล้องคอมแพคที่เพื่อนๆ แนะนำให้ถือไปนั้น
ภาพมันจะออกมาเป็นแบบนี้ ....ไม่ได้นำภาพมาให้ดู เพราะมันดูไม่ได้จริงๆ 5555

สุดท้ายก็เลยจำยอมเอากล้องใหญ่มา แล้วก็ใช้ mode tV หรือ mode S ในการถ่ายภาพผ่านกระจกรถยนต์ไปยัง 2 ข้างทางนี้ตลอดเวลา
เพื่อหวังว่าจะได้ภาพวิวทิวทัศน์ 2 ข้างทาง มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันด้วย



ชมภาพวัว โคนมกันในสไตล์นี้ไปก่อน เพราะจะมีที่ประเทศต่อไป ที่วัว โคนม จะมีสีที่ไม่เหมือนกัน
ดูว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศเหมือนกัน




ยังพอได้เห็นแกะ กันที่ในชนบทของเมืองที่ผ่านมานี้ด้วยครับ


มาพักจอดรถกันที่ทะเลสาบ Chiemsee
ทะเลสาบ Chiemsee นี้ดูกว้างใหญ่มากๆ เพราะเมืองที่จะไป Aschau
วิ่งไปๆ มาๆ เหมือนก็ยังพอเห็นทะเลสาบ Chiemsee อยู่เหมือนกัน


นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่ทะเลสาบ Chiemsee แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวของชาวเยอรมันซะมากกว่า ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศกัน นั่งเรือออกไปชมความสวยงามของทะเลสาบ
ส่วนนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ เหมือนจะไม่ค่อยมีใครมาที่นี่กันเท่าไร
(คนขับรถที่ทำหน้าที่ขับรถและเป็นไกด์เล่าเรื่องราวให้ฟัง เล่ามาอย่างนี้)



การที่มาจอดรถพักรถที่นี่ คนขับรถของเราก็บอกมาแบบนี้อีกว่า
ที่นี่เป็นกฏ การขับรถติดต่อกันนานๆ หลายๆ ชั่วโมง ต้องหยุดให้คนขับรถในทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

ดังนั้นมาทีี่ทะเลสาบ Chiemsee แห่งนี้ ก็มาพักเมื่อยจากการนั่งรถนานๆ ด้วยเหมือนกัน
ที่นี่ก็ยังมีที่ shopping ให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
ว่าแล้วก็ชมสินค้าของที่ระลึกกันครับ ที่นี่เหมือนจะเป็นที่เริ่มเสียเงิน จับจ่ายซื้อของที่ระลึกมาฝากเพื่อนๆ กันแล้ว























เสียเงินกันนิดๆ หน่อยๆ พอหอมปากหอมคอกับสินค้าของที่ระลึกที่นี่
แต่อย่างที่เกริ่นไว้ใน blog ก่อนๆ ว่ามีเงินติดกระเป๋ามา 300 euro (ใบละ 50 euro มีกันอยู่ 6 ใบ)
แต่สินค้าที่ระลึกที่เห็นข้างบน ชวนให้เงินหลุดลอย กระเด็นไปได้หลายใบทีเดียว 555



มากันที่เมืองนี้ยังแอบเห็นดอกหญ้า ดอกกลมๆ แบบนี้อยู่
ยังชื่นชอบกันอยู่ เห็นอีกก็ถ่ายมาให้ชมกันอีก 555




มาขึ้นรถชมภาพสองข้างทางกันต่อครับ


















ช่วงการเดินทางของบ่ายๆ วันนั้นก็มาถึงที่พักแล้ว



BurgHotel คือ โรงแรมที่จะได้มาพักค้างคืนที่นี่ 1 คืน
คนขับรถเล่าให้ฟังอีกแล้วว่า โรงแรมที่เรามาพักครั้งนี้ เดิมเป็นปราสาทเก่า ที่มีการนำมา remodel เป็นโรงแรม


ชมกันโดยรอบอีกนิดหน่อยครับ






มีภาพห้องพักให้ชมกัน 1 ภาพครับ
กับวิวที่มองออกไปยังปราสาทที่อยู่ตรงกันข้ามกับโรงแรม




การมาที่เมือง Aschau นี้มีโปรแกรมการขึ้นไปยังยอดเขา Chiemgau โดยการนั่งกระเข้าขึ้นไปยอดเขา


มานั่งกระเช้าขึ้นไปบนยอดเขากันครับ


ยอดเขา Chiemgau นี้สูงประมาณ 600 กว่าเมตร




คนที่ขึ้นมาบนยอดเขา Chiemgau นี้ ส่วนหนึ่งยังเดินเขาขึ้นมาอีกด้วย




มาชมวิวกันบนยอดเขากันครับ
ด้วยความตั้งใจของหัวหน้ากรุ๊ปวางโปรแกรมให้มาเที่ยวกันในช่วงปลายหนาว และยังหวังว่าจะได้มาเล่นหิมะกันที่นี่













ด้วยความหวังว่าจะได้ขึ้นมาเห็นภาพวิวบนยอดเขากับท้องฟ้าสีฟ้าๆ สวยๆ สักหน่อย
แต่มาในวันที่ท้องฟ้าไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าใด แอบผิดหวังเล็กๆ 555








เดินกันจนเหนื่อย ได้เข้าไปพักทานขนมอาหารว่างกันที่ห้องอาหารที่อยู่บนยอดเขา
ได้เจอะเจอกับสาวน้อยคนนี้ ที่แอบมาชื่นชอบกับสาวๆ ในกลุ่ม แอบวิ่งจากโต๊ะของครอบครัวของสาวน้อย มาว่ิงเล่นอยู่ที่โต๊ะเรากันอย่างสนุกสนานไปเลย



อิ่มกันพอสมควร เตรียมตัวลงกันแล้ว ชมวิวด้านล่างของเมือง Aschau กันครับ







ลงมาถึงด้านล่างเป็นที่เรียบร้อยกันทุกๆ คนแล้ว กลับเข้าที่พักแป๊บหนึ่ง
อย่างที่บอกไปใน blog ก่อนหน้านี้ว่าที่ยุโรปจะมืดช้ากว่าปกติ นิดหน่อย
ดังนั้นยังมีเวลาก่อนจะทานอาหารเย็นที่โรงแรม
นัดหมายช่วงเวลาว่างๆ ก็จะเดินไปเที่ยวกันในตัวเมืองชนบทใกล้ๆ โรงแรมนี้
(แต่เอาเข้าจริงนึกว่าจะเดินใกล้ๆ มีแววว่าเดินกันมากกว่า 5 กม. ทีเดียว)


คราวนี้ชมหน้าต่าง ผ้าม่านลูกไม้ ที่ถ่ายภาพกันสบายๆ หน่อย ไม่ต้องไล่ตามถ่ายภาพเหมือนตอนอยู่บนรถแล้ว























ชื่นชมคุณตา คุณยาย 2 คนนี้ ยังออกมาเดินออกกำลังกายกันในตอนเย็นๆ
ดูแล้วช่างสุขใจเสียจริง


เห็นเกาะกลางถนนยังปลูกทิวลิปให้ชมกันอย่างสวยงาม อดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพมาให้ชมกัน




ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะแยกภาพดอกไม้ระหว่างทางที่ได้พบเห็นสองข้างทางไปอีก blog หนึ่ง
แต่ไหนๆ blog นี้ภาพก็เยอะเกินไปแล้ว
ขอเยอะต่อไปให้จบวันไปเลยก็แล้วกัน

มาชมภาพดอกไม้ตลอดสองข้างทางที่ได้พบเห็นกันครับ มีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก (อันไหนไม่รู้จักก็จะข้ามไปเลยนะครับ 555)








สงสัยจะไม่มีดอกไม้ที่รู้จักชื่อ
แค่ 4 ภาพแรกนี้ไม่รู้จักสักดอก 5555



ส่วนชุดนี้ถ้าคนขับรถบอกไม่ผิดนะ เพราะชี้มาตลอดทางว่าเป็นต้นแอ๊ปเปิ้ล
พอเจอใกล้ๆ รีบวิ่งไปถ่ายภาพเลย ดอกช่างหอมซะจริงๆ







มาชมทิวลิปกันบ้างครับ


ส่วนใหญ่ดอกจะเริ่มบานกันหมดแล้ว



set นี้สีแดงสวยถูกใจทีเดียว





เจอะเจอ(นางเอก)ดอกไม้ที่ชื่นชอบอยู่เหมือนกัน english daisy
แต่สภาพเกือบจะสวยตอนปลายๆ แล้ว 5555



ชุดนี้ไม่รู้จักชื่อ แต่รูปทรงต้น มีส่วนคล้ายทิวลิปอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน หอมเหมือนกัน



หมดชุดภาพดอกไม้แล้วครับ


แต่เข้าไปในร้านขายผลไม้ เจอะเจออะไรที่มีสีสันสวยๆ เลยถ่ายภาพติดมือมาให้ชมกันอีกนิดหน่อยครับ

ไข่ในวันอีสเตอร์ ครับ
พอดีมาในช่วงเทศกาลวันอีสเตอร์ที่ผ่านมาไม่กี่วัน ยังพอได้บรรยากาศ





ถ่ายภาพติดชื่อมา แต่ก็ยังไม่ได้ค้นหาว่าคืออะไรเหมือนกัน


มาจบปิดท้ายกับเส้นทางเดินกลับไปยังที่พัก ได้ผ่านหมู่บ้านที่อยู่ติดกับยอดเขา Chiemgau
มองย้อนขึ้นไปบนยอดเขา ชมกันเป็นภาพจบปิด blog ที่ 8 นี้ครับ






ลงภาพให้ชมกันเยอะไปหน่อยนะครับ
หากทำให้การเช้าชมไม่สะดวก ก็ขออภัยไว้ด้วยครับ
อยากจะปิด blog นี้แบบจบกันไป 1 วันเลย (ที่จริงก็ข้ามบางส่วนไปเยอะอยู่เหมือนกัน)

ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมภาพถ่ายที่ blog ด้วยนะครับ
Create Date :19 พฤษภาคม 2554 Last Update :19 พฤษภาคม 2554 0:55:41 น. Counter : Pageviews. Comments :23