|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
จิตเศร้าหมอง
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค คัททูลสูตร
เมื่อจิตเศร้าหมอง สัตว์ทั้งหลายจึงชื่อว่าเศร้าหมอง เมื่อจิตบริสุทธิ์ สัตว์ทั้งหลายจึงชื่อว่าบริสุทธิ์ด้วย
คำว่า จิตเศร้าหมอง ไม่ใช่แค่ความเศร้าโศกเสียใจหรือโมโหโกรธเคืองเท่านั้น แต่รวมถึงความพอใจหลงระเริงดีใจที่ไม่ใช่กุศล อันได้แก่โลภะมูลจิตทั้งหลาย
โลภะมูลจิตทั้งหลายก็คือความพอใจในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆนั่นเอง โดยปรกติคนทั่วไปก็มักจะรังเกียจโทสะมูลจิตอยู่แล้ว เช่นไม่ชอบความหงุดหงิด ความไม่พอใจอะไรต่างๆ ความโกรธ ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความรำคาญ ความเบื่อ ฯลฯ ใครแสดงอาการอย่างนี้ก็จะไม่เป็นที่ชอบใจ
แต่พอเป็นโลภะมูลจิต อันได้แก่ ความดีใจ ความพอใจในสิ่งต่างๆ หลงใหลได้ปลื้มในสิ่งต่างๆ รื่นเริงในสิ่งต่างๆ(ที่ไม่ใช่ธรรมะ) ก็มักจะไม่ระวัง และชื่นชมทำตามๆกันไป เพราะโดยปรกติคนเราชอบอาการของโลภะ เนื่องจากไม่เห็นว่าเป็นความเศร้าหมอง
ทั้งๆที่โดยสภาพธรรมจัดเป็นความเศร้าหมองอย่างหนึ่ง
หากไม่ใช่สภาพของกุศลธรรม ก็ต้องเป็นอกุศลธรรมแน่นอน และแน่นอนว่าจะสะสมเป็นเหตุปัจจัยให้อกุศลจิตเกิดได้ง่ายขึ้น เมื่ออกุศลจิตเกิดบ่อย กำลังของอกุศลก็จะมีมากขึ้น สติก็จะเกิดได้ยากขึ้น และการกระทำชั่วก็จะเกิดได้ง่ายขึ้น โดยไม่รู้ว่าเป็นความชั่วด้วยซ้ำ เหตุเพราะว่าสติเจตสิกไม่เิิกิด จึงไม่ทราบว่าขณะนั้นไม่ใช่กุศล แต่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นกุศล เหตุเพราะชอบอาการของโลภะมูลจิต
เพราะเหตุนี้ จึงเรียกว่าจิตเศร้าหมอง เป็นความไม่บริสุทธิ์โดยสภาพจิต ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง จึงเป็นความไม่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง
Create Date : 02 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2553 10:07:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 499 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ชุติกาญจน์ วันที่: 2 ธันวาคม 2553 เวลา:15:23:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|