Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
19 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 9 ง้อ

COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ

บ่วงมะลิลา

ผู้เขียน:วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก:พฤศจิกายน ๒๕๕๗

copy.jpg สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๓๗๔ – ๐๗๑ – ๗

ราคา๒๓๐ บาท

***************************************************


ตัวอย่างค่ะ





ง้อ...

“ไปดินเนอร์กันก่อนกลับนะคะพี่โทรขออนุญาตคุณลุงแล้ว”

คนที่ยึดห้องทำงานของหญิงสาวเป็นห้องทำงานของตัวเองมาทั้งวันเอ่ยชวนเสียงนุ่มขณะที่เขาปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กแล้วผับฝาลงร่างสูงสง่าลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังมุ่งมั่นกับการตอบอีเมลติดต่อเอเจนซี่ที่ต่างประเทศเพื่อติดต่อซื้อขายผลงานที่เธอสนใจและต้องการนำเข้ามาติดตั้งให้ทันเปิดพิพิธภัณฑ์

“งานยังไม่เสร็จเลย ไปไหนไม่ได้หรอก”นิ้วเรียวของคนที่พิมพ์แป้นคีย์บอร์ดด้วยความเร็วสูงสุดตอบขณะที่ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นตาทรงกลมยังคงมองหน้าจอแมคบุ๊กแอร์ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“แต่มันจะสองทุ่มแล้วนะคะ ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่านายพฤกษ์กับทีมงานของเขาจะจัดการตกแต่งชั้นล่างเรียบร้อยเรื่องติดต่อขอซื้อผลงาน ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ น้องจัสมินเลือกมาได้เลยพี่ให้คนดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนเปิดพิพิธภัณฑ์ล่วงหน้าหนึ่งเดือนพี่รู้จักเอเจนซี่มือดี ทำงานรวดเร็ว มีรสนิยมมาก บางทีเขาอาจนำเสนอผลงานดีๆที่รอดหูรอดตาเราไปบ้างก็ได้ ไว้ใจได้ค่ะ”

ร่างสูงที่เดินมายืนนิ่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้หนังที่พนักพิงมีความสูงเพียงแค่ไหล่ของคนนั่งเอ่ยเสียงนุ่มขณะที่มือแกร่งของเขาค่อยๆ กดเบาๆ ลงบนไหล่บางของเธอเป็นท่าทางเตรียมพร้อมเพื่อจะนวดคลายเส้นให้เธอได้ผ่อนคลาย

หากสัมผัสราวกับขนนกนุ่มๆ บนไหล่ของตนทำให้นิ้วเล็กๆ ของคนที่กำลังรัวแป้นพิมพ์หยุดลงกะทันหันก่อนที่ร่างบางจะหันมาถลึงดวงตากลมโตใส่เจ้าของน้ำหนักมือนุ่มๆ

“ห้ามทำรุ่มร่ามกับเค้านะ”เสียงเล็กขู่ฝ่อด้วยใบหน้าจริงจัง ก็ในเมื่อเขาไม่สนใจเธอมาตั้งหลายวันทั้งที่มีโอกาสเขาก็ควรจะปฏิบัติเช่นนั้นกับเธอต่อไป

ชายหนุ่มชะงักมือที่วางลงบนไหล่บางของหญิงสาวแล้วเปลี่ยนเป็นจับพนักเก้าอี้หมุนเบาๆพาร่างของคนนั่งให้เอียงมายังฝั่งที่เขายืนอยู่ร่างสูงใหญ่คุกเข่าลงจนระดับใบหน้าคมเข้มของเขาอยู่ในระดับความสูงเท่ากับคนร่างเล็กที่นั่งมองเขาตาโต

ใบหน้าขาวผ่องของมะลิลาเปลี่ยนเป็นสีชมพูจัดเมื่อเห็นการกระทำเช่นนั้นของเขาไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเธอเขินอายเพียงอย่างเดียวหากมันยังรวมถึงอาการแสนงอนและน้อยใจยังคงมีอยู่ ริมฝีปากบางขบเม้มกันเบาๆดวงตากลมโตของหญิงสาวมองดวงตาคมสีน้ำตาลอมฟ้าครามของชายหนุ่มไม่วางตาเธอเองก็อยากจะรู้เช่นกันว่าหลังจากนี้เขาจะพูดว่าอย่างไร

“พี่แค่อยากจะนวดคลายเส้นให้ก็เท่านั้นเองน้องจัสมินนั่งเกร็งจ้องหน้าจอคอมฯ มาหลายชั่วโมงแล้วนะคะ”คนที่นั่งคุกเข่าเอ่ยเสียงนุ่ม พลางเอื้อมมือออกไปจับมือเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาวนิ้วหัวแม่มือแกร่งของเขาไล้ลงบนหลังมือของเธอทั้งสองข้างเบาๆ

ทั้งน้ำเสียงที่นุ่มน่าฟังดวงตาคมเข้มมองเธอหวานฉ่ำแล้วสัมผัสจากนิ้วหัวแม่มือของเขาที่ไล้คลึงหลังมือเล็กของเธอเบาๆมันก็สามารถทำให้เธอผ่อนคลายลงได้จริงอย่างที่เขาว่า หากลมหายใจอุ่นๆ กับริมฝีปากหยักของเขาที่เอ่ยเบาๆในระยะห่างเพียงแค่ครึ่งฟุตตรงหน้าเธอความรู้สึกยามนี้มันมากเกินกว่าแค่เพียงผ่อนคลายจะวิเศษไม่ใช่น้อยถ้าริมฝีปากที่เคยมีรสชาติเฝื่อนลิ้นของกลิ่นวิสกี้บางๆเหมือนในคืนนั้น จะเข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวกับรสชาติกาแฟในปากอุ่นๆ ของเธอ

หญิงสาวที่กำลังรู้สึกหวามไหวจ้องตาคนตรงหน้าราวกับละเมอริมฝีปากบางของเธอเคลือบรอยยิ้มอย่างลืมตัวหากเมื่อภาพในห้วงจินตนาการกำลังจะกลายเป็นจริงร่างอรชรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีล้อก็รีบถอยไปด้านหลัง

“ห้ามจูบนะ ยังไม่ให้...”

มะลิลาเอ่ยเสียงเบาหวิวเมื่อสติกลับมาเธอเกือบจะหลงใหลไปกับความเย้ายวนอย่างมีเสน่ห์เหลือล้นของคนตรงหน้าหากเธอก็ต้องบังคับตัวเองเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเกิดขึ้นง่ายดายจนเกินไปที่นี่เมืองไทย นี่คือห้องทำงานที่เธอใช้ร่วมกับบิดา และที่สำคัญที่สุดเขากับเธอก็ยังไม่ได้ระบุสถานะอย่างชัดเจนต่อกัน ถึงแม้ว่าเขาจะบอกฝ่ายเดียวว่าเป็นคู่หมั้นแล้วเธอกับเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเพียงชั่วข้ามคืนต่อกันมาแล้วก็ตาม หากมันก็เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

“แล้วเมื่อไหร่จะยอมให้จูบได้ละคะ”อเลสซานโดรเอ่ยถามเสียงเบาพลางเอื้อมมือไปคว้าเก้าอี้เอาไว้ก่อนที่มะลิลาจะถอยร่นไปจนชิดกับผนังห้อง

“...” หญิงสาวไม่ตอบพลางจ้องตาเขาเพียงครู่เธอก็เอ่ยเบาๆ

“แล้วตัวไปทำเจ้าชู้ยักษ์ทิ้งไว้ที่ไหนหรือเปล่าล่ะอย่านึกว่าเค้าไม่รู้ไม่เห็นนะ ตัวมีผู้หญิงเยอะแยะ แล้วยังจะ...”หญิงสาวเอ่ยเพียงแค่นั้น หากความรู้สึกส่วนลึกเธออยากจะกัดลิ้นตายเสียเดี๋ยวนี้เพราะน้ำเสียงของเธอราวกับภรรยาที่กำลังหึงหวงสามีก็ไม่ปานจนมันอาจจะเผยใต๋ให้เขาจับความรู้สึกหึงหวงของเธอได้

“ไม่เคยไปทำเจ้าชู้ยักษ์ที่ไหนกับใครสักทีทำกับคนนี้คนเดียว”

เสียงนุ่มของคนที่ค่อยๆ ลากเก้าอี้ของหญิงสาวเข้ามาใกล้จนใบหน้าของทั้งคู่ชิดกันกว่าเก่าเอ่ยเบาๆราวกับเสียงกระซิบ มือแกร่งของเขาโอบประคองรอบเอวบางของคนแสนงอนเอาไว้หลวมๆ

“แล้วรูปพวกนั้น?” คนที่ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่ถามเรื่องคาใจต้องกลืนน้ำลายตัวเองเมื่อเจ้าของมือที่โอบรอบเอวบางของเธอซบใบหน้าคมเข้มของเขาลงบนหน้าอกของเธอ

“เป็นการเข้าใจผิดค่ะพี่ไม่มีใครทั้งนั้น มีคนนี้คนเดียว”เสียงนุ่มที่สุดแสนออดอ้อนของคนที่ริมฝีปากกระซิบเบาๆ ที่หน้าอกของเธอ

“คิดว่าเค้าจะเชื่อตัวง่ายๆ งั้นสิ” คนที่น้ำเสียงห้วนๆสวนทางกับท่าทีที่อ่อนยวบ มือบางของเธอเผลอลูบเบาๆ ลงบนเส้นผมหยักศกของเขาอย่างอ่อนโยนปฏิกิริยาเช่นนั้นของหญิงสาว เธอคงไม่รู้หรอกว่าเจ้าของเส้นผมนุ่มเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจดวงตาคมของเขาพราวระยับ

“เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ค่ะ” อเลสซานโดรตอบเพียงสั้นๆก่อนผละศีรษะออกจากดินแดนมหัศจรรย์ที่ทั้งหอมหวานและนุ่มนวลเสียก่อนที่เขาจะทนต่อไปไม่ได้แล้วอุ้มร่างอรชรนี้ลงไปนอนบนโซฟารับแขกที่เขาเพิ่งเดินจากมาแล้วทำเหมือนคืนนั้นที่ฟลอเรนซ์

มะลิลาเม้มริมฝีปากบางแน่นจ้องตาเขาเธอรู้ว่าตัวเองสูญเสียการควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจหลายครั้งแม้กระทั่งครั้งนี้เธอไม่ปฏิเสธหรอกว่าก่อนหน้านี้หลายวันถึงแม้ว่าเขาจะไม่แตะต้องร่างกายส่วนไหนของเธอแม้ปลายเล็บ หากการที่เขาดูแลเธอเอาใจใส่ ไปรับประทานอาหารมื้อกลางวันด้วยกันทุกวันมานั่งทำงานที่ห้องนี้ยามที่บิดาของเธอไม่เข้าบริษัท หรือยามที่ท่านมีนัดสำคัญบ่อยครั้งเสียจนเธอคิดไปเองว่าท่านอาจจะกำลังใช้ ‘ทฤษฎีสมคบคิด’[1] กับชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะและร่างกายแทบละลายเป็นวุ้นได้ทุกเมื่อคนนี้เป็นแน่

ชายหนุ่มหญิงสาวมองหน้ากันเงียบๆราวสองนาทีก่อนที่คนนั่งคุกเข่าจะจับมือเล็กที่ลูบเส้นผมของเขาอย่างอ่อนโยนก่อนหน้าขึ้นมาจูบที่กลางอุ้งมือจนเจ้าของมือสะดุ้งกับปฏิกิริยานั้นของเขาแล้วพยายามดึงมือกลับเขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพื่อทำลายความเงียบ

“ไปดินเนอร์กันนะคะ เดี๋ยวพี่ไปส่งส่วนงานพรุ่งนี้ค่อยกลับมาทำต่อนะ”

อเลสซานโดรลุกขึ้นยืนพลางหมุนเก้าอี้ของหญิงสาวให้หันหน้ากลับไปยังหน้าจอแมคบุ๊กแอร์ของเธอเป็นท่าทางที่สุดแสนธรรมชาติ และราวกับอ่านใจเขาออก มือเล็กของมะลิลาคลิกปุ่มชัตดาวน์รอเพียงครู่เดียวเธอก็พับหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วเก็บมันใส่กระเป๋าดังเดิม

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบมันมาถือไว้ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปหยิบคอมพิวเตอร์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะกลางของโซฟาตำแหน่งที่เขานั่งทำงานมาแล้วทั้งวันกับอีกหลายๆ วันก่อนหน้านี้

เพียงครู่หญิงสาวก็สะพายชาแนลใบหรูเดินมายืนอยู่ใกล้ๆเขา

“คุณจะพาฉันไปดินเนอร์ที่ไหนคะ”

“เรียกพี่เล็กก่อนแล้วจะบอกค่ะ”

“ทำไมต้องเรียกด้วย เรียกคุณก็สุภาพดีอยู่แล้ว”

“เรียกคุณมันห่างเหินค่ะ พี่ไม่ชอบ”ชายหนุ่มตอบตรงๆ พร้อมใบหน้านิ่งๆ

“ตอนนี้ยังไม่เรียกค่ะ ไว้พร้อมเมื่อไหร่แล้วจะเรียก”

หญิงสาวตอบด้วยใบหน้านิ่งไม่ต่างกันแน่นอนคำตอบของเขาที่ว่า ‘เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์’ นั้นเธอเองก็มีสิทธิ์ที่จะใช้คำนี้เช่นกัน และถ้าหากเมื่อไรที่เธอสามารถลดช่องว่างที่ยังคงมีอยู่แล้วแทนที่ด้วยความรู้สึกรักความไว้วางใจ และความรู้สึกทุกๆ อย่างที่เธอมีให้เขาและเขามีให้เธออย่างสนิทใจและพิสูจน์ได้ว่าไม่มีสิ่งใดเคลือบแฝงในความสัมพันธ์ถึงตอนนั้นเธอจะเรียกเขาอย่างที่เขาต้องการโดยที่เธอเองก็ต้องการเช่นกัน

หากเรื่องอะไรที่เธอจำเป็นจะต้องอธิบายเหตุผลนี้ต่อเขาตรงๆกันเล่า

“ไม่เป็นไร พี่รอได้ค่ะ”

อเลสซานโดรยอมรับคำตอบของมะลิลาง่ายๆก่อนที่เขาจะแตะมือแกร่งลงบนแผ่นหลังบอบบางของเธอเบาๆแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปจากห้องทำงานสุดหรูของเจ้าของตึกสูงแห่งนี้พร้อมกันในเวลาสองทุ่ม...

“มาที่นี่ทำไม?”

มะลิลาเอ่ยถามด้วยใบหน้าตื่นตระหนักก็จะไม่ให้เธอถามได้อย่างไรในเมื่อคนขับเลี้ยวรถยนต์เข้ามาในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง

“คุณแม่พี่มีบาร์กึ่งร้านอาหารอยู่ในโรงแรมนี้ค่ะท่านเป็นเพื่อนกับเจ้าของโรงแรม ก็เลยร่วมหุ้นกันเปิดร้านสนุกๆเปิดมาได้สองสามปีแล้วค่ะ พี่พามาลองชิมอาหารฝีมือพ่อครัวเอกของที่ร้าน เพลงเพราะเผื่อน้องจัสมินจะถูกใจ”

อเลสซานโดรตอบเรียบๆด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม โดยบิดเบือนความจริงที่ว่าเจ้าของคือมารดาแทนที่จะเป็นตัวเขาหากข้อมูลที่ว่ามารดากับเจ้าของโรงแรมเป็นเพื่อนกันก็เป็นความจริงตามที่เขาบอกหากหุ้นส่วนของร้านก็คือลูกชายคนเดียวของทั้งสองท่าน

“เดอะสยามแอทธินี่คงเป็นโรงแรมดังที่รวมคลับ บาร์ แล้วก็ร้านอาหารหรูๆ เอาไว้ที่นี่เยอะสินะถึงว่าสิเพื่อนๆ หลายๆ คนของฉันชอบแนะนำให้มาที่นี่ บอกว่าเพลงเพราะมากเห็นว่าลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมเป็นศิลปินดังมากด้วยแต่ฉันไม่ได้ติดตามผลงานของเขาหรอก”

“ใช่ค่ะ Sil.H.T ดังมาก ในเมืองไทยเขาอาจจะเงียบสักหน่อย แต่ถ้าเป็นเวทีระดับโลกเขาจัดว่าเป็นศิลปินเอเชียที่โด่งดังมากที่สุดคนหนึ่งเลยเชียวล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถึงหุ้นส่วนคนสำคัญที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนรุ่นน้องของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบๆราวกับคนที่เขากำลังเอ่ยถึงไม่ได้สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว

บทสนทนาจบลงเพียงสั้นๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะลงไปเปิดประตูรถยนต์ให้หญิงสาวแล้วส่งกุญแจรถให้พนักงานของโรงแรมนำไปจอด

เพียงห้านาทีทั้งคู่ก็เดินควงกันเข้าไปในโรงแรมหรูแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสี่สิบห้าด้วยท่าทางราวกับคู่รักเป็นครั้งแรกที่มะลิลายอมให้อเลสซานโดรจับมือเธอ และไม่ได้เป็นการจับโดยพละการเพราะเขาก้มลงกระซิบถามเธอเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ‘พี่ขอจับมือนะคะ’ แน่นอนเสียงนุ่มที่เอ่ยด้วยดวงตาเว้าวอนเช่นนั้นคนที่สูญเสียการควบคุมหัวใจอยู่แล้วก่อนหน้าก็ส่งมือให้เขาราวกับสาวน้อยที่อยู่ในโอวาทและเชื่อฟังผู้ปกครอง

The Gent Rooftop Longe & Bar บาร์กึ่งร้านอาหารบนดาดฟ้าชั้นสี่สิบห้าของโรงแรมหรูที่มีการออกแบบสไตล์ร่วมสมัยสามารถชมทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนได้สามร้อยหกสิบองศาในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวชายหนุ่มซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของร้านจูงมือหญิงสาวเดินไปยังโต๊ะที่สามารถชมวิวได้ดีและเป็นส่วนตัวที่สุดโดยเขาได้โทรศัพท์มาจองโต๊ะเอาไว้เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน

“ทานอะไรดีคะ อาหารฟิวชั่นที่นี่รสชาติดีมากมีหลายเมนูให้เลือกด้วย”

อเลสซานโดรเอ่ยถามเสียงนุ่มขณะที่เขาเบี่ยงตัวหลบให้หญิงสาวเข้าไปนั่งด้านในซึ่งโซฟามีลักษณะเป็นซุ้ม โดยทั้งคู่ต้องนั่งฝั่งเดียวกันบนโต๊ะมีแสงสว่างจากแสงเทียนที่ถูกครอบเอาไว้ด้วยแก้วอีกหนึ่งชั้นและมีดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกวางอยู่ในแจกันสีส้มทรงสูง

“คุณแนะนำแล้วกันค่ะแต่ฉันอยากทานอะไรเบาๆ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ

“ไดเอตเหรอคะน้องจัสมินตัวเล็กนิดเดียวเอง ยังทำน้ำหนักได้อีกมาก” ชายหนุ่มถามพร้อมรอยยิ้มดวงตาของเขาพราวระยับ แน่นอนเขารู้ดีกว่าใครว่าขนาดรูปร่างของเธอบอบบางเพียงใดหากก็มีเฉพาะบางส่วนเท่านั้นที่มีขนาดเกินตัวมันอวบอัดงดงามเสียจนเขาแทบลืมหายใจมาแล้วเมื่อแรกเห็น

“ก็นิดหน่อยน่ะคุณ ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยอาหารถูกปากน้ำหนักขึ้นมาเยอะแล้วล่ะ”คนที่กำลังกวาดตามองไปโดยรอบบริเวณตอบพร้อมรอยยิ้ม เธอชอบบรรยากาศของที่นี่มากแสงไฟของกรุงเทพมหานครยามค่ำคืนมันสุดแสนจะโรแมนติกในขณะที่แขกในร้านซึ่งส่วนใหญ่มากันเป็นคู่ก็กำลังดินเนอร์กันท่ามกลางแสงเทียนบนที่นั่งซึ่งเป็นซุ้มเล็กๆเช่นเดียวกับของเขาและเธอ

“ถ้างั้นเราสั่งอาหารเบาๆสักสามสี่อย่าง แล้วก็ไวน์ดีๆ สักขวดดีไหมคะ”

ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่มดวงตาของเขามองปฏิกิริยาของหญิงสาวไม่วางตา ถึงแม้ในบางครั้งเธอจะเป็นคุณหนูเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญในทางกลับกันที่ในบางครั้งเธอแสดงความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่พยศเหมือนคืนนี้ช่างเป็นสาวน้อยน่ารักเสียจนเขาอยากจะขอเธอแต่งงานคืนนี้เสียเลยเขาพร้อมยิ่งกว่าพร้อม หากเขาเองก็ต้องรอคอยเวลาที่เหมาะสมตามคำขอของบิดาเธอ

“ก็แล้วแต่คุณสิคะ”

มะลิลาตอบเพียงสั้นๆดวงตากลมโตของเธอยังคงมองไปโดยรอบ บริเวณนี้นอกจากซุ้มที่เธอนั่งคู่กับเขาแล้วก็มีที่นั่งแบบเดียวกันอีกไม่กี่ซุ้มที่มีระยะห่างออกไปเรียกว่าเป็นการใช้พื้นที่ได้เปลืองพอสมควรในแง่ของการรองรับปริมาณแขกแต่ข้อดีก็คือว่าแขกจะได้รับความเป็นส่วนตัว แล้วบรรยากาศก็โล่งสบายเป็นการจัดสรรพื้นที่ได้เหมาะสมสำหรับคู่หนุ่มสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักแล้วต้องการช่วงเวลาที่สุดแสนโรแมนติกเพื่อจะได้แสดงความรักแสนหวานต่อกันโดยไม่ต้องเกรงสายตาของแขกคนอื่นๆ

และในเมื่อหญิงสาวได้มอบหน้าที่สั่งอาหารให้ชายหนุ่มเขาก็สั่งให้พนักงานเตรียมเมนูขึ้นชื่อของร้านสามสี่อย่างเมนูแรกเป็นอาหารรับประทานเล่นนั่นก็คือ ปอเปี๊ยะไส้ปูไข่แดงทอดสลัดญี่ปุ่นพร้อมซาชิมิ จานที่สามคือเฟตตูชินี่ไวน์ขาวรสชาติดีขึ้นชื่อและสเต็กแซลม่อนรับประทานกับซอสเนยโหระพาโดยชายหนุ่มสั่งเพิ่มอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือ แซลม่อนหนังกรอบซอสครีมผักโขม โดยเขาสั่งไวน์ขาวยี่ห้อโปรดอีกหนึ่งขวด

เพียงครู่อาหารบนโต๊ะก็พร้อมสี่ห้าอย่างมีแก้วไวน์ที่บริกรหนุ่มรินไวน์พร้อมดื่มรอไว้ และคนที่ขอเมนูเบาๆก็จัดการกับสลัดก่อนที่จะจัดการกับอาหารจานต่อๆ ไปโดยหนุ่มสาวแบ่งแต่ละจานรับประทานด้วยกัน เพียงไม่นานอาหารมื้อนี้ก็เกลี้ยงทุกจานบริกรหนุ่มเก็บจานเปล่าออกไปแล้วเสิร์ฟช็อกโกแลตลาวาสุดโปรดของหญิงสาวเป็นของหวานอย่างสุดท้าย

“อาหารรสชาติดีจริงๆ ด้วยค่ะคุณแม่ของคุณคงคัดเลือกพ่อครัวเอกมาเองกับมือ”

หญิงสาวชวนคุยขณะตักช็อกโกแลตลาวาเข้าปากแล้วยิ้มสดใสเธอมีความสุขกับมื้ออาหารที่ดูเหมือนจะไม่ได้พิเศษมากนักหากบรรยากาศและคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างหากเล่าที่ทำให้เธอเจริญอาหารได้ไม่น้อยเขาคอยเอาใจเธอ ตักแบ่งอาหารแม้กระทั่งป้อนจากจานของตัวเองโดยที่เธอก็จัดการมันอย่างว่าง่าย

คุณหนูเอาแต่ใจไม่หลงเหลือท่าทางพยศที่เคยปฏิบัติต่อเขาก่อนหน้านี้เอาไว้เลยเธอเปลี่ยนท่าทีที่สุดแสนธรรมชาติโดยที่เธอเองก็คงจะไม่รู้ตัวว่าได้ทลายกำแพงบางๆแล้วเปิดรับเขาด้วยหัวใจที่อ่อนยวบเธอยอมเปิดใจตั้งแต่เขาคุกเข่าลงแล้วกอดซบพลางกระซิบเบาๆกับหน้าอกของเธอแล้วก่อนหน้านั้น มันช่างเป็นถ้อยคำที่แสนหวานและสุดแสนวิเศษเมื่อได้ฟัง

หลังจากได้ยินคำถามของหญิงสาวชายหนุ่มก็กระเถิบร่างสูงใหญ่เข้าไปใกล้ชิดคนที่กำลังตักขนมหวานเข้าปากเคี้ยวด้วยใบหน้าและแววตาเปล่งประกายสดใสเขาเริ่มต้นเล่าที่มาที่ไปของร้านอาหารสุดหรูบนชั้นดาดฟ้าแห่งนี้ว่าทั้งการตกแต่งร้านทั้งหมดและเมนูอาหารส่วนใหญ่คือแนวความคิดของมารดาของเขาเธอต้องการให้ที่นี่อบอวลไปด้วยความโรแมนติกและแสนหวาน แม้กระทั่งเมนูอาหารเซฟที่มีค่าตัวแสนแพงก็ต้องทดลองทำอาหารแล้วก็ต้องรอผ่านการอนุมัติจากเธอเสียก่อนที่จะถูกบรรจุอาหารเหล่านั้นลงในเมนูเรียกได้ว่าถึงแม้ลูกชายจะเป็นเจ้าของกิจการตัวจริงหากมารดาของเขาต่างหากเล่าที่มีบทบาทมากพอสมควรและประโยคหลังก็ไม่ได้หลุดรอดออกจากปากของคนเล่า

ดวงตากลมโตของหญิงสาวมองริมฝีปากของคนเล่าเผยรอยยิ้มหวานเธอชอบฟังน้ำเสียงนุ่มกับท่าทางของเขาที่นั่งเอียงๆแล้วโน้มร่างสูงใหญ่เข้ามาใกล้เธอ ข้อศอกของเขาวางบนพนักโซฟาแล้วหลังมือของเขาก็วางลงบนขมับของตัวเองขณะเล่าบางครั้งเขาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วเล่าต่อ ชี้ชวนให้เธอดูบรรยากาศโดยรอบเป็นท่วงท่าที่มีเสน่ห์บาดใจและสุดแสนธรรมชาติไม่แพ้กัน

หญิงสาวนั่งเอียงๆเบี่ยงร่างบางมาทางเขา ดวงตากลมโตประกายหวานมองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาของเขาดวงตาคมสีน้ำตาลอมฟ้าครามของเขาก็มองตอบดวงตากลมโตที่เปล่งประกายระยิบระยับของเธอแล้วมันก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้นจนริมฝีปากและลิ้นอุ่นๆของเขาเข้ามาละเลียดชิมความหวานเบาๆ ลงบนมุมปากของเธอ

“ห้ามจูบนะ ยังไม่อนุญาต”

มะลิลาเอ่ยประโยคเดิมเหมือนที่เคยห้ามเขาก่อนหน้านี้หากน้ำเสียงที่แสดงอาการพยศของเธอเบาลงราวกระซิบเมื่อสัมผัสที่แสนหวานทั้งลิ้นและริมฝีปากอุ่นๆ ของเขาไล้เล็มเบาๆไปทั่วริมฝีปากบางของเธอ

“ปากเลอะช็อกโกแลตหมดแล้วพี่เช็ดให้นะคะ” คนที่ใช้ลิ้นและริมฝีปากร้อนๆ ของตนทำหน้าที่แทนผ้าเช็ดปากนุ่มๆกระซิบบอกคนที่เขาค่อยๆ กระเถิบร่างสูงใหญ่เข้าไปใกล้ชิด “ตรงนี้ก็เลอะค่ะ”

ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะค่อยๆก้มลงไปละเลียดชิมและเช็ดริมฝีปากบางของหญิงสาวด้วยริมฝีปากร้อนๆ ของตัวเองแน่นอนความชำนาญของคนที่มีประสบการณ์สูงอย่างเขาก็เก่งกาจเสียจนหญิงสาวซึ่งเคยมีประสบการณ์สุดร้อนมาเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิตจะต้านทานได้ไหว

มะลิลาวางจานกระเบื้องพอร์ซเลนสีขาวขอบทองใบเล็กที่ภายในจานมีช็อกโกแลตลาวาและช้อนคันเล็กลงบนตักวงแขนเรียวของเธอยกขึ้นโอบรอบคอแกร่งของเขา ร่างบางนั่งเอนหลังจนพิงพนักโซฟาในขณะที่ชายหนุ่มวางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนโน้มใบหน้าเข้าไปจูบเธอปลายลิ้นร้อนๆ เคลือบกลิ่นไวน์ขาวชั้นดีของเขาค่อยๆแทรกผ่านเข้าไปในปากที่หอมและหวานล้ำด้วยรสช็อกโกแลตลาวาที่เธอตักเข้าปากไปหลายคำเป็นสัมผัสที่อ่อนหวาน ลึกล้ำ และดูดดื่มเสียจนหญิงสาวที่โดนปล้นจูบแทบลืมหายใจ

สติของมะลิลาในยามนี้แทบไม่จำเป็นต้องใช้หากเธอเพียงแค่ตอบรับการนำทางของเขา ปลายลิ้นที่มีรสชาติเฝื่อนๆของเขากวาดเล็มเข้าไปในโพรงปากของหญิงสาวที่ความชุ่มชื่นของมันไม่สามารถช่วยให้อาการกระหายรสจูบจากเขาเบาบางลงได้เลยนิ้วเล็กๆ ของเธอแทรกเข้าไปในเส้นผมหยักศกของเขาวงแขนเรียวเสลากอดกระชับรอบคอแกร่งราวกับไม่ต้องการให้เขาผละออกไปจากริมฝีปากอุ่นๆของเธอ

หากก่อนที่ความเร่าร้อนและอุณหภูมิในกายของทั้งคู่จะไปไกลเกินยับยั้งแล้วชวนกันกระทำสิ่งที่น่าอับอายในที่สาธารณะเสียงนุ่มของใครบางคนก็ปลุกทั้งคู่ออกจากความหวานล้ำและเสียงนุ่มนั้นก็ดังอยู่ใกล้ๆ

“สวัสดีครับถ้าไม่เป็นการรบกวนผมขอร่วมโต๊ะด้วยคนได้ไหม”

เสียงนุ่มของคนแปลกหน้าหยุดความเร่าร้อนของหนุ่มสาวได้ราวกับปิดสวิตช์

อเลสซานโดรรวบร่างบางของคนที่อ่อนแรงเพราะรสจูบที่สุดแสนเร่าร้อนของเขาแล้วเขาก็วางใบหน้างดงามของเธอลงบนอกของเขาเบาๆรู้โดยไม่ต้องมีใครบอกว่าเธอเขินอายเกินกว่าจะให้ใครเห็นภาพนี้แล้วมันเรื่องอะไรที่ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนี้จะเข้ามาขัดจังหวะของคู่หมั้นที่กำลังแสดงความรักต่อกันดวงตาคมสีน้ำตาลอมฟ้าครามที่เคยหวานในยามมองคนบนอกขณะนี้ได้เปลี่ยนทิศทางเป็นจ้องมองดวงตาเฉี่ยวของชายหนุ่มหน้าละอ่อนที่สุดแสนจะเสียมารยาทแล้วเอ่ยเสียงเข้ม

“ผมไม่คิดว่าเรารู้จักกันแล้วผมก็จองโต๊ะไว้สองที่ สำหรับผมกับคู่หมั้นเท่านั้นแล้วผมก็ค่อนข้างรำคาญคนที่มักจะเสียมารยาทด้วย” คนที่สละอกแกร่งเพื่อเป็นกำแพงซ่อนใบหน้าสวยที่กำลังซ่านสีชมพูของคู่หมั้นเอ่ยเรียบๆ

“ผมเองก็ไม่รู้จักคุณหรอกครับแต่ผมเชื่อว่าผมกับคุณมะลิลาเราน่าจะทำความรู้จักกันเอาไว้ผมกับท่านเจ้าสัวมหาศาลมีพันธะสัญญากันนิดหน่อยไม่แน่ว่าในอนาคตผมอาจจะมีเรื่องต้องรบกวนแล้วก็ขอความร่วมมือจากคุณมะลิลาบ้างในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวของท่าน”

เมื่อได้ยินชื่อของตนคนที่ซบใบหน้าสวยซ่อนความอายก็เงยหน้าขึ้นจากอกของคนที่จูบเธออย่างดูดดื่มก่อนหน้าดวงตากลมโตที่ประดับบนใบหน้าซ่านสีชมพูมองชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียวตรงหน้าเขามีใบหน้าขาวหล่อเหลาราวกับศิลปินเกาหลีที่มักจะมีกลุ่มแฟนคลับตามกรี๊ดเหมือนที่เธอเคยเห็นในข่าวบันเทิง

ร่างเล็กขยับเข้าไปเบียดคนตัวโต แผ่นหลังบอบบางของเธอพิงลงบนอกแกร่งของเขาเป็นท่าทางราวกับคู่รักที่คบหากันมานานแรมปีเธอเอ่ยเสียงเรียบด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ โดยไม่หลงเหลือความเขินอายที่มีคนแปลกหน้าบังเอิญมาเห็นพฤติกรรมเกเรของเธอ

“เมมโมรี่ในสมองของฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยมีเพื่อนหน้าตาละอ่อนแบบคุณด้วย คุณชื่ออะไรหรือคะ”

“ปริญ ปริญญากุล ครับผมเป็นเจ้าของหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่บังเอิญทำหล่นแล้วคุณพ่อของคุณเก็บได้”ริมฝีปากหยักของชายหนุ่มเอ่ยเสียงหนุ่มดวงตาฉายแววขบถของเขามองคนที่ร่วมประสบการณ์สุดร้อนในฝันกับเขามาแล้วหลายคืนตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาบังเอิญเห็นเธอที่ผับหรูในคืนชุลมุนคืนนั้น

“ถ้าพันธะสัญญาของคุณคือการขอซื้อหุ้นคืนจากป๋าฉันว่าคุณก็น่าจะเดินเข้าไปขอท่านด้วยตัวเองคงจะดีกว่าค่ะ เพราะเรื่องหุ้นของป๋ามันก็ไม่เกี่ยวแล้วก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันที่จำเป็นจะต้องรู้จักคุณด้วยคืนนี้ฉันมากับคู่หมั้น แล้วเราก็ต้องการความเป็นส่วนตัว คุณคงเข้าใจนะคะ”หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ดวงตากลมโตของเธอจ้องดวงตาเฉี่ยวของชายหนุ่มไม่วางตา“แต่ก็ยินดีแล้วกันค่ะที่ได้รู้ว่าคุณชื่อ ปริญ ปริญญากุลและถ้าบังเอิญเจอกันคราวหน้า เมมโมรี่ในสมองของฉันก็คงจะจำคุณได้บ้างแล้วขออภัยด้วยถ้าหากเราต้องปฏิเสธ อีกอย่างเราสองคนก็กำลังจะกลับแล้ว”

หญิงสาวเอ่ยกับชายหนุ่มตรงหน้าพลางหันไปมองเจ้าของแผงอกที่แผ่นหลังบอบบางของเธอพิงอยู่เอ่ยชวนเสียงหวาน

“กลับกันเถอะค่ะพี่เล็ก มะลิง่วงแล้ว”

เมื่อได้ยินเสียงหวานของคนน่ารักเรียกชื่อของเขาอย่างสนิทสนมคนที่ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมลงที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเขาอ่านสายตาของชายหนุ่มรุ่นน้องตรงหน้าออกชายหนุ่มผู้นี้ต้องการจะลงสนามประลองเพื่อแย่งชิงเธอกับเขาช่างเป็นความคิดที่หาญกล้าและอวดดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ประมาท

คนที่กำลังประเมินชายหนุ่มตรงหน้าหันมายิ้มหวานกับหญิงสาวก่อนที่เขาจะก้มจูบลงที่หน้าผากเล็กของเธอโดยไม่สนว่าจะมีบุคคลที่สามยืนมองอยู่แล้วเสียงนุ่มก็เอ่ยอย่างอ่อนโยน

“ง่วงแล้วเหรอคะ ถ้างั้นเรากลับกันดีกว่าค่ะ”

หุ้นส่วนของร้านอาหารแห่งนี้เอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนแล้วส่งมือให้หญิงสาวที่ส่งมือให้เขาแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอันน้อยนิดของเธอ

“เราคงต้องขอตัวกลับก่อนเจอกันคราวหน้า ผมหวังว่าเราจะพร้อมกว่านี้ครับ”

เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทจนเกินไปนักคนที่มีความสูงมากกว่าก็หันมาเอ่ยกับคนที่ความสูงน้อยกว่าเขาแต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มคนนี้ก็ดูมีเสน่ห์แบบร้ายๆ ในแบบเฉพาะตัวของเขา

“เชิญตามสบายครับคราวหน้าคงได้มีโอกาสร่วมโต๊ะกันสักมื้อ” คนที่สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงตอบด้วยท่าทางสบายๆ“เจอกันคราวหน้าผมขออนุญาตเป็นเจ้ามือสักมื้อนะครับคุณมะลิลาหวังว่าเราจะเริ่มต้นมิตรภาพที่ดีกันได้”

“หวังว่าจะมีโอกาสค่ะ” คำตอบสั้นๆด้วยใบหน้าเรียบๆ ของหญิงสาวก่อนที่เธอจะหันไปส่งยิ้มหวานให้คนตัวโตแล้วเอ่ยชวน

“เรากลับกันเถอะค่ะ”

จบประโยคหวานๆ ของมะลิลาอเลสซานโดรก็พยักหน้ารับก่อนยิ้มให้ มือแกร่งยื่นไปจับจูงมือเล็กของเธอชายหนุ่มหันไปยังบริกรหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“ลงบัญชีไว้แล้วบิลค่าอาหารของแขกก็ลงบัญชีรวมกับของผม”

บริกรหนุ่มพยักหน้ารับคำสั่งก่อนเดินกลับออกไป

“มื้อนี้ผมเลี้ยง ถือว่าชดเชยที่ให้คุณร่วมโต๊ะด้วยไม่ได้พวกเราขอตัวก่อนครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วเขาก็เดินจูงมือเล็กของคนที่น่ารักและแสนหวานเหลือเกินในค่ำคืนนี้เดินจากไปทิ้งให้ชายหนุ่มหน้าละอ่อนเผยรอยยิ้มร้ายๆ มองตามแผ่นหลังของทั้งคู่จนลับสายตา

ในขณะที่ปริญคิดย้อนไปถึงภาพหนุ่มสาวที่กำลังพลอดรักกันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนและเขาก็คงจะไม่เข้าไปขัดจังหวะจนยอมเป็นคนเสียมารยาทถ้าหากเขาไม่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจตรงหน้าและถ้าขืนเขาช้ากว่านี้เพียงอีกเสี้ยววินาทีเดียว เขาจะต้องทนเห็นหญิงสาวคนที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันมาหลายคืนจะต้องเปลืองตัวกับชายหนุ่มที่มีเสน่ห์เหลือล้นและน่าเกรงขามคนนั้นอย่างแน่นอน

ถึงแม้ชายหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ที่เหมาะสมหากเขาก็ไม่เกรงแม้ว่าตนจะกระดูกอ่อนกว่าหลายเบอร์ก็ตาม

“เป็นสาวน้อยร้อนรักแบบนี้นี่เองคงจะจีบไม่ยาก”

เสียงนุ่มกับแววตาร้ายๆ ของชายหนุ่ม เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าหญิงสาวที่กล้ากอดจูบกับผู้ชายในที่สาธารณะคงไม่ยากถ้าหากเขาจะหว่านเสน่ห์แล้วใช้เซ็กซ์อันยอดเยี่ยมที่เขาเคยใช้ได้ผลมาแล้วกับสาวๆปรนเปรอเพื่อวางกับดักหญิงสาวที่เป็นตัวแปรและหนทางสุดท้ายที่เขาจะยึดหุ้นเพียงน้อยนิดคืนมาอยู่ในมือ

“เดินมาติดบ่วงของผมเสียดีๆเถอะมะลิลา ทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งเซ็กซี่ ทั้งน่ารัก การศึกษาก็ดีลีลาก็คงจะเด็ดดวงน่าดูไม่งั้นไอ้หนุ่มลูกครึ่งคนนั้นก็คงจะไม่หวงมากขนาดนั้นหรอก”

ความคิดชั่วร้ายของปริญเกิดขึ้นเงียบๆโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มลูกครึ่งที่เดินจูงมือหญิงสาวออกไปมีคุณสมบัติมากเกินกว่าที่เขาจะเขี่ยให้พ้นทางได้ง่ายๆแน่นอนการพบกันครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเขายอมถูกมองว่าเป็นคนเสียมารยาทเพื่อที่การพบกันครั้งหน้าเขาจะไม่เป็นแค่เพียงคนแปลกหน้าสำหรับไฮโซสาวที่ชื่อ มะลิลา เอื้อทวีสกุลอีกต่อไป...



[1] ทฤษฎีสมคบคิด (อังกฤษ : Conspiracy Theory) คือเรื่องเล่า บทความที่สร้างขึ้นมาจากความคิดของคน หรือกลุ่มคน โดยนำเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน ซึ่งอาจมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นอื่นๆเพื่อให้ประโยชน์ ในที่นี่ใช้ในเชิงเปรียบเปรย บรรยายพฤติกรรมของตัวละคร


******************************************************************


หนังสือออกจากโรงพิมพ์แล้ว พร้อมส่งค่ะ

สนใจสอบถามได้ที่ wikky7ster@gmail.com

หรือสอบถามที่หน้าแฟนเพจค่ะ




Create Date : 19 ธันวาคม 2557
Last Update : 19 ธันวาคม 2557 21:49:57 น. 0 comments
Counter : 743 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.