Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
8 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 2 โลกนี้ช่างกลมเหลือเกิน


COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ

บ่วงมะลิลา

ผู้เขียน:วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก:พฤศจิกายน ๒๕๕๗

copy.jpg สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๓๗๔ – ๐๗๑ – ๗

ราคา๒๓๐ บาท


***************************************************

ตัวอย่างค่ะ


โลกนี้ช่างกลมเหลือเกิน

กรุงเทพมหานครในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาทันทีที่ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาเช้าตรู่หญิงสาวที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิเดินออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าด้วยช่องทางพิเศษแน่นอนเธอได้รับการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดีก็เพราะว่าบิดาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนรักกับผู้ถือหุ้นใหญ่ของห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีในสนามบินแห่งนี้ความสะดวกสบายที่ได้รับก็นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอเสมอมา


หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีขาวขาดๆปอนๆ ในกางเกงหนังสีดำฟิตพอดีรูปร่างกับรองเท้าส้นสูงของแบรนด์ดังที่ความสูงระดับสามนิ้ว ช่วยส่งเสริมให้คนที่มีความสูงจริงเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรดูเพรียวระหงขึ้นเล็กน้อย หมวกแก๊ปบนศีรษะหมุนกลับหลังและมีแว่นตากันแดดเรย์แบนกินพื้นที่หนึ่งในสามของใบหน้าขาวนวลที่มีเครื่องสำอางเพียงอย่างเดียวแต่งแต้มนั่นก็คือลิปกลอสสีชมพูบางๆเท่านั้น


เมื่อหญิงสาวเดินผ่านประตูทางออกมือบางก็รีบปลดจากกระเป๋าเดินทางลายโมโนแกรมใบหรูโดยมีบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่มารับช่วงต่อคนเป็นลูกสาววิ่งเข้าไปสวมกอดบิดาที่มายืนรออยู่ตรงทางออกพร้อมรอยยิ้มที่ระบายไปทั่วใบหน้าคนที่อายุหกสิบสามปีแล้วหากยังคงความหล่อเหลาและเจ้าสัวคนดังก็ได้ชื่อว่าหวงลูกสาวคนเดียวของเขายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกหล้า


“น้องมะลิของป๋าเหนื่อยไหมลูก”


คำถามแรกที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาทรของคนเป็นบิดาก่อนก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาของลูกสาวสุดที่รักด้วยความคิดถึงหลายๆ ครั้ง


“ไม่เหนื่อยเลยค่ะป๋าลูกคิดถึงป๋าม้ากมาก”


คนที่มีชนักติดหลังเอ่ยเสียงอ่อนหวานพร้อมหอมแก้มซ้ายขวาของบิดาเช่นเดียวกับที่ท่านปฏิบัติกับเธอก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดร่างท้วมที่สุดแสนอบอุ่นร่างนี้แน่นๆด้วยท่าทางออดอ้อนอย่างที่เคยปฏิบัติเสมอมา


“ความจริงป๋าส่งแค่พี่พีชมารับลูกก็ได้นี่คะป๋าจะได้ไม่ต้องตื่นเช้า จากที่นี่กลับบ้านเราแป๊บเดียวเอง”


“ได้ยังไงล่ะลูกน้องมะลิของป๋ากลับบ้านเราทั้งทีจะให้นายพีชมารับคนเดียวได้ยังไงป๋าชอบตื่นเช้าอยู่แล้วล่ะลูก พีชเอากระเป๋าไปเก็บ แล้วเรียกรถมาได้เลย”


เอ่ยกับลูกสาวจบแล้วเจ้าสัวมหาศาลก็หันไปออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดหนุ่มคนสนิทซึ่งเขาผู้นี้ก็เป็นคนที่ทำหน้าที่ดูแลลูกสาวของเขาในต่างแดนและเพิ่งจะโดนมะลิลาออกคำสั่งให้กลับประเทศไทยโดยด่วนเมื่อหกเดือนก่อนที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเธอให้เหตุผลว่าไม่ต้องการเป็นตัวประหลาดในสายตาใครๆและขอความเป็นส่วนตัว เพราะไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ไปเรียน ไปช็อปปิ้งไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนๆ ก็จะต้องมีบอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่ มาดนิ่งที่มีใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอาวุธในการไล่แขก แน่นอนว่าเจ้าสัวมหาศาลไม่ยอมรับง่ายๆเพราะเขาเป็นคนห่วงลูกสาว แต่ในเมื่อมีคนที่เขาหมายตาจะให้มาเป็นลูกเขยอยู่ใกล้ๆ เธอการยอมรับเหตุผลและเรียกตัว พิชญะ กลับประเทศไทยในวันรุ่งขึ้นเขาก็ใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่นาน


“ครับท่าน”บอดี้การ์ดหนุ่มใหญ่รับคำสั่งก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเดินออกไปด้านหน้าประตูทางออกของสนามบินพร้อมกดโทรศัพท์เรียกคนขับรถ


เมื่ออัลพาร์ดสีบรอนซ์ทองมาเทียบจอดตรงประตูทางออกสองพ่อลูกก็เดินตามออกมาเพื่อมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์หรูที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินตามความเข้าใจของลูกสาวแต่แล้วเสียงทุ้มของบิดาก็สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวพอสมควร


“เดินทางเหนื่อยไหมลูกถ้าป๋าจะเข้าออฟฟิศก่อนแล้วเราค่อยกลับบ้าน น้องมะลิของป๋าไหวไหมลูกถ้าไม่ไหวป๋าจะได้โทรไปเลื่อนนัดเขา”


“เขา?”มะลิลาทวนคำ แต่ก็ไม่ลืมตอบคำถามของบิดา “ไม่เหนื่อยค่ะป๋า เดินทางสิบกว่าชั่วโมงจิ๊บๆ อีกอย่างลูกก็หลับมาตลอดตอนอยู่บนเครื่อง สบายมากค่ะแต่ว่าป๋านัดใครไว้หรือคะ ทำไมลูกต้องไปเจอกับเขาด้วย” เสียงหวานของคนเป็นลูกสาวเอ่ยถามขณะซบใบหน้าอยู่บนไหล่กว้างอบอุ่นของบิดา


“ป๋านัดที่ปรึกษาเอาไว้ให้ลูกพอดีว่าเขาเพิ่งเดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อวาน แต่จะว่างแค่วันนี้แล้วก็จะว่างอีกทีอาทิตย์หน้าเพราะเขาต้องเดินทางไปญี่ปุ่นคืนนี้น่ะสิลูกน้องมะลิของป๋าบอกเองไม่ใช่หรือว่าถ้าจบมาเมื่อไร จะกลับมาทำพิพิธภัณฑ์ศิลปะ อเล็กซ์เขามีประสบการณ์ด้านนี้อยู่มากพอสมควร ป๋าคิดว่าถ้าให้เขาเป็นพี่เลี้ยงลูกจะเหนื่อยน้อยลง”


 เจ้าสัวคนดังตอบลูกสาวสังเกตท่าทีของเธอก่อนจะให้เหตุผลเพิ่มเติม


“ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับศิลปะในเมืองไทยมันค่อนข้างลำบาก โตยาก ป๋าไม่เสียดายเงินทุนหรอกถ้ามันจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่เราตั้งเป้าเอาไว้แต่ป๋าอยากให้ลูกมีกำลังใจในการทำงาน เพราะถ้ามันประสบความสำเร็จน้องมะลิของป๋าก็จะมีความสุขและภาคภูมิใจในตัวเอง จริงไหมลูก”


เหตุผลของบิดาสร้างรอยยิ้มระบายไปไกลถึงดวงตาของคนเป็นลูกสาวเพราะเธอไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเพียรพยายามขออนุญาตท่านมาหลายปีจะบรรลุผลทันทีที่เธอเรียนจบเหตุผลในอดีตของท่านที่ว่า “บรรพบุรุษของเราเป็นพ่อค้า เป็นนักการเงินการลงทุนไม่มีใครเลยที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจในแวดวงศิลปะสักคนเดียวลงทุนไปแล้วจะไม่เหนื่อยฟรีหรือลูก”


และนั่นก็เกือบจะทำให้มะลิลาถอดใจแล้ววางแผนสร้างธุรกิจใหม่ที่เห็นผลกำไรมากกว่าแต่แน่นอนคนดื้ออย่างเธอย่อมรู้ว่าถ้ามุ่งมั่นที่จะทำแล้วโดยแหล่งเงินทุนหลักก็จะต้องเป็นของบิดาอย่างแน่นอนปราการแรกที่เธอจะต้องทลายให้สำเร็จก็คือการโน้มน้าวใจท่านให้เห็นด้วยกับความคิดของเธอเสียก่อนถึงแม้บิดาจะรักเธอมากเพียงใดก็ตามแต่ท่านก็มีเหตุผลมากเพียงพอที่จะไม่ยอมลงทุนกับธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไรและนี่ก็คือจุดแข็งที่เขายังคงได้ชื่อว่าเป็นราชาหุ้นอันดับต้นๆ ของเมืองไทยและก็คงจะดำรงอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไปอีกตราบนานเท่านาน


“ก็ดีเหมือนกันค่ะป๋าลูกไม่เหนื่อย เจอคนที่ป๋านัดไว้วันนี้เลยก็ดีเหมือนกันเพราะลูกคงรอให้ถึงสัปดาห์หน้าไม่ไหว ร้อนวิชา อยากทำงานแล้ว”หญิงสาวตอบบิดาด้วยน้ำเสียงสดใสเจือด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเสนอผลงานอีกครั้ง“ก่อนกลับมาเมืองไทยลูกได้ติดต่อขอซื้อผลงานของนักศึกษาที่มีแววว่าจะโด่งดังในอนาคตเอาไว้หลายชิ้นเลยค่ะป๋าลูกเชื่อว่าในอนาคตถ้าศิลปินโนเนมเหล่านั้นมีชื่อเสียงขึ้นมา ผลงานยุคแรกๆของพวกเขา ก็จะมีมูลค่าชนิดที่ประเมินค่าไม่ได้เลยทีเดียว”


“ลูกสาวของป๋ามองการณ์ไกลเสมอเก่งมากลูก” เจ้าสัวมหาศาลเอ่ยชมลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“ก็ลูกเป็นลูกสาวของป๋านี่คะ”มะลิลาปากหวานกับบิดาไม่แพ้กัน

เพียงหนึ่งชั่วโมงจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังย่านธุรกิจใจกลางเมืองและตึกสูงหกสิบชั้นที่มีชื่อเดียวกับนามสกุลของสองพ่อลูกก็ตั้งตระหง่านอยู่บนถนนเส้นนี้มานานหลายสิบปี ‘ตึกเอื้อทวีสกุล’คือความภาคภูมิใจของเจ้าสัวมหาศาลเพราะมันคือตึกสูงสุดหรูหากมีค่าเช่าที่สามารถแบ่งออกไปตามกำลังของผู้เช่าได้คนที่ต้องการจะเริ่มต้นอาชีพและทุนน้อยก็สามารถค้าขายในตึกหรูแห่งนี้ได้เช่นกันนั่นคือปณิธานของเจ้าสัวคนดังที่ตั้งใจจะมอบโอกาสให้กับคนที่ขยันทำมาหากิน

ภายในตึกประกอบด้วยร้านรวงมากมายที่ตกแต่งได้อย่างมีเอกลักษณ์มีสินค้าหลากหลาย ทั้งของแฟชั่น รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์หลากหลายรูปแบบ ร้านอาหารทุกโซนทุกชั้นแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการและแบ่งโซนพื้นที่ไว้ได้อย่างลงตัว

นอกจากนั้นบนชั้นที่สูงขึ้นไปก็มีออฟฟิศให้เช่าแน่นอนว่ามันได้สร้างผลกำไรมหาศาล เช่นเดียวกับชื่อของเขาตึกสูงแห่งนี้มีบริษัทต่างชาติเช่าอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย รวมถึงบริษัท ‘จีเดอเมดิซิส-ดีไซน์แอนด์คอนสตรัคชั่นจำกัด’ อันโด่งดังที่ฟังชื่อแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นบริษัทข้ามชาติ แต่ใครเลยจะรู้ว่ามี อเลสซานโดรก้องไกรภพ เดอ เมดิซิส ทายาทคนเดียวของหญิงสาวที่งดงามที่ชื่อว่า มณฑาณีก้องไกรภพนักธุรกิจสาวไทยที่ได้พบรักและแต่งงานกับทายาทของตระกูลเก่าแก่ที่มั่งคั่งที่สุดตระกูลหนึ่งของเมืองฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลีมาตั้งแต่ศตวรรษที่สิบสามนามว่ามิสเตอร์ซานโดร เดอ เมดิซิสและข่าวการแต่งงานของทั้งคู่เมื่อสี่สิบปีก่อน ก็ตกเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมไปทั่วโลก


“ลูกขอตัวไปห้องน้ำแต่งหน้าแต่งตาสักครู่นะคะป๋ามอมมาก เดี๋ยวคนที่ป๋านัดไว้เห็นหน้าสดของลูกเข้า เขาจะหนีไปเสียก่อนลูกคงต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ”

มะลิลาเอ่ยเสียงหวานกับบิดาเมื่อทั้งคู่ขึ้นมาถึงชั้นสูงสุดซึ่งเป็นสำนักงานและสถานที่นัดพบในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้


“ได้สิลูกถ้างั้นป๋าไปนั่งรอในห้องทำงานเลยก็แล้วกัน เสร็จแล้วรีบตามมานะลูก”

คนเป็นบิดาบอกลูกสาวก่อนหันไปสั่งบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยังคงใบหน้านิ่งเช่นเดิม


“พีชไปรับแขกที่ลานจอดรถด้วย อเล็กซ์คงใกล้จะมาถึงแล้ว แล้วนำทางเขาไปพบฉันที่ห้อง”


“ครับท่าน”พิชญะรับคำสั่ง ก่อนเดินไปรอรับแขกคนสำคัญที่ลานจอดรถวีไอพี

เพียงห้านาทีเมื่อพิชญะเดินออกมารอรับแขกคนสำคัญของเจ้านายชายหนุ่มที่มีรัศมีแห่งอำนาจ แม้จะอยู่ในชุดลำลองหากสุภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุมครบทุกเม็ดบนตัวของเขามันเลอค่ายิ่งกว่าอยู่บนตัวนายแบบดังๆบนรันเวย์ระดับโลก เขาสวมกางเกงยีนเดนิมที่ดูปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าแบรนด์หรูและเมื่อมันทำงานอยู่บนตัวของชายหนุ่มลูกครึ่ง ที่มีรูปร่างสูงใหญ่กับใบหน้าที่คมเข้มของเขาและเส้นผมหยักศกที่เซ็ตมาอย่างเป็นธรรมชาตินั้นทำให้คนที่กำลังเดินลงมาจากรถยนต์จากัวร์สีนิลช่างสง่างามแม้กระทั่งในสายตาของผู้ชายด้วยกัน

พิชญะพอจะรู้ว่านัดครั้งนี้ระหว่างชายหนุ่มทรงเสน่ห์ผู้นี้กับคุณหนูของเขาเป็นการจัดฉากของท่านเจ้าสัวมหาศาลอย่างแน่นอนจะอะไรเสียอีก ก็เพราะในวันที่เขาถูกเรียกตัวกลับเมืองไทยโดยด่วนท่านเจ้าสัวที่ขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกสาวบอกเขาเพียงว่า “นายกลับมาเถอะพีชลูกสาวของฉันมีอเล็กซ์คอยดูแลอยู่แล้ว นายอยู่ขวางหูขวางตาอเล็กซ์เขาจีบลูกสาวของฉันไม่ได้เสียที”

แต่ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างเขาก็ต้องแน่ใจว่าคนที่จะเข้ามาดูแลสาวน้อยที่เปรียบเสมือนน้องสาวและเจ้านายตัวน้อยของเขาจะต้องเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมมากกว่าคุณสมบัติที่ดีพร้อมแค่เพียงภายนอกเท่านั้น


“สวัสดีครับคุณคงจะเป็นคุณพิชญะ หรือพี่พีชของน้องจัสมินสินะ”เสียงทุ้มนุ่มหากทรงพลังของชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบไปทั้งตัวเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเห็นบอดี้การ์ดหนุ่มซึ่งดูดีเกินกว่าจะเป็นแค่เพียงบอดี้การ์ดออกมายืนรอรับเขาที่หน้าประตูทางเข้าของลานจอดรถ


“สวัสดีครับท่านเจ้าสัวรอคุณอยู่ เชิญทางนี้ครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มที่ไว้ตัวและเงียบขรึมตอบประหยัดถ้อยคำหากสายตาของเขามองสำรวจราวกับต้องการหาจุดบกพร่องของชายหนุ่มตรงหน้า

และแน่นอนว่าสายตาราวกับกำลังถูกจับผิดเช่นนั้นก็ไม่เกินความสามารถของอเลสซานโดร ที่จะล่วงรู้ไปได้เขาจึงเอ่ยออกไปเสียงเรียบอย่างรู้ทันด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ


“ผมกำลังจะเข้ามาเป็นลูกเขยของท่านเจ้าสัวแล้วก็กำลังจะเป็นหุ้นส่วนชีวิตในทุกๆ แง่กับน้องจัสมิน นั่นเท่ากับว่าในอนาคตอันใกล้นี้ผมก็คงจะได้เข้ามาเป็นเจ้านายของคุณด้วยอีกหน่อยถ้าคุณกล้าใช้สายตาแบบนี้มองผมอีก ผมเชื่อว่าน้องจัสมินคงไม่ชอบใจเป็นแน่”


เสียงทุ้มนุ่มสุภาพหากทรงพลังของคนที่กำลังเผยรอยยิ้มมุมปากมองบอดี้การ์ดหนุ่มตรงหน้ากล่าวเตือนกลายๆเขารู้ข้อมูลมาอย่างดีจากท่านเจ้าสัวมหาศาลว่า พิชญะเป็นมากกว่าบอดี้การ์ดเขาเปรียบเสมือนพี่ชายของมะลิลา เพราะดูแลเป็นเพื่อนเล่นกับหญิงสาวที่กำพร้ามารดามาตั้งแต่ยังเยาว์แต่ทว่าเขาก็ไม่ชอบใจนักเพราะสายตาราวกับกำลังกันท่าและหวงของรักของพิชญะจะทำให้เขาหึงจัด


“รอให้ถึงวันนั้นก่อนดีกว่าครับเพราะถึงอย่างไรตอนนี้คุณก็ยังไม่ใช่เจ้านายคนใหม่ของผม”


ประโยคเพียงสั้นๆด้วยท่าทางมั่นใจของบอดี้การ์ดหนุ่มทำให้คนที่ยิ่งกว่ามั่นใจว่าจะได้เข้ามาเป็นลูกเขยของเจ้าสัวคนดังอย่างแน่นอนเผยรอยยิ้มมุมปากเป็นรอยยิ้มที่สวนทางกับความรู้สึกของเขาในเวลานี้

แต่แล้วการฟาดฟันกันด้วยสายตาของสองหนุ่มก็สงบลงเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“ครับคุณลุงผมมาถึงแล้วครับ” อเลสซานโดรเอ่ยทักทายคนปลายสายด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ครับๆได้ครับคุณลุง” แล้วเขาก็กดตัดสายไปหลังจากรับคำสั่งเพียงสั้นๆ

“คุณเข้าไปก่อนผมขอทำธุระส่วนตัวสักครู่ เดี๋ยวจะตามไป แล้วก็ไม่ต้องยืนรอผมหน้าห้องน้ำล่ะเพราะยังไงผมก็ยังไม่ได้เป็นเจ้านายคนใหม่ของคุณเอาไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อนก็แล้วกัน” ชายหนุ่มตั้งใจยั่วโทสะคนตรงหน้าเล็กน้อย

“แต่ผมก็ต้องนำทางคุณไปยังห้องรับรองอยู่ดี”

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ เอ่อ...คุณลุงฝากให้ผมบอกคุณให้รีบเข้าไปก่อนมีบางเรื่องจะให้คุณจัดการ”


ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อิตาเลี่ยนเอ่ยเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินตรงไปยังป้ายที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษที่บอกทางไปยัง‘RestRoom’ โดยไม่สนใจท่าทีของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เขาไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกพบเอาเสียเลย


อเลสซานโดรชะลอฝีเท้าลงทันทีเมื่อพิชญะรีบเดินผ่านเขาไปเพื่อทำภารกิจบางอย่างให้เจ้านายและเขาก็ควรจะเดินเข้าไปยังห้องน้ำสุดหรูที่มีสัญลักษณ์ของสุภาพบุรุษแต่ทว่าร่างสูงใหญ่กลับมายืนรอใครบางคนที่หน้าห้องน้ำฝั่งตรงข้าม


ราวกับทุกอย่างได้ถูกกำหนดเอาไว้ประตูสีดำสนิทก็เปิดออก คนร่างเล็กที่มีใบหน้าสดใสขึ้นเพราะได้ลงเมคอัพบางๆบนใบหน้าหากดวงตาของเธอเบิ่งโตทันทีเมื่อเธอจำคนที่เธอเลือกให้เขาเป็นผู้พิชิตพรหมจารีของเธอครั้งแรกในคืนนั้นในต่างแดนได้


“Come mei  sei venuto qui ?”[1]( คุณมาที่นี่ได้ยังไง )


“คุณลุงมหาศาลนัดพี่มาค่ะ”


“Come fai a parlare Thailandese ?”[2](ทำไมพูดไทยได้ )


มะลิลาเอ่ยถามเป็นภาษาอิตาเลี่ยนด้วยสำเนียงราวกับเป็นเจ้าของภาษา ใบหน้างดงามน่ารักของเธอเปลี่ยนเป็นตกใจสุดชีวิตเพราะเธอไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่เธอเคยมีประสบการณ์สุดเร่าร้อนครั้งแรกด้วยที่นี่และความแปลกใจก็พุ่งแตะระดับขั้นสูงสุดเมื่อได้ยินคำตอบด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะนุ่มของเขา


“คุณแม่พี่เป็นคนไทยค่ะ”


และนั่นก็คือคำตอบเพียงสั้นๆของชายหนุ่มก่อนที่เขาจะสาวเท้าเข้าไปใกล้คนที่กำลังถอยหลังกลับไปในห้องน้ำอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่หันไปปิดประตูแล้วกดล็อกก่อนหันมามองร่างบางของคนที่ทำตาโต ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปใกล้เธอก่อนยกร่างเล็กให้ลอยหวือขึ้นเหนือพื้นวงแขนแกร่งของเขาอุ้มเธอไปวางลงบนซิงค์อ่างล้างหน้า ปล้นจูบและประทับริมฝีปากร้อนๆไปทั่วใบหน้าของคนที่กำลังแข็งขืนอย่างรวดเร็วและร้อนรนราวกับเขารอคอยเวลานี้มานานแสนนาน


“อย่านะที่นี่เมืองไทย คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ เรื่องคืนนั้นมันจบไปแล้วเราจบกันแล้ว วันไนต์แสตนด์ คุณเข้าใจความหมายใช่ไหม ไม่มีพันธะ ไม่มีข้อผูกมัด”มะลิลาละล่ำละลักบอกคนที่กำลังระดมทั้งกอด จูบ ลูบไล้ไปทั่วร่างบางของเธอ


“ไม่เข้าใจค่ะน้องจัสมินได้ตัวพี่ไปแล้ว น้องจัสมินต้องรับผิดชอบ จะมาฟันแล้วทิ้งแบบนี้ไม่ได้พี่ไม่ยอม”


“แอร๊ยยยย...!!!!!!!” เสียงร้องอุทานกับถ้อยคำร้ายกาจอย่างหน้าไม่อายของชายหนุ่มก่อนต่อประโยค“นี่คุณจะบ้าหรือไง พูดให้มันสวยๆ ใครฟันใครแล้วทิ้งยะ ไปจำคำพูดพวกนี้มากจากไหนหา!แอร๊ยยยย!!!”คำบริภาษมากมายจากปากของหญิงสาวก่อนที่เธอจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้แล้วเอ่ยถาม 

"แล้วคุณรู้จักชื่อฉันได้ไงจำได้ว่าคืนนั้นฉันไม่ได้บอกอะไรคุณสักอย่างเกี่ยวกับตัวฉัน"


“จัสมินมะลิ หรือ มะลิลา เอื้อทวีสกุล พี่จะไม่รู้จักคู่หมั้นของพี่ได้ยังไงล่ะคะเพียงแต่เรายังไม่เคยได้เจอแล้วก็แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง”คนที่ยังไม่ละการกระทำของตัวเองกระซิบข้างหูของคนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของเขา


“คู่หมั้น”คนที่หยุดดิ้นชั่วขณะทวนคำของเขาด้วยท่าทางประหลาดใจสุดชีวิต“จำได้แม่นว่าไม่เคยเข้าพิธีหมั้นกับใคร ห้ามพูดพล่อยๆ แบบนี้นะ”


“เรื่องนี้น้องจัสมินคงต้องถามคุณลุงดูนะคะพี่ว่าเราควรจะเข้าไปพบท่านได้แล้ว เลยเวลาสิบนาทีที่พี่บอกท่านปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานๆ มันเสียมารยาท”


คนที่เอ่ยราวกับว่าการเสียเวลาในครั้งนี้เป็นความผิดของหญิงสาวหากเขาต้องรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวว่าเธอจะโกรธแล้วตัวเองจะผิดข้อตกลงที่ได้ให้ไว้กับบิดาของเธอ


เขาถูกเจ้าสัวมหาศาลสั่งห้ามเผยความลับเรื่องหมั้นระหว่างเขากับเธอเพราะมันควรจะเป็นหน้าที่ของบิดาที่จะบอกกับลูกสาวของเขาด้วยตัวเอง


หากเป็นชายหนุ่มเองที่ใจร้อนเขาต้องการประกาศก้องความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของหญิงสาวทันทีเมื่อได้เห็นสายตาของบอดี้การ์ดหนุ่มคนที่ไม่มีสิทธิ์ใช้สายตาราวกับหวงของรักมองเขา เพราะหญิงสาวคนนี้เป็นของเขา แต่ถึงอย่างไรเรื่องหมั้นเขาจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากเธอ


“เอาเป็นว่าเรื่องหมั้นน้องจัสมินลืมมันไปก่อนนะคะ ถือว่าพี่ไม่ได้พูดเพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้เราควรให้เกียรติและยกหน้าที่ให้ผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่าย”


“มันต้องแน่นอนอยู่แล้วตราบใดที่ฉันยังไม่ได้ยินจากปากของป๋า คุณกับฉันเราไม่ได้เป็นคู่หมั้นหรือเป็นอะไรกันทั้งนั้น และถ้าสมองฉันไม่เสื่อมป๋าบอกแค่ว่านัดของเราก็แค่เรื่องงานพิพิธภัณฑ์ของฉันเท่านั้น”หญิงสาวให้ความร่วมมือด้วยอารมณ์ฉุนๆหากยังไม่ลืมขอความร่วมมือจากเขาด้วยใบหน้าซ่านสีชมพูเช่นกัน “แล้วคุณกับฉันเราก็ไม่เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน ครั้งนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างเราหวังว่าคุณจะเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ปากโป้งบอกเรื่องเกเรของฉันกับป๋า”


“แน่นอนอยู่แล้ววันนี้เราเพิ่งเจอกันครั้งแรก แล้วก็จะไม่มีเรื่องคู่หมั้นอะไรทั้งนั้น”คนที่ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่บนซิงค์อ่างล้างหน้าพลางส่งสายตาประกายระยิบระยับ


“ไปกันได้แล้วคุณป๋ารอนานแล้ว” มะลิลาเอ่ยชวนเสียงห้วน เป็นการกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างเธอชอบสายตา น้ำเสียง แล้วกลิ่นกายเช่นนี้ของเขาแต่มันเรื่องอะไรกันเล่าที่จะเผยไต๋ออกมาให้น่าอับอาย


จบประโยคของหญิงสาวแขนแกร่งของชายหนุ่มก็ช้อนเข้าไปใต้วงแขนของร่างบางแล้วยกเธอลงมายืนบนพื้นแล้วเขาก็ดึงชายเสื้อยืดของเธอลงจัดการให้เรียบร้อยอีกมือยกขึ้นไปจัดทรงผมสลวยของเธอให้เข้าที่เข้าทางหากยังไม่ลืมติดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองที่มันหลุดออกจากรังด้วยน้ำมือของใครก็ไม่ทราบได้คืนเพราะถ้าจะให้ออกไปด้วยสภาพเช่นนี้พร้อมกันทั้งคู่ มันคงจะดูไม่งามอย่างแน่นอน


เมื่อจัดการกับตัวเองเรียบร้อยมะลิลาก็รีบวิ่งออกไปจากห้องน้ำเสียก่อนโดยทิ้งให้คนที่ยิ้มหวานเดินตามหลังเธอมาห่างๆหากในสมองของเธอก็ใช้ความคิดว่าระหว่างที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอในเรื่องงานเธอจะแน่ใจตัวเองได้อย่างไรว่าจะไม่เผลอไผลทำตัวเกเรอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหนึ่งครั้งเพราะเสน่ห์เหลือล้นของเขาไม่ใช่หรือที่ทำให้เธอยอมสละสิ่งสำคัญของตัวเองแต่ถึงแม้ว่าเขาจะทรงเสน่ห์มาเพียงใด ที่นี่คือเมืองไทย ลูกสาวอย่างเธอจะไม่ทำตัวเหลวไหลให้บิดาต้องเสียใจกับการกระทำของเธอเป็นอันขาด


นั่นคือปณิธานตั้งมั่นของหญิงสาวแต่เพียงฝ่ายเดียวเพราะถึงอย่างไรคนที่เดินตามหลังเธอมาห่างๆจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ครอบครองคู่หมั้นคนที่เขาเคยปฏิเสธมาตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม เพราะเขาไม่นิยมการคลุมถุงชนจนกระทั่งได้พบเธอครั้งแรกที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์[3]เมื่อห้าปีก่อน...



[1] Come mei  sei venuto qui ? เป็นภาษาอิตาเลี่ยน หรือในภาษาอังกฤษคือ "How came you arehere?

[2] Come faia parlare Thailandese ? เป็นภาษาอิตาเลี่ยนหรือในภาษอังกฤษ " How come you speak Thai ?"

[3] พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) หรือในชื่อทางการว่า the Grand Louvre เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

******************************************************

หนังสือออกจากโรงพิมพ์สัปดาห์หน้าค่ะ สนใจสอบถามได้ที่ wikky7ster@gmail.com

หรือสอบถามที่หน้าแฟนเพจค่ะ




Create Date : 08 ธันวาคม 2557
Last Update : 8 ธันวาคม 2557 12:27:28 น. 0 comments
Counter : 542 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.