Group Blog
 
 
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
นิยายรัก ตอนที่ 6 แก้ตัว

COPY WRIGHT : สงวนลิขสิทธิ์ทั้ง ปกหนังสือ และ เนื้อหาค่ะ

บ่วงมะลิลา

ผู้เขียน:วรรณรวี

พิมพ์ครั้งแรก:พฤศจิกายน ๒๕๕๗

copy.jpg สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ ๒๕๓๗

ไม่อนุญาตให้คัดลอกเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดเพื่อสร้างฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเอกสารรูปเล่ม หรือเพื่อการใดๆเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ISBN : ๙๗๘ – ๖๑๖ – ๓๗๔ – ๐๗๑ – ๗

ราคา๒๓๐ บาท

***************************************************


ตัวอย่างค่ะ




แก้ตัว...

ห้องอาหารบัวตองเป็นร้านอาหารไทยชื่อดังและเป็นอีกหนึ่งร้านที่ได้เช่าพื้นที่ภายในตึก ‘เอื้อทวีสกุล’ แน่นอนเมื่อเป็นร้านดังที่นั่งเพียงสิบกว่าโต๊ะก็เต็มหมดหากยังโชคดีที่ยังมีที่ว่างเหลือเพียงหนึ่งโต๊ะสำหรับสองคนเท่านั้นคนที่รู้ดีว่าเป็นส่วนเกินก็ขอตัวอย่างสุภาพเพื่อจะได้ไม่สร้างความลำบากใจให้กับเจ้านายของเขาที่บอกว่าเธอยินดีจะรอคิว

“คุณหนูทานร้านนี้กับคุณอเล็กซ์เถอะครับผมยังไม่หิว ผมจะไปนั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม” พิชญะบอกเจ้านายเสียงนุ่มพลางหันไปมองร้านกาแฟชื่อดังที่อยู่เยื้องกันไม่ไกลแน่นอนจากตำแหน่งตรงนั้นเขาสามารถมองเห็นทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน

“เอาอย่างนั้นเหรอคะพี่พีช”หญิงสาวมองหน้าคนที่พยักหน้ารับแทนคำตอบ

หลังจากนั้นมะลิลาก็เดินนำเข้าไปในร้านโดยคนที่ยิ้มมุมปากก็หันไปมองหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม มือแกร่งของเขาตบเบาๆลงบนบ่าของคนที่มีความสูงใกล้เคียงกันสองสามครั้งก่อนเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในร้านอเลสซานโดร คงไม่รู้ว่าท่าทางเช่นนั้นของเขามันยิ่งเพิ่มระดับของคำว่า ‘กวนตีนชะมัด’ ที่บอดี้การ์ดหนุ่มตะโกนก้องในใจอยู่ก่อนหน้าว่าเป็น‘โคตรกวนตีนชะมัด’ ได้ในทันทีทันใด

โต๊ะขนาดสองที่นั่งในมุมแคบๆมุมหนึ่งของร้านอาหารที่คราคร่ำไปด้วยพนักงานออฟฟิศที่ทำงานอยู่ภายในตึกสูงแห่งนี้บางโต๊ะต่อกันเป็นแถวยาวเพราะมีสมาชิกมาด้วยกันหลายคน อาจจะด้วยโอกาสพิเศษและเสียงที่ได้ยินมาจากบทสนทนาที่ดังเกินกว่าระดับปกติทำให้ได้รู้ว่ามีการเลี้ยงส่งพนักงานคนหนึ่งที่จะมาทำงานร่วมกันเป็นวันสุดท้าย

“น้องจัสมินอยากทานอะไรคะ”

คนที่ขยับเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งก่อนเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเขาทำเป็นไม่สนใจท่าทางปั้นปึ่งของเธอที่แสดงออกต่อเขาชัดเจนตั้งแต่ทั้งคู่พบกันในช่วงเช้า

“สั่งอาหารจานเดียวแล้วกันฉันจะได้รีบกลับขึ้นไปเตรียมงานต่อ”

หญิงสาวตอบโดยไม่มองหน้าเขาพลางยกมือเรียกพนักงาน

“ขอเส้นใหญ่ราดหน้าทะเลแล้วก็มะนาวโซดาค่ะ” หญิงสาวสั่งโดยไม่ดูรายการอาหารในเมนู

“ขอเหมือนกันครับแต่ของผมขอเป็นน้ำเปล่า” ชายหนุ่มสั่งอาหารพร้อมส่งยิ้มให้กับพนักงาน

เพราะแขกในร้านแน่นขนัดถึงจะเป็นอาหารจานเดียวง่ายๆ แต่ทว่าก็ใช้เวลารอกว่าหลายนาที ช่วงเวลาในการรอคอยอาหารสร้างความรู้สึกปั่นป่วนให้กับมะลิลาไม่น้อยหญิงสาวยังคงสีหน้าบึ้งตึงดวงตากลมโตของเธอเสมองไปนอกร้านเพื่อต้องการหลบเลี่ยงสายตายิ้มได้ของเขาราวกับรู้ทันความรู้สึกของเธอและนั่นก็ยังไม่รวมถึงการกระทำของเขาใต้โต๊ะอาหารเล็กๆ ที่ขายาวๆ ของเขาโอบเข่าเล็กๆทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ด้วยท่าทางเกินกว่าคำว่าใกล้ชิด หากหญิงสาวก็ส่งสายตาดุเขาเป็นสายตาดุๆ ราวกับแมวน้อยที่ไม่พึงพอใจกับการปรนนิบัติของผู้เป็นเจ้านายและเธอก็ทำได้ดีที่สุดเพียงเท่านั้น

“น้องจัสมินงอน?”

ในที่สุดความเงียบระหว่างสองคนที่สวนทางกับเสียงเซ็งแซ่ของบรรยากาศโดยรอบก็ถูกทำลายลงเมื่อชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ใครงอนคะฉันจะงอนคุณเรื่องอะไรมิทราบ ช่วยแถลงไขให้ฟังด้วยจะดีมาก”

คนที่หันมามองเจ้าของเสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่พอใจเขาจะล่วงรู้ความรู้สึกของเธอได้อย่างไรกันถ้าหากเธอไม่ตั้งใจแสดงออกให้เขาเห็นชัดเจนเหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้เธอไม่ปฏิเสธหรอกว่าลึกๆ แล้วเธอก็ต้องการคำอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะถามเขาในฐานะอะไรเธอจึงเลือกใช้วิธีการแสดงออกด้วยท่าทางราวกับคุณหนูเอาแต่ใจที่ไม่ได้สิ่งของที่ตัวเองต้องการเหมือนที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ผล!

“ก็พี่ไม่มีของติดมือกลับมาฝากจากโตเกียวแต่พี่สัญญาว่าคราวหน้าจะไม่ลืมค่ะ”

คำตอบของเขาทำลายความหวังที่เธอต้องการจะรู้ความจริงว่าผู้หญิงในรูปที่แนบชิดสนิทสนมนัวเนียกับเขาคนนั้นเป็นใคร ในใจหนึ่งก็อยากจะให้เขาอธิบายอย่างเช่นว่า เป็นเพื่อนสนิท หรือเป็นญาติ หรือเป็นน้องสาวหรือเป็นอะไรของเขาก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่เขาจะไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนด้วยเหมือนที่เคยมีกับเธอ

และแล้วคำตอบหักมุมของเขาทำให้คนที่หวังจะได้ยินคำแก้ตัวเงียบไปเลย‘ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกเลย! Who cares?’ มะลิลาบ่นอุบในใจ

ในขณะที่คนไม่พอใจรับประทานอาหารที่พนักงานนำมาเสิร์ฟเงียบๆรอยยิ้มมุมปากกับดวงตาสีน้ำตาลอมฟ้าครามที่สดใสระยิบระยับราวกับน้ำค้างในยามเช้าของชายหนุ่มมองคนแสนงอนอย่างพึงพอใจเขาเลือกที่จะไม่อธิบายเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยของตัวเอง แล้วในที่สุดเขาก็ได้คำตอบ ‘เธอหึง’

เพียงครึ่งชั่วโมงทั้งคู่ก็จัดการกับมื้อเที่ยงของตัวเองเรียบร้อยหากภายในชามกระเบื้องพอร์ซเลนรูปทรงถอดแบบมาจากใบบัวของหญิงสาวก็พร่องไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยผักสีเขียวที่ทำให้ราดหน้าชามนี้ดูน่ารับประทานก็ถูกเขี่ยเอาไว้ข้างๆ จาน

“กินน้อยแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะโตคะ”คนต้นเหตุที่ทำให้หญิงสาวไม่เจริญอาหารเอ่ยถามยิ้มๆ

“โตแล้ว อายุยี่สิบห้าแล้ว”มะลิลาตอบเสียงห้วนพลางจ้องตาเขาอย่างท้าทายหลังจากริมฝีปากบางเฉียบของเธอเป็นอิสระจากหลอดกาแฟ

“ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารให้ครบห้าหมู่”ชายหนุ่มจ้องตาเธอตอบด้วยแววตายิ้มได้เขารู้ดีกว่าใครว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้วหากเขายังคงพยายามหาเหตุผลให้หญิงสาวกลับไปสนใจอาหารที่เหลืออยู่ตรงหน้าเพราะเขาเห็นเธอตักราดหน้าเข้าปากเพียงสองคำเท่านั้น

“ยุคนี้มีวิตามินเยอะแยะเพื่อชดเชยสารอาหารที่ขาดในร่างกาย”หญิงสาวตอบฉุนๆเธอไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจึงรู้สึกน้อยใจนักที่เขาไม่ยอมอธิบายที่มาที่ไปของรูปภาพเหล่านั้น

“เอาเป็นว่าวันหลังพี่จะพาน้องจัสมินไปทานอาหารที่ครบห้าหมู่โดยไม่ต้องพึ่งวิตามินดีไหมคะพี่เล็กทำอาหารอร่อยนะ รับรองใครได้ชิมไม่เคยเหลือติดจาน แล้วเมนูผักสีเขียวของพี่เล็กก็ไม่เหมือนกับของที่ร้านนี้ เชฟใหญ่การันตีเลยว่าน้องจัสมินจะต้องชอบแน่ๆ” ชายหนุ่มพยายามพาตัวเองเข้าไปสนิมสนมกับคนแสนงอนผ่านบทสนทนาและเขาอยากให้เธอเรียกชื่อของเขาแทนคำว่า ‘คุณ’ ที่สุดแสนจะห่างเหิน

“อย่ามาหลอกกันหน่อยเลยคุณ ไม่ชอบกินผักมาตั้งแต่จำความได้แล้วจะมาเปลี่ยนใจชอบเอาตอนอายุยี่สิบห้าคงไม่ง่ายดายขนาดนั้นมั้งเก็บฝีมือเชฟใหญ่ของคุณเอาไปทำให้ผู้หญิงคนอื่นเถอะค่ะคงจะมีคนเข้าคิวรอจนแถวยาวออกไปถึงนอกถนนโน้นละมั้ง”

คนที่อารมณ์ไม่ค่อยดีนักคล้ายกับช่วงมีวันนั้นของเดือนลุกขึ้นยืน

“อิ่มแล้วค่ะ จะกลับไปทำงานแล้ว”

โดยไม่รอฟังคำตอบมะลิลาก็รีบเดินออกไปหน้าร้านเมื่อเธอเห็นว่าพิชญะออกมายืนรอ หญิงสาวก้าวฉับๆตรงไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปเตรียมงานโดยไม่สนใจว่าคนที่มองตามหลังกำลังคิดแผนการง้อเธอแต่คงจะไม่ใช่เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน เล่นเกมกับคนแสนงอนที่ปากกับใจไม่ตรงกันดูสักตั้งก็คงสนุกดีเหมือนกัน

โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังกลางกรุงฯมีโอกาสได้ต้อนรับเจ้าสัวคนดังอีกครั้ง เพราะถึงเวลานัดตรวจสุขภาพประจำปีแน่นอนคนที่อายุหกสิบสามปีแต่ยังคงแข็งแรงและหนุ่มแน่น ทั้งความดัน เบาหวาน หรือแม้กระทั่งโรคชราที่พบเห็นในคนวัยเดียวกันก็ไม่สามารถแผ้วพานคนสูงวัยหัวใจหนุ่มที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพได้เจ้าสัวมหาศาลออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและจริงจังมายาวนานหลายปีและถ้าหากจะบอกใครว่าเขาอายุสี่สิบปลายๆ ก็คงจะไม่มีใครโต้แย้งเขายังคงสามารถอยู่ดูแลบุตรสาวคนเดียวของเขาต่อไปได้อีกหลายสิบปี…

เรื่องสุขภาพไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเขาหากเรื่องศัตรูทางธุรกิจต่างหากเล่าที่สำคัญยิ่งกว่าการที่เขาได้เข้าถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่มาครอบครองเมื่อเร็วๆนี้นั้น หากมันได้นำความวุ่นวายใจทางธุรกิจและความไม่ปลอดภัยมาสู่ราชาหุ้นแห่งสยามอย่างเขาแน่นอนบุตรสาวคนเดียวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเขาจะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด

ความขัดแย้งและการต่อสู้ทางธุรกิจเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับคนที่ทำธุรกิจหากการที่เขาได้หุ้นมาเพิ่มอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์บวกกับหุ้นเดิมที่ถืออยู่ในมือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ก่อนหน้านี้หลายปีทำให้เขามีเสียงข้างมากที่จะสามารถเลือกคนเข้ามาทำหน้าที่บอร์ดบริหารแน่นอนว่าเจ้าของเดิมและผู้ก่อตั้ง ‘ปริญญาเรียลเอสเตท’ ที่สูญเสียอำนาจก็พยายามติดต่อเจรจาขอซื้อหุ้นคืนจากเขาเมื่อเร็วๆ นี้และต้องกลับไปมือเปล่า

และใครจะเชื่อว่าหุ้นร้อนๆ นี้เขาได้มาจากลูกชายคนเดียวของตระกูล ‘ปริญญากุล’ ลูกชายที่ไม่ลงรอยกับบิดา แต่นั่นก็เป็นปัญหาภายในครอบครัวของพวกเขาประสบการณ์ในตลาดหุ้นมาอย่างโชกโชนและเขาก็ได้รับฉายาว่า ‘เขี้ยวลากดิน’มาอย่างยาวนาน เขาเชื่อว่าถ้าถือหุ้นตัวนี้เอาไว้เองต่อไปหรือส่งต่อให้กับบุตรสาวกำไรมหาศาลที่จะได้รับจาก‘ปริญญาเรียลเอสเตท’ จะต้องมีมูลค่ามหาศาลมันคุ้มค่ากับการลงทุนแม้จะต้องแลกมาด้วยเรื่องรำคาญใจบ้างก็ตาม

แน่นอนเจ้าสัวคนดังที่พ่วงตำแหน่งราชาหุ้นที่ถึงแม้จะมีบริวารรอบตัวมากมายแต่เขาก็ไม่ประมาทและคนที่จะเข้ามาปกป้องแก้วตาดวงใจและทรัพย์สมบัติมหาศาลของเขาต่อไปจะก็ต้องเป็นคนที่คู่ควร…

“ลูกชายตัวดีของคุณหนีไปเมืองนอกตั้งแต่เมื่อคืนมันทำเรื่องบัดซบทิ้งเอาไว้แล้วหายหัว ควงอีตัวไปผลาญเงินเมืองนอกมันไม่รู้หรือไงว่าหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่มันประเคนใส่พานถวายเจ้าสัวมหาศาลไปสร้างความฉิบหายให้เราไปเท่าไหร่”

เสียงกร้าวที่บริภาษลูกชายอย่างดุเดือดของปรัชญา ปริญญากุล ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ‘ปริญญาเรียลเอสเตส’ และเป็นบิดาของ ปริญ ปริญญากุล เอ่ยถาม ปรียาผู้เป็นภรรยาเสียงดั่งลั่น เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายตัวดีจะเอาคืนเขาอย่างเจ็บแสบด้วยการขายหุ้นในส่วนของตัวเองให้คนอื่นทำให้คนที่ก่อตั้งบริษัทนี้มาด้วยหยาดเหงื่อที่แทบจะหยดลงมาเป็นสายเลือดอย่างเขาต้องสูญเสียทั้งเงินและอำนาจในบอร์ดบริหารเสี้ยงทุ้มห้าวของเขาดังลั่นจนสตรีผู้เป็นทั้งมารดาและภรรยาสะดุ้งแน่นอนเธอรักและตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมากหากเธอเองก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวหลงลูกชายเสียจนไม่รู้ว่าครั้งนี้ลูกชายเพลย์บอยในวัยยี่สิบแปดปีของเธอเป็นฝ่ายผิดเต็มประตูและเขาก็ควรได้รับการตำหนิ

“ป่านนี้เจ้าสัวคงยิ้มเยาะผมฟันแทบจะหักอยู่ละมั้งผมมีลูกชายอยู่แค่คนเดียว เลี้ยงดูให้มันฉลาดกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้แต่ถึงมันจะไม่ฉลาดถึงขั้นได้เหรียญทองโอลิมปิคผมก็ไม่คิดว่าคนที่จบเมืองนอกเมืองนามาอย่างมันจะโง่จนสร้างความฉิบหายได้มากมายขนาดนี้”

“ลูกปริญเพิ่งโทรกลับมาว่าจะขอทัวร์ยุโรปอีกสักสองสามสัปดาห์ค่ะคุณลูกบอกว่าขอเวลาทบทวนในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปแล้วจะกลับมาแก้ไขปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ด้วยตัวเอง คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะลูกปริญรู้ตัวว่าทำผิด แล้วก็สำนึกผิดแล้วด้วย ลูกบอกดิฉันว่าถ้ากลับมาเขาจะเข้าไปเจรจาขอซื้อหุ้นคืนจากท่านเจ้าสัวมหาศาลด้วยตัวเอง แล้วลูกก็มั่นใจด้วยว่าจะต้องได้หุ้นคืนมาอย่างแน่นอนค่ะ”

ปรียาตอบสามีไม่เต็มเสียงเธอบิดเบือนความจริงไปเล็กน้อยว่าคำพูดของลูกชายที่เขายอมรับผิดแล้วจะกลับมาแก้ไขปัญหานั้นแท้จริงแล้วเธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายขอร้องให้เขาทำเพราะไม่เช่นนั้นความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่อยู่แล้วระหว่างสองพ่อลูกอาจจะต้องถึงขั้นแตกหักอย่างแน่นอน

“แล้วคุณคิดจริงๆน่ะหรือว่าเจ้าสัวเขี้ยวลากดินนั่นจะยอมขายหุ้นคืนให้มันง่ายๆ รู้ๆกันอยู่ว่าเขาจะได้กำไรจากหุ้นตัวนี้อีกตั้งเท่าไหร่ถ้าถือเอาไว้ในมือถ้าเขาใจดียอมขายคืน เขาคงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งราชาหุ้นแห่งสยามมาจนถึงทุกวันนี้หรอกคุณไอ้ปริญมันมีสมองเท่าเด็กกี่ขวบกันแน่ว่ะ ผมไม่อยากจะเชื่อ”คนเป็นบิดายังคงบ่นลูกชายที่กำลังท่องยุโรปอยู่ในเวลานี้ด้วยอารมณ์หัวเสียอย่างหนัก

“รอลูกกลับมา แล้วให้ลูกลองดูก่อนถึงตอนนั้นค่อยว่ากันดีกว่าไหมคะคุณ อย่าเก็บมาเป็นอารมณ์เลยค่ะ เดี๋ยวจะทานอาหารไม่อร่อยเย็นนี้ดิฉันทำของโปรดของคุณหลายอย่างเลยค่ะ คุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะอย่างน้อยเราก็รู้ว่าหุ้นอยู่ในมือใครแล้วถ้ามันจะทำกำไรในอนาคตอีกมากมายจริงอย่างที่คุณว่าเจ้าสัวมหาศาลคงไม่ยอมขายให้ใครง่ายๆ แน่ รอลูกปริญกลับมาแก้ไขปัญหาของตัวเองลูกคงไปเที่ยวพักผ่อนเพื่อจะได้กลับมาทำงานหนักในอนาคตนะคะ”ปรียาพยายามเอ่ยเสียงอ่อนเสียงหวานเพื่อกล่อมสามีให้อารมณ์ของเขาเย็นลงมาบ้าง

“จริงของคุณถึงจะด่ามันยังไงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ถ้ามันยังไม่โผล่หัวกลับมา” คนที่เสียงทุ้มห้าวดังลั่นในตอนแรกปรับระดับเสียงลงมา “ถ้ามันหาทางซื้อหุ้นคืนไม่ได้ บางทีอาจจะต้องใช้วิธีอื่นผมรู้มาว่าเจ้าสัวมีลูกสาวคนเดียว เพิ่งเดินทางกลับมาด้วยถ้าไอ้ปริญมันไม่ฉลาดเรื่องงาน อย่างน้อยมันก็น่าจะฉลาดเรื่องจับผู้หญิงดีๆ บ้างอีตัวแต่ละคนที่มันควงมีแต่จะผลาญเงิน แต่อย่างทายาทคนเดียวของเจ้าสัวคนดัง มะลิลาเอื้อทวีสกุล คือขุมทรัพย์ จับเธอได้ มีแต่ได้กับได้”

คนที่หัวเสียเรื่องการวางแผนให้ลูกชายขอซื้อหุ้นคืนมองเห็นช่องทางทำกำไรมหาศาลอีกครั้งเมื่อหนังสือพิมพ์ในมือลงข่าวสังคมมีกรอบเล็กๆ ลงรูปถ่ายบรรยายใต้ภาพว่า ‘สาวติสต์ทายาทคนเดียวของเจ้าสัวคนดังเตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางกรุง’ แน่นอนถ้าหากลูกชายตัวแสบของเขาจีบคนในข่าวได้สำเร็จและถ้าเขาสามารถชวนหญิงสาวเข้ามาร่วมใช้นามสกุล‘ปริญญากุล’ ได้ คงจะทำให้เขานอนตายตาหลับเพราะว่านอกจากเขาจะได้หุ้นคืนแล้ว ยังรวมถึงทรัพย์สินมหาศาลในอนาคตอีกด้วย และที่สำคัญที่สุดลูกชายตัวดีของเขาจะได้มีคู่ครองที่เหมาะสมและเท่าเทียมกัน...

**********************************************

หนังสือออกจากโรงพิมพ์สัปดาห์หน้าค่ะ สนใจสอบถามได้ที่ wikky7ster@gmail.com

หรือสอบถามที่หน้าแฟนเพจค่ะ





Create Date : 15 ธันวาคม 2557
Last Update : 15 ธันวาคม 2557 12:41:38 น. 0 comments
Counter : 489 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wikky_78
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add wikky_78's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.