ปฎิรูป-ถอยอย่างไรไม่ให้ล้ม*** WHITESPACE.CO.LTD

whitespace
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เมื่อไม่มีสิ่งใดจริง จึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
.....อ่านเรื่องพุทธบารมี
.....ลีลาสมเด็จพุฒาจารย์โต
.....ปฏิปัตติปุจฉาวิสัชนา-หลวงปู่มั่น

Google..
.....................พ่อของแผ่นดิน...
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
20 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add whitespace's blog to your web]
Links
 

 
= พ ลั ง ก า ย ทิ พ ย์ =



พ ลั ง ก า ย ทิ พ ย์ ..
อวกาศสีขาว / 20 มิ.ย. 50


. . . ม นุ ษ ย์ นั้ น มี ร่างกายและจิตใจ ทำงานร่วมกัน

ร่างกายของมนุษย์เรานอกจากรูปร่างหน้าตาภายนอกซึ่งเรียกว่ากายเนื้อหรือกายหยาบแล้ว ยังมีร่างกายภายใน ที่เป็นกายละเอียดเกาะเกี่ยวซ้อนทับอยู่ภายในร่างกายซึ่งเรียกว่ากายทิพย์ กายทิพย์นั้นเป็นคลื่นพลังงานที่มีรัศมีเรืองรอง สามารถแผ่ซ่านออกมานอกกายเนื้อตามกระแสพลังของจิตใจ-อารมณ์-ความคิด-และความสมบูรณ์ของร่างกาย ซึ่งบางคนอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือที่เรียกว่าออร่า

กายทิพย์หากมีรัศมีหม่นมัว สีสันไม่แจ่มจ้าสดใส อาจหมายถึงโรคภัยไข้เจ็บ หรือมีอารมณ์ความคิดที่เป็นด้านลบ การสัมผัสถึงกายทิพย์หรือรัศมีกายทิพย์ของผู้อื่น สามารถทำได้ แม้นจะไม่ใช่การมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่อาจรับรู้ด้วยความรู้สึก ล่วงรู้ว่าบุคคลนั้นกำลังตกอยู่ในความสุขความเศร้า เป็นคนนิสัยใจคออย่างไร แม้รูปร่างภายนอกจะดูดี พูดจาดี แต่เราอาจรู้สึกว่าเขากำลังเจ็บป่วยทางใจ คือไม่เหมือนอย่างที่เห็น คนที่รู้สึกถึงกายทิพย์นี่ได้ จะต้องเป็นผู้มีสมาธิจิตพอควร ไม่ใช่ทึกทักเอาตามความคิด

กายทิพย์และรัศมีกายทิพย์มีความละเอียดซับซ้อนมาก นอกจากจะบอกเรื่องสุขภาพหรือปัญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นกับกายหยาบล่วงหน้า ยังบอกถึงสภาพอารมณ์จิตใจ โชควาสนา และยังมีความเชื่อกันว่า สามารถบ่งบอกถึงอดีตชาติซึ่งเป็นกายทิพย์ชาติก่อนๆ ซ้อนทับกันลงไปเรื่อยๆ แม้กายภายนอกของชาติก่อนๆ จะตายไปแล้ว แต่กายทิพย์ของชาติก่อนๆ ยังซ้อนกันอยู่ นี่เป็นเหตุที่ทำให้คนเราในชาตินี้ มีนิสัยใจคอ-ความรู้ความสามารถติดตัวมาจากชาติก่อนๆ ด้วย

จิตนั้นต้องเดินทางผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน อาศัยรูปขันธ์เกิดตามวิบากกรรมหรือที่เรียกว่าวาสนาบารมี จะเกิดมาดีบ้างหรือไม่ดีบ้างขึ้นลงวนอยู่ในภพภูมิสูงต่ำไปตามยถากรรม ซึ่งตัวเองปรุงแต่งไว้ตามกิเลสความลุ่มหลงและอุปาทานในขณะนั้นๆ เกิดดับเรื่อยมาช้านานด้วยความไม่รู้ และความไม่รู้นี้เองที่นำพาจิตเวียนว่ายอยู่ในทะเลทุกข์ หาทางหลุดพ้นไม่เจอ จนกว่าจะเกิดความรู้ขึ้นมา และหาทางยุติกรรมได้ด้วยความรู้นั้น

แต่ในขณะที่จิตยังต้องท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏฏะ ก็ยังต้องอาศัยรูปหรือร่างกายเป็นแดนเกิดเพื่อสะสางกรรมที่สร้างไว้ รูปหรือร่างกายที่อาศัยนี้ก็ไม่มีความคงทน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามกฎของธรรมชาติและกฎกรรมตลอดเวลา มีความเสื่อมและเจ็บป่วยอยู่เสมอ สร้างความทุกข์ให้มิใช่น้อยแม้นยังไม่ตาย การเสริมสร้างพลังกายทิพย์ นับว่าเป็นการเสริมสร้างพลังทางร่างกาย และทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นด้วย เพราะการเสริมสร้างพลังกายทิพย์ ก็คือการดูแลร่างกายและจิตใจให้ดีขึ้นนั่นเอง

แม้นปัจจุบัน วิทยาการแพทย์ในยุคดิจิตอลจะก้าวหน้าไปมาก แต่ท่ามกลางความเจริญก็กลับนำพาสารพิษและมลภาวะรวมถึงความเครียดในการดำรงชีวิตในสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันมาสู่สุขภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะคนในสังคมเมือง

ในร่างกายมนุษย์ที่เกิดขึ้นมาได้ ประกอบด้วยธาตุหก คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ (จิต) หากรักษาความสมดุลของธาตุทั้งหลายเหล่านี้ไว้ได้ สุขภาพก็จะแข็งแรง กายทิพย์เองก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความสมดุลในร่างกายเช่นกัน ทั้งยังสามารถพัฒนากายทิพย์ให้ทรงอานุภาพมากยิ่งขึ้นได้ด้วยการปฏิบัติทางจิตและทางกาย

นอกจากกายทิพย์จะมีความคงทนถาวรกว่ากายเนื้อ ทั้งยังต้องเดินทางเกาะเกี่ยวไปกับจิตอีกเนิ่นนานและจะอีกนาน.. ไปจนกว่าจิตจะชำระล้างกิเลสเข้าสู่ความบริสุทธิ์หรือเข้านิพพาน หากกายเนื้อตายลงนั้น กายทิพย์หรือกายวิญญาณที่อยู่กับจิตก็จะต้องหาร่างกายใหม่หรือรูปขันธ์ใหม่อาศัย ซึ่งจะเป็นไปตามวิบากบุญบาปที่สร้างเอาไว้ หากไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม กายใหม่จะละเอียดมากกว่ากายทิพย์ขณะเป็นมนุษย์ และจะมีผลต่อกายทิพย์ในกายใหม่นั้นด้วย กายทิพย์นั้นจะแปรเปลี่ยนไปตามบุญวาสนาและสภาพจิตใจ

กายทิพย์ที่มีพลานุภาพ ย่อมทำให้กายหยาบมีพลานุภาพไปด้วย การเพิ่มพลังอานุภาพให้กายทิพย์คนเรานั้น สามารถฝึกฝนปฏิบัติได้ด้วยการรักษาสภาพร่างกายและจิตใจให้สมบูรณ์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เช่นผักผลไม้สะอาด การอยู่ในธรรมชาติที่สะอาด มีผลต่อสุขภาพร่างกายฉันใด การให้อาหารจิตที่ดี เช่นมีความคิดในด้านบวก มีความรักความเอื้ออาทร หรือการฝึกฝนสมาธิจิต ฯลฯ ก็มีผลต่อสุขภาพจิตฉันนั้น

*
.. ภายในกายเนื้อหรือกายทิพย์ จะมีจักระหรือศูนย์พลังทั้ง 7 อยู่ภายใน เป็นทางขับเคลื่อนของปราณก่อนกระจายไปทุกอณูในร่างกาย จักระแต่ละจุดจะมีสีแห่งชีวิต จักระ1 อยู่ตรงฝีเย็บระหว่างอวัยวะเพศและทวารหนักมีสีแดง จักระ2 อยู่ตรงก้นกบมีสีส้ม จักระ3 อยู่บนกระดูกสันหนังแนวเดียวกับสะดือมีสีเหลือง จักระ4 อยู่บนกระดูกสันหลังแนวเดียวกับหัวใจมีสีเขียว จักระ5 อยู่บนกระดูกสันหลังช่วงต้นคอมีสีฟ้า จักระ6 อยู่ระหว่างคิ้วตรงหน้าผากหรือดวงตาที่สามมีสีไพลิน จักระ7 อยู่บนกระหม่อมมีสีม่วง

เมื่อปราณหรือพลังกุณฑาลินี ที่สถิตปลายสุดของกระดูกสันหลัง ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น มันจะพุ่งสู่จักระสุดท้ายเหนือศีรษะ ซึ่งเชื่อมต่อกับพลังจักรวาลที่มีอยู่ทั้งหมด มันจะมอบความรู้แจ้งในตนเองให้กับผู้ที่ทำได้ แต่ละจักระจะมีคุณสมบัติทางจิตวิญญาณ เมื่อจักระทั้งเจ็ดถูกเปิดขึ้น สามารถเดินลมปราณได้ทะลุทะลวงทั่วร่างกาย จะทำให้ร่างกายสามารถแก้ไขความไม่สมดุลทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยการนำคลื่นพลังหรือปราณไปแก้ไขในจุดที่บกพร่อง ทั้งยังช่วยให้ผู้ปฏิบัติขั้นสูงรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความสุขสงบ และพบความสมบูรณ์ทางจิต การปฏิบัติสมาธิเป็นประจำ และนำพลังชีวิตไปใช้ในทางสร้างสรรค์ อ่อนน้อมถ่อมตน เอื้ออาทรและมีความเมตตา นอกจากสุขภาพจะพัฒนาดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ยังช่วยให้ตื่นตัวไวต่อการรับรู้ถึงพลังธรรมชาติรอบ ๆ ตัวของเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ เราจึงสามารถทำให้กายทิพย์แข็งแรงทั้งด้วยการขับเคลื่อนปราณในร่างกาย และนำพลังจักรวาลเข้ามาฟื้นฟูพลังกายทิพย์เราได้

ขุมพลังสู่การเพิ่มอานุภาพพลังกายทิพย์
ด้วย พลังสมาธิ - พลังปราณ - พลังคอสมิค


พลังสมาธิ (พลังจิต) การจะฝึกฝนศาสตร์และองค์ความรู้ทุกแขนง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้สมาธิ-สติ-ปัญญา เป็นตัวนำพาเราไปสู่ขบวนการความรู้แจ้งในศาสตร์นั้นๆ สมาธินับเป็นฐานกำลังสำคัญต่อกระบวนทั้งร่างกายและจิตใจ การฝึกสมาธิให้จิตสงบแน่วแน่มีพลานุภาพต่อการรับรู้และนำมาใช้งานนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจิตใจที่ไม่เป็นระเบียบและไม่เป็นสมาธิ จะไม่สามารถนำไปใช้งานอะไรได้เลย สมาธิเองเป็นฐานที่จะปฏิบัติให้พลังกายทิพย์ก้าวหน้าด้วยเช่นกัน การรวบรวมสมาธิได้ ย่อมปลุกพลังปราณและรับพลังคอสมิคได้ การรับปราณภายนอกตัวและพลังคอสมิค ในขั้นต้น ไม่จำเป็นต้องใช้สมาธิสูงอะไรเลยด้วยซ้ำ

พลังปราณ (พลังชีวิตหรือพลังกุณฑาลิณีหรือคนจีนเรียกว่าชี่) พลังปราณหรือพลังชีวิต เป็นพลังดั้งเดิมของจักรวาลที่สั่นสะเทือนอยู่ในร่างกายเรา บ่งบอกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลในตัวเรา แม้นเราจะแยกตัวออกมาแล้ว เราสามารถเชื่อมต่อพลังชีวิตของเรากับจักรวาลได้ การฝึกสมาธิจนสามารถกระตุ้นปราณในตัวให้ตื่นขึ้น ไหลเวียนไปตามจักระทั้งเจ็ดในร่างกาย จะส่งผลต่อสุขภาพ ที่ทำให้มีชีวิตชีวา เป็นแรงขับเคลื่อนอยู่ภายในซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตให้กระชุ่มกระชวย นอกจากปราณในตัวแล้ว พลังชีวิตนอกตัวหรือปราณนอกตัว ยังมีอยู่ในอากาศ สายลม ดอกไม้ ต้นไม้ น้ำค้าง ก้อนหิน ฯลฯ สรรพสิ่งในโลกล้วนมีพลังซ่อนอยู่ในตัวเอง ธรรมชาติที่บริสุทธิ์จะช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นสมรรถภาพได้แม้ในยามเจ็บป่วย แม้นแต่พลังจากดวงดาวต่างๆ ที่ส่องมายังโลก ก็นำมาใช้ในการฟื้นฟูจักระทั้งเจ็ดในร่างกาย พลังแสงอาทิตย์นับเป็นพลังชีวิตขนาดยิ่งใหญ่มหาศาล ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตต่างๆ หากเราต้องอยู่ในที่อับแสงมืดมิดเป็นเวลานานเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายห่อเหี่ยวและอาจถึงตายได้

พลังคอสมิค (ต่างจากกัมมันตรังสีcosmic ในอวกาศและแสงอาทิตย์ที่เป็นอันตราย) หรือที่เรียกพลังจักรวาล (จิตจักรวาล) เชื่อว่ามีอยู่รอบๆ ตัวเรา เป็นพลังที่ส่งมาจากจักรวาลหรือจิตจักรวาล เป็นคลื่นพลังงานจากจิตเบื้องบน หรือจิตที่สูงส่ง มีความรักความเมตตาหาประมาณไม่ได้ เชื่อว่าเป็นพลังแห่งความรัก พลังศักดิ์สิทธิ์ พลังแห่งการรักษา-โอบอุ้ม-คุ้มครอง เราสามารถรับพลังคอสมิคได้ชัดเจนเมื่อจิตมีสมาธิ หากสามารถกระตุ้นจักระทั้งเจ็ดในตัวและรับคลื่นพลังจักรวาลได้ นอกจากจะช่วยให้กายทิพย์และกายเนื้อเรามีพลานุภาพมากขึ้น รักษาโรคภัยไข้เจ็บในตัวเอง ยังสามารถส่งพลังนี้ผ่านตัวเราไปรักษาผู้ป่วยคนอื่นๆ โดยเชื่อว่าพลังจักรวาลจะสื่อจากตัวเราส่งผ่านมือเปล่าไปรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ที่ต้องการมาให้ช่วยเหลือ พลังคอสมิคมีพลังอำนาจ สามารถนำมาใช้ในด้านรักษาและทำลายล้างได้ตามจิตใจของตัวเราเอง หากนำมาใช้ในด้านดีงามพลังก็จะพัฒนาไปถึงขีดสุด แต่หากนำมาใช้ในเรื่องไม่ดีก็จะทำลายล้างตัวเราเองเช่นกัน

จะเห็นได้ว่า เราแทบจะแยกพลังสมาธิตัวเราเอง พลังปราณในตัว-ปราณนอกตัว และพลังจักรวาลได้ยาก การมีพลังจิตจนสามารถนำพลังนอกตัวมาประสานกับตัวเอง กายทิพย์ก็จะทรงพลังมากขึ้น เมื่อนำพลังงานจักรวาลและพลังงานของดวงดาวต่างๆ มาใช้ด้วยสมาธิ โดยการใช้ตัวเองเป็นตัวกลางในการรับคลื่นพลังก่อนส่งผ่านไปยังบุคคลอื่น จะช่วยให้เราไม่สูญเสียพลังตัวเอง อีกทั้งยังช่วยให้เรามีพลังกายทิพย์มากขึ้นอีก

.....................

* เว็บวิชาพลังกายทิพย์ โดย คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค
//www.khunya.in.th/default.asp
* ศึกษาวิชาพลังกายทิพย์ สอนโดยคุณย่าเยาวเรศ บุนนาค
วิชาพลังกายทิพย์ สอนโดย คุณย่าเยาวเรศ บุนนาค


บทความคราวหน้าเรื่อง ............ เป็นหมอมือเปล่า ด้วยพลังกายทิพย์


Create Date : 20 มิถุนายน 2550
Last Update : 20 มิถุนายน 2550 10:01:35 น. 0 comments
Counter : 1757 Pageviews.
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.