Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
รวมกระทู้ประวัติครูบาอาจารย์
รวมกระทู้คำสอนครูบาอาจารย์มั่น ภูริทัตโตและหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
รวมกระทู้คำสอนหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
รวมกระทู้คำสอนหลวงปู่สิม พุทธาจาโร
รวมกระทู้บทความคำสอนท่านพ่อลี ธมฺมธโร
รวมกระทู้คำสอนหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท
รวมกระทู้คำสอนหลวงตาบัว ญาณสัมปันโน
รวมกระทู้คำสอนสมเด็จพระญาณสังวรฯ(เจริญ สุวัฒนโณ)
รวมกระทู้คำสอนหลวงพ่อชา สุภัทโท
รวมกระทู้คำสอนหลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล
ธรรมะเบ็ดเตล็ดจากหนังสือต่างๆ
กระทู้ชวนอ่านหนังสือธรรมะ
เบ็ดเตร็ดจากหนังสือต่างๆ
กวีธรรม
<<
กันยายน 2555
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
7 กันยายน 2555
เด็กผิดต้องลงโทษ
All Blogs
ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องกลัวโลกหน้า(บทความนิตยสารศุภมิตร)
ความสุข (บทความนิตยสารศุภมิตร)
พระพุทธองค์สอนโดยมุ่งประโยชน์ผู้รับการสอนโดยแท้จริง
เด็กผิดต้องลงโทษ
คุณสมบัติ ๓ ประการที่ช่วยให้บรรลุความสำเร็จ
ลักษณะของคนพาลและบัณฑิต
คนเขามีคุณธรรมมิใช่ว่าเขากลัว
การมีสติ รู้ตัวอยู่เสมอ
อุบายแห่งความสุข อ.วศิน อินทสระ
โคกตัญญู (เค้าโครงเรื่องจากกัณหชาดก เอกนิบาต)
ให้เอาชนะข้าศึก คือ กิเลสด้วยการภาวนาและพิจารณา
สวดมนต์เพื่ออะไร
สิ้นโลกเหลือธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
คุณสมบัติของทูต ๘ ประการ
ทำอย่างไรจึงจะไม่ต้องกลัวโลกหน้า
บุคคลไม่พึงปล่อยวาจาชั่วและพึงอดทนต่อวาจาล่วงเกินของผู้อื่น
บุคคลไม่ควรสละตนเป็นทาสสิ่งใดเพราะอิสรภาพทั้งปวงเป็นสุข
การฝึกตนเป็นคนดี โดย อาจารย์วศิน อินทสระ
พึงเว้นจากความเท็จทั้งปวง
สมัยหนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นโจร
หลับและตื่น
ในหมู่คนดีย่อมมีคนไม่ดี ..หลวงปู่หลอด ปโมทิโต
อย่ารอจนแก่เฒ่า ..หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
สอนตัวเอง..ตรวจตัวเอง (หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต)
คบคนพาล..พาลพาใจไม่สงบ (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)
สิ้นสุดที่ความตาย (คัดลอกจาก หนังสือพุทธวิธีคลายโศก)
การค้ากับการปฏิบัติธรรม (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
ธรรมะคุ้มครองเราไม่ได้ ถ้าเราไม่เข้าหาธรรมะ (หลวงพ่อปัญญาฯ)
ฝึกความแข็งแกร่งให้ชีวิต (พระพุทธทาส อินทปัญโญ)
แม่ชีที่ประกอบด้วยองค์ ๕ หาได้ยาก
ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร (จากหนังสือธรรมะกับการปฏิบัติธรรม)
เด็กผิดต้องลงโทษ
(ภาพประกอบจากเวบไซต์คณะวิทยาศาสตร์ ม.ราชมงคล)
ในอดีตกาล เมื่อครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองกรุงพาราณสี
พระองค์ทรงมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่ง
ทรงพระนามว่า "เจ้าชายพรหมทัต" เช่นเดียวกับพระนามของพระราชบิดา
เมื่อทรงเจริญวัย พระราชบิดาทรงส่งไปศึกษาศิลปวิทยา
ที่นครตักศิลากับอาจารย์ทิศาปาโมกข์
ซึ่งพระโพธิสัตว์ถือกำเนิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ดังกล่าว
พระราชกุมารเป็นศิษย์ประเภทจ่ายทรัพย์ให้อาจารย์แล้วเรียนศิลปวิทยา
โดยไม่ต้องทำงานให้อาจารย์เหมือนพวกศิษย์อื่นๆ
วันหนึ่งขณะที่อาจารย์และศิษย์อีกหลายคนพากันไปอาบน้ำที่ท่าน้ำ
มีหญิงชราคนหนึ่งตากเมล็ดงา แล้วนั่งเฝ้าถาดงานั้นอยู่ในร่ม
พระราชกุมารเห็นเมล็ดงานั้นจึงกำมากำมือหนึ่งแล้วเสวย
หญิงชราก็ไม่ว่าอะไร
วันรุ่งขึ้นพระราชกุมารก็ทำเช่นนี้อีก หญิงชราจึงโวยวาย ว่า
อาจารย์ทิศาปาโมกข์ให้ลูกศิษย์มาปล้นตน
เมื่ออาจารย์ทิศาปาโมกข์รู้เรื่องจึงสั่งลงโทษ
โดยให้ศิษย์ ๒ คนจับแขนเจ้าชายไว้แล้วเอาซีกไม้ไผ่เฆี่ยน ๓ ที
พร้อมกับสั่งสอนไม่ให้เจ้าชายทำเช่นนั้นอีก
ฝ่ายเจ้าชายนั้นทั้งเจ็บทั้งอายจึงอาฆาตแค้นอาจารย์ว่า
จะฆ่าอาจารย์เสียให้ได้ในวันหนึ่งข้างหน้า
ในที่สุดการศึกษาของเจ้าชายพรหมทัตก็จบหลักสูตร
จึงเข้าไปลาอาจารย์กลับพระนคร พร้อมรับสั่งว่า
เมื่อตนได้ราชสมบัติจะส่งข่าวถึงอาจารย์ให้ไปพบให้ได้
เมื่อเสด็จถึงนครพาราณสี พระราชบิดาและพระราชมารดาทรงพอพระทัยมาก
ได้สถาปนาไว้ในราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบแทนพระองค์ต่อไป
พระราชาจึงส่งทูตไปเชิญอาจารย์ที่นครตักสิลา
ฝ่ายอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เมื่อได้รับพระราชสาส์นก็คิดว่า
ขณะนี้พระราชายังทรงรุ่นหนุ่ม มีอารมณ์รุนแรง
จักไม่อาจถวายคำแนะนำให้เข้าพระทัยได้ จึงมิได้เข้าเฝ้าตามรับสั่ง
ต่อเมื่อพระราชาทรงเข้าสู่มัชฌิมวัย
อาจารย์จึงได้ออกจากนครตักสิลาไปเฝ้าพระราชา
เพราะเห็นว่าพระราชาทรงเป็นผู้ใหญ่ สามารถเข้าพระทัยในเหตุผลต่างๆได้
ครั้นอาจารย์มาถึงตำหนัก พระราชาจึงรับสั่งกับอำมาตย์ที่เฝ้าอยู่นั้นว่า
คนนี้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ที่เคยเฆี่ยนตีพระองค์
รอยเฆี่ยนนั้นยังฝังอยู่ที่ใจ
อาจารย์คงไม่รู้ว่า ตนเองมาหาความตาย จึงกล่าวสุภาษิตว่า
"การที่ท่านจับแขนเราไว้แล้วเฆี่ยนตีด้วยซีกไม้ไผ่เพราะเหตุเพียงเมล็ดกำมือหนึ่งนั้น
ยังฝังใจเราอยู่ทุกวันนี้ ดูกรพราหมณ์..ท่านไม่ไยดีในชีวิตของท่านแล้วหรือจึงมาหาเราถึงที่นี่
ผลที่ท่านให้จับแขนทั้งสองของเราแล้วเฆี่ยนตีถึง ๓ ทีนั้นจักสนองท่านในวันนี้"
เมื่ออาจารย์ทิศาปาโมกข์ได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงกล่าวสุภาษิตตอบว่า
"อริยชนใดย่อมกีดกันอนารยชนผู้กระทำชั่วด้วยการลงโทษ
การกระทำของอริยชนนั้นเป็นการสั่งสอน...หาใช่เวรไม่
บัณฑิตทั้งหลายย่อมรู้ชัดข้อนั้นอย่างนี้แล.."
เมื่อฟังอาจารย์กล่าวเช่นนั้น เหล่าอำมาตย์ที่กำลังเฝ้าอยู่
จึงทูลสนับสนุนสุภาษิตของอาจารย์ทิศาปาโมกข์
พระราชาก็ทรงได้พระสติ และ ทรงเข้าพระทัยในเหตุผลของอาจารย์ทุกประการ
ในที่สุด จึงทรงประทานตำแหน่งปุโรหิตแก่อาจารย์และตั้งอยู่ในฐานะพระราชบิดา
ดำรงอยู่ในโอวาทของพระอาจารย์นั้น
บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุมีทาน เป็นต้น มีสุคติเป็นเบื้องหน้า
(ติลมุฏฐิชาดก ติกนิบาต สังกัปปวรรค ข้อ ๓๕๕-๓๕๗)
คัดลอกจากหนังสือเรื่อง
เตือนตนด้วยพุทธโอวาท
เรียบเรียงโดย แก้ว สุพรรโณ
กรุงเทพ : ไพลิน, ๒๕๔๒ หน้า ๓๘-๔๐
กระทู้ที่ธรรมจักร
//www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=43207&sid=cb11e970436637cd3204f200a8b8b47a
Create Date : 07 กันยายน 2555
Last Update : 7 กันยายน 2555 9:17:31 น.
2 comments
Counter : 1146 Pageviews.
Share
Tweet
การลงโทษเพื่อให้คนเป็นคนดีถึงวันนี้ก็ยังจำเป็นอยู่ แม้ว่ารูปแบบอาจจะเปลี่ยนไป
โดย:
deco_mom
วันที่: 7 กันยายน 2555 เวลา:11:55:53 น.
โดย:
คนไม่ดี
วันที่: 16 กันยายน 2555 เวลา:16:01:06 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
คุณหนูขาวมณี
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add คุณหนูขาวมณี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.