# 2 : ลูกนกล่าเหยื่อ...นกเค้าโมง
พายุ.....ลูกนกล่าเหยื่อ

ถึงตอนนี้แหล่งข้อมูลที่ฉันพอจะหาความรู้เรื่องการดูแลลูกนกได้อย่างรวดเร็วคงไม่พ้นจากอินเตอร์เนท เวปไซด์คุ้นเคยอย่างพันทิป ห้องจตุจักรคือที่พึ่งใกล้มือสำหรับคนไม่เคยมีความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกนกซักกะนิด คืนนั้นฉันเข้าไปตั้งกระทู้ถามชนิดของเจ้านกตัวเล็กพร้อมลงรูปที่ถ่ายไว้ตอนกลางวัน เพื่อขอคำแนะนำจากผู้รู้ มีเพื่อนสมาชิกเข้ามาตอบกระทู้พร้อมให้คำแนะนำที่มีประโยชน์หลากหลาย ซึ่งช่วยได้เยอะเลย บางคนให้ข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นลูกนกล่าเหยื่อมากกว่าการเป็นลูกนกเขาอย่างที่ฉันตั้งข้อสงสัย โหย..มันอยู่เหนือการคาดหมายเลยเชียวเพราะลำพังลูกนกธรรมดาก็ไม่ง่ายที่จะเลี้ยงให้เขามีชีวิตรอด นี่ยังเป็นลูกนกล่าเหยื่อ ลูกของ เหยี่ยว นกฮูก นกเค้าแมว ???.....จะเลี้ยงเค้ายังไงให้อะไรเค้า กิน กินมากกินน้อย คำถามต่างๆ วิ่งวนอยู่ในหัวคนที่ต้องกลายมาเป็นแม่นกจำเป็น ต้องขอบคุณคุณบอยที่แนะนำ ลิงค์เวปไซด์การดูแลลูกให้ ตามนี้คะ//www.cookietalkie.com/articles/hb_safe_wildbird.asp และ //thairaptorgroup.com/TRG/modules.php?name=Forums ที่เวปไทยแรปเตอร์กรุ๊ปนี่เองทำให้ได้คำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนจากอาจารย์ไชยยันต์ เกสรดอกบัว ว่าเจ้านกตัวเล็กนี่น่าจะเป็นลูกนกเค้าแมวจุด(Spotted Owl) ถือโอกาสขอบคุณอาจารย์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยคะ ภายหลังเมื่อชุดขนจริงของลูกนกขึ้นแทนที่ขนอ่อน ทำให้เห็นลวดลายชัดเจนขึ้น จึงเห็นชัดว่าเจ้าตัวเล็กเป็นนกเค้าแมวที่เรียกว่าเค้าโมง หรือ Asian Barred Owlet ต่อไปคือเรื่องการเลี้ยงดูเจ้าลูกนกเค้าโมงที่ฉันตั้งชื่อว่า พายุ เพราะเค้ามาหาฉันหลังคืนที่มีพายุรุนแรง ให้เจริญเติบโต รอการกลับสู่ธรรมชาติเมื่อแข็งแรงเพียงพอ ฉันเริ่มหาข้อมูลและได้ความรู้เรื่องการเลี้ยงนกเค้าแมวจาก บทความเรื่องนกเค้าแมว ของอาจารย์ไชยยันต์ และเวปไซด์ //www.siamphoenix.com รวมถึงเวปไซด์อื่นๆ ซึ่งทำให้ได้รู้พฤติกรรม การกินการนอน ของนกเค้าแมวว่าเป็นสัตว์หากินกลางคืน อาหารจะเป็นเหยื่อที่มีชีวิตตัวเล็กๆ อาทิ ลูกหนูแดง จิ๊กจก หนอน เป็นต้น ใครสนใจรายละเอียดก็อ่านเพิ่มเติมตามลิงค์ที่ให้ไว้ได้เลยคะ

กลายเป็นแม่นกบุญธรรม

เมื่อพอรู้ว่ากำลังอนุบาลลูกนกชนิดไหนอยู่ อาหารฉุกเฉินเท่าที่จะหาได้ในคืนนั้น คงมีแต่เนื้อไก่สดในตู้เย็น เอามาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้คีมคีบปลายแหลมแทนจงอยปากของแม่นก คีบชิ้นเนื้อไก่สดป้อนเข้าปาก ได้ผลแฮะ เจ้าพายุรีบยืดคอให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ อ้าปากกว้างให้ฉันหยอดเนื้อไก่เข้าปากและรีบกลืนลงคอย่างรวดเร็ว มีเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดทำนองไม่พอใจว่าทำไม ฉันเอาอาหารมาป้อนช้า ปล่อยให้หนูหิวงักเป็นวันๆ กินได้เกือบ 10 คำ เสียงก็ค่อยๆ เงียบหายไป ปากไม่ยอมอ้ารับอาหารแล้ว หัวกลมๆ เริ่มโยกเยกไปมา ตาที่กระพริบกริ๊บๆ มองดูฉัน ก็ค่อยๆ ปิด เจ้าหนูน้อยหลับเกือบทันทีที่กินอิ่ม คืนนั้นและอีก 2-3 คืนถัดมา ฉันต้องตื่นทุกๆ 2-3 ชั่งโมง เพราะเจ้าหนูจะหิวบ่อยๆ พอตื่นก็จะร้องเสียงดังว่าหิวแล้ว แม่เอาอาหารมาป้อนหนูหน่อย แล้วก็ต้องคอยดูว่าเจ้าพายุน้อยยังหายใจอยู่หรือไม่ ด้วยเคยมีประสบการณ์เคยช่วยลูกนกช่วงหน้าหนาว ปรากฏว่าตอนเช้าตื่นขึ้นมา ลูกนกก็ไม่หายใจแล้ว โชคดีของพายุ ที่ตอนนี้เป็นหน้าร้อน อากาศกลางคืนไม่หนาวจัดมาก ทำให้ไม่ต้องเพิ่มความอบอุ่นด้วยโคมไฟ บางทีฉันลุกจากที่นอนออกมาดูเห็นเค้านอนเงียบก็ต้องเอามือแตะๆ ดู เห็นว่าขยับตัวได้ มีเสียงร้องก็เบาใจ เข้าไปนอนต่อได้

เช้าวันที่สอง หลังจากป้อนอาหารจนอิ่มแล้ว ฉันรีบเอา พายุ ออกไปวางในจุดที่เจอกันครั้งแรก แล้วแอบเฝ้าดูอยู่ในบ้าน เจ้าหนูยืนส่ายโยกเยกไปมาอยู่ตรงนั้นอย่างเดียวดาย เสียงร้องของพายุ วันนั้นฉันยังจำติดหู เพราะมันช่างบาดเข้าไปในความรู้สึก เป็นเสียงร้องของลูกนกเล็กๆ ที่ร้องหาสิ่งที่คุ้นเคย ร้องหารังที่อบอุ่น หาพ่อแม่ที่เคยให้ความอบอุ่น ความมั่นใจ เสียงที่ออกมาเป็นเสียงสั่นๆ รัวต่ำๆ มันแสดงให้เข้าใจได้ถึงความหวาดกลัวและโดดเดี่ยวอย่างชัดเจน พอสายแสงแดงเริ่มกล้าขึ้น ฉันตัดสินใจอุ้มเจ้านกตัวเล็กกลับเข้าตะกร้าเพราะแน่ใจว่าไม่มีพ่อแม่นกมาข้องแวะแน่นอนแล้ว ด้วยความสงสารฉันต้องค่อยๆ เอามือลูบหัวและลำตัว พร้อมกับวางฝ่ามือลงบนตัวของเจ้าตัวเล็กเลียนแบบการกกของแม่นกตามความคิดของฉันที่จะทำอะไรก็ได้ให้เจ้าตัวเล็กคลายความหวาดกลัว ได้ผลเจ้าตัวเล็กเงียบเสียง นิ่งสงบมากขึ้น การกระทำแบบนี้แม้ในช่วงหลังที่พายุโตขึ้นเมื่อฉันวางมือลงด้านหลัง พายุจะหยุดนิ่งและเงียบเสียงร้องทุกคราวไป วันต่อๆมา เหมือนว่าพายุจะเริ่มปรับตัวได้เริ่มคุ้นเคยกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงใหม่ของตัวเอง เสียงร้องแบบที่ทำให้ฉันหดหู่หายไป มีแต่เสียงจุ๊กจิ๊กๆ ใสๆ กับเสียงแหลมๆ เวลาหิว

การขาดประสบการณ์เรื่องสัตว์ที่ใช้ชีวิตกลางคืน ทำให้ฉันลืมนึกถึงความจริงว่า หากต้องการให้พ่อแม่นกมารับเอาลูกกลับไปเราต้องวางเค้าไว้ในจุดเดิม และในเวลากลางคืนไม่ใช่กลางวันอย่างที่ฉันทำ เพราะเสียงร้องของลูกนกน่าจะเรียกให้พ่อแม่มาหาตนเองได้ในที่สุด แต่ฉันกลับเอาพายุเข้าบ้านทำรังให้นอนอย่างดี ถึงพ่อแม่นกจะได้ยินเสียงลูกร้องแต่ไม่มีทางที่จะเข้ามาหาลูกได้แน่ๆ ความปรารถนาดีที่อยากให้ลูกนกปลอดภัย กลายเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างแรก ยังมีความผิดพลาดอีกหลายเรื่องที่ทำไปโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวคะ

ช่วงแรกมีเรื่องควรระวังสำหรับพายุอยู่บ้างอย่างเช่นเรื่องแสง เพราะธรรมชาติของนกที่ชอบออกหากินกลางคืนสายตาจะไม่สามารถสู้กับแสงแรงๆ ในตอนกลางวันได้ ยิ่งเป็นลูกนกที่ยังเล็กมาก ยิ่งควรระมัดระวัง ดังนั้นรังของพายุจึงอยู่ในที่ค่อนข้างมีแสงน้อย เวลาป้อนอาหารก็ต้องเอาผ้าปิดบริเวณด้านบนของตะกร้าไว้ ไม่ให้แสงเข้ามามาก กลัวลูกนกตาบอด หรือพร่ามัว เดี๋ยวจะเป็นการสร้างเวรกรรมให้กับลูกนกเสียเปล่าๆ โดยธรรมชาตินกเค้าแมวจะมีสายตาดีมากในตอนกลางคืน เพื่อประโยชน์ในการมองเห็นเหยื่อ อันนี้เป็นการทำช่วงแรกๆ ที่พายุยังเป็นลูกนกอยู่ พอเค้าโตขึ้นปัญหาเรื่องนี้ก็เบาลง เวลาจะถ่ายรูปก็ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด ดังนั้นจะไม่เห็นรูปของพายุตอนกลางคืนเลยคะ

เรื่องต่อมาที่สำคัญมากๆ คือเรื่องอาหาร เพราะอาหารต้องสด ที่เหมาะสำหรับนกกินเหยื่อพวกนี้ ได้แก่สัตว์ตัวเล็กๆ ที่ยังไม่ตาย ที่ได้รับคำแนะนำมา ก็ได้แก่ ลูกหนูตัวแดงๆ จิ้งหรีด ตั๊กแตน หนอน จิ้งจก เพราะเมื่อลูกนกกลับสู่ธรรมชาติแล้ว เขาจะรู้จักเหยื่อและจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการล่าเหยื่อด้วยตัวเอง แต่นี่เป็นปัญหาสำหรับฉันที่ไม่สามารถป้อนอาหารเหล่านี้ได้ เนื่องจากการนำหนึ่งชีวิต หลายวันก็หลายชีวิตมาต่อให้กับอีกหนึ่งชีวิตนั้น ขัดกับความรู้สึกของฉันอย่างแรง หลายคนอาจแย้งว่านี่เป็นเรื่องกฎธรรมชาติ ฉันก็เห็นด้วยว่าธรรมชาติเป็นอย่างไรก็ควรปล่อยให้เป็นไป แต่ตอนนี้ พายุมาอยู่กับฉันโดยผิดธรรมชาตินี่นา ฉันได้รู้ความผิดพลาดประการที่สองของฉัน ที่ส่งผลต่อพายุ ในเวลาต่อมา

ดังนั้น อาหารในวันต่อๆมา คือ เนื้อไก่บริเวณคอที่มีกระดูก ลอกเอาหนัง ไขมันและเยื่อพังพืดเหนียวๆออกให้หมด เอามาสับให้ละเอียด ป้อนให้กินทีละนิด มีความจำเป็นมากๆ ที่ลูกนกล่าเหยื่อจะต้องได้รับแคลเซียมจากกระดูกต่างๆ เพราะมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกที่แข็งแรง ทำให้ปีกและขา แข็งแรง นอกจากนั้นก็มีเนื้อหมูสับคลุกกับแคลเซียมผง ซึ่งแคลเซียมผงนี่ ก็ได้ความรู้มาจากเวปบอร์ดต่างๆ ฉันก็ออกไปหาซื้อได้จากร้านขายอาหารนกแห่งหนึ่งแถวๆ ประตูหายยา แหล่งขายอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยง พร้อมด้วยอาหารเม็ดสำหรับนกขุนทองอีกหนึ่งถุง กะว่าจะลองเอามาแช่น้ำให้นิ่มก่อนจะป้อนให้กิน....เรื่องนี้แอบจำมาจากในเวปบอร์ดอีกนั่นแหละ.... ถ้าเจ้าพายุไม่กินก็มีนกเอี้ยงขาจรอีกหลายฝูงที่แถวๆ บ้านที่จะกินแทน แคลเซียมที่ซื้อมามีลักษณะเป็นแท่งๆ สีขาวขุ่น ไม่ได้เป็นผงอย่างที่เข้าใจแต่แรก ต้องเอามาบดให้ละเอียดก่อนจะคลุกกับเนื้อที่สับละเอียดก่อนป้อนลูกนก ...หรือที่เรียกว่าลูกป้อน นั่นเอง





เจ้าพายุโตเร็วมาก เพียง4วัน ชุดขนจริงสีน้ำตาลเข้มจุดครีมอมเหลืองมีมากขึ้น ขนอ่อนๆ สีขาวปนเทาเริ่มร่วงหลุดหายไป สภาพตอนนี้น่าเกลียดมากกว่าน่ารักแฮะ ดูเป็นลูกนกขี้เหร่ มีขนชี้ไปชี้มา



จุดเด่นคงอยู่ที่ตากลมโตที่อยู่บนหัวที่หมุนได้เกือบรอบตัว ก็เพิ่งรู้ว่านกประเภทนี้จะกลอกลูกตาไปมาไม่ได้ ต้องหมุนไปทั้งหัวเอาตามาไว้ด้านหลัง แถมยังชอบยืนโอนเอนไปมาเหมือนคนเมาแอ๋ยืนทรงตัวตรงๆไม่ได้ ยืนส่ายงึกงักๆ ทำคอยืดๆ หดๆ อยู่นั่นแหละ ดูท่าจะเป็นบุคลิกของนกประเภทนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ



ตอนนี้น้ำหนักพายุ อยู่ที่ประมาณ 75 กรัม เสียดายที่ไม่ได้ชั่งในวันแรกเลยไม่รู้ว่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เริ่มมีการหัดกระพือปีกพับๆ อยู่ในตะกร้า พร้อมกับกระโดดก้าวเล็กๆ แต่ยังไม่ค่อยมั่งคงเท่าไหร่ คงเป็นสันชาตญาณของลูกนกเอง ถ้าเอาเค้ามาวางบนฝ่ามือกรงเล็บที่จิกบนมือเริ่มมีแรงกดมากขึ้น บางทีปลายกรงเล็บกดลงบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บแล้ว



ระยะนี้การให้อาหารเริ่มทิ้งช่วงห่างมากขึ้น เป็น 4 ชั่วโมงต่อครั้ง พายุยังกินเก่งเหมือนเดิม ฉันเริ่มรู้สึกหลงรักเจ้าพายุน้อยมากขึ้นทุกๆ วัน โดยเฉพาะสายตาที่เค้ามองดูฉันนี่ แอบคิดโมเมเอาเองว่าเค้ามองเห็นฉันเป็นแม่ของเค้า ช่วงนี้เรื่องที่ต้องคอยระวังอีกอย่างคือ เจ้ากระถินมักจะคอยมาแอบดูน้องในตะกร้า อย่างสงสัยว่าสิ่งแปลกปลอมที่ร้องเสียงดัง ดิ้นขลุกขลักๆ แล้วทาสแมวอย่างฉันก็ชอบมาป้วนเปี้ยนบ่อยๆ เนี้ยะมีหน้าตาอย่างไร ฉันจึงต้องระวังมากขึ้นทั้งห่วงเรื่องการติดเชื้อจากแมวสู่นก นกสู่แมว เดี๋ยวเป็นไข้หวัดนกขึ้นมาจะลำบาก แถมฉันก็เสี่ยงที่จะติดเชื้อด้วยจะไปกันใหญ่ ลุ้นอยู่ 7 วัน ถ้าไม่มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ค่อยวางใจได้ อีกทั้งเรื่องต้องระวังไม่ให้กระถินบุกเข้าไปในตะกร้าได้ เกิดคึกจับเอาเจ้าหนูพายุมาเป็นของเล่น ฉันคงลมใส่ ส่วนจินนี่ น้องแมวอีกตัวไม่ต้องกังวลมากเพราะพอได้ยินเสียงก็เผ่นไปตั้งหลักซะไกล ...แต่ไว้ใจไม่ได้เหมือนกัน





Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2559 13:05:29 น.
Counter : 5534 Pageviews.

3 comments
  
ผมก็อย่ากเลี้ยงนะครับแต่ไม่ค่อยมีเวลาเลย
โดย: ตุลย์ IP: 171.96.245.82 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:40:53 น.
  
ตอบคุณตุลย์ค่ะ

เป็นการเลี้ยงโดยบังเอิญค่ะ เค้าพลัดตกจากรังแล้วแมวที่บ้านจะรังแก ทำให้ต้องเลี้ยงเค้าไว้ให้รอด พอเค้าโตจนดูแลตัวเองแล้วก็ปล่อยกลับสู่ธรรมชาติค่ะ เพราะน่าจะเหมาะกับเค้าที่สุดแล้ว
...
แต่ก็นะ เลี้ยงแล้วก็รัก ผูกพันธ์
โดย: blackie rabbit วันที่: 24 พฤศจิกายน 2557 เวลา:13:28:23 น.
  
คืออยากปรึกษาการเลี้ยงค่ะ พอดีได้มาตัวเล็กมากเป็นขนหนาม ให้กินเนื้อไก่สับใช่ปะคะ
โดย: กัส IP: 49.230.215.169 วันที่: 30 เมษายน 2558 เวลา:15:54:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

blackie rabbit
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



สิงหาคม 2552

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
25
26
27
28
29
30
31