# 10 : ทุกอย่างดำเนินไป......จากโดยไม่ได้ร่ำลา
ถึงเวลาเสียทีนะ ..หนูพร้อมหรือยัง ? วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 2552
.วันที่ฉันวงสีแดงบนปฏิทิน วันที่จะเป็นความทรงจำไม่ต่างจากวันที่ 10 เมษายน 2552 วันที่พบของขวัญชิ้นพิเศษจากฟ้าวันแรก .......ฉันต้องออกไปทำธุระนอกบ้านช่วงเช้า จึงเตรียมอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงต่างๆ รวมถึงป้อนอาหารพายุให้เรียบร้อย พายุจะต้องอยู่ในตะกร้าจนกว่าฉันจะกลับมา เสร็จธุระช่วงเที่ยงมีเพื่อนตามมาชมความน่ารักน่าชังของพายุด้วย ก่อนที่จะปล่อยให้โบยบินออกไปบ้าง ปกติช่วงเที่ยงวันแบบนี้นกส่วนใหญ่จะหลบร้อน แอบนอนหลับในร่มไม้หรือไม่ก็บินไกลออกไปที่อื่นๆ ไม่ค่อยสนใจพายุเท่าไหร่ พายุได้มีเวลาอยู่นิ่งๆ บ้างเกาะคอนไซร้ปีกไซร้หางบ้าง บางครั้งยังเห็นแอบหลับก็มี แต่พอตื่นก็จะร้อง ร้อง ร้องแบบลูกนกที่เรียกหาผู้ใหญ่อยู่ตลอดเวลา หากแต่วันนั้นพายุโดนโจมตีหนักมากทั้งเสียงและการบินเข้าชาร์จจากเหล่านกหัวจุกทั้งหลายจนต้องบินหนีให้วุ่นวาย ซึ่งตอนนั้นฉันยังไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แต่พยายามเรียกให้พายุบินลงมาหาโดยเอาอาหารเข้าล่อซึ่งกว่าจะลงมาให้ตะครุบตัวได้ก็แทบแย่ ฉันเอาพายุกลับเข้าห้องให้พักผ่อนเพราะคิดว่าวันนี้น่าจะเล่นอยู่ในห้องดีกว่าฝูงนกนอกบ้านกวนเหลือเกินจะปล่อยอีกทีน่าจะเป็นช่วงเย็นๆ อยู่ในบ้านพายุยังคงเป็นลูกนกตัวเล็กๆที่น่ารัก ชอบเล่นเหมือนเดิม เล่นเหนื่อยก็ค่อยๆงีบหลับไปบนหลังตู้ใบสูงเกือบติดเพดานในห้อง
เมื่อพายุเข้าบ้านแล้วเหล่านกนอกบ้านควรจะหยุดเจี๊ยวจ๊าวกันเสียทีแต่วันนี้แปลก ฉันยังคงได้ยินเสียงฝูงนกเหล่านั้นระดมกำลังส่งเสียงดังเหมือนกับว่ากำลังช่วยกันไล่พายุอยู่ ด้วยความอยากรู้ฉันจึงเดินตามเสียงนั้นไปจนถึงต้นไม้สูงใหญ่ที่มีร่มใบหนาครึ้มห่างจากบ้านฉันประมาณ 20 เมตร เหล่านกตัวดีทั้งหลายกำลังบินพึบพั่บกันให้ว่อนไปหมด กระโดดกิ่งโน้นทีกิ่งนี้ที ต้องมีอะไรตรงนั้นแน่ๆ ฉันเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อยพร้อมแหงนคอมอง อ้าว ทำไมมีพายุอีกตัวเกาะสงบนิ่งอยู่สูงขึ้นไปในร่มไม้หนาล่ะ เมื่อฉันส่งเสียงเรียกแบบเดียวกับที่ใช้เรียกพายุ มันก้มลงมามองด้วยนะแต่นิดเดียวแล้วก็หันไปสนใจเหล่านกที่กำลังส่งเสียงไล่ต่อไป ตอนนั้นฉันแน่ใจว่าพายุหลับอยู่ในห้องแน่นอนแต่อดไม่ได้ที่จะรีบเดินเข้ามาดูให้แน่ใจอีกที พายุยังเกาะอยู่ที่เดิมแต่ตื่นแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะงีบไปได้แค่พักใหญ่ๆ และกำลังส่งเสียงร้องเรียกเสียงดัง จากหน้าบ้านฉันมองเห็นนกเค้าแมวตัวนั้นยังคงเกาะนิ่งอยู่ที่เดิม ฉันค่อนข้างแน่ใจว่ามันต้องได้ยินเสียงพายุแน่นอนและกำลังนิ่งรอ ดูมันสงบนิ่งมากไม่วอกแวกต่อนกตัวอื่นๆที่ส่งเสียงไล่ขรมอยู่เลย ฉันไม่รู้ว่านกสองตัวนี้จะสื่อสารถึงกันหรือไม่และอย่างไร แต่พายุเริ่มบินชนประตูหรือหน้าต่างที่มีมุ้งลวดพยายามหาทางออกไปข้างนอกให้ได้ ท่าทางพายุดูตื่นเต้นกระวนกระวายไม่อยู่นิ่งๆ ฉันเองก็สับสนใจหนึ่งยินดีมากมายที่เห็นนกที่มาใหม่ เพราะนี่เป็นโอกาสที่พายุจะได้พบเผ่าพันธุ์เดียวกันเสียที แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลว่านกตัวใหม่จะทำร้ายพายุหรือไม่ เพราะฉันเชื่อว่านกในธรรมชาติย่อมแข็งแรงกว่าลูกนกอย่างพายุแน่นอน
เมื่อตัดสินใจเองไม่ได้จึงหันพึ่งผู้ที่มีความรู้มากกว่าในอินเตอร์เนท เพื่อขอคำตอบว่าควรเสี่ยงปล่อยพายุออกไปนอกบ้านหรือไม่ แต่สุดท้ายฉันไม่รอคำตอบเพราะเห็นพายุแสดงออกให้ฉันเห็นถึงความต้องการที่จะออกสู่โลกกว้าง สู่อิสระที่จะโบยบินอย่างชัดแจ้งด้วยการพยายามบินหาทางออกทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างหรือประตูที่ถูกกั้นด้วยมุ้งลวดและกระจกใส ฉันจึงเลือกเสี่ยงที่จะให้พายุบินออกไปเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยตัวเอง ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอยากให้พายุได้เห็นและรู้จักเพื่อนวงศ์วานเดียวกัน อยากให้เค้าได้รู้ว่าไม่ได้มีเค้าเพียงตัวเดียวในโลกนี้เท่านั้น ฉันไม่เคยคิดแม้สักนิดว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้เห็นเจ้าพายุน้อยตาโตซื่อใส อย่างใกล้ชิดอย่างที่รู้สึกว่าฉันและเค้าผูกพันกัน มีความรักให้กัน และฉันเป็นที่พึ่งที่ปลอดภัยของเค้า ฉันเปิดประตูมุ้งลวดไว้ปล่อยให้พายุเลือกเองว่าจะบินออกไปสู่อิสรภาพข้างนอกแต่วุ่นวายและอันตราย หรือจะอยู่ในบ้านที่เค้าจะนอนหลับได้อย่างสบายใจ แน่นอนพายุเลือกตามสันชาตญาณภายในตัว เลือกที่จะดำเนินไปตามกติกาธรรมชาติที่นกควรจะมีวิถีชีวิตในท้องฟ้าที่กว้างไร้ขอบเขต มันบินพุ่งผ่านฉัน ผ่านประตูบ้าน ผ่านอาณาเขตของบ้านออกไปจับกิ่งต้นหางนกยูงหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
นกเค้าแมว 2 ตัวอยู่ในบริเวณใกล้กัน ทำให้เหล่านกกลางวันทั้งหลายเริ่มแบ่งกำลังพลเข้าส่งเสียงขับไล่แว้ดๆ เจ้าตัวเล็กของฉันทนรำคาญไม่ไหวพยายามบินหนีมาเกาะกิ่งราชพฤกษ์ต้นใกล้ๆกันเหล่าฝูงนกยังบินตามมาตอแยอยู่ลั่นๆ ตอนนั้นเองที่ ฉันเห็นเจ้านกเค้าแมวตัวใหม่บินโฉบวูบลงมาจากต้นไม้ที่เกาะนิ่งอยู่นานลงมาจับกิ่งราชพฤกษ์อย่างรวดเร็ว กิ่งที่เจ้าตัวที่มาใหม่เกาะอยู่สูงจากฉันขึ้นไปไม่มากนัก พริบตาที่มันหันหน้าลงมามองฉันก่อนจะกลับไปสนใจพายุที่กำลังสาระวนกับเหล่านกๆ ที่มะรุมมะตุ้มอยู่ ทำให้ฉันสามารถมองเห็นวงกลมสีขาวรอบดวงตาของมันอย่างชัดเจน ลำตัวดูกลมอ้วนกว่าพายุดูเหมือนมันน่าจะมีอายุมากกว่าพายุของฉัน การเคลื่อนไหวของเจ้าเค้าแมวตัวใหม่ดูรวดเร็วและเงียบกริบ ฉันแทบจะไม่ได้ยินสียงกระพือปีกของมัน ยามที่ขยับปีกบินเรียกร้องความสนใจของเหล่าฝูงนกกลางวันให้บินไล่ตามไป ถึงตอนนี้ฉันพยายามเรียกพายุให้กลับลงมายังพื้นดินแต่พายุเห็นเจ้าตัวใหม่เสียแล้วและให้ความสนใจอย่างมาก มันมองตามเค้าแมวตัวใหม่อย่างสนใจ โดยไม่สนใจเสียงเรียกของฉันเลย แม้ว่าจะล่อด้วยเนื้ออาหารจานแสนโปรดสักเพียงไหนก็ตาม เมื่อมีนกเค้าแมว 2 ตัวบินไปบินมาฉันเริ่มแยกไม่ออกว่าตัวไหนเป็นตัวไหน สิ่งเดียวที่พอจะช่วยให้ฉันจำพายุได้คือเสียงร้องเรียกของพายุที่ยังมีเสียงเรียกดังเป็นระยะๆ อยู่ตลอดเวลา จากเสียงนั้นฉันจึงรู้ว่าตัวไหนคือพายุน้อยของฉันและอยู่บนต้นไม้ตรงไหนในรัศมีรอบๆบ้าน ประมาณ 20-30 เมตรรอบบ้าน ถ้าต้นไหนมีนกเค้าแมวเกาะคอนอยู่ก็จะเต็มไปด้วยเหล่านกตัวเล็กตัวน้อย จากบ่ายเริ่มเคลื่อนเข้าสู่เย็นถึงเวลาอาหารของพายุแล้วแต่ดูเหมือนพายุจะลืมเรื่องการกินไปเสียแล้วมั๊งมันยังคงบินเกาะไปตามต้นไม้โน้นทีต้นนี้ที ฉันเริ่มกระวนกระวายเพราะห่วงเรื่องพายุจะหิวทั้งคืนถ้าไม่ยอมลงมากินอาหารอย่างนี้
ค่ำแล้วท้องฟ้ามืดเป็นเวลาของนกที่มีธรรมชาติหากินกลางคืน ฉันพยายามเรียกพายุจนคอเริ่มแสบเสียงเริ่มแห้ง หวังให้เค้าบินกลับมาหาฉันแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เสียงร้องของพายุกลับค่อยๆ ดังห่างบ้านไปทุกที ทำให้ฉันรู้ว่าพายุเริ่มบินออกไปไกลจากต้นไม้รอบๆ บ้านเสียแล้ว พายุจะบินไปไหนหรือจะถูกเจ้านกเค้าแมวตัวใหม่นำทางไปฉันก็สุดจะรู้ ที่ผ่านมาเวลานอนนอกบ้าน นอกตะกร้าที่เป็นรังเทียม พายุจะเกาะกิ่งไม้แถวๆ บ้าน เมื่อฉันเรียกเค้าจะส่งเสียงตอบรับกลับมาให้รู้ว่าอยู่ใกล้ๆ แต่ครั้งนี้พายุดูเหมือนจะไปไกลบ้านทุกที ประมาณ 1 ทุ่มกว่าๆ เสียงร้องของพายุหายไป ฉันพยายามเงี่ยหูฟังแต่ทุกอย่างเงียบไม่มีเสียงร้องของพายุอีกแล้ว และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยินเสียงร้องของเจ้าเค้าโมงน้อยที่ฟ้าส่งมาให้ฉันดูแล คืนนั้นฉันนอนไม่หลับคิดกังวลไปสารพัดว่าลูกนกที่ไม่มีพ่อแม่ในธรรมชาติสอนให้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องจะเป็นอย่างไร นกเค้าแมวที่แวะมาเยือนและอาจนำทางลูกนกน้อยๆ ของฉันไปนั้นจะยินดีต้อนรับและรับช่วงการสอนต่อจากฉันหรือไม่ พายุจะรู้จักเรียนรู้การมีชีวิตอยู่โดยลำพังในโลกกว้างที่ไม่มีคนคอยดูแล คอยป้อนอาหารให้เมื่อหิว จะรู้จักและจับเหยื่อเป็นๆ กินเมื่อหิวหรือไม่ ฉันมั่นใจว่าพายุฉลาดที่จะเรียนรู้ถ้ามีโอกาสเห็นพฤติกรรมของนกเค้าแมวตัวอื่นๆ แต่อดไม่ได้ที่จะห่วงเสียมากมาย ดึกแล้วฉันยังคงฟังเสียงพายุหวังจะได้ยินอีกครั้งหากพายุบินกลับบ้านแต่ทุกอย่างยังคงเงียบ......ไม่คิดจะกลับมาให้ฉันได้ลูบเนื้อลูบตัวร่ำลาบ้างเลยหรือพายุจ๋า
บทส่งท้าย
เช้าวันใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม บ้านที่เคยมีเสียงร้องลั่นๆ ของลูกนกที่เร่งเร้าให้ฉันกุลีกุจอป้อนอาหารทุกๆเช้า วันนี้ทุกอย่างเงียบไม่มีเสียงที่คุ้นเคยมากว่า 2 เดือน คงมีแต่เสียงนกกลางวันที่เริ่มส่งเสียงจิ๊บจั๊บ จิ๊กจั๊กรับเช้าวันใหม่อย่างมีความสุข ฉันตื่นนอนตั้งแต่ตีห้ากว่าทั้งๆที่เมื่อคืนหลับๆ ตื่นๆ คอยฟังเสียงพายุที่อาจกลับ ท้องฟ้ากระจ่างอีกนิด ฉันออกเดินตามหาเสียงพายุไปหวังว่าจะได้ยินเสียงร้องหิวข้าวของพายุอย่างเคยบนต้นไม้ใดต้นหนึ่ง ฉันเตรียมอาหารไปให้พายุด้วยถ้าเจอเสียงเจอตัวเมื่อไหร่จะได้เรียกให้ลงมากินได้ทันที เดินเรียกพายุไปเรื่อยๆในทิศทางที่เสียงพายุค่อยๆห่างออกไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ ฉันหาพายุไม่เจอ พายุอาจบินไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงฉันและห่างเกินกว่าฉันจะได้ยินเสียงเค้า หรือในด้านดีพายุอาจมีอาหารกินจนไม่หิวอีกต่อไป หากอีกด้านหนึ่งความคิดว่าพายุอาจโชคร้ายถูกทำร้ายจนเจ็บหรืออาจเกินกว่านั้นผ่านเข้ามาในหัวฉันแว๊บๆ แต่ฉันพยายามไม่นึกถึงเพราะน้ำตาร่วงทุกครั้งที่นึกเตลิดไป พายุของฉันต้องเข้มแข็งต้องรอดปลอดภัยให้สมกับการเป็นผู้ล่าไม่ใช่ผู้ถูกล่าหรือกลายเป็นเหยื่อเสียเอง
คำแนะนำจากอาจารย์ไชยยันต์ทำให้ฉันพอวางใจได้บ้างและหวังว่าพายุจะเรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง ส่วนฉันยังคงหวังที่จะได้เห็นพายุกลับมาเยี่ยมบ้านหลังที่เคยอยู่เคยกิน เล่นและอาศัยนอนหลังนี้บ้าง ทุกวันฉันยังคงรอฟังเสียงฝูงนกกลางวันทั้งหลายจะส่งเสียงจอแจขับไล่นกอันตรายสำหรับพวกมันแต่เป็นนกที่น่ารักเหลือเกินสำหรับฉันอยู่ตลอดเวลา หลังจากวันที่พายุโผบินออกสู่ธรรมชาติ มีฝนตกฟ้าร้องอยู่สองสามวันเหมือนเมื่อพาลูกนกเค้าโมงตัวเล็กๆเข้ามาสู่บ้านหลังนี้ เมื่อลูกนกตัวนั้นเติบโตจนดูแลตัวเองได้ ฝนฟ้าก็สังสรรค์เฉลิมฉลองกันหลายวัน
การรอคอยของฉันไม่นานเลย ใกล้ค่ำของวันที่สอง นกตัวเล็กตัวน้อยบนต้นไม้ใกล้บ้านก็ส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่ ฉันละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่ทันที รู้แน่ว่านกล่าเหยื่อกลับมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าจะใช่พายุตัวเล็กของฉันหรือเปล่า ฉันพยายามมองหาเจ้านกเค้าโมงตัวเล็กๆ ตามต้นไม้ที่เหล่านกกำลังกรี๊ดกราดโวยวายกันอยู่ แต่ต้นไม้สูงและใบหนาแน่นเกินกว่าจะมองเห็นได้ ฉันพยายามเรียกแต่ไม่มีเสียงร้องตอบจากนกล่าเหยื่อที่แฝงตัวอยู่ทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าจะใช่พายุของฉันหรือไม่ จนกระทั่งนกตัวนั้นทนรำคาญเสียงต่างๆ ไม่ไหวจึงบินผ่านไปให้ฉันเห็นว่าเป็นนกเค้าแมวตัวหนึ่งแน่ๆ แต่นกเค้าแมวนี่มองไกลๆ เหมือนกันทุกตัว ฉันเลยไม่รู้ว่านั่นเป็นพายุของฉันหรือไม่ เพราะดูมันไม่ค่อยจะสนใจฉันซักเท่าไหร่
ผ่านมานานหลาย เดือนนับจากที่พายุบินจากบ้านไป บางวันเวลารุ่งเช้าหรือโพล้เพลใกล้ค่ำจะมีนกเค้าแมวตัวเล็กๆ มาเกาะที่กิ่งราชพฤกษ์ หน้าบ้านฉันเสมอๆ เกาะนิ่งๆ แกว่งหางดุ๊กดิกๆ เหมือนลูกตุ้มนาฬิกาโบราณปล่อยให้เหล่านกส่งเสียงลั่นๆ โดยไม่สนใจ มันคงคิดอยู่ในใจว่า เอ็งมีแรงร้อง ก็ร้องไป ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกเฟ้ย.... พอฉันเรียกหนักเข้ามันจะก้มลงมามองฉันแป๊บนึง ไม่มีเสียงร้องเรียกหา ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจฉันมากไปกว่านั้น บางครั้งฉันแอบคิดว่านี่เป็นพายุของฉันที่สามารถยืนหยัดดูแลตัวเองได้อย่างงดงามในธรรมชาติ เพราะ ต้นไม้หน้าบ้านไม่เคยมีนกล่าเหยื่อมาเกาะให้เห็นมาก่อนจนกระทั่งพายุน้อยของฉันบินได้นี่แหละ และถ้าเป็นจริงฉันจะมีความสุขมากๆ หมดห่วง หมดความกังวลที่ยังคงมีอยู่ในใจลึกๆ เสียที ถ้าหากมีกล้องส่องดูนกก็น่าจะดีเพราะถ้าฉันสามารถมองเห็นได้ใกล้ๆ ผ่านเลนส์กล้อง ฉันอาจจะระบุได้ชัดๆ ลงไปว่าใช้หรือไม่ใช่ แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ฉันก็แสนยินดีที่มีนกเค้าแมวแวะเวียนมาหาบ่อยๆ มีความสุขทุกครั้งที่เห็น แต่ไม่ต้องเอาลูกเล็กๆ มาฝากอีกนะแม่นกพ่อนกเค้าแมวทั้งหลาย...หัดเลี้ยงลูกของตัวเองบ้างเถอะ
|
1 2 3 4 5 6 7 9 10 11 12 13 14 15 16 17 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31
|
|
|
เป็นทาสแมวเหมือนกันค่ะ